ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    School < โ ร ง เ รี ย น เ ฮี้ ย น >

    ลำดับตอนที่ #13 : ชั้นที่ 12 ป ร า ก ฏ < A p P E a R >

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 51


                    อาคารเรียนที่เต็มไปด้วยปริศนาจะมีคนตายกี่คนกันแน่? อย่างน้อยๆที่โรงยิมส์ก็หนึ่งคน และที่นี่ .......... ท่อนแขนตกลงมาบนพื้น มันพยายามจะเคลื่อนที่โดยใช้นิ้วทั้งห้าเป็นขา มันตรงเข้ามาอย่างช้าๆ สภาพนี้ไม่รู้จะกลัวดีหรือจะสงสารดี กว่ามันจะมาถึงคงใช้เวลาน่าดู

     

                    ปัง!!

                    ลังไม้ที่เหลือเริ่มสั่นไหว แรงกระแทกทำให้ลังด้านบนตกลงมา เศษไม้แตกกระจายบนพื้น เด็กหนุ่มส่องไฟไปในตำแหน่งที่ลังตกลงมา เส้นผมสีดำยาวปะปนกับกองเศษไม้ที่แตกออก ถ้าเดาไม่ผิดมันต้องเป็น ............

     

                    ชัญวิ่งเหอะ ศิลป์จับแขนชัญเบาๆแล้ววิ่งไปบนทางเดินที่มีสภาพผุพังเต็มทน เสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นจังหวะ ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ทางเดินที่มิดทอดยาวเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด เด็กสาวหายใจแรงขึ้นเห็นได้ชัด เธอคงเริ่มเหนื่อยแล้วละ ศิลป์วิ่งช้าลงก่อนจะเดินและค่อยๆหยุดในที่สุด

     

                    ร่างของชัญทรุดลงนั่งบนทางเดิน เธอไอเบาๆ ศิลป์หยิบขวดน้ำอีกขวดขึ้นมาแล้วส่งให้ เด็กสาวรับขวดน้ำแล้วเปิดกินด้วยท่าทางที่กระหาย รอบตัวเต็มไปด้วยความมืดมองอะไรก็แทบไม่เห็น แสงจากดวงจันทร์ก็ถูกเฆมบังจนหมด เหลือก็แค่ไฟฉายแต่มันก็ไม่ได้สว่างมากขนาดจะทำให้เห็นอะไรชัดเจนนัก บรรยากาศในโรงเรียนร้างแบบนี้มันขลังจริงๆ ศิลป์ลุกขึ้นยืนแล้วมองลงไปด้านล่าง …………

     

                    พื้นทรายที่แตกระแหงมีเนื้อที่ค่อนข้างกว้าง ถ้ามันมีหญ้าขึ้นละก็....ใช่จริงๆเหมือนกันมาก เหมือนกันจริงๆทั้งโครงสร้างทั้งการวางตำแหน่งตึก เด็กหนุ่มสังเกตถึงความคล้ายของโรงเรียนทั้งสอง

    ชัญถอนหายใจเบาๆ สีหน้าของเธอดีขึ้น

                   

    แล้วจะเอาไงต่อศิลป์ เด็กสาวยื่นขวดน้ำมาให้ศิลป์

                    ก็คงต้องหาวิธีที่จะทำให้เห็นตัวอักษรได้เสียก่อน

                    ขอดูหน่อยได้มั้ย ชัญหงายมือขึ้นมา เด็กหนุ่มเก็บขวดน้ำแล้วกำลังจะส่งหนังสือไปให้ ....

     

                    โครม!!

                    ประตูห้องข้างๆที่ปิดสนิทถูกกระแทกอย่างแรง มันสั่นไหวจนสนิมที่บานพับหลุดออก เด็กสาวดึงมือกลับแล้วใช้มือพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน ศิลป์เก็บหนังสือใส่เป้แล้วเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง อะไรอยู่ในนั้น?? เสียงโครมดังอีกครั้งพร้อมกับบานประตูที่หลุดออก ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มส่องไฟไปที่บานประตู ไม่มีอะไร??ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่สิ่งที่เคลื่อนไหว อะไรกัน!!

     

                    ไปดาดฟ้าก่อน!! สิ่งเดียวที่โรงเรียนทั้งสองไม่เหมือนกันคือดาดฟ้าและพวกเขาก็กำลังจะไปที่นั่น ศิลป์วิ่งขึ้นบันไดตรงกลางของอาคารอย่างเร็ว เสียงเท้าดังขึ้นมากมาย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเสียงเท้าแล้ว เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วขว้าข้อมือชัญไว้ เขาลดความเร็วลงให้พอๆกับชัญก่อนจะหันไปมองหน้าเธอ

     

                    สีหน้าของเด็กสาวหวาดกลัว หรือว่าเธอเห็น...เห็นสิ่งที่ออกมาจากประตูนั้น!! มันคืออะไรกันแน่ ภาพนั้นยังคงติดตาของเธออยู่ พริบตาที่ประตูถูกพังออกมานั้น ผมยาวสยายหลุดลอดพ้นออกมาจากประตู ดวงตาจ้องตรงมาด้วยความอาฆาต กลิ่นสาบอบอวลไปทั่ว มันใช่เธอคนนั้นหรือเปล่า?

