ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Symphony of Chaos

    ลำดับตอนที่ #4 : The Secret of White Assasin

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 48


    “เธอ!...” ตรีสมุทรตะโกนฝ่าเสียงปืนกล



        “ไม่! เธอ...” มินตราพรตะโกนกลับไป



        เสาปูนเหนือศีรษะของทั้ง 2 ระเบิดออกด้วยแรงกระสุน มินตราพร และ ตรีสมุทรหมอบคลานตะเกียดตะกายไปตามพื้น



        “คาดไม่ถึง!” เด็กชายตะโกนอีกครั้งหลังจากคลานกึ่งวิ่งข้ามแนวเก้าอี้มา



        “หมายความว่าไงที่คาดไม่ถึง!” มินตราพรตอบกลับด้วยเสียงขุ่นเคือง



        “ฉันนึกว่าฉันเป็นเป้าหมายคนเดียว”



        “อย่าสำคัญตัวเองไปหน่อยเลย”



        ตรีสมุทรออกวิ่งไปยังประตูที่นำไปสู่ห้องพักผู้เข้าแข่งขันโดยมีมินตราพรตามไปติดๆ



        “ขาวหรือดำ เธอนะ!” ตรีสมุทรตะโกนข้ามไหล่ไป



        “นี่เธอล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย ฉันกำลังวิ่งหลบกระสุนฝ่ายนู้นอยู่นะ”



        “ขาว... ดี ฉันก็ขาว...”



        “ฉันรู้แล้ว! หุบปาก! วิ่งไป!”



        ทั้ง 2 วิ่งสุดชีวิตผ่านเข้าประตูไปเป็นทางเดินแคบยาวไฟมืดสลัว เสียงปืนหยุดลงแล้ว แต่แทนที่ด้วยเสียงฝีเท้าจำนวนมาก



        “ไป! ในนั้น! อย่าให้ของเสียหาย! ถ้าได้คนด้วยยิ่งดี!” เสียงตะโกนอย่างดุดันดังขึ้นจากด้านนอก



        ตรีสมุทรวิ่งคดเคี้ยวไปตามทางแยกต่างๆเท่าที่ขาของเขาจะพาไปได้ แค่ไม่ให้เจอทางตันก็พอ !



        “นี่เธอจะตามฉันมาทำไมเนี่ย !” เด็กชายหันไปถามเมื่อเห็นว่ามินตราพรตามเขามาติดๆ



        “แล้วจะให้ฉันไปทางไหนล่ะ!”



        “คิดว่าตามฉันมาแล้วจะรอดรึไง”



        “ไม่คิดจะพึ่งเธอหรอก! แต่ฉันพอใจจะมาทางนี้”



        “กลุ่มไหน เธอน่ะ”



        “ไวท์ดอน”



        “ไวท์ดอน? นึกว่าเป็นองค์กรธรรมดาซะอีก”  



        “นโยบายใหม่ แล้วเธอล่ะ”



        “เอสเจ”



        “ซอง ออฟ จัสท์เม้นท์”  



        “ใช่”



        ตรีสมุทรกระแทกประตูที่สุดทางเดิน ประตูเปิดออก มีทางแยกซ้ายและขวา เด็กชายยืนตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง



        “ทำไม! ไปต่อสิ!” มินตราพรเร่งเร้า



        “ซ้ายหรือขวา” ตรีสมุทรถามกลับ



        “ไม่รู้... ซ้าย!”



        “ทำไมถึงซ้าย”



    ชายในชุดดำราว 4-5 คนปรากฏขึ้นที่สุดทางเดินด้านหลัง เสียงปืนยิงขู่ขึ้นในอากาศ 3 นัด



        มินตราพรผลักเด็กชายไปสุดแรงก่อนจะกระแทกประตูปิด



        “จะทางไหนก็ไป!! แต่... เดี๋ยวๆ... ฉันนึกอะไรออก...”



