คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ชั้นที่ 14 ร้ อ ง ข อ < R e q u E sT > (2)
ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว .... ไฟฉายของเด็กหนุ่มตกลงบนพื้น แสงไฟกะพริบก่อนจะดับลง ชัญยืนตัวแข็งทื่อ ศิลป์พยุงตัวเองลุกขึ้นพลางมองไปที่บานประตูที่หลุดออกมาแล้วมองกลับไปยังห้องนั้น มือขาวซีดยื่นออกมาจับขอบประตูไว้แล้วค่อยๆดึงร่างกายส่วนที่เหลือให้พ้นประตู ร่างของมันออกภายนอก เสียงครางอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ แสงตอนนี้ไม่มีทางมองเห็นได้ชัดนัก มันขยับตัวเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มแล้วลุกขึ้นยืน ร่างกายมันอ่อนราวกับว่าไม่มีกระดูก เสียงน้ำหยดเป็นทางที่มันเคลื่อนเข้ามา ชัญส่องไฟไปยังร่างนั้น.......
ผมสีดำสนิทที่เปียกโชคไปด้วยน้ำ ใบหน้าซีดจนแทบจะขาวเหมือนกระดาษ ดวงตาดีแสงสดจ้องเขม็งไปที่เด็กสาว หน้าตาบวมอืดจนเกือบไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่น้อย ชุดนักเรียนที่สวมอยู่เปียกน้ำไปกว่าครึ่ง มันค่อยๆก้าวเข้ามาร่างโงนเงนเหมือนกำลังจะล้ม เด็กหนุ่มสัมผัสได้....แรงอาฆาตเพิ่มขึ้น สันหลังเย็นวาบ ถึงไม่รู้ว่ามันมีจุดประสงค์อะไร แต่ที่แน่ๆมันไม่ได้มาดี ..........
“ ท....ร......ม.........า........น ” เสียงแหบแห้งชวนขนลุก ร่างนั้นทรุดลงกับพื้นก่อนจะพยายามพยุงตัวเองลุกยืนอีกครั้ง
“ ฆ่.....า ต้องฆ่าให้ได้ ” มันเคลื่อนตัวผ่านความมืดเข้ามาอย่างเชื่องช้า กลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจากร่างนั้น นัยน์ตาสีแดงกล่ำจับจ้องไปที่เด็กสาวอย่างไม่วางตา ชัญยืนนิ่ง สภาพน่าสะอิดสะเอียนทำให้เธอไม่อาจจะละสายตาจากมันได้ เด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้า มือซ้ายของเขาจับไหล่ขวาแน่นถนัด แรงที่ประตูกระแทกไหล่คงเจ็บไม่น้อย ศิลป์พยายามเก็บอาการเจ็บปวดแล้ววิ่งไปกระแทกร่างนั้นอย่างแรง มันกระเด็นถอยหลังไปแต่ก็ทรงตัวให้ยืนอยู่ได้ ชัญวิ่งเข้าไปนั่งข้างๆศิลป์ที่นั่งคุกเข่าที่พื้น สีหน้าของเด็กหนุ่มแสดงออกถึงความเจ็บปวด ก้อนหินที่พื้นข้างๆตัวมันลอยขึ้นแล้วพุ่งตรงมาที่พวกเขา
“ ชัญหนี!! ” ศิลป์ผลักตัวเธอให้ออกนอกรัศมี ก้อนหินกระแทกพื้นปูนอย่างแรง พื้นอาคารสั่นจนรู้สึกได้ ร่างนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามา มันหยุดยืนอยู่ห่างจากชัญไม่ถึงคืบ ร่างชัญถูกยกขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ ต้....อ.....ง.....ฆ่......า ” มันแสยะยิ้ม ชัญพยายามฝืนมือที่บีบคออยู่แต่ก็ไม่เป็นผล แรงมันเยอะเกินไป
หายใจไม่ออก!! ปล่อยไว้แบบนี้แย่แน่ เธอใช้มือทั้งสองดึงนิ้วมันออกมาเล็กน้อยแล้วสูดหายใจเต็มปอด มือซีดขาวบีบคอเด็กสาวแรงขึ้น เธอดิ้นอย่างแรงพลางสบถคำด่าต่างๆนา อากาศในปอดแทบไม่มีเหลือแล้ว อึดอัด!! ไม่ไหวแล้ว!! ดวงตาพล่ามัว สิ่งรอบๆเลือนลาง ........
