ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black Eyes : Wing of freedom

    ลำดับตอนที่ #1 : ความฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 49


    ฉันจะกลับไปที่เวเมน ไม่รู้สิ ที่บ้านฉันน่ะ

                หลังจากมันจบแล้วนะหรอ... ฉันคงจะนอนให้ลืมโลกไปเลย แล้วค่อยกลับไปหาริน นายไม่รู้หรอกว่าฉันคิดถึงเธอแค่ไหน

                เด็กชายมองเห็นเพื่อนสนิทนิ่วหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเพดานเก่าๆของโรงนาในท่านอนนั้น

                ทำไม... คิดถึงยอดดวงใจขึ้นมาบ้างละซิ

                อย่ามาคลื่นไส้น่า แสง นายนอนเถอะ ฉันจะเปิดตาไว้ข้างนึง

                ฉันไม่เคยนอนหลับสนิทมานานแล้ว โดยเฉพาะที่แบบนี้ ทำไมเราไม่ไปให้ถึงโรงเตี้ยมใกล้ๆนี้ก่อนนะ

                ฉันไม่อยากเสี่ยง... ก็แค่นั้น

                คิดมากไป...

                เสียงบางอย่างพุ่งผ่านไปในความเงียบแต่ก็เพียงพอให้เด็กชายทั้งสองตี่นตัวเต็มที่ เขาและเพื่อนลุกขึ้นนั่ง

                โครม!!!!

                ประตูโรงนาโดนระเบิดให้กระเด็นออก แสงสีขาวสาดเป็นสายไปทั่วขณะที่ห่ากระสุนพุ่งผ่านเข้ามา ไม่ต้องรอสัญญาณใดๆ เขารีบคว้าแขนเพื่อนและออกวิ่งไปยังท้ายโรงนาอันเก่าและผุพัง หวุดหวิดพอดีกับที่โรงนาครึ่งหลังพังถล่มลงมาด้วยแรงระเบิดและกระสุนปืน

                เขาเห็นเพื่อนคว้าปืนพกกระบอกดำสนิทขึ้นละถล่มยิงไปข้างหลังก่อนจะวิ่งตามมา เขาทำตามขณะที่พบรูโพรงขนาดใหญ่ตรงสุดกำแพง เด็กชายทั้งสองลอดผ่านออกมาอย่างเร่งรีบ และต้องก้มหลบทันทีเมื่อกระสุนจากทหารรับจ้างที่ดักรออยู่แล้วระเบิดฝาไม้เหนือหัวเขาเป็นรูโหว่ เขาและเพื่อนเหนี่ยวไกปืนสังหารทหารเหล่านั้นได้ไม่ยากก่อนจะออกวิ่งด้วยความเร็วที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี

                ที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าคือทุ่งหญ้าที่สูงเหนือหัว และกองหินขรุขระ ทหาร ราว 15 นายวางกำลังอยู่ห่างๆ พวกนั้นยังไม่เห็นเขา แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาคือยานรบขนาดเท่ารถกระบะสีดำสนิทที่กำลังลอยลำอยู่และสาดแสงไฟไปทั่ว

                เอาไง เด็กชายที่ก้มตัวต่ำอยู่ข้างกองฝางเคียงข้างเขากระซิบถาม

                ระเบิดควัน เขากระซิบ

                เด็กชายทั้งสองก็คว้าวัตถุทรงกลมสีดำสนิทออกมา ขว้างข้ามศรีษะไปข้างหน้า

    ลูกกลมแตกออกเกิดแสงสว่าง เพลิงไหม้และกลุ่มควันมหาศาล เสียงร้องด้วยความตกใจของทหารดังระงมมาจากกลุ่มควันนั้น เด็กชายทั้งสองยืนขึ้นก่อนจะระดมกระสุนใส่ต้นเสียงโดยไม่ต้องเห็นตัว ขณะที่ออกวิ่งอีกครั้งก่อนที่พนักงานขับยานจะใช้แสงตัดกลุ่มควันและความร้อนออกไปหมด

                ออกห่างมาได้ราวสองร้อยเมตร เขาคิดว่าพ้นแล้ว แต่สิ่งหนึ่งกำลังตามมา มันรวดเร็วกว่าที่ทหารจะทำได้

                ไซบอร์ก

                เขาเพิ่มความเร็วในการวิ่งขึ้นแต่ก็พบว่าเพื่อนเขาไม่สามารถทำความเร็วได้อย่างที่ควร ก่อนจะล้มลง

                กวี!!!!”

