คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Soul |-00-|
Soul |-00-| Beginning
ในความมืดของราตรี แสงสีแดงของดวงตาสองคู่สว่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิด คู่หนึ่งสว่างเป็นพิเศษเมื่อเห็นดวงไฟสีเขียวในมือของอีกคนหนึ่ง...
ผู้ถือดวงไฟสีเขียวบรรจงยกดวงไฟนั้นขึ้นมาช้า ๆ แสงสีเขียวจากดวงไฟสาดส่องที่ใบหน้าของเจ้าของ เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่โผล่พ้นผ้าพันคอสีขาวซีดออกมา...
“สนใจจะรับวิญญาณสักดวงไหมครับ ?”
tututututututututu
เสียงกระดิ่งดังกริ๊งกร๊างเมื่อบานประตูไม้สักโบราณถูกผลักเปิดเข้ามา ชายในชุดสูทสีดำสองคนที่ยืนรอต้อนรับขยับแว่นตาสีดำที่สวมอยู่ ก่อนสะบัดชายเสื้อสูทเผยให้เห็นกระบอกปืนแม็กกาซีนสีเงินที่เหน็บไว้บริเวณเอว ทำให้ผู้มาเยือนถึงกับตัวสั่นยอมยกสองมือขึ้นเหนือหัว ให้ชายชุดดำทั้งสองค้นตัวแต่โดยดี
“ม...ม...ไม่มีอะไรหรอก...ผ...ผม...ร...รู้...รู้ระเบียบที่นี่ดี”
“อย่าเสียมารยาทกับลูกค้า!” เสียงเรียบตวาดลั่นมาจากบานประตูฝั่งตรงข้ามที่เปิดออกเล็กน้อย
ชายชุดสูททั้งสองหยุดการค้นตัวลง แล้วยืนตัวตรงนิ่งรับ ราวกับทราบว่าตนเองมีความผิด ทำให้เสียงนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ
“คุณสามารถไม่ได้พกของอันตรายมา อ้อ แต่อย่าลืมปลดเครื่องส่งสัญญาณที่นาฬิกาข้อมือออกก่อนนะ มันใช้ไม่ได้ตั้งแต่ที่คุณผ่านรั้วบ้านผมเข้ามาแล้ว”
สามารถถอนใจ แต่ก็แอบหนักใจ เขาพยายามมาไม่รู้กี่รอบที่จะทำให้ตัวเองได้รู้สึกสบายใจว่าอย่างน้อยก็มีคนรู้ความเคลื่อนไหวของเขาตลอดเวลาที่ต้องเข้ามาในบ้านหลังนี้ แต่ดูเหมือนเจ้าของบ้านหลังนี้จะไม่ต้องการให้ใครเข้ามาโดยที่มีคนรู้เห็นจากภายนอกได้เลย...
...ไม่เลยแม้แต่น้อย...