ประตูเหล็กด้านบนถูกกระแทกอย่างแรง เสียงโหยหวนดังอีกครั้ง มือของมันค่อยๆคลายออก ร่างของเด็กสาวฟุบลงบนพื้น เธอค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่งแล้วไอเบาๆ เสียงพึมพำดังแววมาในความเงียบ เสียงแบบนี้......เหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว .... พวกมันกำลังทรมานกับความทรงจำในอดีต แล้วเสียงพึมพำกลับทำให้มันหยุดลง รวมทั้ง ...... หรือว่า เสียงค่อยๆจางหายไป
เด็กหนุ่มเอามือยกตัวเองขึ้นยืนแล้ว ค่อยๆพาตัวเองไปที่ชัญด้วยความระมัดระวัง ร่างนั้นก้าวมาข้างหน้าแล้วเอื้อมมือออกไป ศิลป์ปัดมือมันแล้วดึงดัวชัญขึ้น เธอไอก่อนจะสูดหายใจลึกๆ ศิลป์พาเธอวิ่งลงบันไดไปชั้นล่างแล้วแอบอยู่ข้างห้องใกล้ๆบันได
“ เป็นไงมั่งชัญ ” เด็กหนุ่มหายใจแรงพลางเอามือกุมไหล่อยู่ตลอดเวลา
“ ไม่เป็นไรแล้วละ ศิลป์ละ ”
“ ไม่เป็นไรมากแล้วละ ไม่ค่อยเจ็บแล้ว ” เขาค่อยๆคลายมือออกจากหัวไหล่แล้วหยิบไฟฉายออกมาจากเป้
“ โชคดีที่เอามาเผื่อ ” เขาพูดแล้วหันมายิ้มให้ชัญ “ ตอนนี้เราโดนล้อมแล้วละ ” ศิลป์พูดต่อ
“ โดนล้อม?? ” เด็กสาวทวนคำถาม
“ ชั้นห้ามีผีผู้ชายตนมื่อกี้ ชั้นสองก็ผีผู้หญิงที่ถูกแยกส่วน ชั้นแรกมีผีตัวขาดอีก ที่แย่ที่สุดคือชั้นสาม เพราะเราไม่รู้ว่ามีอะไร อยู่ๆประตูก็พังแต่ก็ไม่เห็นว่ามันเป็นตัวยังไงกันแน่ ..... ” เด็กสาวหยุดคิด ร่างของผู้หญิงที่โผล่ออกมาจากประตูนั้นเป็นใคร
“ เราเห็น ..... สิ่งที่ออกมาจากห้อง แต่ไม่ใช่หรอกนะไม่ใช่เธอคนนั้น ” เด็กสาวก้มหน้าลงแล้วพูดต่อ “ แต่ว่า...เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...แววตาแบบนั้น!! ”
เด็กหนุ่มขยับแขนขึ้นลงเบาๆ อาการเจ็บทุเลาลง เขาเปิดสวิตช์ไฟฉายในมือมันสว่างเพียงแว๊บแรกแล้วดับไป ศิลป์หยิบถ่านออกมาจากกระเป๋าแล้วเปลี่ยนอย่ารวดเร็ว ไฟฉายติดอีกครั้ง เด็กหนุ่มส่องไฟไปตามทางเดินยาว ห้องทุกห้องปิดสนิท ไม่มีทางรู้ว่าห้องไหนเป็นห้องที่ใช้ทำพิธีกันแน่ถ้าไม่ลองเข้าไปดู คงต้องเริ่มสำรวจชั้นนี้แล้วล่ะนะ