     

                    ประตูเหล็กขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า ศิลป์วิ่งเอาหัวไหล่กระแทกอย่างแรงจนบนประตูเปิดออก ลานกว้างขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า แทงค์น้ำเหล็กขนาดใหญ่ที่ผุจนเป็นรูกราวตั้งอยู่รอบของดาดฟ้า เด็กหนุ่มหันกลับไปมองที่บานประตู อะไรน่ะ?? รอยเลือดแห้งกรังจนกลายเป็นสีดำชะโลมบานประตูไปเกือบครึ่ง หรือว่าที่นี่จะเป็น!!

     

                    ไม่ใช่หรอก ชัญพูด เด็กหนุ่มหันกลับมามองทันที มันต้องไม่ใช่ที่นี่แน่ๆ เธอพูดต่อ

                    ทำไมเธอถึงรู้ล่ะ

                    ถึงจะมีรอยเลือด แต่ไม่รู้สึกถึงแรงอาฆาตแบบเมื่อกี้ ชัญเดินออกไปตรงกลางดาดฟ้า มันก็น่าจะเป็นอย่างที่เธอว่าที่นี่ไม่รู้สึกอึดอัด ศิลป์หยิบหนังสือขึ้นมาอีกครั้งแล้วส่งไปให้ชัญ

    ทำไมละเมื่อกี้เธอขอดูไม่ใช่หรอ ศิลป์พูดแล้วยื่นมันไปให้เธออีกครั้ง เด็กสาวเอื้อมมือมารับ ...............

     

    ..................................................................................................................................

     

                    ภาพตรงหน้ามืดลง ฉันหันหน้าไปมาเพื่อมองทุกสิ่ง ที่นี่ที่ไหน? แสงสว่างจุดเล็กๆเกิดขึ้นตรงหน้า ขนาดมันค่อยๆใหญ่ขึ้น มันเคลื่อนที่เข้ามา...ไม่ซิตัวเราต่างหากที่กำลังเคลื่อนที่เข้าไป ร่างกายขยับไม่ได้ แสงสว่างวาบเกิดขึ้นฉับพลัน มองไม่เห็น!! สว่างเกินไป!!

                   

                    ฉันกลัวที่จะลืมตา เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ศิลป์ล่ะ ศิลป์ไปไหน มีแสงสว่างแยงเขามาในตา คงต้องลืมตาแล้ว ภาพเบื้องหน้าค่อยๆชัดขึ้นแล้ว เงา!! มีเงาคนสอง ... ไม่ซิสามกำลังลุมล้อมตัวเราอยู่ พวกนั้นจะทำอะไรน่ะ ภาพชัดเจนขึ้นทุกครั้งที่กระพริบตา เงานั้นเป็นผู้ชายทั้งสามคน ในมือของหมอนั่นถืออะไรอยู่..มีด!! มันจะทำอะไร? ที่นี่ที่ไหน? ถึงแม้จะอยากรู้อะไรมากมายแต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่หันหน้าไปมา ชายสามคนหน้าตาไม่คุ้นเลย ทั้งหมดสวมชุดนักเรียนสีขาว ตัวย่อของโรงเรียนก็เลือนลางจนมองไม่เห็น

     

                    ปลายมีดค่อยๆเคลื่อนลงมาจรดบริเวณหน้าท้อง นี่จะฆ่ากันหรอฉันยังมีความรู้สึกอยู่นะ!! หยุด!! อย่านะ!! เสียงไม่มี ฉันพยายามตะโกนครั้งแล้วครั้งเล่า แขนขาก็ขยับไม่ได้เหมือนถูกมัด แต่พอพยายามหันไปดูก็ไม่ได้ถูกมัด แต่ทำไมรู้สึกว่าแขนขาหนักอึ้ง

     

                    คมมีดกรีดผ่านหน้าท้องเบาๆ เจ็บ!! เลือดไหลออกมาแล้ว ทำยังไงดี พอเถอะ อย่า!! ... หยุดเดี๋ยวนี้!! หนังถูกตัดออกมาเป็นแผ่นขนาดไม่ใหญ่มากนัก พวกมันจับตัวฉันพลิกกลับ คมมีดกรีดผ่านผิวหนังอีกแล้ว เจ็บ!ปวด! ทรมาน! ฆ่าฉัน ฆ่าฉันเถอะ ไม่อยากเจออีกแล้วความรู้สึกแบบนี้

