ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ##....ตื้อนัก รักซะให้เข็ด....##

    ลำดับตอนที่ #9 : @@@...แผนการเริ่มขึ้น...@@@

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 48






        ...กริ๊งงงงงงงง....กริ้งงงงงงงงงงงง...



        เสียงนาฬิกาปลุกของฉันเองล่ะ วันนี้ปลุกตรงเวลาที่ฉันตั้งไว้อ่ะนะ แต่มันไม่ได้ปลุกให้ฉันตื่นหรอก เพราะตอนนี้ฉันกำลังใส่ถุงเท้านักเรียนอยู่ สาเหตุที่ฉันตื่นเช้าก็คือ ฉันนอนไม่หลับ ถึงหลับก็แค่งีบแปปๆ ไม่ได้นานอะไร ตอนนี้เพิ่งจะ 6 โมงเช้าเอง แต่ฉันทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เหลือแค่กินข้าวแล้วก็ไปโรงเรียน เมื่อใส่ถุงเท้าเสร็จ ก็หยิบกระเป๋า แล้วเดินลงมาข้างล่างอย่างเงียบๆ เพราะอาจจะทำให้ ใครบางคน ตื่นก็เป็นได้



        “อ้าวแพรว ทำไมวันนี้ตื่นเร็วจังลูก เมื่อวานไม่สบายรึเปล่า ทำไมไม่ลงมากินข้าวล่ะ แม่ขึ้นไปดู ก็ล็อคประตู เรียกก็ไม่ตอบ” เสียงของแม่ดังขึ้นทันทีที่ฉันเหยียบถึงพื้น หลังจากลงจากบันไดบ้าน



        “อ๋อ เมื่อวานนี้หนูง่วงอ่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่” ฉันหันไปพูดกับแม่ ที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ ส่วนพ่อก็กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่



        “แพรวเมื่อวานกินยาตามที่พ่อสั่งรึเปล่า” พ่อถามฉัน



        “ทานแล้วค่า” ฉันขานรับ



        “เสร็จแล้ว ทานเลยมั้ยลูก” แม่ถามฉัน หลังจากที่ทำอาหารเสร็จ



        “ค่ะแม่ พ่อคะพ่อไปส่งหนูก่อนได้มั้ย หนูต้องไปห้องสมุดหาข้อมูลทำรายงานอ่ะค่ะพ่อ” พ่อพยักหน้า ความจริงแล้วฉันไม่ได้มีรายงายอะไรหรอก แต่แค่เพียงว่า ไม่อยากไปเรียนพร้อมกับ ใครบางคน



        “งั้นปลุกพุกกับพลับเลยมั้ย”



        “ไม่ต้องก็ได้ค่ะพ่อ เดี๋ยวเค้านอนไม่อิ่มกัน” ฉันรีบปฏิเสธทันที พ่อจึงพยักหน้ารับแบบงงๆ



        ฉันจึงกินข้าวเช้าพร้อมกับพ่อ เมื่อกินเสร็จแล้วจึงรีบออกมาจากบ้านเลย พ่อเป็นคนมาส่ง เพราะตอนเช้าไม่ค่อยมีรถวิ่งซักเท่าไหร่ พ่อจึงขับเร็วกว่าปกติ แต่ทำไม่ฉันถึงคิดว่าวันนี้พ่อขับช้าจังล่ะ อ้อ หรืออาจเป็นเพราะว่า วันนี้ฉันกำลังจะทำให้ชีวิตของฉันเป็นปกติสุข ทำเรื่องให้ลงตัวขึ้น ด้วยแผนการที่ฉันคิดขึ้นมาเมื่อวานนี้ ฉันว่ามันน่าที่จะได้ผล แต่มันอาจทำให้ใครบางคนเสียใจก็เป็นได้ และถ้าคนๆนั้นไม่ร่วมมือด้วยล่ะก็ ทุกอย่างก็จบ!!!