แสงไฟโบกไปมา เด็กหนุ่มก้าวอย่างระมัดระวัง ชั้นนี้มีแต่ห้องเรียนกับห้องน้ำ ถ้าจะพังเข้าไปด้านในก็เลิกหวัง หน้าประตูทุกบานถูกคล้องด้วยโซ่ขนาดใหญ่แทบไม่มีที่จะใช้แรงคนสองคนที่ไม่มีเครื่องมืออะไรพังได้เลย คืมตัดเหล็กที่ศิลป์เอามาก็เล็กเกินไป เด็กหนุ่มลองดึงประตูเบาๆถึงจะเปิดออกแต่ก็ได้นิดเดียว จะมองลอดเข้าไปแบบเมื่อกี้คงไม่ไหว ถ้าตัวแบบนั้นออกมาอีกไม่รู้ว่าคราวนี้จะรอดเหรือเปล่า จะทำไงดีล่ะ!! ศิลป์ใช้มือขยี้หัวเบาๆพลางหันหน้าไปมองชัญ เธอมองตรงไปข้างหน้าแล้วยกแขนขึ้น
“ ห้องนั้น !! ” เด็กสาวชี้ไปที่ห้องเรียนที่อยู่สุดระเบียง
“ มั่นใจมั้ย?? ”
“ ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เรารู้สึก..... “
“ งั้นก็ไปดูกัน ”
ศิลป์ออกเดินไปบนทางเดินแล้วจับมือชัญให้เดินตามมาติดๆ เศษปูนจากเพดานร่วงลงมาถูกหัวของเด็กหนุ่ม เขาเอามือปัดก้อนปูนเล็กๆที่ติดอยู่บนหัวทิ้งในขณะที่ขาทั้งสองจ้ำอ้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างเร็ว เสียงหมาหอนดังเบาๆ ชัญหยุดนิ่งอยู่กับที่แล้วหันหน้าไปมาใบหน้าเธอซีดลงเล็กน้อย สายลมกรรโชกพัดผ่านอีกครั้ง ฝุ่นที่พื้นปลิวออกไปตามแรงลม บางอย่างอยู่ที่พื้น!! เด็กหนุ่มส่องไฟลงไป ตัวอักษรสีดำคล้ำขนาดใหญ่ห้าตัว มีรอยดำลากเป็นทางยาวขึ้นไปบนกำแพง
“ ทรมาน ” ศิลป์อ่านตัวหนังสือที่พื้นให้ชัญได้ยิน เธอนิ่งเหมือนสิ่งที่เขาพูดมันไปไม่ถึงการรับรู้ สายตาจดจ้องไปที่กำแพง ตัวหนังสือสีแดงสดถูกละเลงจนเกือบอ่านไม่ออก ตัวอักษรซ้อนทับกันจนมั่ว แต่ทั้งหมดมีแค่คำเดียว ร ะ วั ง!!
เสียงหอนดังอีกครั้ง มันดังจนชัญต้องยกมือมาปิดหูทั้งสองข้าง มันไม่ทำให้เบาลงแต่น้อยราวกับมันดังอยู่ในหูตลอดเวลา สายลมพัดผ่านร่างกายจนรู้สึกเย็นไปทั้วตัว ชัญลดมือลงมากอดอกเพื่อลดอาการหนาวที่เกิดขึ้น ร่างกายเธอสั่นเทา .....
ตุ๊บ!! ตุ๊บ!!
เสียงฝีเท้าดังมาจากบนหัว เศษปูนเล็กๆร่วงลงมาจากเพดานทุกครั้งที่เกิดเสียง เด็กหนุ่มสองไฟขึ้นไป เสียงฝีเท้ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง รอยร้าวเกิดขึ้นเป็นจุดเล็กๆแล้วค่อยๆขยายขึ้นตามแรงกระแทก
มันจะพังลงมา!! ศิลป์เดินเข้าไปหาชัญที่กำลังกอดอกแล้วค่อยๆประคองตัวเธอเดินไปบนทางเดิน ร่างกายของเธอยังคงสั่น ... เด็กสาวหันหน้ามามองเด็กหนุ่มที่กำลังโอบเอวตัวเอง เธอกระซิบเรียกชื่อเขาเบาๆ ศิลป์หันมองแล้วทำสีหน้าสงสัย ชัญฉีกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้า ร่ายกายค่อยๆหยุดสั่น เสียงกระแทกเงียบลง ประตูห้องนั้นอยู่แค่เอื้อม
แกร๊ก!!
