ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ##....ตื้อนัก รักซะให้เข็ด....##

    ลำดับตอนที่ #2 : @@@...การพบเจอครั้งแรกกับเรื่องหน้าแตก...@@@

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 48






                    แล้วฉันก็นั่งเรียนอย่างสบายใจ ก็แน่แหล่ะ ฉันมาเรียนที่นี่เพื่อจะมาเรียนหนังสือนี่เนอะ ฉันจะต้องมานั่งคิดอะไรก็ไม่รู้ ให้หนักสมองของฉันทำไม เมื่อฉันเรียนเสร็จคาบนี้แล้ว คาบต่อไปคือคาบว่าง คือจะให้นักเรียนได้พักสมองมั่ง โรงเรียนนี้มีคำขวัญว่า เรียนดี กีฬาเยี่ยม และอีกอย่างคือโรงเรียนนี้จะไม่สอนแบบเข้มงวดเกินไป มีหย่อนบ้าง ตึงบ้าง แล้วแต่สถานการ โรงเรียนนี้จึงมีคาบพักให้นักเรียน และมีคาบว่างให้นักเรียนอย่างน้อยวันละ 1 คาบ แต่คาบว่างนั้นจะไม่ว่างพร้อมกันหมดทั้งโรงเรียนหรอก



        เมื่อไม่มีเรียนในคาบนี้แล้ว ฉันจึงชวนเพื่อนใหม่และเก่าของฉัน ที่ตั้งเป็นกลุ่มแล้ว มานั่งที่โรงอาหารที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีผู้คนแล้ว อ้อลืมอีกแล้ว พักนี้ขี้ลืมจังเลย ฉันลืมบอกไปว่าเพื่อนกลุ่มของฉันมี 5 คน ก็คือฉัน ต้าร์ ฟาง บาส และก็ปอนด์ ในกลุ่มจะมีชาย 2 คนคือ ปอนด์กับบาส นิสัยของเราทั้ง 5 คนคล้ายกันมาก จึงไม่แปลกที่ เราจะสนิทกันเร็วขนาดนี้ ฉันจึงดีใจที่ไม่ต้องมาเรียนแบบเหงาๆ



        “นี่ๆ กินไรเปล่า เดี๋ยวเราไปซื้อให้” เสียงของบาสพูดขึ้น



        “ไม่เอาย่ะ ไม่มีตังค์ ถ้านายเลี้ยงนะ เราจะกิน” นี่ก็คือฟาง



        “ช่ายๆ” นี่ก็ต้าร์ตัวแสบ ส่วนฉันได้แต่นั่งฟังมันพูดกันเฉยๆ



        “ก็ได้ๆ เราเลี้ยงเอง จะกินไรล่ะ” บาสพูดพร้อมกับทำหน้าตาเบื่อหน่ายเป็นที่สุด เหอะๆ หลังจากเราสั่งขนมเรียบร้อยแล้ว บาสกับปอนด์ก็เดินไปซื้อ



        “นี่ มันจะไม่เอาเปรียบบาสเกินไปเหรอ” นี่ล่ะฉันเอง หุหุ คือว่าวิญญาณนางเอกเข้าสิงเจ้าค่ะ อิอิ



        “โอ๊ยไม่หรอก แค่นั้นไม่ทำให้ขนหน้าแข้งคุณชายบาสล่วงซักเส้น”ต้าร์เถียงขึ้นมา



        “ช่ายๆ ก็ไอบาสมันลูกชายคนเดียวของผู้ว่าฯจ.xxxนะแพรว” ฟางเสริม อ๋อมิน่าล่ะบาสถึงได้ป็อปขนาดนั้น ก็ทั้งหล่อ รวย เก่ง นิสัยดี มีน้าใจขนาดนั้น ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ



        “อะ หนักเป็นบ้า สั่งอะไรนักหนาก็ไม่รู้ กินมากเดี๋ยวก็เป็นตุ่มหรอก” บาสวางขนมลงพร้อมกับบ่นไม่หยุด ทั้งหมดจึงได้แต่หัวเราะไปกับท่าทางของบาส



        .......................................................................................................................................