        ชายในชุดดำวิ่งตรงมายังประตู จับที่คันโยก กระชากเปิดออก



        คลื่นสั่นสะเทือนขนาดมหึมาเข้าประทะกับกลุ่มชายชุดดำ แรงจนประตูหลุดกระเด็น ทั้ง 5 คนกระเด็นถอยหลังไปหลายเมตร ภาพเดียวที่เห็นคือนักดนตรีหญิงและชายคู่หนึ่งกำลังลากคันชักผ่านสายไวโอลินเส้นที่ใหญ่ที่สุด ผู้รุกรานหมดสติไปในทันที



        “บอกแล้วว่าได้ผล” มินตราพรพูดขึ้นหลังจากทำการปลดอาวุธของผู้เคราะห์ร้ายอย่างคล่องแคล่ว



        “โอเคๆ มันได้ผล ถึงฉันจะไม่เคยสีสาย 4 โดดๆก็เถอะ มันเอิกเกริก แล้วตอนนี้พวกที่เหลือก็คงพุ่งมาที่นี่แล้วละ”



        เด็กสาวโยนปืนสั้นกระบอกนึงมาให้ตรีสมุทร



        “ฉันไม่เคยใช้นี่ฆ่าคน” เด็กชายตอบพลางขมวดคิ้ว



        “ก็ไม่ต่างจากใช้ไวโอลินหรอก”



        “ต่างสิ... อย่าบอกนะว่าก่อนเธอจะมาทำงานนี้เธอเคยใช้นี่ฆ่าคน”



        “ไม่ แต่ก็ต้องฝึกไว้องค์กรฉันใช้หลากหลายวิธี”



        “มันก็ไม่ต่างอะไรกับมือปืน”



        “ต่างสิ” เด็กสาวพูดจบและออกวิ่งตามทางเดินไปทางซ้าย มือทั้ง 2 ข้างควงปืนอย่างคล่องแคล่ว



        คราวนี้ตรีสมุทรเป็นผู้ตามบ้าง เผื่อว่าสาวน้อยคนนี้จะมีโชคและพาทั้งคู่รอดไปได้ เขามองปืนในมืออย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก



        “มันต้องการไวโอลิน!” ตรีสมุทรโพล่งขึ้นหลังจากวิ่งเลี้ยวไปมาไม่หยุด 2 นาทีเต็ม



        “จะบอกฉันทำไม”



        “ฉันเคยโดนครั้งนึง แต่ตอนนั้นคนในองค์กรฉันมาช่วยไว้ทัน”



        “เห็นได้ชัดว่าไม่ใช้ครั้งนี้”



        “เธอเคยโดนมันตามล่าไหม”



        “ตามเก็บ ตามล่าของ ฆ่าปิดปาก เอาแบบไหนละ โดนมาหมดแล้ว”



        เงียบไปชั่วครู่



        “รอดมาได้ทุกครั้งเลยหรอ”



        “ถ้าไม่รอดที่พูดอยู่นี่คงเป็นผีมั้ง... นั่น! ทางหนีไฟ!”



        มินตราพรกระแทกประตูสีแดงบานยักษ์เปิดออก แสงแดดยามบ่ายสาดจ้าเข้ามาทันที



        “เธอเอารถมา...”



        เสียงปืนเป็นชุดดังมาจากด้านหลัง ทั้งคู่กระโดดหลบเข้ากอไม้ไป เบื้องหน้าคือลานจอดรถกลางแจ้งขนาดมหึมา



        มินตราพรยิงไปที่ประตู 2-3 นัด ตรีสมุทรไม่คุ้นกับการบู้แบบนี้เท่าไหร่ งานของเขามักจะเงียบสงบ รวดเร็ว



        “รถของเธออยู่ไหน!!” มินตราพรตะโกนถามเด็กชาย



        “ด้านหน้าศูนย์”



        “งั้นไปรถฉัน วิ่งไปทางนี้ ฉันว่าอยู่หลังศูนย์นี่แหละถ้าจำไม่ผิดนะ”



        มินตราพรกระโดดลุกขึ้นและออกวิ่งไปตามทางที่เรียงรายไปด้วยรถยนต์ ตรีสมุทรวิ่งตามไป เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ เสียงกระสุนดังมาจากด้านหลัง กระทบเหล็กและกระจกแตกกระจาย



        “ก้มต่ำๆไว้!!” หญิงสาวตะโกนบอก



        “ฉันรู้แล้ว!!”