     

                    น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาจากดวงตาของฉัน พวกมันช่วยกันจับตัวฉันพลิกกลับอีกครั้ง ไม่มีแรงเหลือแล้วเจ็บจนใจจะขาด ฉันใช้สติที่หลงเหลืออยู่หันหน้าไปมาเผื่อว่าจะรู้ว่าที่นี่ที่ไหน แต่แล้วกลับได้เห็นภาพที่น่าสยดสยอง ร่างของเด็กผู้ชายถูกแขวนอยู่มุมห้อง หนังที่หน้าออกหายไป!! ฉันพยายามมองไปทั่วๆห้องนั้น ใช่จริงๆนี่คือสิ่งที่หนังสือเขียนไว้ พิธีกรรมกำลังจะเริ่มขึ้น ฉันได้ยินที่พวกมันคุยกัน

                   

                    ร่างฉันถูกยกขึ้นช้าๆ แล้วแบกผ่านกระจกบานใหญ่ในห้อง ฉันเหลือบมองตัวเองในกระจก แต่ภาพที่สะท้อนกลับมามันไม่ใช่ชั้น!! ผู้หญิงคนนั้น ทำไม..ทำไมกัน!! ร่างของฉันถูกวางลงภายในเทียนที่ถูกปักเป็นวงกลม

     

                    เบาๆหน่อย เดี๋ยวแม่นี่จะตายซะก่อน หนึ่งในพวกมันพูดขึ้นน้ำเสียงดุดัน คงจะเป็นหัวหน้าละมั้ง

                    เชอะ!! ไหนๆจะฆ่ามันแล้ว จะถนอมมันทำไมขายที่ยกตัวฉันมาเมื่อพูดตอบ

                    ไอ้น้ำ ไอ้เต้ เงียบหน่อยเร็วเข้า ใกล้ได้เวลาแล้วเสียงดังข้างๆตัวฉัน ดูเหมือนมันกำลังจัดเตรียมอะไรซักอย่าง

     

                    ร่างที่เหลือถูกมัดมือแล้วแขวนเรียงต่อกัน ที่แน่ๆฉันเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าร่างทั้งหมดยังไม่ตาย ฉันพยายามจะมองดูรอบๆบนกระดานดำเขียนอะไรไว้ลางๆ ฉันเพ่งมอง วันที่ ยี่สิบสาม กุมภาพันธ์ สองห้าสามหนึ่ง!! ผู้ชายที่ชื่อน้ำกำลังเอาเลือดที่ไหลออกมาเมื่อครู่ไปเขียนอะไรที่พื้นข้างๆตรงที่ฉันนอนอยู่ ร่างกายรู้สึกชาขึ้นมาทันที เรี่ยวแรงที่เคยมีก็ค่อยๆหายไป หายใจไม่ค่อยออก นี่ฉันกำลังจะตายหรือเนี่ย!!

     

                    เห้ย!! มันกำลังจะตายว่ะ ผู้ชายคนที่นั่งช้างๆฉันพูดขึ้น

                    มึงก็ผายปอดมันดิวะ ไอ้นาจ

                    เห็นมั้ยกูกำลังทำอะไร เดี๋ยวหนังสือมันก็ไม่เสร็จหรอกไอ้น้ำ

     

                    พวกมันพูดถึงหนังสือ หนังสืออะไรจะใช่หนังสือเล่มนั้นหรือเปล่านะ แต่ว่าไปหนังสือเล่มนั้นก็ทำด้วยหนังทั้งเล่ม หรือว่าจะใช่!! ร่างกายค่อยๆถูกขยับอีกครั้ง มือทั้งสองถูกจัดให้ผสานกันอยู่ที่อก หนังสือที่ชุ่มไปด้วยเลือดถูกสอดเข้ามาระหว่างมือกับร่างกาย พริบตาที่มือสำผัสกับหนังสือรู้สึกได้ถึงความหนาว!! มันแผ่เข้ามาในร่างกาย

     

                    พวกเอ็งรู้ใช่มั้ย ว่าสิ่งที่กำลังจะทำนี่คืออะไร ชายที่นั่งข้างๆฉันพูด หนังสือที่เรากำลังจะสร้างขึ้นมานี้ ต้องอาศัย วิญญาณของพวกนี้ทั้งหมดเพราะแบบนั้น จะให้พวกนี้ตายไม่ได้

                    แล้วมันจะควบคุมวิญญาณได้จริงหรือเปล่าวะไอ้นาจ

                    ได้แน่ๆ มันจะปลุกเหล่าภูติผีและสัมภเวสีต่างๆที่ยังมีอาวรอยู่ขึ้นมา เมื่อพวกมันทำสิ่งที่ค้างอยู่จนเสร็จ เราก็จะบังคับมันได้ตามใจชอบ แล้วยังสามารถจะกักขังวิญญาณได้ด้วย