    ...............................แพรวนั่งหัวเราะ และ พูดคุยกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้ว่ากำลังมีคนแอบมองอยู่ เขาคนนั้นเฝ้ามองดูแพรวตั้งแต่มานั่งที่โรงอาหารแล้ว และสิ่งที่เขาพูดให้เพื่อนฟังคือ “ใครวะ สวยว่ะ น่าสนใจ” เพื่อนๆพากันมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ “เฮ้ยไอก้อง สนใจเหรอวะ เหอะๆ ไม่มีทางหรอกว่ะ นั่นชื่อแพรว ห้อง 4/2 เด็กพี่พุกโว้ย” เพื่อนเขาตอบ “รู้ได้ไงวะ” “โห ก็พี่พุกเดินจูงมือมาตั้งแต่เช้า ท่าทางหวงโ ค ต ร เลยว่ะ ไม่ให้ห่างเลย” เขาได้แต่พยักหน้าช้าๆและมองดูแพรวต่อไปจนหมดคาบ..................................



        เขา ก้อง เอกสิทธิ์ วุฒิพงศ์พนานิช อายุ 17 ปี อยู่ม.5/1 ลูกชายของนายพลทหาร ของกองทัพบก นิสัยโหด เงียบขรึมเมื่ออยู่กับคนอื่น แต่ที่จริงแล้วขี้เล่นมาก จนเพื่อนละอาเลย คติของเขาคือ “ผู้หญิงคือของเล่น เบื่อแล้วหาใหม่ได้” จึงทำให้เขาเปลี่ยนคนควงบ่อยมาก ก้องเป็นคนเก่ง เก่งทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นกีฬา เรียน หรือเรื่องไหนๆ พอๆกับพี่พุกของแพรวเลยล่ะ หน้าตาหล่อเหลามากขนาดเต๋าเรียกปู่ ศรรามเรียกลุง เจมส์เรียกพ่อ ติ๊กเรียกพี่เลยล่ะ เหอะๆ นิสัยก็อย่างที่บอก



        ......................................................................................................................................



        เมื่อหมดคาบว่างฉันและเพื่อนๆในกลุ่มก็ไปเรียนคาบต่อไป เมื่อเรียนเสร็จ ฉันก็เก็บกระเป๋าเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ฟางมาชวนไปเที่ยวห้างด้วยกัน ฉันก็อยากไปอยู่หรอก แต่พี่พุกต้องไม่ให้ไปแน่ๆเลย แต่อยากไปอ่ะ ฉันก็เลยจะลองขอพี่พุดดู ก็เลยลากเพื่อนๆทั้งหมดออกมาจากห้อง และกำลังจะไปขอพี่พุกที่ห้อง



        เมื่อเดินมาครึ่งทางฉันก็เดินชนกับคนๆหนึ่ง ก็เลยรีบลุกขึ้นแล้วกล่าวคำขอโทษ



        “ขอโทษแล้วมันหายเหรอวะ เดินไม่ดูทางเลย ไปตัดแว่นได้แล้วไป” ฉันเริ่มโมโหแล้วนะ ขอโทษก็ไม่รับ แล้วยังจะมาด่าปาวๆอีก พอตานั่นเงยหน้ามา ฉันจึงเห็นว่าเขาทำหน้าตาตกใจเป็นที่สุด แต่หน้าตาเขาหล่อมากเลยแหล่ะ พระเอกในทีวียังตกใจเลย ถึงยังไงก็เถอะ ไม่ยกโทษให้หรอก



        “นี่ๆ ฉันอุตส่าห์ขอโทษแล้วนะ ทำไมไม่รู้จักทำตัวเป็นสุภาพบุรุษบ้างห๊ะ ลูกผู้ชายน่ะสะกดเป็นเปล่า ที่จริงก็ไม่ใช่ฉันด้วยที่ชนนายล้ม นายอยากเซ่อซ่า หลับหูหลับตาเดินเอง ช่วยไม่ได้ นายคิดว่าความหล่อของนายน่ะ มันจะบอกทางนายเดินหรือไง ไม่รู้เรื่องเลย นายทำฉันเสียเวลามานานแล้วนะ ฉันไม่เอาเรื่องก็บุญแล้ว” ฉันด่านายนั่นเป็นชุด โดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่แถวนั้นจะหันมามอง หรือว่าเพื่อนๆที่เอาแต่สะกิดแขนอยู่ได้



        “เอ่อ.....โทษๆ” นายนั่นขอโทษ แบบกวนๆ แล้วก็เดินจากไป พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มนิดๆ กวนประสาทชะมัด คนอะไร



        พี่พุกเดินมาพอดี ฉันจึงเดินไปหาพร้อมกับทำหน้าบึ้ง พี่พุกทำหน้าสงสัย ฉันจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่พุกฟัง