        เบื้องหน้ารถยนต์คันสีดำสนิทพุ่งผ่านโค้งมาอย่างรวดเร็วและหยุดลงในทันที ชายในชุดดำ 4 คนกระโจนออกมานอกรถ



        มินตราพรกระชับสายกล่องใส่ไวโอลินที่ห้อยอยู่ด้านหลังเพื่อให้อุ่นใจ ก่อนจะระดมยิงปืนไปที่รถคันนั้น



        “ยิงไปด้านหลัง!! เธอน่ะ!!” มินตราพรตะคอกโดยไม่หันมามอง



        “ฉัน...” ตรีสมุทรมองปืนสีดำสนิทที่เขากำแน่นอยู่ในมือ รู้สึกว่ามันสั่นจนควบคุมไม่ได้



        “อย่าเรื่องมาก ถ้าอยากจะรอด!!”



        การยิงปืนครั้งแรกในชีวิตนั้นไม่ง่ายเลย ตรีสมุทรเล็งอย่างสะเปะสะปะไปทางด้านหลัง เมื่อเหนี่ยวไก แรงถีบจากกระบอกปืนทำให้มือของเขาเชิดขึ้นจนเสียการควบคุม



        “ฉันยิงมันไม่โดน!!”



        “ยิงไป!! ถอยหลังตามมาเรื่อยๆ สกัดมันก็พอ” มินตราพรพูดพลางระดมยิงอย่างไม่หยุด



        หญิงสาวก้มหัวต่ำราวกับคลานแต่ยังคงรักษาความเร็วอยู่ได้ในขณะที่ตรีสมุทรวิ่งตามมาอย่างทุลักทุเล สาวน้อยเงยหน้าขึ้นเมื่อเข้าใกล้รถสีดำพอสมควร ชายชุดดำยังคงหลบอยู่หลังประตูกันกระสุน



        หญิงสาวปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว เธอยืนขึ้นระดมยิงปืนคู่เข้าใส่บริเวณตัวถังผ่านประตูที่เปิดอ้าอยู่ เพียงไม่ถึง 10 นัดเด็กหญิงมองเห็นประกายไฟ เธอกระโดดหลบลงข้างทางให้ไกลที่สุด รถระเบิดออกอย่างแรง ประกายไฟจากถังน้ำมันพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศราว 5 เมตร รถยนต์กระดอนพลิกคว่ำ ชายชุดดำทั้ง 4 ตายสนิท



        ตรีสมุทรนอนหมอบอยู่ไม่ห่างจากหญิงสาวมากนัก เด็กชายเงยหน้าขึ้นอย่างมึนงงเมื่อแรงระเบิดสงบ



        “ไม่บอกก่อนละว่าจะระเบิด!!” ตรีสมุทรตะโกนถามอย่างหงุดหงิด



        “มีตาก็หัดดูเองซะมั่ง ฉันละสงสัยจริงๆว่าฝีมืออย่างนายรอดมาได้ยังไงจนถึงป่านนี้”



        “องค์กรฉันไม่ได้จ้างทหารผ่านศึกอย่างเธอนิ เข้าใจว่านักลอบฆ่ามั้ย”



        “มิน่าละ ที่เขาว่าเอสเจต้องจ้างทหารรับจ้างมาคอยคุ้มครองนักฆ่าอีกทีก็จริงนะสิ”



        “อย่างน้อย...”



        มินตราพรกระโดดพรวดพราดขึ้นยืนและออกวิ่งอีกครั้ง ตรีสมุทรลุกขึ้นวิ่งตามไป เขาเกือบลืมไปว่ายังมีอีกกลุ่มใหญ่ไล่ตามมาด้านหลัง



        สาวน้อยเลี้ยวโค้งอย่างรวดเร็ว เธอควานหาบางอย่างในกระเป๋าก่อนจะหยิบกุญแจรีโมทของรถยนต์ขึ้นมา กดปุ่มครั้งนึงเสียงสัญญาณก็ดังขึ้นจากรถบีเอ็มดับบลิวสีบรอนซ์ที่จอดถัดไปด้านหน้า มินตราพรไปถึงรถก่อน ตรีสมุทรวิ่งหอบแฮกตามมาติดๆ สาวน้อยเปิดประตูข้างคนขับกระโดดเข้าไป เสียบกุญแจจนมิดดอก ก่อนจะกดปุ่มสตาร์ทเครื่อง เครื่องยนต์ติดขึ้นทันที หญิงสาวใส่เกียร์ถอยหลัง กระแทกคันเร่ง  



