ไดอารี่เล่มเก่า (You and my old story) - นิยาย ไดอารี่เล่มเก่า (You and my old story) : Dek-D.com - Writer
×

    ไดอารี่เล่มเก่า (You and my old story)

    ฉันแอบมองเขามานาน นานจนคิดว่าเรารักกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    682

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    682

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  หักมุม
    จำนวนตอน :  16 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  26 ส.ค. 65 / 21:59 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    "สาย! สายกันได้ทุกวัน ชีวิตพวกเธอนี่ โตขึ้นจะเป็นยังไงกันนะ" เสียงชายวัยกลางคนบ่นขึ้นมาท่ามกลางนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลุ่มเล็กๆ ที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว 

    "เมื่อวานผมไม่ได้สายนะครับ" เสียงตอบกลับจากนักเรียนชายคนหนึ่ง บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงบ่น ไม่ได้ดูน่ากลัวในสายตาเขาเลยซักนิด 

    "เงียบไปเลยนะ นายภูวเดช เธอหน่ะตัวดี สายวันเว้นวันจนครูต้องมาปวดหัวคิดหาวิธีลงโทษแบบใหม่ไม่ให้ซ้ำกันอยู่เนี่ย" ชายวัยกลางคนส่ายหน้า จากนั้นจึงหันหน้าไปยังประตูทางเข้าโรงเรียน "เอาอย่างนี้ละกัน วันนี้ออกไปทำประโยชน์ให้กับสังคมบ้างจะดีกว่า" สิ้นเสียงคุณครู เด็กทุกคนในแถวต่างมีสีหน้าตื่นเต้นและสนใจในการลงโทษครั้งนี้  

    "วันนี้ออกไปเก็บขยะที่ชายหาดกัน" คุณครูชี้ไปทางชายหาดซึ่งทอดเป็นแนวยาวอยู่ด้านหน้าโรงเรียน 

    ทิวสนนับร้อยขึ้นเรียงรายกันเป็นแถวยาวคู่ขนานไปกับถนนที่ตัดมาเพื่อเลียบชายหาดโดยเฉพาะ ถัดจากทิวสนลงไปเป็นเป็นผืนทรายที่แม้จะไม่ได้ขาวสะอาดเหมือนกับชายหาดดังๆ ของประเทศ แต่ก็เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับใครได้หลายคน ทั้งในยามกลางวันและยามเย็น โดยเฉพาะในยามเย็นพื้นที่ชายหาดทั้งแถบแทบจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างก็พากันมาปูเสื่อนั่งทานอาหารเย็น บ้างก็ลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน  และหนึ่งในนั้นก็มักจะมีเหล่าบรรดาเด็กนักเรียนจากโรงเรียนแห่งนี้รวมอยู่ด้วยเสมอ 

    สำหรับเด็กๆ ชายแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แต่ยังเป็นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย เช่น เป็นห้องเรียนนอกสถานที่ เป็นลานสำหรับกิจกรรมการรับน้องใหม่หรือแม้กระทั่งการทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ที่พวกเขาได้ทำกันในวันนี้ 

    "วันนี้ดวงดีแฮะ คิดว่ามาเดินเล่นริมหาดละกัน" เด็กสาวหน้าตาจืดชืด คนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับเพื่อนสาว 

    "นั่นหน่ะสิ เดี๋ยวขากลับแอบซื้อไข่ปิ้งไปกินที่ห้องด้วยดีกว่า" เพื่อนสาวตอบกลับด้วยสีหน้าสดชื่น 

    หญิงสาวที่หน้าตาจืดชืดคนที่ชื่อ เหมย ที่มีหน้าตาเข้าขั้นว่าจืดมาก จืดซะยิ่งกว่าแกงจืดในโรงอาหารของโรงเรียน และในส่วนของนิสัยนั้น เหมยเป็นคนเงียบๆ ค่อนไปทางขี้อาย ไม่ชอบการเป็นจุดเด่น ไม่ชอบการเข้าสังคม หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า พวกอินโทรเวิร์ต นั่นเอง ด้านการเรียน หญิงสาวติดระดับ Top 5 ของห้องแต่เป็น Top ที่นับมากจากแย่สุดไปยังดีสุด เธอเป็นผู้ซึ่งมีคะแนนที่ต่ำเกือบทุกวิชา ต่ำจนทางบ้านเริ่มกังวลกับอนาคต 

    นับว่าเหมยเป็นบุคคลที่สามารถล่องหนได้ในโรงเรียนแห่งนี้ และแทบไม่มีใครรู้จักเธอเลยแม้จะใช้ชีวิตในโรงเรียนมาเกือบ 3 ปี เพื่อนสนิทของเธอมีเพียง เด็กคนสาวคนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาท่ีจัดอยู่ในกลุ่มเผ่าพันธ์ุเดียวกัน แต่กลับมีดีที่ความตลกและฉลาด สามารถเป็นที่พึ่งพาให้กับเหมยได้ จนหญิงสาวสามารถใช้ชีวิตพ้นผ่านชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มาจนถึง 6 ได้ แบบลูกผีลูกคน และในเทอมนี้ที่เป็นเทอมสุดท้ายของเหมยและเพื่อนๆ เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจเป้นอย่างมากว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี

         หลังจากเดินอาบแดดในยามเช้าเพื่อเก็บขยะกันริมชายหาด ทำให้พอมีเหงื่อซึมผ่านเสื้อผ้าออกมาบ้าง เด็กๆ ต่างก็แยกย้ายกันเดินกลับโรงเรียนมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของใครของมัน

    โรงเรียนของเหมย นับเป็นโรงเรียนที่มีทัศนียภาพที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในประเทศ นั่นเป็นเพราะเบื้องหน้าของโรงเรียนห่างออกไปหนึ่งช่วงถนนเป็นชายหาดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ในตอนกลางวันหากขึ้นไปยังอาคารสูงๆ ที่หันหน้าไปทางทะเลจะสามารถมองเห็นวิวท้องทะเลได้อย่างชัดเจน ทั้งยังได้สัมผัสกับสายลมและกลิ่นอายจากทะเลพัดผ่านเข้ามาแบบเต็มที่ ให้บรรยากาศอย่างกับเรียนอยู่ในรีสอร์ท 

    แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น อาคารเรียนของที่นี่มีความเก่าแก่และเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณซึ่งสวยงามโดดเด่นกว่าโรงเรียนทั่วๆ ไปในละแวกเดียวกัน โดยเฉพาะอาคารเรียนหลักที่ฉันเรียนอยู่ เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยปี เทียบเท่ากับอายุของโรงเรียน 

    ในความเก่าแก่ ก็มักจะมีตำนานต่างๆ ควบคู่กันไปด้วย โดยมีเรื่องเล่ากันว่า อาคารแห่งนี้เคยเป็นคุกเก่าที่เจ้าเมืองใช้คุมขังนักโทษ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปอ่านประวัติของโรงเรียนมาก็จะรู้ว่าไม่จริง แต่ก็ยังมีการที่เล่าสืบต่อกันมาเพื่อข่มขวัญเด็กใหม่จากเด็กเก่า โดยตำนานเล่ากันว่า เคยมีคนได้ยินเสียงเดินลากโซ่หรือตรวนบนชั้นสองของอาคาร ซึ่งว่ากันว่าเป็นเสียงตรวนที่ข้อเท้าของนักโทษ  

    นอกจากนี้ยังมีอีกตำนานเล่ากันว่าบริเวณพื้นไม้ของชั้นสองของอาคารแห่งนี้จะมีไม้ท่อนหนึ่งที่ทำมาจากไม้ตะเคียน โดยถ้าเหยียบไม้แผ่นไหนแล้วเสียงดัง เอี๊ยด นั่นก็หมายความว่าไม้ท่อนนั้นเป็นท่อนไม้ตะเคียนที่มีผีตะเคียนอยู่นั่นเอง ซึ่งเอาจริงๆ นะ สำหรับตัวฉันเอง ต่อให้ไม่มีเรื่องเล่าแนวนี้ แต่จะให้เข้าไปเดินเล่นคนเดียวในยามวิกาล โดยเฉพาะบริเวณชั้นสอง 

    ตัวอาคารเป็นอาคารปูนสองชั้นรูปตัวยูที่มีฐานกว้าง สีครีมอ่อนบริเวณชั้นล่างของอาคารส่วนใหญ่จะถูกจับจองเป็นห้องพักของครูและเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ ส่วนบริเวณชั้นบนจะพื้นเป็นไม้ มีห้องสำหรับนักเรียนรำไทยอยู่ตรงส่วนฐานของตัวยู เป็นห้องกว้างโล่งๆ มีฝาผนังฝั่งทางเดินเป็นกระจกยาวทั้งแถบ ที่เดินผ่านทีไรถึงกับขนหัวลุก ที่ไม่ใช่เพราะเห็นผีหรอก เพราะแค่เห็นเงาตัวเองในกระจกแบบลางๆ ก็สามารถหลอนได้แล้ว 

    ในส่วนปีกซ้ายของอาคารจะเป็นห้องที่ปิดไว้ไม่มีการใช้งานจนกลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายทั้งแถบ ส่วนในฝั่งปีกขวา ถัดมาจากห้องรำไทยก็คือ ห้องเรียนของเหมย ซึ่งนับเป็นห้องเรียนเดียวภายในอาคารแห่งนี้ นั่นเท่ากับว่าถ้าไม่มีการเดินเรียนในรายวิชาต่างๆ เหมยและเพื่อนๆ ในห้องคงไม่มีโอกาสได้พบพานใครเลยทั้งสิ้น

    ที่สำคัญที่สุดที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ ถัดจากห้องเรียนของเหมยตรงไปยังสุดปีกขวาของตึกมีห้องซ้อมเปียโนที่คนปกติไม่คิดจะเข้าไปใช้งานอยู่ด้วย 1 ห้อง เนื่องจากเป็นห้องเล็กๆ มืดๆ หน้าต่างที่ให้แสงสว่างใช้งานได้เพียงไม่กี่บาน ดูไม่เหมาะจะเป็นห้องเครื่องดนตรีสุดไฮโซซักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่จึงไม่มีใครสนใจจะไปเยี่ยมชมห้องนี้

    ในห้องนี้พอจะมีคนแวะเวียนเข้าไปใช้งานอยู่บ้าง ซึ่งเหมยเองก็ไม่ค่อยสนใจซักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากห้องเรียนของเธออยู่ใกล้ๆ กัน ทำให้เหมยสามารถมองเห็นทุกคนที่จะเดินไปยังห้องนี้อยู่เสมอ แม้จะจำไม่ได้หมดว่าเป็นใครบ้าง แต่ก็มีหนึ่งคนที่เธอจดจำ ได้ไม่มีวันลืม นั่นคือ พระเอกของเธอ คนที่เธอรู้จักเขา แต่เขาไม่เคยรู้จักเธอเลย 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น