ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Symphony of Chaos

    ลำดับตอนที่ #3 : Unexpect Duel Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 48


    เมื่อก้าวพ้นม่านเวทีคู่แข่งทั้ง 2 ก็เผชิญหน้ากันอย่างชัดเจน มินตราพรจ้องคู่แข่งของเธอตาเขม็ง ตรีสมุทรจ้องกลับไปด้วยสายตาเย็นชาและท้าทาย



        “พวกไร้ฝีมือมักเล่นสกปรก... อย่างว่าละ” มินตราพรแทบจะตะโกนด้วยความโกรธ



        “ใครที่ไร้ฝีมือ... แล้วฉันไปเล่นสกปรกเอาตรงไหน” ตรีสมุทรตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น



        “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอมีไวโอลินนั้นได้ยังไง แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สมควรจะถือครองมัน”



        “เอาอะไรมาตัดสินหรอคุณหญิง...”



        “ก็ความไร้ความสามารถของเธอไง ถ้าไม่มีไวโอลินนั้น อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเล่นได้ดีแค่ไหน โกงก็หัดยอมรับซะมั่ง”



        “ฉันก็แค่ดีดสายไวโอลินเล่นระหว่างการรอให้เธอเล่นเพลงน่าเบื่อนั่นจบ”



        “กลัวจะแพ้ละซิไม่ว่า แต้มรองตั้งแต่เกมแรกแล้วนิ”



        “หึ... ฉันไม่สนใจเรื่องแพ้ชนะบนการแข่งขันน่าสมเพชนี่หรอก”



    หญิงสาวเงียบไปไม่โต้ตอบ มินตราพรดูเหมือนจะยอมแพ้ไปซะอย่างงั้น และเดินปึงปังออกไปสู่แสงสว่างของห้องพักผู้เข้าแข่งขันหญิง



        ตรีสมุทรหยุดอยู่ชั่วครู่ รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด แต่ก็เดินลากขากลับไปยังห้องพักของตน



        เมื่อมาถึงห้องพักทรง 4 เหลี่ยมที่ไม่ใหญ่โตมากนัก ห้องนั้นว่างเปล่า อุปกรณ์ซ้อมและเครื่องมืออิเลคทรอนิกส์สำหรับเครื่องดนตรีวางกระจัดกระจายอยู่ทั่ว การแข่งขันในส่วนอื่นยังคงดำเนินอยู่  



        เด็กชายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งก้มลงมองไวโอลินตรงหน้าและคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคิดมาเสมอว่าไวโอลินและพรสวรรค์ที่เขามีอยู่นั้นเป็นเลิศและอยู่เหนือนักดนตรีทั้งปวง แต่เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงความคิด แต่.. แต่เขาได้ยินอะไรบางอย่าง...



        เสียงอันแผ่วเบาแต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดดังก้องมาจากห้องพักอีกฟากหนึ่ง ขนที่ท้ายทอยของเด็กชายลุกชันขึ้นทันที เขาจำเสียงโหยหวนของไวโอลินนี้ได้ดี และเขาไม่คิดว่าสาวน้อยขี้โมโหนั้นกำลังซ้อมไวโอลินอยู่เป็นแน่



        ตรีสมุทรแทบจะกระโดดลุกขึ้นยืน เขาเหวี่ยงไวโอลินพาดขึ้นที่บ่าอย่างรวดเร็ว...





        มินตราพรโมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว เมื่อกระแทกกระทั้นมาจนถึงห้องพักนักดนตรีหญิงสาวน้อยก็กระแทกประตูปิดอย่างแรง เธอไม่คิดว่าจะใช้วิธีนี้มาก่อน แต่สำหรับการโกงอย่างซึ่งหน้าแบบนี้แล้ว...



        หญิงสาวพาดไวโอลินลงที่บ่าอย่างเบามือ เธอใช้นิ้วกดลงบนสายเป็นการซ้อมดู 2-3 รอบ เมื่อแน่ใจแล้วมินตราพรก็เริ่มบรรเลงเพลง

        เสียงเพลงอันโหยหวนดังขึ้นคันชักไหลขึ้นลงอย่างคล่องแคล่ว บรรยากาศรอบตัวของหญิงสาวเริ่มเย็นยะเยือก แสงสีขาวถักทอออกมาจากสายไวโอลินทุกจังหวะที่เสียดสีกับคันชัก และค่อยๆม้วนเป็นวง วงนั้นกว้างขึ้น เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ศูนย์กลางวงกลมบังเกิดเป็นจุดสีดำสนิทราวกับช่องว่างที่ไร้จุดสิ้นสุด ช่องว่างนั้นกว้างขึ้นและขยายตัวใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนชิดขอบสีขาวเปล่งแสง



    กรงเล็บสีเงินเป็นเงายื่นขึ้นมาจากเงามืดนั้น...  





        ตรีสมุทรลากคันชักอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับนิ้วมือที่วิ่งไล่ไปตามสายไวโอลินอย่างเร่งร้อน คลื่นเสียงกระจายวงกว้างออกเป็นโดมหลายต่อหลายชั้นที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า วงแล้ววงเล่ากระจายออกและสลายไปตามธรรมดาของคลื่นเสียง วงใหม่เกิดขึ้นแทบทุกแรงสั่นสะเทือน มีแต่ประสาทหูที่ดีเยี่ยมเท่านั้นจึงจะสัมผัสถึงมันได้



        และแล้วสิ่งที่รอคอยก็มาถึง เสียงที่ไวโอลินอันโหยหวยใกล้เข้ามาทุกขณะเป็นสัญญาณว่าผู้เล่นกำลังเคลื่อนที่อยู่ แต่เสียงนั้นก็ไม่น่าหนักใจเท่าเสียงฝีเท้าของอะไรบางอย่างที่น่าจะใหญ่โตมโหฬารพอดู เสียงฝีเท้าหยุดกึกที่หน้าประตู ตรีสมุทรแทบหยุดหายใจและกลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่ยังคงรักษาจังหวะเสียงเพลงให้ดังอย่างต่อเนื่อง



        กรงเล็บขนาดมหึมากระแทกประตูและวงกบหลุดกระเด็น บานประตูพุ่งเข้ากระแทกกับโดมคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นและกระเด็นไปอีกฟากนึงของห้อง ทิ้งไว้แต่ฝุ่นที่ตลบอบอวลไปทั่ว ตรงช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่เคยเป็นประตูนั้นร่างมหึมาของตัวอะไรซักอย่างที่ยืนสองขากำลังก้าวเข้ามาอย่างข่มขวัญ



        ถ้าจะให้บรรยาย ปีศาจที่ตกอยู่ใต้มนต์สะกดของสาวน้อยตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ที่ยืน 2 ขา ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยขนสีขาวสลับดำ และกรงเล็บสีเงินยาวเหยียด หัวของมันดูเหมือนหมาป่าที่มีเขายาวโง้ง เสียงดนตรีของมินตราพรขยับสองสามครั้งขณะที่ตัวของสาวน้อยยังคงหลบอยู่หลังเงามืด



    ปีศาจพุ่งตรงมายังตรีสมุทรที่ยืนอยู่กลางห้อง กางกรงเล็บออกและเหวี่ยงลงเต็มแรง มันกระแทกกับโดมเต็มกำลัง คลื่นเสียงแต่ละชั้นของโดมแตกพร่าออกแต่ก็ถูกแทนที่ด้วยคลื่นชุดใหม่ ปีศาจงุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเหวี่ยงกรงเล็บทั้ง 2 ข้างอย่างโกรธแค้นแต่ก็ไม่เป็นผล โดมได้รับความเสียหายแต่ก็ถูกแทนที่ด้วยคลื่นชุดใหม่อย่างต่อเนื่อง และยิ่งเป็นที่มึนงงยิ่งขึ้นเมื่อเจ้าปีศาจมองเห็นแต่ความว่างเปล่าที่ขั้นกลางระหว่างมันกับเหยื่อ  



    มินตราพรดูเหมือนจะรับรู้สถานการณ์จึงก้าวเดินเข้ามาในห้อง



    “เป็นไงละ... คราวนี้ก็ได้แต่ขดอยู่ในกระดอง”



    “เธอเล่นบ้าอะไรของเธอเนี่ย!” น้ำเสียงของตรีสมุทรมีท่าทีตื่นตระหนก เป็นที่ว่ากันว่าหญิงสาวมักจะโมโหรุนแรงแต่เขาก็ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ “นี้มันฆาตกรรมชัดๆ”



    “ฉันยังไม่เห็นใครตาย”



    “จะให้เห็นก่อนรึไง” ตรีสมุทรขบฟันแน่นเขาต้องตั้งสมาธิกับการเล่นไม่ให้ผิดเพี้ยนแถมยังต้องมาต่อปากต่อคำกับยัยนี่อีก



        เด็กชายเลื้อนนิ้วเปลี่ยนคีย์อย่างรวดเร็ว เสียงแหลมปรี้ดดังสนั่นออกมาจากไวโอลินของเขา โดมหายไปในทันที ปีศาจผงะถอยร้องลั่นมันก้าวถอยหลังอย่างทุลักทุเล ปากยังคงคำรามเสียงโหยหวน แยกแห่งมิติที่ชักนำมันมาเริ่มขยายออกที่กลางห้อง เกิดเป็นช่องว่างสีดำมืดขนาดใหญ่ ปีศาจล่าถอยเข้าไปในช่องนั้นขณะที่เสียงแหลมบาดแก้วหูจากไวโอลินของตรีสมุทรยังคงบรรเลงต่อไป  



        มินตราพรมองปีศาจของเธอถูกไล่ต้อนอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะ 2 มือของเธออุดแน่นอยู่ที่รูหูทั้ง 2 ข้าง ปีศาจค่อยๆหายไปในช่องมิติที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อมันผ่านมิติไปได้อย่างสมบูรณ์ช่องก็รูดปิดลงอย่างรวดเร็ว ดนตรีหยุดลงในทันที



        เกิดความนิ่งเงียบขึ้นอีกครั้ง มินตราพรลดมือทั้ง 2 ข้างลงจ้องมองเด็กชายตาเขม็ง เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากกำลังวิ่งมาทางนี้



        “ความเสียหายทั้งหมดนี่เพราะเธอคนเดียว... เธอคงจะปฏิเสธไม่ได้หรอก” ตรีสมุทรพูดขึ้น เสียงเพลงหยุดแล้ว แต่ไวโอลินของเขายังอยู่ในท่าเตรียมพร้อม



        “เพราะฉันหรอ!! ถ้าไม่เพราะเธอโกง...”



