คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ชั้นที่ 14 ร้ อ ง ข อ < R e q u E sT > (1)
ใครมาอ่านก็ขอเสียงหน่อยจิครับ วิจารหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้นอะ
ดวงจันทร์เคลื่อนตัวออกจากมวลเมฆอีกครั้ง สายลมพัดผ่านทำเอาต้นไม้ไหวเอน กิ่งไม้เสียดสีกันเกิดเป็นเสียงดังชวนขนลุก ความโดดเดียว ความเสียใจ ความอาฆาต ความรู้สึกนี้มันส่งผ่านมาถึงตัวเรา เด็กสาวลืมตาขึ้นช้าๆ เธอมองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังเก็บหนังสือใส่กระเป๋าก่อนจะยืนขึ้น
“ แล้วเราต้องทำยังไง ” ศิลป์ยื่นมือไปทางชัญ เด็กสาวจับมือแล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบๆ
“ เราคงต้องหาห้องนั้นให้เจอก่อน ”
“ ห้อง? ห้องที่ใช้คำพิธีใช่มั้ย ” ชัญพยักหน้า “ หมายความว่าเราจะต้องไปดูทุกห้อง แบบนั้นหรอ ! ” ศิลป์พูดต่อ
“ คงไม่ถึงแย่ขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าอยู่ในตึกนี้แล้วก็ไม่ใช่ห้องน้ำ ” เด็กสาวหันมาส่งยิ้มให้ถึงจะเป็นรอยยิ้มที่เศร้าแต่คงเป็นกำลังใจอย่างดี ศิลป์ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง “ งั้นเราก็ไปหามันกันเถอะ ไอ้ห้องที่ว่านั่น ”
เด็กหนุ่มเริ่มขยับขาอีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าไปหาบานประตูที่ถูกย้อมด้วยโลหิต ประตูเหล็กถูกเปิดออก เสียงแอ๊ดดังยาวในความเงียบ เด็กหนุ่มก้าวผ่านประตูเข้าไปในความมืด แสงไฟสว่างขึ้น ชัญเปิดไฟฉายอีกกระบอก แสงสว่างขึ้นได้เพียงชั่วครู่แล้วค่อยๆดับลง เธอเขย่าไฟฉายเบาๆ ถ่านหมด!!
“ ศิลป์ ถ่านหมด ” ชัญเอื้อมมือไปสะกิดตัวเขาเบาๆ เด็กหนุ่มปลดเป้ลงแล้วค้นของในเป้ เขาหยิบถ่านไฟฉายขึ้นมาแล้วทำท่าจะส่งมันไปให้ เด็กสาวยิ้มเล็กๆแล้วยื่นไฟฉายมาให้ศิลป์แทน ดูท่าเธอคงจะไม่ถนัดเรื่องแบบนี้เท่าไร ไฟฉายถูกเปิด .........
โรงเรียนมันน่ากลัวจริงๆ แค่โรงเรียนธรรมดาก็เกิดพอ แล้วนี่..โรงเรียนร้าง ใยแมงมุมเต็มเพดาน ส่องไฟขึ้นไปทีไรก็หลอนทุกที เด็กหนุ่มลดไฟไปที่พื้นด้านล่าง แม้เป็นพื้นปูนแต่โครงด้านในก็ทำจากไม้ซะส่วนใหญ่ ถึงจะเป็นตึกเรียนแค่ห้าชั้น แต่โครงทำจากไม้แบบนี้ไม่ค่อยแข็งแรงเลย จะว่าไปก็มีแต่ชั้นบนนี่น่าที่เห็นตัวไม้ หรือว่าเพราะพึ่งสังเกตกันนะ
แกร๊บ!!
เด็กหนุ่มก้าวลงบนบันไดขั้นสุดท้าย เสียงไม้แบบนี้ท่าทางจวนเจียนจะพังแล้วสินะ เขาผ่อนน้ำหนักตัวแล้วเปลี่ยนไปเหยียบที่ขอบบันไดแทน
“ ชัญ ระวังนะบันไดขั้นนั้นมันจะพัง ” เด็กสาวชะงักแล้วชักเท้ากลับไปยืนบนบันไดขึ้นเดิม เธอค่อยๆวางเท้าเบาๆที่ขอบบันไดก่อนจะก้าวลงไปที่ขั้นต่อไป
แกร๊บ!!
เสียงดังขึ้น ..... แต่มันไม่ได้ดังมาจากบันไดขั้นนี้ !! กระแสลมพัดผ่านช่องประตูด้านบน เสียงหวีดหวิดเหมือนคนกำลังผิวปากเป็นท่วงทำนองที่โหยหวน
ปัง!!