        “แพรวๆ ถึงแล้วลูก เป็นอะไรรึเปล่า เหม่อๆ ไหนพ่อดูซิ” ถึงแล้วเหรอเนี่ยทำไมมันเร็วจัง (เวงกำ แล้วเมื่อกี้เพิ่งจะว่าๆพ่อขับรถช้า -*-)



        ฉันเดินลงมาจากรถ แล้วก็เดินเข้าไปในโรงเรียน ถึงฉันจะมาเช้าก็เหอะ แต่ตอนนี้ก็มีนักเรียนมาหลายคนแล้ว ฉันเดินไปเก็บกระเป๋าที่ห้องเรียน แล้วจึงเดินลงมานั่งที่ข้างสนาม ดูเค้าเล่นบอล เล่นบาสกัน นั่งไปก็คิดเรื่องที่จะเกิดขึ้นวันนี้ไป ก็ต้องถอนหายใจ เหนื่อยใจจังเลย เฮ้อๆๆ



        “หวัดดีคับน้อง ทำไมวันนี้มาเช้าจังครับ ^_^” อีตานั่นนั่นเอง ทำไมไม่มันไม่เคยมีความทุกข์กะเค้าเลยหรือไงเนี่ย



        “อือ ไม่มีไรหรอก แค่ตื่นเช้า แล้วมาทำอะไรตรงนี้หรอ” ตั้งแต่เมื่อวานฉันพูดกับเค้าแบบดีดี แบบว่าเรียกเค้าว่าพี่ แล้วเรียกตัวเองว่าเค้า



        “^_^ ก็พี่มาเล่นบอลอ่ะคับ ตอนนี้เหนื่อยและ ก็เลยมานั่งพัก เห็นน้องก็เลยเดินมาทักอ่ะคับ” เขานั่งลงข้างๆฉัน แล้วก็ตอบคำถามที่ฉันถาม



        “เฮ้ยๆ ไม่ค่อยเลยนะไอก้อง เมิงนะเมิง” เพื่อนอีตานี่ตะโกนมาจากในสนาม แล้วอีตานี่ก็ยิ้มๆ แล้วยักคิ้วให้เพื่อนมัน แล้วก็หันมายิ้มให้ฉัน ท่าทางนายจะไม่เคยมีความทุกข์กะเค้าเลยจริงๆด้วย เฮ้อๆ



        “พี่ไม่เคยมีความทุกข์เลยหรอ” อีตานี่ทำท่างงๆแปปนึง ก่อนจะยิ้ม แล้วตอบว่า



        “ไม่ค่อยมีหรอกคับ แต่ถ้าน้องเป็นทุกข์ก็เล่าให้พี่ฟังมั่งก็ได้นะคับ จะได้แบ่งๆกัน ^_^”



        “หึหึ ไม่เป็นไร” แล้วฉันก็นั่งคุยอะไรเรื่อยเปื่อยซักพัก นายนี่เป็นคนดีมากเลย นิสัยดี อารมณ์ดี ถึงจะกวนๆนิดหน่อยก็เถอะ ฉันไม่เข้าใจว่าฉันทะเลาะกับเค้าได้ยังไง อาจเป็นเป็นเพราะว่า... เฮ้อ พี่พุกบอก ที่ได้ยินมาจากต้าร์ ต้าร์ก็บอกว่าเค้าเนี่ย เป็นคนเงียบๆ แล้วก็เจ้าชู้ แต่ไม่เห็นจะเป็นซักอย่างเลยนี่ เออใช่! ลืมไปเลย



        “คือพี่ๆ”



        “คับ ^O^”



        “เย็นนี้ว่างป่าว” ยังจะมาทำหน้างงอีก



        “ว่างคับๆ ว่าแต่แพรวมีอะไรเหรอ” อีตานั่นดูจะรีบร้อนตอบใหญ่เลย ดูแล้วตลกดี



        “คือ แบบว่า เค้ามีเรื่องจะคุยด้วยอ่ะ ได้มั้ย” ฉันทำสีหน้าเป็นเชิงถาม



        “ได้คับ หลังเลิกเรียนนะ ^_^”



