ห้วง
นี่แหละคือความเป็นคน นี่แหละคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
ผู้เข้าชมรวม
103
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คุณว่า...ชีวิตมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ตรงไหน ‘การปฏิสนธิ’ ก็ใช่ ‘เมื่อเด็กทารกได้คลอดออกมา ลืมตา ร้องอุแว้’ ก็ถูก แต่ผมว่า...คุณลองหลับตาดูสิแล้วตอบคำถามผมมาว่ามองเห็นไหม แน่นอนก็มองไม่เห็นน่ะสิ แต่สิ่งที่ผมต้องการถามจริงๆคือ ‘คุณสัมผัสได้ถึงอะไร’ ต่างหาก ความมืดมิดที่เกิดจากเปลือกตามาบรรจบ ณ จุดๆหนึ่ง ความกลัว เมื่อมองไม่เห็นสิ่งที่ต้องเผชิญหน้า ความอ้างว้าง เมื่อมองไม่เห็นใคร เกิดความวังเวงที่ไม่น่าพิศมัย อาการที่จะเกิดตามขึ้นมาทันทีทันใดคืออะไร แต่นั่นมันไม่สำคัญเท่า...บางสิ่งบางอย่างที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้น
ให้ตายสินี่มันอะไรกันวะเนี่ย!? สองแขนสองขาสองตากับอีกสองหู...นี่ผม..เป็นคน! ไม่จริงน่า! ไม่เอาด้วยหรอก ถ้าผมเป็นคนแสดงว่าผมก็มีสมองด้วย โอ..ก้อนกลมโตในกะโหลกแผ่นแข็งโค้งมนที่แสนประเสริฐ ก้อนกลมที่มีรอยหยักเต็มไปหมด รอยที่สลักความฉลาดในการจะก้าวขึ้นแท่นเป็นเจ้าแห่งมวลมนุษย์ รอยนั่นมันดิ่งลึกเสียเหลือเกินจนผมรู้สึกกลัว ผมกลัววันเวลาที่เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆนั่นจวบจนผมกล้ามเนื้อมากขึ้น กระดูกยืดออก และก้อนกลมโตนั่นขยายขึ้นตาม ทารกแบเบาะอย่างผมจะกลายเป็นนักโทษแห่งอำนาจความฉลาดและอารมณ์ดิบที่ถูกซ่อนเร้นไว้ใต้หน้ากากแก้ว
ติ๊ก..ติ๊ก..ติ๊ก
เข็มนาฬิกาหมุนเวียนไปตามช่วงจังหวะที่สม่ำเสมอไม่มีหยุด ไม่มีหวนกลับ
วิ้ว...
เสียงลมหวีดหวิวตีกระทบลำตัวทำให้ขาข้างหนึ่งที่กำลังยันหินผาสีเทาทะมึนเกือบหลุดเลื่อนออก ยังดีที่มือยังคงยึดขอไว้แน่น ขาอีกข้างรีบตะกายขึ้นพร้อมมือที่เกาะแน่นมั่นคงขยับเลื่อนไปตามความสูงของหินผา เหงื่อที่ไหลเต็มหน้าผากกว้างไม่เป็นอุปสรรค
“ข้านึกไม่ถึงว่าเอ็งจะกล้าหักหลังข้า เสียแรงว่ะ..” ใบหน้าเกลี้ยงแต่คล้ำแดดยื่นเข้ามาจนเกือบชิด
“เสียแรงอะไรวะ รึเสียแรงที่เกิดมาไม่มีสมองเหมือนข้า หึ” ผมขำแบบเยาะๆใส่หน้ามัน
“เออ!ข้าเสียแรงที่เกิดมาไม่มีสมองเหมือนเอ็ง สมองที่คิดทำแต่เรื่องชั่วๆไง” เสียงที่เน้นกระทบเข้าใบหูทั้งสองข้าง ผมหลับตาโดยไม่รู้ตัว “ข้าจะถือว่าProject ที่เอ็งขโมยไปเป็นของสังฆทาน และหวังว่าพอข้าถวายทำบุญทำทานเสร็จจะไม่ได้เจอเอ็งอีก” จบคำมันก็สะบัดหลังใส่เดินไกบออกไป ..............ผมชนะเลิศการทำProject และได้รางวัลนักศึกษาดีเด่นท่ามกลางการยกย่องที่ปราศจากมัน....เพื่อนที่สนิทที่สุดของผม
เคร้ง...
เสียงขอกระทบแผ่นผาทะมึน เศษสีน้ำตาลแกมดำก้อนเหลี่ยมเล็กๆหลายก้อนร่วงลงข้างล่างพร้อมฝุ่นธุลีแต่แล้วก็ถูกกระแสลมจากเบื้อล่างพัดพาหายไปแทนที่แรงโน้มถ่วงที่คอแต่จะดึงดูดวัตถุ และยังคงมีกระแสลมพัดกระทบลำตัวอยู่เรื้อยๆ หากแต่มีลมดันผ่านช่องทางเดินหายใจผ่านปากและจมูกออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
ผมยิ้มให้กับความสำเร็จที่ได้เป็นผู้นำเหนือกว่าผู้นำประเทศ ยิ่งกว่าชื่อเสียง ยิ่งกว่าเงินทอง มันคืออำนาจในการกุมโลกทั้งโลกไว้ในมือเพียงหยิบมือเดียว ผมคือผู้ประกาศสงครามกับประเทศมหาอำนาจ ผมคือผู้ครอบครองแหล่งน้ำมันดิบ ผมคือผู้ค้นคว้าเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ ผมคือผู้กุมภาษีของประชาชนทุกคน ผมคือผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดทั้งภาคเศรษฐกิจและสื่อสารมวลชน ผมคือผู้แพร่กระจายไวรัสและแฮ็คข้อมูลในโลกไซเบอร์ ผมคือผู้ครอบงำเทคโนโลยี ผมคือผู้ทำลายศาสนา และผมยังเป็นผู้ทำอะไรอีกมากมาตราบเท่าที่ผมมีสมองและผมต้องใช้ให้คุ้ม ก็ในเมื่อผมเกิดมาเป็นคน
ตุบ....