บานประตูถูกเปิดออกแต่ก็ติดโซ่ที่คล้องอยู่ด้านหน้า ศิลป์ดึงประตูอย่างแรง ถึงโซ่จะทนได้แต่ความผุของประตูทำให้ส่วนที่ถูกโซ่คล้องหลุดออก เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปในห้องที่มีแต่ความมืด เขาเดินตรงไปเปิดหน้าต่างเพื่อระบายลม กลิ่นอับค่อยๆจางลง แสงจันทร์ส่องเข้าทางหน้าต่างทำให้พอมองเห็นภายในห้องได้
เด็กสาวเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมก่อนจะมองไปรอบๆ มันเหมือนห้องโล่งๆ ดูแถบไม่รู้เลยว่าเป็นห้องเรียน ข้าวของถูกเคลื่อนย้ายออกจนหมดแม้กระทั่งกระดานดำ ชัญหมุนตัวแล้วกวาดสายตาไปทั่วห้อง ถึงแม้จะไม่เหลือสภาพเดิมแต่เธอก็ค่อนข้างมั่นใจ ความรู้สึกในตอนนั้นมันยากที่จะลืมเลือน........
หนังสือถูกเอาออกมาจากเป้ก่อนจะค่อยๆเปิดมัน เด็กหนุ่มวางหนังสือลงบนพื้นตรงกลางห้องแล้วหันหน้ามาทางชัญ
“ ทำยังไงต่อ “ เธอมองหน้าศิลป์แล้วส่ายหน้า สภาพห้องที่ไม่เหลืออะไรเลยแบบนี้ไม่มีทางรู้อะไรเพิ่มขึ้นเลย ศิลป์ย่อตัวลงนั่งยองๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือ เขาลุกขึ้นพลางเปิดหนังสือไปหน้าที่มีข้อความ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2531
โรงเรียนได้ถูกปิดลงอย่างไม่มีกำหนดการ เด็กนักเรียนที่นั้นหายไป 26 คน ซึ่งอีก 25 คนถูกพบศพในเวลาต่อมา สภาพศพทั้งหมดเหมือนกันหนังบริเวณหน้าอกถูกเลาะออก แต่กลับไม่พบศพอีกหนึ่งศพซึ่งตอนนี้ก็ยังสาบสูญ
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2531
พิธีกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ตัวข้าได้นำร่างเด็
เด็กหนุ่มมองหนังสือตาไม่กะพริบพลางเอ่ยชื่อเด็กสาวเบาๆ เธอหันมามองก่อนจะเดินเข้าไปหา ศิลป์ชี้ไปที่ตัวอักษรสีแดงสดแล้วหยิบไฟฉายที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงออกแล้ว เขายื่นมันไปเด็กสาว แสงไฟสว่างขึ้น ....ศิลป์ชี้ไปที่ข้อความอีกครั้ง
“ ชัญเมื่อกี้บอกว่า....วันที่บนกระดานดำมันเป็นวันที่เท่าไรนะ ” เด็กสาวทำหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะมองไปที่ข้อความในหนังสือ ...... ดวงตาเธอเบิกโพลง
“ ยะ...ยี่สิบสาม !! ” เด็กสาวหันไปมองหน้าศิลป์ที่กำลังอ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ ถ้าพวกนั้นตายตั้งแต่วันที่ยี่สิบสาม .... แล้วใครที่เป็นคนเขียน ใครกันที่เป็นคนทำพิธีในวันที่ยี่สิบห้า ”
“ หมายความว่า...พิธีในวันที่ยี่สิบสาม...มันไม่สมบูรณ์อย่างนั้นหรอ ”
“ มันก็เป็นไปได้ ” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วพูดต่อ “ ถ้างั้นคนที่ทำพิธีในวันที่ยี่สิบห้าคือใครล่ะ? ”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปิดเทอมนี้จะเอาเรื่องนี้ให้จบ ผิดพลาดประการใด หรือหากไม่พอใจตรงไหน
แนะนำ หรือติได้ทุกเมื่อนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
ปล. อยากได้คอมเม้นมั่ง ไม่ใช่อ่านอย่างเดียว เม้นมั่งก็ดีนะครับ
ความคิดเห็น