ประตูเคลื่อนที่เข้าหากันก่อนจะกระแทกอย่างแรง เสียงกรีดร้องด้วยความจ็บปวดดังขึ้นจากด้านหลังประตู ไฟฉายหลุดมือชัญหล่นลงบนพื้นแล้วกลิ้งไปบนทางเดิน แสงไฟส่องไปตามทางที่ไฟฉายเคลื่อนผ่าน มันกระแทกกับขอบประตูห้องที่แง้มอยู่แล้วค่อยๆดับลง
เด็กสาวยืนนิ่ง ความเย็นแผ่ซ่านไปถึงไขสันหลัง ขนทุกเส้นลุกชันแบบไม่ทันตั้งตัว เสียงหวีดร้องยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่ว ชัญหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูกแต่ก็ไม่ทำให้กลิ่นจางลงแต่น้อย แสงสลัวจากด้านนอกพอที่จะเห็นสีหน้าของชัญที่กำลังตกใจ เสียงหวีดร้องค่อยหายไป แต่กลิ่นเลือดกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
บางอย่างจากด้านนอกกระหน่ำทุบประตูเหล็กอย่างแรง บานประตูสั่นไหว เสียงโหยหวน เสียงครวญคราง เสียงร้องขอความช่วยเหลือเกิดขึ้นมั่วซั่วจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ชัญก้าวถอยห่างจากประตูจนไปชนกับขอบระเบียง เศษปูนร่วงกราวลงบนพื้น เสียงต่างๆเงียบลงพร้อมกับกลิ่นคาวที่ค่อยๆจางลงเหลือแต่ความเงียบอีกครั้ง
ศิลป์ยืนนิ่งอยู่บนทางเดินในขณะที่ชัญกำลังตกใจสุดขีด เสียงคนพูดพึมพำดังแว่วมาตามความมืด มันเป็นภาษาแปลกๆฟังดูคล้ายบทสวดมากกว่าจะเป็นการพูดธรรมดา ร่างกายของศิลป์หยุดชะงัก ไฟฉายในมือตกลงบนพื้นแล้วกลิ้งตรงไปที่ชัญ เด็กสาวก้มลงมองแล้วค่อยๆย่อตัวหยิบมันขึ้นมา
ไฟดับลง!! .... แสงจากดวงจันทร์ไม่เพียงพอที่จะทำให้มองเห็นสิ่งรอบตัวได้มากนัก เด็กสาวเอามือตบปลายกระบอกเบาๆ ไฟฉายสว่างอีกครั้ง ....... เสียงต่างๆเงียบลง เด็กหนุ่มยังยืนอยู่กับที่ ไฟฉายถูกกวัดแกว่งไปรอบๆ เด็กหนุ่มขยับตัวแล้วเดินมาที่ชัญก่อนจะเอามือจับแขนเธอไว้
“ ชัญ! อย่าส่องไฟมั่วๆ มันมองเราอยู่ รู้สึกมั้ย! “ เด็กสาวค่อยๆลดไฟฉายลงก่อนจะปิดสวิตช์ไฟฉาย ความมืดเข้าครอบคลุมอีกครั้ง บรรยากาศรอบๆเปลี่ยนไป ชัญเอามือทั้งสองมากอดอกพลางใช้ผ่ามือถูที่ต้นแขนให้เกิดความอุ่น แต่ก็คงช่วยได้ไม่มาก อากาศตอนกลางคืนในเวลาปกติก็ค่อนข้างเย็นอยู่แล้ว ยิ่งมาอยู่ในที่แบบนี้มันยิ่งเย็นเป็นเท่าตัว
อึดอัด!! รู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ท้วนที่กำลังมองมา น่าจะมากกว่าห้า .... ไม่สิเยอะกว่านั้น!! เด็กสาวสูดหายใจเต็มปอดแล้วค่อยๆผ่อนลมออกทีละน้อย ท่าทางชัญจะลดความเครียดที่มีอยู่ลงได้มากแล้ว สีหน้าของเธอดีขึ้นแต่ยังคงตกใจอยู่ไม่น้อย สายตานับสิบที่จ้องมอง ...... แววตาที่เลื่อนลอย แต่กลับไม่รู้สึกถึงแรงอาฆาต .... เหมือนพวกเขาต้องการอะไรบางอย่าง แต่อะไรล่ะที่เขาต้องการ!!
สายลมที่โกรธเกรี้ยวพัดผ่านตัวตึก ศิลป์ยกมือขึ้นมาบังดวงตาเพื่อไม่ให้ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายเข้าไปทำให้เกิดอาการเคือง ....... ไม่รู้สึกว่าถูกมองอีกแล้ว ชัญเปิดสวิตช์ไฟฉาย แสงไฟสว่างวาบในความมืด ฝุ่นที่พื้นจับตัวกันเป็นตัวอักษรพอมองเห็น … ช่ ..... เด็กสาวส่องไฟไปที่ตัวอักษรเพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น ตัวหนังสือหวัดๆเป็นข้อความสั้นๆ ...........