        “เดี๋ยวยังไงเธอก็ได้แข่งใหม่อยู่ดี ฉันก็แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ไม่เห็นต้องเรียกตัวบ้าเลือดมาไล่ฆ่าคนอย่างงี้เลย!”



        การโต้เถียงหยุดลงทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่ราว 4-5 คนวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง



        “เออ... เกิดอะไรขึ้นครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามขึ้นทันทีที่เห็นความเสียหายตรงหน้า



        ตรีสมุทรอ้าปากจะตอบ แต่มินตราพรนั้นเร็วกว่า



        “คือ... หนูกำลังนั่งซ้อมไวโอลินอยู่ที่ห้องพัก แล้วก็ได้ยินเสียงโครมครามเลยวิ่งมาดูน่ะค่ะ”



        ตาของตรีสมุทรเบิกโพลง เป็นเรื่องโกหกที่แต่งได้รวดเร็วและโยนเรื่องเดือดร้อนออกจากตัวได้หมดจดจริงๆ เมื่อเขาจ้องมองข้ามห้องไป ที่ได้กลับมาคือสายตาเย้ยหยันของหญิงสาว และสายตางุนงงของเจ้าหน้าที่



        “เออ... คือ... ผมนั่งอยู่... นั่งอยู่เฉยๆนะครับ... แล้ว... กำแพงมันก็ถล่มลงมา”



        “อยู่ดีๆกำแพงก็ถล่มลงมาหรอครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมถามกลับด้วยสายตาไม่ไว้วางใจอย่างที่สุด



        “เออ... ครับ” ขณะตกที่นั่งลำบาก แต่ตัวก่อปัญหาไม่มีทีท่าจะช่วยอะไรซักนิด เธอกลับมองมาด้วยสายตาเยาะเย้ย เด็กชายโกรธจนควันแทบออกหู



        “แล้วคุณคิดว่าอะไรละ!! คิดว่าผมทุบกำแพงเล่นจนมันถล่มลงมาหรอครับ!” ตรีสมุทรตอบกลับ ทำทีท่าว่าหงุดหงิดเสียเหลือเกิน



        “เออ... ไม่ครับ นั่นนะสิ ตัวอาคารเก่าแล้วคงทรุดได้ ยังไงผมว่าเราควรออกห่างจากบริเวณนี้ก่อนนะครับ”



        ขณะทั้งคู่เดินไปตามทางเดินสู่ห้องโถงกลางโดยมีเจ้าหน้าที่นำทางอยู่นั้น มินตราพรก็พูดขึ้นลอยๆ



        “เอาตัวรอดเก่งนิ นอกจากโกงเก่งแล้วด้วย”



        “ไม่เท่าเธอหรอก...”



        “อะไรนะครับ” เจ้าหน้าที่หันมาเมื่อได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ



        “อ๋อเปล่าครับ/ค่ะ” ทั้ง 2 ตอบกลับพร้อมกัน เจ้าหน้าที่มีสีหน้าสงสัยแต่ก็หันกลับไป



        ทั้ง 2 เดินมาถึงห้องโถงในที่สุด ที่นี่เป็นห้องขนาดใหญ่ประกอบด้วยผนังที่เป็นกระจกรอบด้าน ผู้คนเดินไปมาอย่างบางตา



        “รออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมต้องขอตัวไปแจ้งเรื่องอาคารทรุด ถ้าหากการแข่งขันพร้อมเมื่อไหร่ผมจะมาตามด้วยตัวเอง”



        เจ้าหน้าที่พูดจบและเดินกลับไปทางเก่า เด็กทั้ง 2 แยกย้ายกันไปนั่งคนละที่ แทบไม่ได้มองหน้ากันตรงๆ 5นาทีผ่านแต่ทั้งคู่ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงจนกระทั่ง



        เสียงปืนนัดแรกดังสนั่นหวั่นไหว กระจกบานมหึมาแตกกระจายออก ผู้คนกระโดดหลบไปคนละทิศละทางพร้อมกับเสียงกรีดร้อง เสียงปืนกลอีกชุดใหญ่ตามมาติดๆ ตรีสมุทรและมินตราพรกระโดดหลบลงใต้เก้าอี้ ทั้ง 2 มองหน้ากันอย่างหวาดหวั่น...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×