        แล้วเราก็นั่งเงียบกันไปพักใหญ่ ตอนนี้คนมากันเยอะแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าแฟนคลับนายนี่จะเยอะด้วย เพราะฉันเห็นสายตาอาฆาต มองมาทางฉันหลายสิบคู่เลยแหล่ะ แต่อาจจะไม่สงสัยมากหรอก เพราะตอนนี้ฉันกำลังเหม่ออยู่ ส่วนอีตานั่นก็ไม่ได้ทำอะไร เอาแต่ดูเพื่อนเล่นฟุตบอล รู้สึกอึดอัดจัง



        “แพรว หวัดดี มาทำอะไรที่นี่อ่ะ” ปอนด์ทัก ทำให้ฉันสะดุ้งเลย เพราะกำลังเหม่อๆอยู่ มองไปทางปอนด์ ปอนด์ท่าทางจะกำลังอารมณ์เสียอยู่ เป็นอะไรของมันนะ



        “อือ หวัดดี เป็นอะไรอ่ะ ท่าทางอารมณ์เสียนะ”



        ปอนด์ไม่ตอบ และก็ยังทำท่าทางหงุดหงิดอยู่ แต่ไม่ได้มองฉันหนิ คุยกันอยู่ 2 คน แล้วมันจะมองไปทางไหน อ้อ ทางอีตานั่นๆเอง ลืมไปว่าปอนด์กับอีตานี่ไม่ถูกกัน เพราะ ต้าร์ชอบพูดถึงแต่พี่ก้อง ทำให้ปอนด์ไม่พอใจ เมื่อหันไปทางอีตานั่น ก็เห็นอีตานั่นกำลังมองมาที่ปอนด์ด้วยสายตาเดียวกันทั้งคู่เหมือนกัน เฮ้อ มันทำให้ยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่เลย ต้องทำอะไรซักอย่าง อ้าวเพื่อนอีตานั่น คนที่อยู่เมื่อวานนี้หนิ มันกำลังวิ่งมาทางนี้ด้วย มีหวังปอนด์ถูกรุมแหงๆ



        “ปอนด์ไปกันเถอะ ต้าร์มาแล้วมั้ง เร็วๆ เดี๋ยวต้าร์มันไม่มีเพื่อนอยู่” แล้วฉันก็ลากปอนด์ออกมาจากอีตานั่น ก่อนจะมา ฉันบอกอีตานั่นว่า



        “นี่ๆ อย่าลืมนะ เย็นเจอกัน บ๊ายบาย” แล้วอีตานั่นก็เปลี่ยนท่าทีทันที กลายมาเป็นยิ้มซะปากจะฉีก





    .........................................................................................







        ก้องดูแพรวลากปอนด์ไป ด้วยสายตาคล้ายๆอิจฉา เพื่อนของเขาก็ดูก้องอย่างงงๆ และสงสัย ว่าทำไมแพรวถึงพูดกับเขาอย่างนี้ เพราะทุกทีที่แพรวเจอกับก้อง จะต้องมีสงครามน้ำลายอย่างน้อย 1 ชุด



        “ทำไม แพรวถึงคุยกับเมิงดีๆวะ” เค้าจึงถามก้องโดยไม่รอช้า



        “กรูบอกแล้วไง โถ่ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก รีบร้อนเดี๋ยวจะอด”



        “เออๆ ทราบแล้วครับ ว่าเมิงเก่ง แล้วจะสู้ไอปอนด์ได้เหรอวะ ดูท่ามันน่าจะบอกแพรวในไม่ช้าแล้วนะ เพราะมันเริ่มที่จะแสดงออกแล้ว ถ้ามันบอกความจริงขึ้นมา เมิงก็สู้มันไม่ได้นะเว้ย”



        “กรูก็คิดอยู่เหมือนกัน แมร่งเล่นหึงออกหน้าออกตา แต่ไม่เป็นไร กรูหล่อกว่าเยอะเว้ย”



        “เออๆ เมิงก็มัวแต่ใจเย็นไป มันแย่งแล้วเมิงจะจ๋อย”



