คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Power of The Sword
ทันใดนั้น ที่โต๊ะกลางร้านก็ได้มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น!
“เพล้ง!”
เสียงจานตกลงมาแตกที่พื้นดังมาจากกลางร้านดึงความสนใจจากคนทั้งร้านจากเคาน์เตอร์มาที่โต๊ะตัวหนึ่ง ทั้งสี่คนหันมาที่โต๊ะกลางร้าน พลางเห็นบริกรหญิงคนหนึ่ง ผมยาวสีส้ม หน้าตาสะสวยพอสมควรกำลังตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว โต๊ะที่ทำจานแตกนั้นเป็นชาย 4 คนดูรูปร่างกำยำใหญ่โตดั่งยัก สะพายดาบขนาดใหญ่ทั้งสี่คนเลย ต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัว คนหนึ่งตาบอดข้างหนึ่ง มันตะโกนออกมาเสียงดังสนั่นลั่นร้านด้วยอาการบันดาลโทสะพลางยืนขึ้นชักดาบขนาดใหญ่ที่มันสะพายมาด้วยแล้วฟันตะขาดเป็นสองส่วน
“ข้าไม่จ่าย!”
โต๊ะที่อยู่บริเวณใกล้เคียงแตกตื่นตกใจรีบวิ่งออกมาอยู่วงใน จริงอยู่ที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยครั้งในร้านเหล้าเมืองนี้ แต่สำหรับครั้งนี้ดูจะน่ากลัวกว่าครั้งอื่น ผู้คนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เหล่าชายฉกรรจ์ทำลงไป ชายตาบอดเข้ากระชากคอเสื้อบริกรสาวแล้วเขย่าก่อนจะเหวี่ยงหล่อนจนล้มลงกับพื้นดังตึง ผู้หญิงในร้านบ้างปิดตาด้วยความสังเวชบ้างก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวประหนึ่งจะกลัวแทนบริกรสาวคนนั้น
“เอาของอะไรมาให้พวกข้ากิน หา! ให้พวกข้ากินเนื้อสวะ ๆ นี่แล้วยังจะให้จ่ายเงินอีกเรอะ! ไปเรียกเจ้าของร้านมาคุยซิ!” มันขู่คำรามใส่บริกรหญิงจนบริกรหญิงนั้นลุกไม่ขึ้น พวกผู้ชายที่เห็นเหตุการณ์ต่างต้องการที่จะเข้าไปช่วยบริกรหญิงคนนั้นแต่ก็เกรงสิ่งที่พวกหน้าตัวเมียพวกนั้นสะพายมา.... ดาบขนาดมหึมาที่เหวี่ยงฟันโต๊ะจนขาดในดาบเดียว!
ชายคนหนึ่งในกลุ่มลุกออกจากโต๊ะปรี่เข้าหาตัวบริกรสาวที่ล้มฟุบลงกับพื้นไปแล้ว ชายโฉดคนนั้นหวดกำปั้นเข้าหาบริกรผู้น่าสงสารนางนั้น ทันใดนั้นเอง!
“แคร้ง!” เสียงโลหะสั่นสะท้านดังก้องกังวาลไปทั่วร้านประดุจระฆังที่ส่งเสียงหง่างเหง่งภายในหูของเราท่าน ตามมาด้วยเสียงคล้ายกระดูกหัก
“กร๊อบ!”
ความเงียบงันเข้าครอบคลุมร้านเหล้า Prickly แห่งนี้ มันเป็นความเงียบงันอย่างสุดก้นบึ้งของความเงียบงัน สายตาทุกคู่จับจ้องที่เหตุการณ์ที่กลางร้าน..... ใช่มันมาจากที่โต๊ะกลางร้าน แต่ไม่ได้จับจ้องที่บริกรสาวที่น่าสงสารนะ.... ดาบสีดำมันดุจนิลกาฬยาวเมตรครึ่ง ที่คมดาบเปื้อนเลือดสีแดงสด หันคมเข้าหามือของชายโฉดที่กำแน่นซึ่งมีรอยเลือดอยู่เช่นกัน แต่ดูจากสภาพแล้วคงจะอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้นาน เนื่องจากกระดูกคงจะหักไปแล้วตามเสียง ชายคนนั้นแสดงสีหน้าเหยเกอย่างเห็นได้ชัด ขบปากกัดฟันจนเลือดไหลออกมาจากปากแสดงถึงความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างชัดเจน
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายขวางกลางระหว่างมือของชายโฉดที่ริกินฟรีชักดาบ กับบริกรสาวที่น่าสงสาร นางมองหน้าของเจ้าของดาบปานจะขอบคุณ....