     

                    ทำไมสรรพคุณของหนังสือเล่มนี้มันดีจังนะ แต่ว่ามันเป็นพวกไหน ลัทธิบูชาปิศาจหรือไง เทียนถูกปักลงบนร่างของฉันหนึ่งเล่ม ชายทั้งสามเข้ามาล้อมฉันเอาไว้ พวกมันทำปากขมุบชมิบเหมือนกำลังบ่นอะไรซักอย่าง ความรู้สึกเจ็บปวดหายไป แต่ก็ยังขยับร่างกายไม่ได้เหมือนเดิม อากาศรอบๆเย็นลงหรือเปล่า ทำไมถึงรู้สึกหนาวขนาดนี้

     

                    เด็กหนุ่มที่ชื่อนาจยกมีดขึ้นมาเหนือหัวก่อนจะแทงลงมาบนหนังสือในมืออย่างแรง เลือดไหลออกมามามาย เจ็บ!!!!!!!! ความเจ็บเพิ่มมากขึ้นก่อนจะจางหายไปอย่างเร็ว ร่างกายเบาเหมือนปุยนุ่น นี่เรา...ตายไปแล้วหรอ!!

     

    ภาพความทรงจำของเด็กสาวแวบเข้ามาในหัวฉัน ความเจ็บปวดที่เธอได้รับ ความทุกข์ ความโดดเดียว ส่งผ่านมาถึงฉัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนพิเศษ ... เธอมักเห็นอะไรต่างๆที่คนอื่นไม่เห็น  เด็กสาวคนนั้นไม่เคยมีเพื่อนและเธอไม่คิดจะมี จนกระทั่ง...พวกเขาทั้งสามเข้ามา ชีวิตของเธอเหมือนจะดีขึ้น แต่แล้วกลับจบด้วยสิ่งแบบนี้ นี่มันอะไร??

     

    ร่างของฉันลอยคว้างอยู่กลางอากาศราวกลับแรงดึงดูดในโลกนี้มันไม่เคยมี ภาพความทรงจำต่างๆหายไป ห้องประกอบพิธีกรรมกลับมาอยู่ตรงหน้า ร่างของเด็กสาวที่ฉันเห็นสั่นเบาๆ เธอกำลังเจ็บปวดเหมือนที่ฉันได้รับเมื่อครู่ ร่างของเธอกระตุกสองสามครั้งแล้วแน่นิ่ง เทียนไขบนตัวเธอดับลง ไม่นานนักเทียนไขที่ล้อมเป็นวงก็ค่อยๆดับลงทีละเล่ม .............................

     

    สิ้นแสงเทียนไขเล่มสุดท้าย ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืด สายลมผ่านหน้าดังหวีดหวิว ดวงไฟถูกเปิดอีกครั้ง ห้องทั้งห้องขาวโพลนไปหมด เด็กหนุ่มทั้งสามนอนสิ้นชีวิตอยู่เบื้องหน้า ร่างของเด็กสาวปรากฏขึ้นตรงหน้าฉันอีกครั้ง

     

    เจอกันอีกแล้วนะชัญ เด็กสาวพูดชื่อของฉัน

     

    ..................................................................................................................................

     

                    ชัญลืมตาขึ้นช้าๆ เหงือไหลออกมาจากร่างกายเธอมากมาย ดวงตาของเธอเบิกโพลง เด็กสาวหายใจแรงจนรู้สึกได้ เธอใช้มือทั้งสองจับหน้าท้องเบาๆ หนังสือตกลงบนพื้น เด็กหนุ่มก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา

     

                    ไม่ดูแล้วหรอชัญ ศิลป์ยื่นหนังสือไปให้เธออีกครั้ง

                    เรารู้เรื่องมากพอแล้ว เด็กหนุ่มทำท่าทางประหลาดใจ เธอจับหนังสือได้ไม่ถึงสามวินาทีแล้วก็ปล่อยหนังสือ ไม่ได้เปิดแม้กระทั่งหน้าเดียว

                    เกิดอะไรขึ้นเหงื่อของชัญไหลออกมามากมายจนศิลป์สังเกตเห็น

    หนังสือเล่มนี้ทำจากหนังของคนยี่สิบหกคน และที่แน่ๆมันจะฆ่าเพื่อนของเราชัญเล่ารายละเอียดที่เธอเห็นเมื่อครู่ เธอจำได้แทบทุกอย่าง ทุกการเคลื่อนไหว  

     

    และเธอชื่อ ชัญหลับตาลงช้าๆ ภาพความทรงจำสุดท้าย ร่างของเด็กสาวปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ชื่อที่ปักอยู่บนหน้าอกของเธอ อมรรัตน์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×