                เขาวิ่งกลับไป กวีนอนคว้ำหน้าอยู่บนพื้นขณะที่ไซบอร์กครึ่งมนุษย์กำลังกระโจนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ เขาก้มตัวลง พลิกร่างเพื่อนสนิท กระสุนปืนพุ่งทะลุอกด้านขวาจนเลือดอาบ

                กวี ลุก!! นายต้องไหวสิ ไป!!” เขาคว้ากวีด้วยมือทั้งสองข้างและลากขึ้น

                เขา... เพื่อนของเขาปัดมือนั้นออก

                นาย... ไป... เราจะไม่รอดทั้งคู่ เอานี่ แล้วมือที่อาบเลือดของกวีก็ยัดบางอย่างเข้าไว้ในมือเขา

                อนาคต แสง มันจะไม่จบที่นี่

                ฉันไม่ทิ้งนายไว้!”

                นายต้องทิ้ง!! นายต้องเอานี่ไปส่งให้พวกเราเพราะมันสำคัญ นายต้องรอด แล้วนายต้องบอกมินว่าฉันรักเธอแค่ไหน!!”

                กระสุนพุ่งผ่านศีรษะของเขาไป พวกมันอยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อยและเตรียมจู่โจม

                แสงบีบมือที่ชุ่มเลือดนั้น สกัดกลั้นน้ำตาที่ไหลเอ่อ

                ไป... 

                เขาผละจากร่างนั้น ออกวิ่ง เมื่อหันกลับไปดูเหล่าไซบอร์กกำลังเข้าห้อมล้อมร่างของกวี เลือดของเพื่อนเขาสาดกระเซนไปทั่ว

                ไม่!!!! แก!!!!” เขารัวกระสุนอย่างบ้าคลั่งทั้งๆที่รู้ว่าทำอะไรไม่ได้ เสียงกระสุนของเขาดังกังวานแม้จะเป็นปืนเก็บเสียง

                ปัง!! ปัง!! ปัง!!

     

                เด็กชายตื่นขึ้น เหงื่อไหลชุ่มโชกตัว แรงปวดตุบๆที่แขนขวา และเสียงเคาะประตูทำให้เขาตื่นจากความฝัน... ความฝันที่จะหลอกหลอนเขาไปชั่วชีวิต

                หลังจากสลัดอาการมึนงงออกไปได้เล็กน้อย แสงก็พลิกตัวมาอยู่ในท่านั่ง คว้าปืนเก็บเสียงกระบอกดำขึ้นมาถือไว้

                ใคร!” เด็กชายตะโกนถาม

                ผม... แบล็กอายส์ คุณต้องเปิดประตูเดี๋ยวนี้ เสียงแหลมเล็กตอบกลับมา แสงจำได้ว่าเป็นพนักงานโรงเตี้ยมนี้

                เด็กชายลุกไปเปิดประตู

                ชายในชุดคลุมเก่าคร่ำคร่ายืนรออยู่ด้วยท่าทีร้อนรน

                พวกมันมากันแล้ว ผมไม่รู้ว่าได้ข่าวคุณได้ยังไง หัวหน้าบอกว่ามันจะมาถึงพื้นที่นี้ในอีกสองชั่วโมง แล้วเราจำเป็นต้องเปิดโรงเตี้ยมให้พวกมันค้น คือ...