        ก้องไม่ตอบอะไร ในสมองของเขาคิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้ แต่ที่เพื่อนของเขารู้ก็คือ ก้องต้องไม่มีทางยอมแพ้ปอนด์อย่างแน่นอน เพราะถ้าทางก้องจะชอบแพรวมาก เหตุผลที่ทำให้เพื่อนของก้องรู้ว่าก้องชอบแพรวก็คือ การตามจีบคน และการเผยนิสัยให้คนอื่นรู้ เพราะก้องไม่เคยจีบใครเลย และนิสัยของเขานั้น คือ อารมณ์ดี ขี้เล่น แต่จะไม่ค่อยแสดงให้ใครเห็นซักเท่าไหร่ และนิสัยเสียของก้องก็คือ การไม่ยอมคน แม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองผิดก็ตาม ฉะนั้นเพื่อนของก้องจึงได้แต่ถอนหายใจให้กับความดื้อของก้องเพียงเท่านั้น จะให้ทำไงได้ล่ะ ออกความเห็นก็ไม่ฟัง จะไปช่วยก็บอกว่าไม่ต้อง เฮ้อออ





    .............................................................................................





        แล้วฉันก็ลากปอนด์ออกมาจากตรงนั้นทันที เฮ้อ ทำไมมันยุ่งอย่างนี้เนี่ย น่าเบื่อจริง เมื่อลากมันมาถึงห้องแล้ว ฉันก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที เพราะต้องการใช้ความคิด ทำไมนะ เรื่องมันก็เกิดกับทุกคน แต่ทำไมฉันต้องทุกข์ร้อนอยู่คนเดียวด้วย ไม่เข้าใจเลย ระหว่างที่คิดอะไรอยู่เรื่อยเปื่อยนั้น ก็มีมือใครก็ไม่รู้มาจิ้มอยู่ข้างหลัง น่ารำคาญ ฉันก็เลยปัดไปเลย แต่มันก็ยังไม่เลิก ยังจิ้มๆอีก โว๊ย! ทนไม่ไหวแล้วนะ



        “อะไรอีกเนี่ย !! จิ้มอยู่... อ้าว ปอนด์ มีไร” โห่ นึกว่าใคร กำลังจะด่าพอดีเลย



        “เมื่อกี้ที่พูดกับพี่ก้องอ่ะ นัดจะไปไหนกัน” แต่ปอนด์ไม่ได้มีหน้ายิ้มเหมือนทุกวันเลย



        “อ๋อ ทำไมหรอ ไม่มีไรหรอก แหะๆ” แล้วจะให้ตอบยังไงดีล่ะ เหอะๆ



        “ไปทำไมกัน” ปอนด์ไม่ได้มีใบหน้ายิ้มแย้มตอบฉันเลย ก็แค่ไปธุระกับคนที่ปอนด์เกลียดแค่นั้น ทำไมต้องโกรธกันขนาดนี้ด้วยนะ



        “ไปธุระ!!” ฉันตะคอกตอบไป ทำให้ปอนด์อึ้งเล็กน้อย ฉันก็อึ้งเหมือนกันแหล่ะ น้ำตามันก็พาลจะไหล แต่ไม่อยากให้ใครเห็น ฉันจึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะเหมือนเดิม แล้วพยายามปรับเสียงให้เหมือนเดิม บอกกับ

    ปอนด์ขณะที่ฟุบโต๊ะ



        “เราเหนื่อย” ฉันพูดเสียงเบาๆ ให้ปอนด์พอได้ยิน แล้วฉันก็ได้ยินเสียงปอนด์มาแว่วๆว่า โทษ อะไรซักอย่างเนี่ยแหล่ะ คงจะโทษอีตานั่นอีกน่ะสิ ทำไมฉันถึงไม่ชอบให้ปอนด์ด่าอีตานั่นนะ แล้วทำไมในสมองของฉันตอนนี้มีแต่คำว่า ทำไม ทั้งนั้นเลยล่ะ แล้วทำไมฉันถึงหาคำตอบไม่ได้ซักข้อเลย ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมนะ





    .................ออดดด ออดดดดด...........................





        เสียงออดบอกเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ ฉันจึงเดินลงไปที่สนามคนเดียวโดยไม่รอใคร ก็คนมันหงุดหงิดนี่นา น่าเบื่อจริงๆวันนี้ แล้วพอฉันเดินลงมาถึงแถวของห้องตัวเอง ก็นั่งลงเลย นั่งข้างๆเพื่อนอีกคนนึง แล้วฉันก็มองไปรอบๆ เห็นพี่พุกเดินกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นดูน่ารักมาก ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันจะจีบเลยล่ะ เหอะๆ แต่พี่พุกคงจะไม่ทำตามสัญญาฉันแล้วมั้ง เฮ้อ ช่างมันเถอะ แล้วต้าร์ก็ตามมานั่งข้างๆฉันพร้อมกับฟาง ส่วนบาสกับปอนด์ก็เดินไปนั่งกับพวกผู้ชายในห้อง ถ้าขืนพวกมันไม่เข้ากลุ่มผู้ชายมั่งก็มีการแซวว่าเป็นแต๋วเกิดขึ้นแน่ๆเลย เหอะ! เมื่อ 2 คนนั้นนั่งที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็เห็นปอนด์มองมาทางฉันนิดนึงแล้วก็หันกลับไปด้วยแหล่ะ แต่นี่ฉันหลงตัวเองไปรึเปล่าเนี่ย ปอนด์อาจจะมองมาทางต้าร์ที่นั่งอยู่ข้างๆฉันก็ได้ แล้วเราจะกังวลอะไรอยู่เนี่ย ในเมื่อเย็นนี้เราจะแก้ปัญหาแล้วหนิ เฮ้อ แล้วฉันก็ยืนขึ้นตามที่อาจารย์สั่ง เพื่อที่จะเคารพธงชาติ และสวดมนต์ เมื่อทำกิจกรรมเสร็จ พวกเราก็เดินขึ้นห้องเรียนเพื่อที่จะเตรียมเรียนในคาบแรก





    ............ออดดด ออดดดดดดด..............





        เสียงออดบอกเวลาว่าหมดคาบเรียนที่ 1 แล้ว ฉันจึงตื่นขึ้น หลังจากที่เผลอหลับไปในเวลาที่อาจารย์สอน ช่วยไม่ได้นี่นา ก็อาจารย์อยากสอนน่าเบื่อเอง  แต่ก็ไม่ใช่ฉันคนเดียวซะหน่อย มีอีกตั้งหลายคนที่เป็นแบบฉัน แม้แต่ปอนด์ยังหลับเลย เหอะๆ



        “นี่ๆ วิชาต่อไปอะไรวะ แพรว” ต้าร์หันมาถามขณะที่กำลังงัวเงียอยู่ หุหุ



        “เลขว่ะ” เมื่อบอกจบ มันทำเสียงโห่นิดๆ



        แล้วเราก็เตรียมเรียนวิชาต่อไป ตั้งแต่คาบที่ 2-3 แล้วก็พักกลางวัน ตอนนี้ใกล้จะหมดคาบที่ 3 แล้ว ฉันยังไม่หันไปมองที่โต๊ะปอนด์เลย ไม่ใช่เพราะฉันโกรธปอนด์หรอก แต่เป็นเพราะฉัน........ฉัน เอ่อ ไม่รู้สิ แต่รู้สึกว่าฉันไม่กล้าพูดกับปอนด์อ่ะ เฮ้อ!!!



        เมื่ออาจารย์ออกจากห้องเรียนปุ๊ป นักเรียนทั้งห้องก็พากันเก็บข้าวของใส่เก๊ะ เพื่อที่จะลงไปกินข้าวกลางวัน



        “ไปเร็ว! กินข้าว มัวแต่นั่งเหม่ออยู่ได้ ตั้งแต่เช้าแล้ว เป็นอะไรวะ” ฟางพูด ส่วนต้าร์ก็เคาะหัว จนทำให้ฉันเลิกเหม่อ เพราะเจ็บหัว



        “ทีหลังนะ ไอต้าร์เรียกให้มันเป็นผู้หญิงหน่อยก็ได้  เจ็บนะโว๊ย!!! ไป ไปกินข้าว”