        รถเริ่มเคลื่อนแล้วเมื่อประตูเปิดออกและตรีสมุทรพุ่งเข้ามาในรถ เด็กชายหอบแฮกๆ หญิงสาวมองดูสารรูปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดปุ่มล็อกประตูและกระแทกคันเร่งอีกครั้ง



        รถบีเอ็มเลี้ยวโค้งเข้าสู่บริเวณด้านหน้าของศูนย์วัฒนธรรม อีกฝากหนึ่งรถสีดำสนิทราว 10 คันจอดเรียงรายกันอยู่ เมื่อกลุ่มนั้นมองเห็นเป้าหมายกำลังแล่นผ่านไป เสียงแตรก็ดังขึ้นเป็นชุดก่อนที่บรรดาคาราวานรถดำจะเริ่มสตาร์ทเครื่องและพุ่งตรงตามมา



        รถบีเอ็มเลี้ยวเข้าสู่ถนนใหญ่ มันวิ่งไปตามทางอย่างรวดเร็วเท่าที่สภาพการจราจรในกรุงเทพจะอำนวย



        “กันกระสุนรึเปล่า รถนี้น่ะ” ตรีสมุทรถามขึ้นเมื่อรถแล่นผ่าน 4 แยกไฟแดงแห่งนึง เมื่อมองผ่านกระจกหลังดูเหมือนจะมีรถสีดำเพียงคันเดียวที่ตามมาทัน



        “ชัวร์”



        รถพุ่งตรงไปได้อย่างราบรื่นจนเมื่อถึงทางแยก รถสีดำ 2 คันพุ่งตรงออกมาจากแยกทั้ง 2 ทาง มินตราพรกระแทกคันเร่งโครมใหญ่ รถพุ่งหลบยานพาหนะชนิดอื่นที่วิ่งอยู่เต็มท้องถนน โดยไม่รู้ตัวมือของตรีสมุทรกำเบาะหนังสีเทาแน่นจนซีดชา



        กระสุนปืน 2 นัดกระแทกกระจกหลังเป็นรอยร้าวแต่ไม่แตกออก เด็กชายก้มหัวหลบโดยสัญชาติญาณ แต่มินตราพรยังคงนิ่งไม่ไหวติง เธอขับรถปาดไปมาเพื่อหลบรถคันอื่นได้อย่างคล่องแคล่ว



        กระสุนตามมาอีก 3-4 นัดกระแทกตัวถังเป็นรอบบุ๋ม ที่แยกด้านหน้าไฟเหลืองสว่างขึ้นราว 3 วินาทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดง รถบีเอ็มพุ่งทะยานผ่านไปขณะที่รถคันอื่นเหยียบเบรก



        กองรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์นับสิบคันพุ่งตรงมาจากแยกทางด้านขวา มินตราพรเหยียบคันเร่งจนมิดและหักหลบไปทางซ้ายเล็กน้อย รถมอเตอร์ไซค์คันแรกพุ่งผ่านท้ายรถบีเอ็มไปอย่างหวุดหวิด



        “สลัดหลุดแล้ว” มินตราพรพูดขึ้นเรียบๆ



        ตรีสมุทรไม่ตอบ เด็กชายนั่งแข็งทื่อตาเบิกโพลง เขาไม่เคยนั่งบนอะไรที่ใกล้เคียงกับขีปนาวุธขนาดนี้มาก่อน



        สิบห้านาทีต่อมารถบีเอ็มสีบลอนด์ก็เลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถใต้ดินของอพาร์ทเม้นท์หรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารก่อด้วยอิฐสีแดงสูงกว่า 30 ชั้น



        “เธออยู่ที่นี่หรอ...” ตรีสมุทรถามขึ้นเมื่อรถจอดสนิท



        “ปกติแล้วไม่ ที่นี่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเด็กหญิงนักฆ่า ส่วนที่บ้านฉัน ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา”



        ตรีสมุทรอึ้งไป เขานึกสภาพมินตราพรคนนี้เป็นเด็กหญิงธรรมดาไม่ออกเลยจริงๆ



        “ฉันพอใจที่จะอยู่คอนโดของฉันมากกว่าบ้าน แต่อย่างว่ายังไงก็ต้องกลับบ้านแทบทุกวันเพื่อไม่ให้มีใครสงสัย” ตรีสมุทรพูดขึ้นอย่างใจลอย



        มินตราพรยักไหล่ทีนึง และเปิดประตูรถออกไป...  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×