เด็กหนุ่มอายุประมาณ 14 ปีผมดำสั้นตั้งผิวสีแทน สวมเสื้อสีแดงอ่อนกางเกงขายาวสีน้ำตาลทำจากผ้าอย่างหนา ในมือขวากุมดาบยาวเมตรครึ่ง มือซ้ายกุมปลอกดาบสีน้ำตาลลายดอกไม้คล้ายดอกทิวลิปสวยงาม
เลโอริกนั่นเอง!
ชายมือหักคนนั้นถอยกรูดด้วยความหวาดกลัวก่อนที่จะลุกขึ้นยืน พรรคพวกที่เหลือของชายตาบอดอีก 2 คนสาวเท้าเดินออกมาจากโต๊ะอย่างระมัดระวังแล้วมองหน้าเลโอริกอย่างหมั่นไส้ เลโอริกถ่มน้ำลายใส่หน้าของชายตาบอดร่างยักษ์ก่อนที่จะกล่าววาจาดูถูกเหยียดหยาม
“สวะอย่างพวกเจ้า ถ้ารีบจ่ายเงินแล้วไปจากที่นี่ก็คงจะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นหรอก แต่นี้กล้าทำร้ายคนในบาร์เลยเรอะ? ทำอย่างนี้คิดว่าเรื่องจะจบง่าย ๆ เรอะ?” เลโอริกชี้ดาบไปที่หน้าของชายตาบอดที่เขาได้ถ่มน้ำลายไว้ มันเช็ดน้ำลายเด็กหนุ่มออกด้วยความโมโหโกรธาแล้วขว้างทิ้งลงกับพื้น มือขวาของเขาที่กุมดาบขนาดยักษ์อยู่สั่นด้วยความพยาบาทเช่นกัน
ชายตาบอดสบถอย่างโมโหโทโสด้วยเสียงอันดังก้องร้านจนผู้คนที่มองอยู่รอบนอกต่างสะดุ้งโหยง “เจ้าสอดมือเข้ามาหาอะไร? อยากตายเรอะ”
สายตาของฟอกส์และเอมิเลียมองด้วยความฉงนสนเท่ห์กับสิ่งที่เลโอริกทำลงไป มีเพียงโมฮัมเหม็ดเท่านั้นที่หยิบชิ้นเนื้อปลาขึ้นมารับประทานอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่จะกล่าวกับสองคนพ่อลูก
“มากินของอร่อยกันต่อเถอะ ปล่อยเขาทำสิ่งที่เขาอยากทำเถอะ ข้ารับประกันว่าเขาไม่ทำร้านท่านเสียหายหรอก ฮะๆ” แล้วพลางหยิบแก้วสุราขึ้นซดเป็นครั้งแรกของมื้อ
เสียงซุบซิบเริ่มเข้าแทนที่ความเงียบงันในร้าน บ้างก็สงสารเลโอริกว่าไม่น่าสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นเลย บ้างก็ว่าน่าสงสารเด็กคนนี้ อายุยังน้อยจะถูกปลิดชีพด้วยเรื่องไม่เข้าท่าเสียแล้ว เลโอริกกวาดสายตามองผุ้คนโดยรอบก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“เฮอะๆ ดูถูกข้ากันนัก ข้าว่าไอ้โฉดสี่คนนี้มันยังไม่ถึงครึ่งของฝีมือข้าเลยนะเฟ้ย!” คำพูดดูถูกเหยียดหยามจุดระเบิดโทสะที่เก็บสะสมไว้มากมายของชายตาบอดคนนั้นให้พุ่งพล่าน มือซ้ายมันชี้หน้าเลโอริกที่ไม่ได้ตั้งท่าเตรียมสู้ ปากก็ตะโกนเสียงดังลั่นร้าน!