        “55+ นี่แพรวไปหาเรื่องเค้าทำไมอ่ะ ก็ตัวเองผิดไม่ใช่เหรอ อิอิ” พี่พุกหัวเราะอย่างจะเป็นจะตาย



        “โห พี่พุกอ่ะ ก็เค้าอยากมากวนประสาทเองอ่ะ อุตส่าห์ขอโทษแล้ว” ฉันฉุนกึก เมื่อพูดถึงอีตานั่น



        “แล้วรู้เปล่าว่าใครอ่ะ” พี่พุกถาม ฉันก็ไม่รู้หรอก



        “พี่พุกๆ ก็พี่ก้องอ่ะ ม.5 พี่พุกรู้จักมั้ยคะ” ต้าร์แทรกขึ้นมา แหม รู้ทุกเรื่องเลยนะยัยต้าร์ เอ้อ แล้วมันรู้ได้ไงนะ ว่าอีตานั่นชื่อก้อง



        “อ้อ ไอก้องเหรอ ไปชนกับมันได้ไง แพรว ไอนี่มันหม้อ อย่าไปยุ่งกับมันนะ” พี่พุกบอกฉัน พี่พุกก็หวงน้องเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ ฉันพยักหน้าแล้วก็หันไปหายัยต้าร์



        “นี่ต้าร์ แกรู้จักอีตานั่นได้ไงอ่ะ”



        “นี่อย่าบอกนะวาแกไม่รู้จักพี่ก้อง” ฟางถาม ฉันจึงพยักหน้า ก็ฉันไม่รู้จักจริงๆอ่ะ คนอย่างนี้นี่นะ แหวะ



        “โห ยัยแพรว แกไปอยู่ไหนมาเนี่ย พี่เค้าออกจะดัง พอๆกับพี่พุกเลยนะ” โห อีตาบ้านั่นนี่นะ เป็นไปได้ ฉันหันไปมองหน้าพี่พุกเป็นเชิงถาม พี่พุกจึงพยักหน้ารับ



        “ใช่แพรว แต่อย่าไปยุ่งกับมันเด็ดขาดเลยนะ” ฉันได้แต่พยักหน้า หงึกๆ



        “เอ้อ พี่พุก วันนี้แพรวขอไปเที่ยวห้างกับเพื่อนนะ”



        “ไปที่ไหน ไปกับใคร ไปยังไง ไปเมื่อไหร่” โหพี่พุก เป็นชุดเลยเนอะ แล้วจะตอบยังไงเนี่ย



        “เอ่อ.... พี่ครับ เรากำลังจะไปกันเนี่ยครับ ไปแปปเดียว เดี๋ยวผมไปส่งให้ที่บ้านก็ได้ครับ” บาสพูดขึ้น พี่พุกขมวดคิ้วทันที



        “ใครอ่ะ แพรว” เอ้อ พี่พุกเอ๊ย หวงน้องไม่เข้าเรื่องเลยนะ



        “เพื่อนแพรวไงคะ นี่บาส ต้าร์ ฟาง แล้วก็นั่นปอนด์ค่ะ” ฉันแนะนำเพื่อนๆ ให้พี่พุกฟัง



        “อืมมม ไปก็ได้ ใกล้จะถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วยนะ”



        “จ้า” ฉันยิ้มและเข้าไปหอมแก้มพี่พุก ทำเอาหนุ่มๆแถวนั้นมองกันด้วยสายตาอิจฉาเลยล่ะ (โห ยัยนางเอกคนนี้ ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยเนอะ) หุหุ ที่จริงแล้วเป็นสาวๆมากกว่าที่มองมา เหอะๆ



        แล้วเราก็ไปเที่ยวห้างกัน เราได้ร้องคาราโอเกะ กินข้าว แล้วก็เดินซื้อของ เหอะๆฟังดูเหมือนเสียตังค์เยอะเนอะ  แต่ใครจะรู้ แต่ใครจะรู้ ของทั้งหมดน่ะ บาสกับปอนด์ออกทั้งนั้น โดยฉันกับต้าร์และฟางให้เหตุผลว่า 2 คนนี้ มันทำให้พวกเราเดินไม่เป็นสุขเลยเพราะว่า สาวๆมองตามซะ เหอะๆ เหตุผลที่ดีจริงๆ มัน 2 คน ก็ได้แต่บ่นไปตลอดทางเลย สะใจ อิอิ

        

        เมื่อเที่ยวกันจนเบื่อแล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยปอนด์ไปส่งต้าร์ บาสไปส่งฟาง ส่วนฉันกลับบ้านคนเดียว เพราะว่าบ้านฉันอยู่ใกล้สุด ฉันเลยไล่บาสให้ไปส่งฟาง ซะเลย