        หลังจากนั้นเราก็ไปกินข้าวกัน บาสกับปอนด์ก็ไปด้วย เมื่อซื้อข้าวเสร็จ เราทุกคนก็ไปหาเก้าอี้นั่ง แต่เนื่องจากลงมาช้า ทำให้คนเยอะมาก หาที่นั่งได้ยาก



        “เห็นมะ เพราะแกคนเดียวเลยไอแพรว ลงมาช้า” -_-



        “เออ โทษๆ” ฉันขอโทษไปงั้นแหล่ะ เพราะไอต้าร์มันไม่ได้บ่นจิงหรอก



        “เฮ้ยๆ เจอแล้ว เร็วๆ เดี๋ยวโดนแย่ง” เสียงไอบาส ตะโกนมา เราจึงเดินไปแล้วก็นั่งลง



        “นี่ๆ หาได้ไงอ่ะ โค ตรเก่งเลย” ต้าร์พูดกับบาส บาสก็เลยทำท่ายืดซะ หมั่นไส้เลย ก็เลยตบหัวมันซะทีนึง โหะๆๆๆ



        “ก็อุตส่าห์เดินมาเจอพี่พุก ก็เลยขอนั่ง เค้าก็เลยเลื่อนให้” ฉันหันไปข้างๆ เห็นพี่พุกกำลังนั่งกินข้าวกับผู้หญิงที่น่ารักๆคนเมื่อเช้าอยู่ แล้วก็มีเพื่อนพี่พุกอีก 2-3 คน เห็นอย่างนั้นฉันก็ไม่อยากไปยุ่งให้มันมากนัก เฮอะ เค้ามีแฟน เค้าก็ไม่สนใจอะไรแล้วแหล่ะ ก็เลยเดินออกมาหาที่นั่งกินคนเดียว ไม่สนใจเสียงเรียกของต้าร์มันเลย







    ....................................................................................







        หลังจากที่แพรวถือจานข้าวเดินออกไป พวกเพื่อนของเธอก็มองอย่างงงๆ ส่วนพุกก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไง



        “โห่ ไอพุก เมิงก็บอกไปดิว่าทำไม” เพื่อนของพุกพูด



        “มีไรหรอพี่ มันเป็นอะไรของมัน” ต้าร์พูดกับพุก อย่างสงสัย



        “ไม่ต้องรู้หรอกน้อง ช่างมันเหอะ กินข้าวไป” พุกไม่ยอมพูด ทำให้พวกเพื่อนของแพรวมองกันอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจการกระทำของทั้งแพรวและพุก









    .......................................................................................





        พอฉันเดินออกมาซักพัก แล้วจึงคิดได้ แล้วตูจะกินตรงไหนฟะ -*- ไม่เห็นจะมีโต๊ะว่างเลย เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นพลับนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อน หน้าตาดูอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งซักเท่าไหร่ ก็เลยไม่ไปดีกว่า ถัดไปอีกแถวนึง ตรงนั้นมีที่ว่างอยู่หนิ ฉันจึงเดินเข้าไปเลย แล้วก็วางจานข้าว โหย กว่าจะหาที่นั่งได้ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ แล้วฉันก็กำลังหยิบช้อนกำลังจะเอาเข้าปากอยู่แล้ว



        “หวัดดีคับน้อง” พรวด!!! เสียงที่ไหนไม่รู้ ตะโกนมา ทำให้ตกใจเลย สำลักข้าว ใครฟะ แม่จะด่าให้ล่วงเลย ( -*- ไม่ได้แจมซะนาน)



        “นี่นาย แค่กๆ ตกใจหมดเลย ทีหลัง ค่อกๆ อ้าว พี่นี่เอง ทีหลังอ่ะ แค่กๆ มาให้มันนุ่มนวลหน่อย เดี๋ยวก็เสยให้” อีตารุ่นพี่ก้องนี่เอง ดันมานั่งข้างๆเราอีก (แกอ่ะแหล่ะที่ไปนั่งข้างเค้า) ดูดิ หัวเราะใหญ่ ฮึ่ม!