“ไอ้หนู! สามหาว! วันนี้แกตาย!” พูดขาดคำมันก็พลิกหงายคมดาบขึ้นหาเพดานแล้วตวัดขึ้นด้วยกำลังแขนที่แข็งแกร่งปานช้างสาร ดาบขนาดยักษ์พุ่งขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วพลันเกิดเสียงวูบของลมที่ตีออกด้านข้างอย่างแรงดเนื่องด้วยผลของการหวดดาบ เป้าหมายของการตวัดคือคางของเลโอริก เขาคงกะจะตวัดผ่าจากคางเรื่อยไปจนถึงกระหม่อมกระมัง เลโอริกเหมือนจะจับทางถูก เขาสาวเท้าขวาไปข้างหลังพลันดึงตัวของเขาเองไปด้านหลังอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า........
วูบ!
เสียงคมดาบแหวกอากาศดังสนั่นก้อง เพียงแต่ไม่มีเลือดออกเลยแม้สักหยด ยังให้เห็นว่าการโจมตีพลาดเป้า ดาบขนาดมหึมาเมื่อเหวี่ยงพลาดเป้าก็พุ่งขึ้นลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ เมื่อรู้ดังนั้นชายตาบอดรีบพลิกคมดาบกลับด้านอีกครั้งแล้วฟาดลงเต็มแรงจนได้ยินเสียงคมดาบแหวกอากาศอีกครั้ง!
วูบ!
ทว่าคราวนี้กลับมาพร้อมกับเสียงเหล็กกระทบกันประดุจระฆังถูกหวดตีด้วยแท่งเหล็กดังก้องไม่แพ้กับเสียงลม เลโอริกตวัดดาบยาวสีดำขลับประดุจนิลกาฬขึ้นรับอย่างรวดเร็วรุนแรงประดุจสายฟ้าสีมืดทมึน
เคร้ง!
น่าฉงนที่ดาบขนาดยักษ์กลับถูกสะท้อนเมื่อฟันถูกดาบของเลโอริกเด็กหนุ่ม มันลอยเคว้งขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง เลโอริกใช้จังหวะที่การป้องกันตรงกลางของชายร่างเท่ายักษ์กลวงโบ๋ตวัดขาขวาใช้ฝ่าเท้ากระแทกเข้าที่ท้องอย่างแรงจนร่างของชายตาบอดคนนั้นกระเด็นในทันที มันกระเด็นลิ่วไปที่ประตูก่อนที่จะกระแทกจนประตูเปิด ร่างของเขาปลิวออกนอกร้าน
ตูม!
ร่างของเขาปลิวไปกระแทกร้านแผงลอยที่ขายชุดเกราะอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของบาร์แห่งนี้ มันเป็นแผงลอยที่ปูผ้าสีแดงไว้แล้ววางชุดเกราะขาย พ่อค้าที่เฝ้าอยู่ประจำร้านแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ตามมาด้วยเสียงก่นด่าสาปแช่งถึงโคตรเหง้าสักราช ชุดเกราะที่วางขายไม่ว่าจะเกราะหนังหรือเกราะเหล็กต่างร่วงลงไปกองกับพื้น โต๊ะที่ทำอย่างหยาบ ๆ ด้วยแผ่นไม้อัดหักครึ่งแทบจะในทันที ผ้าสีแดงปลิวไปไกลลิบตา ส่วนดาบขนาดมหึมาของชายโฉดตาเดียวปลิวไปเสียบที่กำแพงหลังร้านแผงลอย มันปักจมลงไปครึ่งเล่ม แสดงให้เห็นถึงกำลังของผู้ที่ส่งร่างนี้ออกมา
เลโอริกรวบขาลงเก็บก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป
ความคิดเห็น