ชายหนุ่มปลดเครื่องส่งสัญญาณออกจากนาฬิกาข้อมือ หย่อนลงใส่ถังขยะ ก่อนจะเข้าไปในประตูตรงหน้า ภายในห้องไม่ได้มีขนาดกว้างนัก ทั้งที่เป็นห้องทำงานของเจ้าของบ้าน ผนังปูนปิดวอลเปเปอร์ลายไม้ พื้นไม้ปาร์เก้มันวาว เครื่องเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นเครื่องไม้สักทอง ทั้งชั้นวางหนังสือไม้สักที่เต็มไปด้วยหนังสือต่าง ๆ มากมายที่ห่อปกสีดำสนิท โต๊ะทำงานไม้ตรงหน้ามีคอมพิวเตอร์อย่างดีเปิดเครื่องทิ้งไว้อยู่ เก้าอี้สองฝั่งทั้งฝั่งของเจ้าของห้องและฝั่งของผู้ติดต่อเป็นชุดเดียวกันคือเป็นเก้าอี้บุด้วยหนังสีดำดูจะตัดกับเครื่องเรือนอื่น ๆ ที่เป็นเครื่องไม้ ซึ่งตอนนี้ด้านหลังของโต๊ะไม้นั่น เจ้าบ้านที่สามารถมาขอพบกำลังเอนหลังพิงพนักอย่างสบายอารมณ์
“คราวนี้แถบสถานีรถไฟมีอะไรอีกล่ะครับ” เจ้าของห้องเอ่ยถาม “หวังว่าพอผมปล่อยให้ลูกน้องมีอิสระในการดูแลกันเองคงไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไรหรอกนะ”
“นิดหน่อย” สามารถตอบ พยายามทำตัวเองไม่ให้สั่น “ไอ้รุจน์มันเก็บเปอร์เซ็นต์มากขึ้นกว่าที่คุณชาดเคยเก็บ มันทำให้พวกผมลำบาก”
“หืม...” คราวนี้ชาดเริ่มรู้สึกสงสัย เขาหมุนเก้าอี้กลับมามองจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดทิ้งไว้
ชาดเป็นชายหนุ่ม...ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีอายุถึงสามสิบปี เขาสวมชุดเสื้อยืดแขนยาวสีเทาดำ พันผ้าพันคอสีขาวหม่นปิดทั้งคอทั้งปาก เผยให้เห็นแต่เพียงเส้นผมสีดำที่ยาวปรกตาข้างซ้าย ส่วนตาข้างขวาก็ถูกหมวกปีกสีดำใบเล็กปิดเอาไว้จนมองไม่เห็น จะเห็นผ่าน ๆ ก็เพียงแค่ประกายตาข้างซ้ายที่ผ่านเส้นผมออกมาเท่านั้น
และทันทีที่เห็นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เขาก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรออกไปอย่างเร็ว
“ไอ้รุจน์ นี่มึงเก็บส่วนต่างเพิ่มเติมแล้วไม่รายงานกูงั้นเหรอ...” เสียงนั้นเรียบเย็น แต่แฝงอำนาจข่มเหงอย่างชัดเจน จนคนที่นั่งอยู่ด้วยยังอดหวาดกลัวไม่ได้
“ขอโทษ ผมขอโทษครับนาย ผมไม่ได้ตั้งใจ” รุจน์อ้อนวอนผ่านสัญญาณโทรศัพท์
“ไม่ต้องมาขอร้องกู กูให้อิสระมึงทำงาน มึงกลับมาเก็บเงินลูกค้ากูเพิ่ม แล้วฮุบส่วนต่างไว้เอง มึงเตรียมตัวเลย กูให้เวลามึงหนีสิบนาที ก่อนที่กูจะไปลงโทษมึง” พูดจบชาดก็กระแทกหูโทรศัพท์กลับเข้าที่
แล้วผู้เป็นเจ้าบ้านก็ลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นหัวเข็มขัดรูปกะโหลกมนุษย์สีขาว ที่คาดรัดกางเกงขายาวสีดำเอาไว้ ชาดโค้งให้สามารถหนึ่งครั้ง กล่าวขอโทษ แล้วก้าวฉับออกไปจากห้องทันที...มันคงจะดี กว่านี้ ถ้าสามารถไม่เห็นเจ้าของบ้านหนุ่มเดินทะลุประตูห้องออกไป!!
