คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ชั้นที่ 11 อ ะ ไ ร ใ น อ า ค า ร < W h a T - I n - T h e - B u i L D i N g >
“ มันคง.....ไม่ตามมาแล้วใช่มั้ย “ ความอ่อนล้าทำให้เสียงที่เธอพูดออกมานั้นขาดๆหายๆ ศิลป์พยักหน้าเบาๆแล้วยกตัวขึ้นจากท่านั่งชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่าง .... ไม่ปรากฏสิ่งที่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
“ ไม่มีแล้วแหละ “ เด็กหนุ่มหันหลังพิงกำแพง แล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งใต้หน้าต่างบานเมื่อครู่ เด็กหนุ่มปลดเป้ออกจากหลังแล้วสอดมือเข้าไปในเป้เพื่อควานหาบางอย่าง หลังสือถูกหยิบออกมาจากเป้แล้วถูกเปิดออกอย่างเบามือ แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางช่องหน้าต่างกระทบกับหน้าหนังสือ ตัวอักษรจางๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
วิญญาณที่ผูกพันกับบ....สิ่ง จะ...กปลุกขึ้นมาจากการหลับไหล
เพื่อให้กระทำสิ่งที่...........ให้เสร็จด้วยหนังสือเล่มนี้ เมื่อวิญ......เหล่านั้น
กระทำสิ่งนั้นจนสมบูรณ์แล้วล่ะก็ มัน....ตกเป็นทาสของ..........อย่างถาวร
“ ตัวหนังสือมัน...ขาดๆหายๆนะ ” ศิลป์อ่านข้อความอีกครั้ง
“ หมายความว่า...หนังสือเล่มนี้ มันปลุกวิญญาณออกมาใช่มั้ย ”
“ จากเนื้อความแล้ว มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะชัญ ” ศิลป์พยายามเปิดหน้าต่อๆไปแล้วเอาหนังสือไปวางให้ถูกแสงจันทร์แต่ก็ไม่ปรากฏตัวหนังสือออกมาแม้แต่น้อย แสงจันทร์ค่อยๆถูกบนบังจากมวลเฆมอีกครั้ง
ครืด... ครืด.....
ชัญสะดุ้งสุดตัว จู่ๆเสียงนั่นก็ดังขึ้น ศิลป์ชูนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วแนบไว้ตรงริมฝีปากบ่งบอกให้ชัญเงียบแล้วค่อยๆชะเง้อมองออกไปที่หน้าต่างบานนั้น หมอกลงจนมองไม่ค่อยเห็นอะไร แสงของดวงจันทร์ก็ถูกบนบังจนหมด
ครืด .. ครืด..
เสียงยังดังอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็ปรากฏร่างขึ้นท่ามกลางสายหมอก ร่างนั้นเดินตรงมายังตัวอาคารที่พวกเขาซ่อนอยู่
ครืดดดดดดดด !!
เสียงบางอย่างที่ถูกลากไปกับพื้นดังเป็นจังหวะ ศิลป์ไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไร แต่ที่แน่ๆมันต้องเป็นของแข็ง ร่างนั้นค่อยๆเดินฝ่าสายหมอกปรากฏรูปกายให้เห็นอย่างชัดเจน ร่างกายที่เหี่ยวย่นและเน่าเปื่อยใบหน้าชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน มันกลับมาอีกครั้ง
“ ฆ่า... ฆ่าให้ได้ ” เสียแหบแห้งดังออกมาจากปากของมันอย่างแผ่วเบา ศิลป์มองดูตัวมันและพยายามจะทำอะไรแต่ก็หยิบนู่นนี่มั่วไปหมด มันก้าวขาช้าๆเหยียบไปบนเศษใบไม้แห้งจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บท่ามกลางความมืด สิ่งนั้นค่อยเคลื่อนเข้ามาทีละน้อย ชัญเห็นศิลป์ทำท่าทางแปลกๆ เธอพยายามหาทางช่วยแต่กลับเหลือบไปเห็นบางอย่าง เด็กสาวเอามือป้องปากด้วยความตกใจ สายตาของมองสิ่งนั้นอย่างไม่วางตา เหล่าเฆมที่บดบังดวงจันทร์ค่อยๆเคลื่อนที่ออกทีละน้อย แสงจันทร์ส่องลงมาทำให้มองเห็นมันอย่างถนัดตา กายขาดสบั้นเชื่อต่อกันได้ด้วยไม้เพียงท่อนเดียว !!
“ เราทำให้มันกลับมาเดินได้หรอเนี่ย ” ชัญพูดเบาๆ
“ เดินได้?? ” ศิลป์หยุดชะงักก่อนจะทวนคำพูดของชัญอีกครั้ง เด็กหนุ่มมองออกไปด้านนอก มันทำให้เขาประหลาดใจ ไม้ท่อนหนึ่งเสียบอยู่ที่ส่วนล่างเป็นแนวตั้งแล้วก็มีส่วนบนถูกเสียบอยู่อีกด้านของไม้ วิธีนี้มันเหมือน.....เสียบลูกชิ้น!!