                ได้ๆ ผมเข้าใจ ขอบคุณ... แล้วแสงก็กระแทกประตูปิด

                ต้องหนีอีกแล้ว มีเวลาเพียง 2 ชั่วโมง เด็กชายเดินไปยังกระจกที่พิงไว้ข้างกำแพง จ้องมองเงาสะท้องของเด็กวัยรุ่นที่มีผมและดวงตาสีดำสนิทผิวสีคล้ำแบบคนที่มีชีวิตไม่สบายนัก ลำตัวท่อนบนที่ปราศจากเสื้อผ้าบดบังเผยให้เห็นรอยแผลเป็นและรอยช้ำต่างๆมากมาย เขาสำรวจรอยแผลที่ต้นแขนขวา คงไม่มีเวลาทำแผลใหม่แม้มันจะปวดมากก็ตาม เด็กชายล้วงมีดพกในกระเป๋าและตัดผ้าพันแผลออก วักน้ำในอ่างล้างหน้าที่เย็นเฉียบล้างแผลนั้น ก่อนจะเอาเศษผ้าขาวผืนใหม่มาพันไว้ดังเดิม

                แสงคว้าเสื้อยืดสีดำมาสวม เหน็บปืนไว้ด้านหลัง ก้มดูนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล

                3.00 น.

                เด็กชายถอนหายใจและเดินไปเปิดประตูก่อนจะก้าวออกไป

                พนักงานคนเดิมรออยู่แล้ว ภายในโรงเตี้ยมยามนี้ร้างผู้คน เด็กชายเดินตามพนักงานไปตามระเบียงที่จุดเทียนไว้ให้แสงสลัว ก่อนจะผ่านประตูลับลงสู่อุโมงค์หินที่ชื้นและเต็มไปด้วยตะใคร่

                ไม่มีบทสนทนาใดตลอดทางในอุโมงค์ที่แคบและเย็นนั้นขณะที่พนักงานโรงเตี้ยมนำทางไปด้วยคบเพลิง จนในที่สุดทางก็ลาดขึ้นจนมาถึงทางออกที่เป็นประตูไม้ผุๆ

                ผมส่งคุณแค่นี้ แบล็กอายส์ ขอให้คุณโชคดี พนักงานกล่าวลาและยิ้มด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน

                คุณก็เช่นกัน และ... ขอให้คุณเก็บกวาดห้องผมด้วย ผมเกรงว่าจะมีร่องรอยอยู่

                แน่นอน...

                ขอบคุณ และ ลาก่อน เด็กชายกล่าว

                แสงก้าวผ่านประตูออกไปสู่อากาศที่หนาวเย็นภายนอก แม้รอบข้างจะมืดมิด แต่เขาก็พอดูออกว่านี่เป็นบริเวณเก็บฝืนที่อยู่ห่างจากโรงเตี้ยมมากทีเดียว พื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณนี้เป็นชนบทที่ทำเกษตรกรรมด้วยเทคโนโลยีล้าหลัง หรือทำปศุสัตว์ รอบข้างจึงมีเพียงทุ่งหญ้าสูงท่วมหัว ต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ประปราย และลำธารสายเล็กที่ตัดผ่านพื้นที่เป็นระยะๆ

                แต่ยังไม่ทันได้ออกเดินทางต่อ เสียงอึกกระทึกก็ดังขึ้น เด็กชายหันไปมองโดยสัญชาติญาณ สิ่งที่ล่องลอยอยู่เหนือขอบฟ้าของโรงเตี้ยมและหมู่บ้านต้นสนที่เขาพึ่งจากมาคืออากาศยานรบลำสีดำสนิทจำนวนมาก และหุ่นรบที่เดินสี่ขาขนาดใหญ่เท่าบ้านสองชั้นกำลังเข้าล้อมบริเวณนั้นไว้ แม้ว่าจะอยู่ห่างๆ แต่ความโกลาหลนั้นก็เห็นได้ชัด มีการประกาศเสียงโหวกเหวก และแสงสปอตไลท์ที่ฉายไปทั่วซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืนเช่นนี้

                เป็นการหนีได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้งนึง และดูเหมือนเวลา 2 ชั่วโมงตามข้อมูลนั้นจะผิดไป แสงถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างเงียบกริบไปในความมืดมิดที่โอบล้อมอยู่เบื้องหน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×