ไดอารี่เล่มเก่า (You and my old story)
ฉันแอบมองเขามานาน นานจนคิดว่าเรารักกัน
ผู้เข้าชมรวม
682
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"สาย! สายกันได้ทุกวัน ชีวิตพวกเธอนี่ โตขึ้นจะเป็นยังไงกันนะ" เสียงชายวัยกลางคนบ่นขึ้นมาท่ามกลางนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลุ่มเล็กๆ ที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
"เมื่อวานผมไม่ได้สายนะครับ" เสียงตอบกลับจากนักเรียนชายคนหนึ่ง บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงบ่น ไม่ได้ดูน่ากลัวในสายตาเขาเลยซักนิด
"เงียบไปเลยนะ นายภูวเดช เธอหน่ะตัวดี สายวันเว้นวันจนครูต้องมาปวดหัวคิดหาวิธีลงโทษแบบใหม่ไม่ให้ซ้ำกันอยู่เนี่ย" ชายวัยกลางคนส่ายหน้า จากนั้นจึงหันหน้าไปยังประตูทางเข้าโรงเรียน "เอาอย่างนี้ละกัน วันนี้ออกไปทำประโยชน์ให้กับสังคมบ้างจะดีกว่า" สิ้นเสียงคุณครู เด็กทุกคนในแถวต่างมีสีหน้าตื่นเต้นและสนใจในการลงโทษครั้งนี้
"วันนี้ออกไปเก็บขยะที่ชายหาดกัน" คุณครูชี้ไปทางชายหาดซึ่งทอดเป็นแนวยาวอยู่ด้านหน้าโรงเรียน
ทิวสนนับร้อยขึ้นเรียงรายกันเป็นแถวยาวคู่ขนานไปกับถนนที่ตัดมาเพื่อเลียบชายหาดโดยเฉพาะ ถัดจากทิวสนลงไปเป็นเป็นผืนทรายที่แม้จะไม่ได้ขาวสะอาดเหมือนกับชายหาดดังๆ ของประเทศ แต่ก็เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับใครได้หลายคน ทั้งในยามกลางวันและยามเย็น โดยเฉพาะในยามเย็นพื้นที่ชายหาดทั้งแถบแทบจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างก็พากันมาปูเสื่อนั่งทานอาหารเย็น บ้างก็ลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน และหนึ่งในนั้นก็มักจะมีเหล่าบรรดาเด็กนักเรียนจากโรงเรียนแห่งนี้รวมอยู่ด้วยเสมอ
สำหรับเด็กๆ ชายแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แต่ยังเป็นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย เช่น เป็นห้องเรียนนอกสถานที่ เป็นลานสำหรับกิจกรรมการรับน้องใหม่หรือแม้กระทั่งการทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ที่พวกเขาได้ทำกันในวันนี้
"วันนี้ดวงดีแฮะ คิดว่ามาเดินเล่นริมหาดละกัน" เด็กสาวหน้าตาจืดชืด คนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับเพื่อนสาว
"นั่นหน่ะสิ เดี๋ยวขากลับแอบซื้อไข่ปิ้งไปกินที่ห้องด้วยดีกว่า" เพื่อนสาวตอบกลับด้วยสีหน้าสดชื่น
หญิงสาวที่หน้าตาจืดชืดคนที่ชื่อ เหมย ที่มีหน้าตาเข้าขั้นว่าจืดมาก จืดซะยิ่งกว่าแกงจืดในโรงอาหารของโรงเรียน และในส่วนของนิสัยนั้น เหมยเป็นคนเงียบๆ ค่อนไปทางขี้อาย ไม่ชอบการเป็นจุดเด่น ไม่ชอบการเข้าสังคม หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า พวกอินโทรเวิร์ต นั่นเอง ด้านการเรียน หญิงสาวติดระดับ Top 5 ของห้องแต่เป็น Top ที่นับมากจากแย่สุดไปยังดีสุด เธอเป็นผู้ซึ่งมีคะแนนที่ต่ำเกือบทุกวิชา ต่ำจนทางบ้านเริ่มกังวลกับอนาคต
นับว่าเหมยเป็นบุคคลที่สามารถล่องหนได้ในโรงเรียนแห่งนี้ และแทบไม่มีใครรู้จักเธอเลยแม้จะใช้ชีวิตในโรงเรียนมาเกือบ 3 ปี เพื่อนสนิทของเธอมีเพียง เด็กคนสาวคนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาท่ีจัดอยู่ในกลุ่มเผ่าพันธ์ุเดียวกัน แต่กลับมีดีที่ความตลกและฉลาด สามารถเป็นที่พึ่งพาให้กับเหมยได้ จนหญิงสาวสามารถใช้ชีวิตพ้นผ่านชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มาจนถึง 6 ได้ แบบลูกผีลูกคน และในเทอมนี้ที่เป็นเทอมสุดท้ายของเหมยและเพื่อนๆ เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจเป้นอย่างมากว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากเดินอาบแดดในยามเช้าเพื่อเก็บขยะกันริมชายหาด ทำให้พอมีเหงื่อซึมผ่านเสื้อผ้าออกมาบ้าง เด็กๆ ต่างก็แยกย้ายกันเดินกลับโรงเรียนมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของใครของมัน
โรงเรียนของเหมย นับเป็นโรงเรียนที่มีทัศนียภาพที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในประเทศ นั่นเป็นเพราะเบื้องหน้าของโรงเรียนห่างออกไปหนึ่งช่วงถนนเป็นชายหาดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ในตอนกลางวันหากขึ้นไปยังอาคารสูงๆ ที่หันหน้าไปทางทะเลจะสามารถมองเห็นวิวท้องทะเลได้อย่างชัดเจน ทั้งยังได้สัมผัสกับสายลมและกลิ่นอายจากทะเลพัดผ่านเข้ามาแบบเต็มที่ ให้บรรยากาศอย่างกับเรียนอยู่ในรีสอร์ท
แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น อาคารเรียนของที่นี่มีความเก่าแก่และเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณซึ่งสวยงามโดดเด่นกว่าโรงเรียนทั่วๆ ไปในละแวกเดียวกัน โดยเฉพาะอาคารเรียนหลักที่ฉันเรียนอยู่ เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยปี เทียบเท่ากับอายุของโรงเรียน
ในความเก่าแก่ ก็มักจะมีตำนานต่างๆ ควบคู่กันไปด้วย โดยมีเรื่องเล่ากันว่า อาคารแห่งนี้เคยเป็นคุกเก่าที่เจ้าเมืองใช้คุมขังนักโทษ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปอ่านประวัติของโรงเรียนมาก็จะรู้ว่าไม่จริง แต่ก็ยังมีการที่เล่าสืบต่อกันมาเพื่อข่มขวัญเด็กใหม่จากเด็กเก่า โดยตำนานเล่ากันว่า เคยมีคนได้ยินเสียงเดินลากโซ่หรือตรวนบนชั้นสองของอาคาร ซึ่งว่ากันว่าเป็นเสียงตรวนที่ข้อเท้าของนักโทษ
นอกจากนี้ยังมีอีกตำนานเล่ากันว่าบริเวณพื้นไม้ของชั้นสองของอาคารแห่งนี้จะมีไม้ท่อนหนึ่งที่ทำมาจากไม้ตะเคียน โดยถ้าเหยียบไม้แผ่นไหนแล้วเสียงดัง เอี๊ยด นั่นก็หมายความว่าไม้ท่อนนั้นเป็นท่อนไม้ตะเคียนที่มีผีตะเคียนอยู่นั่นเอง ซึ่งเอาจริงๆ นะ สำหรับตัวฉันเอง ต่อให้ไม่มีเรื่องเล่าแนวนี้ แต่จะให้เข้าไปเดินเล่นคนเดียวในยามวิกาล โดยเฉพาะบริเวณชั้นสอง
ตัวอาคารเป็นอาคารปูนสองชั้นรูปตัวยูที่มีฐานกว้าง สีครีมอ่อนบริเวณชั้นล่างของอาคารส่วนใหญ่จะถูกจับจองเป็นห้องพักของครูและเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ ส่วนบริเวณชั้นบนจะพื้นเป็นไม้ มีห้องสำหรับนักเรียนรำไทยอยู่ตรงส่วนฐานของตัวยู เป็นห้องกว้างโล่งๆ มีฝาผนังฝั่งทางเดินเป็นกระจกยาวทั้งแถบ ที่เดินผ่านทีไรถึงกับขนหัวลุก ที่ไม่ใช่เพราะเห็นผีหรอก เพราะแค่เห็นเงาตัวเองในกระจกแบบลางๆ ก็สามารถหลอนได้แล้ว
ในส่วนปีกซ้ายของอาคารจะเป็นห้องที่ปิดไว้ไม่มีการใช้งานจนกลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายทั้งแถบ ส่วนในฝั่งปีกขวา ถัดมาจากห้องรำไทยก็คือ ห้องเรียนของเหมย ซึ่งนับเป็นห้องเรียนเดียวภายในอาคารแห่งนี้ นั่นเท่ากับว่าถ้าไม่มีการเดินเรียนในรายวิชาต่างๆ เหมยและเพื่อนๆ ในห้องคงไม่มีโอกาสได้พบพานใครเลยทั้งสิ้น
ที่สำคัญที่สุดที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ ถัดจากห้องเรียนของเหมยตรงไปยังสุดปีกขวาของตึกมีห้องซ้อมเปียโนที่คนปกติไม่คิดจะเข้าไปใช้งานอยู่ด้วย 1 ห้อง เนื่องจากเป็นห้องเล็กๆ มืดๆ หน้าต่างที่ให้แสงสว่างใช้งานได้เพียงไม่กี่บาน ดูไม่เหมาะจะเป็นห้องเครื่องดนตรีสุดไฮโซซักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่จึงไม่มีใครสนใจจะไปเยี่ยมชมห้องนี้
ในห้องนี้พอจะมีคนแวะเวียนเข้าไปใช้งานอยู่บ้าง ซึ่งเหมยเองก็ไม่ค่อยสนใจซักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากห้องเรียนของเธออยู่ใกล้ๆ กัน ทำให้เหมยสามารถมองเห็นทุกคนที่จะเดินไปยังห้องนี้อยู่เสมอ แม้จะจำไม่ได้หมดว่าเป็นใครบ้าง แต่ก็มีหนึ่งคนที่เธอจดจำ ได้ไม่มีวันลืม นั่นคือ พระเอกของเธอ คนที่เธอรู้จักเขา แต่เขาไม่เคยรู้จักเธอเลย
ผลงานอื่นๆ ของ Theclassic-y ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Theclassic-y
ความคิดเห็น