“ มันไปจำวิธีนี้มาจากแม่ค้าที่ไหนวะเนี่ย คิดได้ยังไง ” ศิลป์หลุดปากพูด วิธีที่ใช้ต่อตัวมันคาดไม่ถึงจริงๆ ร่างนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม้ในมือมันถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง......
ฟิ้ว~!!
ท่อนไม้พุ่งแหวกอากาศเสียงดังหวีดหวิวตรงเข้ามายังหน้าต่างบานที่พวกเขาอยู่ทันที “ ชัญระวัง ” เด็กหนุ่มตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นท่อนไม้ลอยมาตรงหน้าก่อนจะพุ่งตัวออกไปข้างๆ
เพล๊ง!!
กระจกใสแตกกระจายเศษแก้วกระเด็นไปทั่วพื้น ท่อนไม้ที่ถูกกระจกทำให้มันเบนวิถีเล็กน้อยแต่...มันกลับพุ่งตรงไปยังร่างของเด็กหนุ่ม
“ ศิลป์ !! ”
ชัญเห็นท่อนไม้ตรงไปยังตัวของศิลป์เธอพยายามจะเข้าไปแต่เศษกระจกที่กระจายอยู่เต็มพื้นทำให้เธอขยับตัวได้ไม่มาก ท่อนไม้ปักอยู่ข้างตัวเด็กหนุ่มไม่ถึงคืบเขาหลบมันได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดถ้าไม่ได้เสียงของชัญล่ะก็เขาคงหลบมันไม่ทันเป็นแน่ แต่นี่คงไม่ใช่เวลาที่จะดีใจ....... เสียงฝีเท้าคลีบคลานเข้ามาทีละน้อยพร้อมกับเสียงพรึมพรำเบาๆและหัวเราะเป็นครั้งคราว
“ แย่ละ ” ศิลป์ลุกขึ้นก่อนจะดึงตัวชัญขึ้นมา “ เร็วไม่มีเวลาแล้ว ” เขาพูดต่อ สิ้นเสียงของเด็กหนุ่มเสียงฝีเท้าก็หยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปสบตามันอย่างจังใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดดวงตาของมันจ้องมองไปยังชัญอย่างเย็นชา
ร่างนั้นง้างมือขึ้นช้าๆ “ ชัญ...หนี” มันเหวี่ยงมือปัดร่างศิลป์จนกระเด็นไปกระแทกกับเป้ที่วางอยู่ข้างกำแพงอย่างจัง ร่างนั้นไม่สนใจเด็กหนุ่มที่นอนกองอยู่ข้างโต๊ะแต่กลับเดินตรงไปยังเด็กสาวที่กำลังนั่งทรุดอยู่ใกล้ๆ มันเอื้อมมือออกไปจับแขนเธอ เด็กสาวรู้สึกถืงความเย็นเฉียบที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ตัวเธอเริ่มสั่นเบาๆมันไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เป็นความหนาวเหน็บที่เย็นไปถึงขั้วหัวใจ
“ ชัญญญญญ..... ” เด็กหนุ่มคว้าท่อนไม้ข้างๆตัวแล้ววิ่งมาฟาดท่อนแทนอย่างแรง แขนของมันขาดออกจากตัวแต่มือยังกลับจับชัญด้วยความแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ เธอพยายามแกะนิ้วของมันทีละนิ้ว แต่มันกลับทวีความแรงขึ้นทุกครั้งที่เธอจับถูกมัน ศิลป์หยิบมีดพกออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกรีดลงไปในนิ้วมือทั้งสี่นิ้วของมัน เด็กหนุ่มออกแรงกดได้ไม่มากเพราะถ้าออกแรงมากกว่านี้อาจจะลึกไปถึงแขนชัญได้ นิ้วทั้งสี่ยังคงจับแขนแน่น ชัญกระชากนิ้วมันออกจากมือมันทีละนิ้วมันหลุดออกอย่างง่ายดายแต่ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
ร่างนั้นพยายามจะจับตัวชัญอีกครั้งแต่ถูกศิลป์กระหน่ำตีจนชิ้นส่วนต่างๆหลุดออกจากกัน เด็กหนุ่มดึงตัวชัญก่อนจะออกวิ่งผ่านร่างนั้นไปโดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าออกไปด้วย ทั้งสองวิ่งขึ้นบันไดข้างๆห้องนั้นไป..โดยไม่คิดว่าข้างบนนั้น....จะมีอะไรรอพวกเขาอยู่