tututututututututu
“ริช บอกคนไปเก็บสินค้าชิ้นใหม่ในห้องทำงานฉันด้วยนะ กำลังใช้ได้เลย” นี่คือประโยคแรกที่ชาดเอ่ยปากเมื่อเขาเดินทะลุผ่านกำแพงออกมาจากคฤหาสน์หลังงามของตนเอง โดยมีค้างคาวสีดำโปร่งแสงบินตามออกมาด้วย
“รับทราบขอรับ” เจ้าค้างคาวตอบเสียงใส ก่อนจะบินหายกลับเข้าไปในบ้าน
“ทีนี้ก็เหลือแต่ไอ้พวกไม่รักดีแล้วสินะ”
พูดจบ ภาพรอบด้านของชาดก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเข้ม แดงดุจชื่อของเขา “ชาด” สีแดงเข้มที่ให้อารมณ์ร้อนแรง แล้วพลัน...ชาดก็ก้าวออกมาบริเวณยอดตึกสูงแห่งหนึ่งซึ่งเป็นอาคารทำการของบริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ของประเทศในนามกลุ่มบริษัท GOULA SENT Group ผู้รับขนส่งสินค้าทั่วประเทศ และทั่วโลก ชายหนุ่มทอดสายตามองลงไปด้านล่าง ก่อนเจ้าตัวจะหายตัวไปจากยอดตึกแห่งนั้น และปรากฏตัวอีกครั้ง...
...ตรงหน้าของเด็กหนุ่มผมทองหน้าตาดี เจาะหูข้างละสามรู ที่ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขามายืนตรงหน้า!!!
“กูให้โอกาสมึงหนีแล้วนะ ไอ้รุจน์” ชาดเอ่ยเรียบ ๆ แต่ประกายตาที่ลอดผ่านม่านผมออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยอำนาจมหาศาลที่กดดันให้รุจน์ถึงกับตัวสั่นงันงก
“ย...ย...อย่า...อย่าทำผมเลยนาย...” รุจน์ยกมือพนมเหนือหัวหวังให้ผู้เป็นนายยอมยกโทษให้เขา
“สายไปแล้วมึง มึงก็รู้ว่ากูเกลียดพวกลักกินขโมยกินที่สุด แต่มึงก็ยังจะทำกับกูได้ กูไม่เลี้ยงไว้หรอกพวกงูเห่าเลี้ยงไม่เชื่อง” ชาดพูดจบก็ชักปืนออกมาจากความว่างเปล่าด้านหลัง
ปืนกระบอกนั้นสีดำสนิท แต่ปากกระบอกนั้นกลับเป็นหัวกะโหลกสีขาวอ้าปากกว้าง ปลายกระบอกเป็นลูกไฟสีม่วงลอยอยู่...แน่นอนว่ามันไม่ใช่ปืนธรรมดาเป็นแน่...
“ลาขาดล่ะไอ้รุจน์” แต่จังหวะนั้นรุจน์ชักปืนของตนออกมาแล้วยิงใส่ผู้เป็นนายตรงหน้าด้วยตนเองจนตรอก ทว่า ผลที่เกิดขึ้นกลับทำให้คนยิงถึงกับตาค้าง เพราะกระสุนนั้นกลับทะลุร่างของคนตรงหน้าออกไปโดยไม่เป็นอะไรเลย
ผ้าพันคอสีขาวร่นลงเห็นรอยยิ้มอันน่าหวาดหวั่น ปืนกะโหลกถูกยกขึ้นประทับตรงหน้าผากของของรุจน์ ลูกไฟสีม่วงลุกโชนพวยพุ่งผ่านศีรษะของวัยรุ่นผมทอง แล้วพุ่งโค้งขึ้นฟ้า หล่นกลับลงมาบนฝ่ามือของชาด เหลือเพียงดวงไฟสีเขียวเพียงดวงเดียว
“วิญญาณค่อนไปทางชั่วร้าย แต่ระดับยังต่ำอยู่แหะ ขายนรกคงได้ไม่เท่าไร เก็บไว้ขายพวกปีศาจดีกว่า” พูดจบลูกไฟดวงนั้นก็ถูกยัดใส่หัวเข็มขัดกะโหลก ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มที่หายตัวไปจากที่ตรงนั้น เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณของรุจน์ที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
tututututututututu
ในความมืดของราตรี แสงสีแดงของดวงตาสองคู่สว่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิด คู่หนึ่งสว่างเป็นพิเศษเมื่อเห็นดวงไฟสีเขียวในมือของอีกคนหนึ่ง...
“สนใจจะรับวิญญาณสักดวงไหมครับ ?”
ความคิดเห็น