        แล้วฉันก็รีบกินข้าวโดยไม่สนใจเสียงมันพูดเลย แม้มันจะพูดตลอด ถึงขนาดทุกคำที่ฉันกินก็เหอะ ขี้เกียจตอบ เสียเวลากินข้าวหมด เดี๋ยวข้าวไม่อร่อย (-*-) พอกินเสร็จก็เลยจะเดินไปเก็บจานข้าว



        “นี่พี่ อย่าลืมนะ เย็นนี้ ห้ามสายเด็ดขาด”



        “คร้าบบบบบบบบ แม่ เอ้ย น้อง” ฉันทำท่าจะเขวี้ยงจานข้าวที่ถืออยู่ มันก็เลยรีบเปลี่ยนคำพูดทันที เหอะๆ กระล่อนจริง



        เมื่อเก็บจานเรียบร้อยแล้ว ก็เดินขึ้นห้องทันทีเลยเพราะไม่มีไรจะทำ พอถึงห้องก็ไปนั่งทำการบ้าน ไม่ใช่เพราขยันหรอกนะ แต่ขี้เกียจไปทำที่บ้าน เสียเวลาเล่นคอมฯหมด



        “กินเร็วจังแพรว เร็วโค ตรๆอ่ะ” เสียงไอบาสมาแต่ไกล



        “อือ” ฉันตอบ ตายังจับจ้องไปที่การบ้านที่กำลังทำอยู่



        “โห” บาสบ่นพึมพำ



        เมื่อหมดคาบพักแล้ว ฉันก็เลยต้องเก็บการบ้านที่กำลังทำไม่เสร็จก่อน แล้วเตรียมวิชาใหม่ขึ้นมา แล้วก็เรียนไปเรื่อยๆ ทำไมวันนี้มันน่าเบื่อจังวะ (แล้วทุกๆวันแกเคยเรียนแบบสนุกสนานมะ เดี๋ยวเสย) แต่ก็ต้องเรียนจนจบทุกคาบ เมื่อคาบสุดท้ายจบแล้วก็เก็บกระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากห้องทันที เพราะนัดกับอีตาก้องไว้



        “เฮ้ยๆ แพรว กลับแล้วหรอวะ” ต้าร์ตะโกนถามฉัน



        “เออ พรุ่งนี้เจอกัน” แล้วเดินออกจากห้องเลย



        พอเดินไปถึงหน้าประตูโรงเรียน ก็เห็นว่าอีตาก้องยืนอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่เห็นจะมีอีตาปาท่องโก๋เพื่อนนายนั่นเลย ช่างมันเหอะ แล้วฉันก็เดินไปหาอีตานั่น ทำไมนะตอนเรียนหนังสืออยู่เราถึงต้องอยากให้มันหมดคาบเร็วๆ เพื่อที่จะมาเจอกับอีตาก้องนี่ ไม่เข้าใจจริงๆ



        “หวัดดีครั้งที่ 3 ของวันนี้คับ ^_^” อีตาก้องพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ



        “อือ หวัดดี” ฉันจึงตอบรับนิดๆพอเป็นมารยาท



        แล้วเราก็เดินออกจากโรงเรียน เพื่อที่จะไปคุยธุระของฉัน เราเดินออกไปร้านไอติมหน้าปากซอย

    โรงเรียนที่ฉันเคยมากินกันปอนด์วันนั้น เราเดินเข้าร้านนั้น แล้วก็นั่งโต๊ะริมๆเพื่อที่จะได้บรรยากาศที่สงบๆเหมาะแก่การคุยธุระ เมื่อสั่งเรียบร้อยแล้วฉันก็นั่งอ่านหนังสือเฉยๆ ส่วนอีตานั่นก็นั่งชมวิวในร้าน เรา 2 คนเงียบจนกระทั่งไอศกรีมมาส่ง



        “ขอบคุณครับ ^_^” อีตานั่นพูดกับพนักงาน ทำให้ฉันต้องละจากการอ่านหนังสือ ฉันเห็นพนักงานแก้มแดงเพราะอายที่อีตานั่นยิ้มให้ด้วยแหล่ะ หรือว่านายจะเจ้าชู้ตามที่พี่พุกกับต้าร์เคยบอกนะ แล้วทำไมฉันถึงต้องรู้สึกไม่พอใจด้วยล่ะ บ้าจริงๆเลยเรา