“ มันคงตามมาไม่ได้อีกแล้ว ” ศิลป์นั่งบนขั้นบันไดเอาหลังพิงกำแพงแล้วเงยหน้าขึ้น
“ เมื่อกี้กระแทกกระเป๋ารู้สึกเหมือนว่ามันจะมีอะไรแตกซักอย่าง ” เด็กหนุ่มเปิดเป้สำรวจข้าวของด้านในแล้วหยิบขวดน้ำพลาสติกที่มีน้ำบรรจุอยู่ไม่ถึงครึ่งออกมา
“ ขวดน้ำแตก แต่ของอย่างอื่นไม่เสียหายยังดีที่ไม่มีอะไรที่ถูกน้ำไม่ได้ ” เด็กหนุ่มกินน้ำเล็กน้อยแล้วยื่นขวดส่วนให้ชัญ
“ ศิลป์ .. หนังสือละ?? ” ชัญคิดขึ้นได้ว่า..หนังสือมันไม่ควรจะถูกน้ำ ศิลป์หยิบหนังสือออกจากเป้ มันถูกน้ำจริงๆ แต่มันถูกทำจากหนังเลยไม่มีปัญหา เด็กหนุ่มเปิดหนังสืออีกครั้ง
“ ชัญขอไฟหน่อย ” ชัญเปิดไฟฉายแล้วส่องไปที่หนังสือ บางอย่างปรากฏขึ้นอีกครั้งใบหนังสือ...แต่มันไม่สามารถอ่านได้เพราะมันเหมือนเป็นการขีดไปมั่วๆมากกว่าจะเขียนเป็นตัวหนังสือ... แต่ทำไมมันถึงเกิดตัวหนังสือขึ้นมาทั้งๆที่................จะเป็นไปได้มั้ยที่..หน้าหนังสือแต่ละหน้ามันจะปรากฏตัวอักษรต่อเมื่อเจออะไรบางอย่าง..แล้วของที่ว่านั้นคืออะไรละ เลือด?? แสงจันทร์?? น้ำ?? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเราจะรู้ได้ไงละว่าแต่ละหน้าต้องใช้อะไรถือจะทำให้มองเห็นตัวหนังสือ ...
“ ศิลป์ ... คิดอะไรหรอ ” ชัญเห็นศิลป์นั่งนิ่งไปพักใหญ่เธอจึงเอ่ยถาม
“ คิดว่าทำไมตัวหนังสือมันถึงปรากฏออกมาให้เห็นได้ ” เด็กหนุ่มตอบทั้งๆที่ตาของเขายังจับจ้องไปที่หน้าหนังสือ ศิลป์ค่อยๆหลับตาลงแล้วครุ่นคิด ... สิ่งที่ทำให้ตัวหนังสือเกิดขึ้นได้ เลือด..แสงจันทร์..น้ำ........
ครืด!!
ศิลป์เงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปทางต้นเสียงที่อยู่ด้านล่างของบันได ลังไม้ที่วางระเกะระกะอยู่ตรงบันไดขั้นแรกขยับเบาๆ “ แย่ละเรานั่งนานเกินไปแล้ว ” เด็กหนุ่มเก็บของทั้งหมดใส่เป้
แก๊ง…
ศิลป์หันไปมองอย่างเร็วลังไม้เคลื่อนที่ออกจากกันท่อนเหล็กเล็กๆด้านบนตกลงมากระทบกับพื้นจนเสียงกังวาลท่ามกลางความเงียบ ทั้งสองหยุดนิ่งพลางมองท่อนเหล็กที่ยังกลิ้งไปกับพื้น ลังไม้ค่อยๆสั่นไหว...แรงขึ้นแรงขึ้นจนมันเริ่มขยับ
“ ไปเหอะ ชักไม่ดีแล้ว ” ศิลป์เอียงตัวไปกระซิบข้างหูเด็กสาวเธอพยักหน้าตอบเป็นสัญญาณ เด็กหนุ่มค่อยๆเดินขึ้นไปด้านบนเขาพยายามเดินให้เกิดเสียงน้อยที่สุด .. พวกเขาขึ้นมายังชั้นบนศิลป์หยุดชะงักเมื่อเห็นของบางสิ่งกลิ้งผ่านหน้าไป...ท่อนเหล็กกลิ้งผ่านหน้าพวกเขาไปท่ามกลางความมืดมิดนั้น เด็กหนุ่มหันหน้าไปข้างๆบันได ลังไม้ข้างๆสั่นไหวอย่างแรงแต่จู่ๆมันก็หยุดนิ่ง...
ปึ้ง!!
ลังไม้เคลื่อนไหวเล็กน้อยตามแรกกระแทก ชัญถอยหลังทุกครั้งที่ลังไม้ถูกกระแทก มีบางอย่างกำลังจะพังออกมาและมันก็ใกล้จะทำสำเร็จแล้วด้วย
โครม...!!
ลังไม้ทะลุเป็นรูโบ๋ นิ้วมือเรียวยาวโผล่ออกมาเล็กน้อยแล้วหดกลับเข้าไป....
โครม!!
มือนั้นกระแทกลังอีกครั้งรูที่รังขยายนั้นจนกระทั่งมือนั้นสามารถยื่นออกมาได้ นิ้วมือค่อยๆยื่นออกมาจากรูนั้นตามมาด้วยท่อนแขนที่แห้งเหมือนหนังหุ้มกระดูก แต่...มันกลับสุดแค่นั้นสิ่งที่ออกมามีแค่....ท่อนแขน
ความคิดเห็น