“ ช่วยด้วย!! ” ชัญอ่านข้อความที่เขียนบนพื้น เด็กหนุ่มเดินไปหยิบไฟฉายที่เธอทำตกก่อนจะเดินเข้าไปแล้วเปิดไฟฉายอีกครั้ง
“ ข่วยอะไร!! ”
“ เราก็ไม่รู้...แต่รู้อย่างเดียวคือ พวกนี้ไม่ได้จะมาทำร้ายเรา ”
“ ถือว่าเป็นข่าวดีมั้ยเนี่ยชัญ ”
“ เราต้องช่วยพวกเขานะศิลป์ ” เด็กสาวจับแขนเขาแล้วเขย่าเบาๆ เด็กหนุ่มพยักหน้า
“ ถึงจะบอกให้ช่วยก็เหอะ แต่จะช่วยจากอะไรละ ?? ”
นั่นสิถึงจะให้ช่วย แต่จะให้ช่วยจากอะไรละ? คนที่ตายไปแล้วยังต้องให้คนเป็นอย่างเราช่วย มันจะมีซักกี่เรื่องเชียวนะ เป็นวิญญาณน่าจะไปไหนมาไหนแล้วทำอะไรได้สะดวกกว่าคนธรรมดานี่น่า แล้วสิ่งที่วิญญาณทำไม่ได้มีอะไรมั่งละ .... ปรากฏตัวตอนกลางวัน !! ตัดทิ้งไปได้เลยถึงแม้จะปรากฏตัวกลางวันไม่ได้ก็ยังมากลางคืนได้นี่น่า ..... เข้าวัด !! ถึงแม้โรงเรียนจะอยู่ใกล้วัด แต่จะเข้าไปเพื่ออะไร .......ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้ แต่ถูกจำกัดไม่ให้ทำล่ะ !!
“ ปลดปล่อย!! ” ชัญพูดขึ้น
“ ปลดปล่อย?? ปลดปล่อยอะไร ” ศิลป์ตีสีหน้าสงสัยแล้วหันกลับไปถาม
“ วิญญาณน่าจะทำอะไรได้สะดวกกว่าพวกเราจริงมั้ย แต่ถ้าพวกนั้นไม่สามารถทำได้ละ ” ชัญมองไปที่ตัวหนังสือแล้วหันกลับไปมองหน้าศิลป์ “ ถูกจำกัดให้อยู่ที่นี่ ถูกจำกัดให้ทนทุกข์กับภาพความทรงจำในอดีต “ เธอพูดต่อ
“ แบบเมื่อกี้ใช่มั้ย ” เด็กสาวพยักหน้าเบาๆ
“ แต่ว่า ..... ” ศิลป์พูดขึ้นอีกครั้ง “ จะปลดปล่อยยังไง ”
“ อาจจะเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นก็ได้ หนังสือที่สามารถกักขังวิญญาณได้ !! ”
“ งั้นเราเริ่มกันเถอะ ”
ไฟฉายทั้งสองกระบอกถูกใช้งานอีกครั้ง แสงไฟส่องไปมาในความมืดพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังเป็นจังหวะ ประตูค่อยๆอ้าออกตามแรงผลัก เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปด้านใน มันเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ ไม่มีโต๊ะเรียนอยู่ในห้องแม้แต่น้อย กระดานดำหน้าห้องยังหลงเหลือรอยชอล์กอยู่เล็กน้อย ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ซ้ายสุดของตึก ชัญเดินเข้ามาในห้องแล้วส่ายหัว เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ ตกลงเราต้องดูทุกห้องจริงๆใช่มั้ย ”
“ จนกว่าจะเจอนั่นแหละศิลป์ ”
“ เวลาจะพอมั้ยเนี่ย ”
ศิลป์ยกนาฬิกาขึ้นมาแล้วเอาไฟฉายส่องไปที่มัน เกือบเที่ยงคืนแล้ว ยังเหลือเวลาเยอะพอสมควร ถ้าสำรวจทุกห้องในเวลาที่มีตอนนี้ ก็น่าจะทันแต่ว่า...มันมีพวกนั้นอยู่นะสิ ถ้าเป็นไปได้ ขออย่าเจอพวกนั้นเลย เด็กหนุ่มถอยออกมาจากห้องแล้วค่อยๆเดินออกไป ชัญเดินตามออกแล้วก่อนปิดประตูห้องแล้ววิ่งตามไป
ประตูห้องข้างๆถูกล๊อค ศิลป์ดึงประตูอย่างแรงเพื่อพยายามจะเปิดมันแต่ก็ไม่เป็นผล โซ่ที่คล้องประตูอยู่มันใหญ่เกินกว่าที่แรงของเขาจะทำให้ขาดได้ ประตูเปิดแง้มได้เล็กน้อย เด็กหนุ่มแนบใบหน้ากับช่องประตู .... มองลอดเข้าไป ..... สบตากับดวงตาสีแดงกล่ำ แววตาจ้องเขม็ง ศิลป์สะดุ้งเฮือกแล้วก้าวถอยออกมาจากบานประตู
ปัง!!
บานประตูหลุดกระเด็นกระแทกกับพนังปูนเสียงดัง เศษปูนร่วงกราวลงบนพื้อนเบื้องล่าง ร่างที่ซ่อนอยู่ภายในห้องค่อยๆคลืบคลานออกมา
ความคิดเห็น