        “อ่ะๆ กินๆ เดี๋ยวละลายนะคับ” อีตาก้องพูดอย่างร่าเริง แล้วเราก็ลงมือกินไอศกรีมที่สั่งมากัน



        ระหว่างที่กินนั้น อีตาก้องนั่นก็พูดไม่หยุด ชวนคุยตลอดเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน เรื่องกีฬา เรื่องไร้สาระต่าง แต่ทำไมมันถึงคุยสนุกจังนะ แล้วตลอดทุกประโยคที่นายก้องพูด จะมีคำว่า “ครับ” ตลอดเลย คุยไปจนเพลินเลย เมื่อฉันมองลงไปที่โต๊ะ ก็สะดุดกับ...เฮ้ย!!!...



        “ทำไมถึงกินเยอะขนาดนี้เนี่ย ใครจะจ่าย” ก็นายก้องเล่นคุยไปกินไป สั่งไป จนตอนนี้ถ้วยไอติมที่อยู่บนโต๊ะ มีตั้ง 5-6 ถ้วยแหน่ะ มันยัดเข้าไปได้ไงฟะ ค่าขนมฉันหมดแน่เลย T_T



        “อ้อ แหะๆ ไม่เป็นคับ พี่เลี้ยง” โหะๆๆ เย้ ได้กิงฟรีแล้ว ฮ่าๆ



        “ถึงให้เค้าเลี้ยง เค้าก็ไม่จ่ายหรอก ให้พี่อยู่ช่วยเจ้าของร้านล้างจานดีกว่า เชอะ กินอย่างกับไม่ใช่คน” ฉันบ่นอีตาก้อง นี่ถ้ามันไม่เลี้ยงนะ จะด่ายิ่งกว่านี้อีก



        “ก็ไม่ใช่คนไงคับ พี่ไม่ได้บอกหรอ ว่าพี่เป็นเทวดาสุดหล่อลงมาจากสวรรค์” อะโห นายนี่ เฮ้อ



        “โห ถ้าพี่เป็นเทวดานะ เค้าก็เป็นนางฟ้าแล้ว” (ว่าแต่เค้า แกก็เป็น)



        “ก็เป็นหน่ะสิคับ เพราะเทวดาก็ต้องคู่กับนางฟ้าหน่ะสิ ^O^” เหอะๆ



        “พอเหอะ เสียดายไอติม” ฉันพูดเองแหล่ะ



        “เออใช่ แล้วน้องจะมีธุระอะไรกับพี่หรอคับ” เออใช่ ลืมไปเลย



        ฉันจึงบอกให้อีตาก้องจ่ายตังค์ แล้วเราก็เดินออกมาจากร้านด้วยกัน นายก้องเดินไปส่งฉันที่บ้าน ระหว่างทางฉันจึงตัดสินใจที่จะพูดเรื่องที่คิดไว้ตั้งแต่เมื่อวานซะ เรื่องมันจะได้จบๆซักทีนึง



        “นี่ เค้าถามอะไรอย่างนึงได้ป้ะ”...



        “อืม ได้ครับ” อีตาก้องตอบ แล้วเรา 2 คนก็หยุดเดิน



        “อือ พี่ชอบเค้าป่าว”



        “หือ ถามทำไมอ่าคับ ชอบสิ ชอบๆๆๆๆแล้วก็ชอบ” อือ ก็ดีและ



         “งั้นเราเป็นแฟนกัน”





    ...................................................................................................





    แหะๆ วันนี้มาอัพอีกตอนนึงล่ะ ยาวหน่อยนะ พอดีไปฟังผลสอบมาและ ก็ดีอ่ะนะ



    อย่าลืมโพสกันเยอะๆนะ ใครรู้ตัวว่าเป็นเพื่อนที่โรงเรียนไม่ต้องโพสนะ



    แหะๆ ใช้ส่งเมลล์เอาก้อได้ โทรก้อด้าย ไปและ บายจ้า ^o^





    ...................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×