ในที่สุดผมก็ก้าวมาถึงยอดเขา ผมสูดหายใจเข้าอย่างเต็มเปี่ยมและปล่อยมันออกจนหมดปอด ฮ้า..บนนี้สูงเสียจริง หึ ไม่มีใครสักคนที่ทาบผมติด ไม่มีบนยอดเขานี้นอกจากผม...ผมคนเดียวเท่านั้น
ตลอดระยะความสูงกว่า 5,000 กม.เหนือระดับน้ำทะเล ผมปีนมาถึงแล้ว ตลอดระยะความสูงที่ผมเหยียบใครต่อใครหลายคนขึ้นมา ตลอดระยะความสูงที่ผมตัดเชือกปล่อยใครต่อใครตกหายลงไปยังก้นหุบเหวเพื่อเป้าหมายส่งเดียว คือการได้ครอบครองยอดเขาลูกนี้
ตอนนี้ไม่มีใครเลย นอกจากผม
ลมตีกระทบ ความกดอากาศต่ำ หูผมอื้อ หัวผมมึน ผมสูดหายใจยาวและลึกก้มมองตามขอบผา ฝุ่นผงปลิวผ่านสายตาไป ตอนนี้ไม่มีใครเลย นอกจากผม...ผมคนเดียว
“มาสิ! มาชื่นชม มายกย่อง มาปรบมือให้ผมสิ!” เสียงตะโกนผมถูกดูดกลืนหายพร้อมสายลมเบื้องล่าง “สำเร็จแล้ว! ผมนี่ไงผู้กุมอำนาจเหนือโลก!” ผมตะโกนว้ากขึ้นไปเหนือม่านฟ้าที่ว่างเปล่าและเงียบงัน
“คุณคิดว่าคุณคือผู้ชนะ แต่ผมว่าคุณคือผู้น่าสงสาร” หมอหนุ่มผมปรกหน้ามองลอดแว่นสายตาออกมา “คนเราเกิดมาด้วยสัญชาตญาณดิบที่ไม่มีใครรู้จุดกำเนิด แต่คนเราก็มีสมองที่คอยควบคุมสัญชาตญาณดิบนั้นๆ หากแต่ว่าถ้าคนเราจงใจใช้สมองเป็นเครื่องมือสนองสัญชาตญาณที่ว่า นั่นล่ะไร้ศีลธรรมเข้าขั้นจริงๆ”
“หมอกำลังด่าผม” สายตากระด้างจ้องเขม็งไปยังหมอหนุ่มผู้พร่ำออกมาอย่างตรงเสียยิ่งกว่าตรง
“โรคเครียดของคุณเกิดจากตัวคุณนั่นแหละครับ ถ้ายังหมกมุ่นกับเรื่องอำนาจที่คอยแต่จะเหยียบข้ามศีรษะใครต่อใครไปหาความสำเร็จ อืม...เอาเป็นว่าถ้าคุณยังคงใช้สมองคิดทำในสิ่งผิดๆผมว่าคุณคงจะเป็นคนที่ก้าวขึ้นแท่นอย่างรวดเร็วสมใจอยากแน่ครับ แต่คงไม่คุ้มกับภาวะตึงเครียดที่ทุกคนรอเหยียบเมื่อคุณล้มนี่หรอก ผลข้างเคียงน่ะอันตรายนะครับ”
หยดอุ่นๆสีแดงหยดลงตามแง่หิน ลำตัวล้มลงกระแทกกระทบพิ้น
หึ...เนื้องอกในสมองรึ น่าขำ ต่อให้ต้องแลกด้วยความตายแต่อำนาจก็ยังอยู่ในมือเราไม่มีใครมาแย่งมันไปได้ ....ผมยิ้มให้กับตัวเองแล้วหงายตัวพลิกขึ้น จ้องมองขึ้นไปยังแผ่นฟ้ากว้าง แสงอาทิตย์สาดส่องลงมา ผมค่อยๆยกมือขึ้นอย่างยากเย็นทาบตรงกับตำแหน่งดวงสว่างกลมใหญ่ที่เมื่อมองจากตรงนี้มันดูเล็กซะเหลือเกิน ผมค่อยกำมือลงแน่นพน้อมกับปิดเปลือกตาด้วยรอยยิ้ม
ผมไง...ผู้ชนะที่เหมือนได้หลุดพ้นแล้ว ความชั่วที่กระทำ ความยึดติดที่ทำให้ผมเป็นนักโทษแห่งอำนาจของสัญชาตญาณที่อาศัยสมอง ผมหยุดแล้ว...ว่าไงหมอ...หึ หมอจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าผมหนีการผ่าตัดมาเพื่อหยุดห้วงสำนึกที่มันบกพร่องให้มันตายไปพร้อมกับ...จิตวิญญาณของผม
....ให้ตายสิ.... ผมไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลย เพราะมันมีสมองอย่างนี้ไง
คุณว่า.....ชีวิตมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ตรงไหน แต่มันไม่สำคัญเท่า....บางสิ่งบางอย่างที่จะช่วยให้คุณ “หลุดพ้น”
ผลงานอื่นๆ ของ TheWhiteMask ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ TheWhiteMask
ความคิดเห็น