        ระหว่างเดินกลับบ้านนั้น ฉันก็ได้เข้าร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอยบ้านก่อนจะเข้าบ้าน เพราะพ่อเป็นหมอนั่นเองฉันก็เลยกินพวกขนมขบเคี้ยวไม่ค่อยได้ น่าเบื่อจริงๆ ทางเข้าบ้านลึกมาก นี่ก็ 1 ทุ่มกว่าๆแล้ว ฉันเดินถือถุงขนมที่ซื้อมากำลังจะเข้าไปในซอยบ้าน เดินไปได้ครึ่งซอยก็รู้สึกว่ามันทางเดินมันจะมึดกว่าทุกวันนะ ก็แน่ละสิ ฉันเคยออกจากบ้านหลังจาก 6 โมงที่ไหนล่ะ เดินอีกซักพักมีเสียงคนเดินตามอีกอีก ฉันเป็นคนขี้กลัวมากโดยเฉพาะ ๑๑๑ ผี ๑๑๑ ฉันหันไปโดยทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไร พอหันกลับมามีใครยืนอยู่ข้างหน้าไม่เกิน10 เซนติเมตรเป็นอันขาดใครก็ไม่รู้แหล่ะ ตามสันชาตญาณของฉันนั้น ก็คือนั่งลงกับพื้นทันที ไม่สนแล้วว่ามันจะเปื้อนหรือไม่ แล้วก็ยกมือท่วมหัว



        “ฮือออออ....พาหุง ภะคะวะโต อะระหังสัมมา ฮืออออ ช่วยลูกช้างด้วย ต่อไปนี้ ฮือ ลูกช้างจะไม่นอนน้ำลายไหลอีกแล้วน้า พระเจ้าช่วย”



        “ฮ่าๆๆๆๆๆ เธอจะบ้าไปแล้วเหรอ ฮะฮะ ทั้งศาสนาพุทธ ทั้ง คริสต์ สาบานอะไร อิอิ ไม่เข้าเรื่องเล้ย เหอะๆ” เสียงใครอ่ะ ผีพูดกับฉันได้ด้วยเหรอ ฉันหันหน้ามองข้างบน ก็พบว่ามีคนกำลังหัวเราะแบบว่าโลกเพิ่งเคยพบอะไรที่ขำเท่านี้มาก่อนครั้งแรก และ.........................ผู้ชายคนนั้นคืออีตาที่ชนกันเมื่อตอนเย็นนี่ หน็อย มาทำให้ฉันหน้าแตกเลย



        “นี่ ขำอะไรยะ มีญาติเป็นตัวตลกหรือไง หาเรื่องไม่พอเหรอ ตอนเย็นน่ะ ถอยไปซิ ฉันจะกลับบ้าน” ฉันบ่นกับนายนั่น



        “เดี๋ยวสิ อะไรกัน ก็เห็นน้องเดินกลับบ้านคนเดียวไงคับ พี่ก็เลยเป็นห่วง อุตส่าห์ เป็นบอดี้การ์ดให้น้า จะไม่เห็นใจพี่หน่อยเหรอ” เชอะ ทำมาพูดดี ผู้ชายก็อย่างเนี้ยแหล่ะ



        “ใครขอให้ช่วย ไม่เห็นมีเลย ช่วยทำไม”



        “อ้าว อืมมมม ไม่เป็นไรคับ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งละกันนะจ๊ะ” นายนี่เป็นไรเนี่ย จะบ้าหรือป่าว พี่พุกบอกว่าห้ามไปยุ่งกับมันนี่



        “โอ๊ย อย่ามายุ่ง ไปไกลๆไป ชิ่วๆ” แล้วฉันก็เดิน ไม่ใช่สิ วิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ฟังเสียงของอีตานั่นพูดเลยแม้แต่น้อย



        เมื่อเดินเข้าบ้านก็เจอพ่อ แม่ พี่พุก แล้วก็พลับอยู่กันพร้อมหน้า เหอะๆ แล้วยังไงน่ะเหรอ ก็โดนพ่อสวดเป็นชุดเลยอ่ะสิ เพราะนายนั่นแท้ๆเลย ถึงได้กลับบ้านช้า (เกี่ยวมั้ยเนี่ย : ผู้แต่ง)



                                                                        %~%~%~%~~~~~~~~~~~%~%~%~%

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×