ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #34 : ยังไม่สนิท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.45K
      719
      20 พ.ย. 62

    “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยล้า จะมองไปทางไหนก็ดูจะยุ่งยากไปหมดนางอยากรีบจัดการให้ทุกอย่างจบสิ้นเสียที นางไม่อยากอึดอัดอยู่ที่จวนนี้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ผ่านมานางกับเขาก็ทำงานเข้ากันดี และรู้สึกมีความสุขด้วยซ้ำ แต่พอเจอกับเหตุการณ์เมื่อว่าทำเอานางตั้งตัวไม่ทัน

                “ฮูหยินเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ หลายวันมานี้ข้าเห็นว่าท่านเอาแต่ถอนหายใจเช่นนี้” ซือซือเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงและสีหน้าจริงจัง จนผู้เป็นนายต้องขมวดคิ้วด้วยเพราะไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นอย่างที่สาวใช้บอก

                “ก็ไม่ได้เป็นอันใด” นางทำหน้านิ่งตอบเฉไฉ

                “เป็นเพราะท่านแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะที่ทำให้ท่านเป็นเช่นนี้”

                “อย่าพูดจาเหลวใหลนะซือซือ ข้าจะเป็นอันใดล้วนไม่เกี่ยวกับเขา” ลี่เหม่ยจูเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงเฉินหย่งหมิง

                “ฮูหยิน...เรื่องของหัวใจมิมีผู้ใดบังคับกันได้ และไม่มีผู้ใดจะก้าวล่วงเข้าไปได้เช่นกันเพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน” ซือซือเอ่ย

                “ซือเออร์...เจ้าจะรู้ดีไปกว่าข้าได้อย่างไร” นางเอ่ยเสียงดุ

                “เรื่องนี้จะต้องให้ท่านแม่ทัพเป็นผู้แก้ด้วยตนเองเจ่าะ หากเขาไม่สามารถจัดการความยุ่งเหยิงนี้รวมถึงฮูหยินเองที่ยังไม่ชัดแจ้งในความรู้สึก” รอยยิ้มกว้างของซือซือทำให้ให้ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ สาวใช้ตัวน้อยรู้เรื่องความรักลึกซึ้งเพียงนี้เลยหรือ

                “พูดคุยสิ่งใดกันอยู่หรือ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นลี่เหม่ยจูสะดุ้งอย่างตกใจเพราะฝีเท้าของเขาเบาหรือนางมัวแต่คิดตามที่ซือซือพูด สาวใช้ตีวน้อยถอยหลังออกไปอย่างรู้หน้าที่

                “...” ลี่เหม่ยจูไม่ตอบสิ่งใดออกไป

    หากข้าเป็นผู้มิหวังดีเจ้าคงได้รับอันตรายไปแล้ว" เฉินหย่งหมิงแค่นหัวเราะ

    "ไม่มีผู้ใดอันตรายเท่าท่านแล้ว" ลี่เหม่ยจูก็ตอกกลับคนที่ไม่อยากพบเจอสุดเวลานี้ เขาพูดกับนางเช่นนั้นเขาควรต้องหายหน้าไปสิ จะมาก่อกวนอารมณ์นางให้ได้สิ่งใด

    "นั่นสินะ...ข้ามาแจ้งว่ามีคนอยากพบเจ้า"เฉินหย่งหมิงนั่งลงฟูกตรงข้าม

    ผู้ใดกันลี่เหม่ยจูเอ่ยถามและหลงลืมว่ายังแค้นเคืองเขาไปชั่วขณะ

    พี่ชายของเจ้า...เขากลับมาแล้วลี่เหม่ยจูคิดว่าวันนี้เขาพูดดีกว่าทุกวัน แต่นางไม่มีเวลามาสนใจ เพราะมีเรื่องอยากพูดอยากถามพี่ชายมากมาย

    "พี่หยางมาหาข้า" ลี่เหม่ยจูผุดลุกขึ้นอย่างดีใจ

    "ค่อยๆ เดิน" เฉินหย่งหมิงอดยิ้มตามไม่ได้เขามองตามหลังร่างบางไปด้วยสายตาห่วงใย บางครั้งนางก็คล้ายเด็กน้อย บางครั้งดื้อรั้นไม่ฟังผู้ใด แต่นางเป็นสตรีที่อ่านสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งจนเขาแปลกใจ นางทำให้เขาประหลาดใจไม่รู้จบจากความสนใจเล็กๆ กลายเป็นไม่สามารถละสายตาจากนางได้เลย...หรือเขาคิดผิดไปที่เอ่ยเช่นนั้นกับนาง

     

    ลี่เหม่ยจูรีบวิ่งมาเรือนรับรองอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงก็พบพี่ชายที่หายหน้าหายตาไปนานนั่งก้มหน้าหมดอาลัยตายอยากราวกับโลกกำลังถล่มลงตรงหน้า ร่างกายสูงใหญ่ซูบไปถนัดตาไยพี่ชายผู้เข้มแข็งของนางถึงเป็นเช่นนี้ มีเรื่องใดทำให้พี่ชายเป็นทุกข์ถึงเพียงนี้ หรือเฉินหยางหมิงใช้งานพี่หยางของนางหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนจนขอบตาดำคล้ำเยี่ยงนี้

                "จูเออร์” เสียงห้าวเอ่ยเรียกอย่างคุ้นเคย

                “พี่ใหญ่” เสียงหวานเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่ชายก่อนจะโผตัวเข้าหาอ้อทกอดอันคุ้นเคย

                “เป็นอย่างไรบ้างจูเออร์” แม้มีเรื่องไม่สบายใจทว่าลี่เหวินหยางก็เอ่ยถามน้องสาวด้วยความห่วงใย มือหนาลูบไปที่เลือนผมนุ่มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

    "ข้าสบายดีเจ้าค่ะ หากแต่พี่ใหญ่เล่าเหตุใดจึงซูบผอมสีหน้าไม่ดีเลยเจ้าค่ะ เขาใช้งานพี่หนักหรือ" ลี่เหม่ยจูหมุนร่างสูงของพี่ชายไปมาคราแรกที่มองหน้าพี่ชายนางแทบจะจำเขาไม่ได้ ใบหน้าคล้ำเหมือนอยู่กลางแดดเวลานาน ร่างกายที่มีหมัดกล้ามเนื้อกลับซูบลงราวกับอดอาหาร เสื้อผ้ามีแต่กลิ่นสุรา เห็นเช่นนี้แล้วนางยังจะทนใจเย็นได้อยู่อีกหรือ

    "ผู้ใดใช้งานพี่หนัก? " ลี่เหวินหยางมึนงงกับคำถามและสีหน้าจริงจังของน้องสาวนี่นางกำลังคิดว่าสามีของนางใช้งานเขาหรือ

     

    "ก็เฉินหย่งหมิงเขาใช้งานท่านจนไม่ได้หลับได้นอนใต้ตาค้ำดำเยี่ยงนี้ นี่เขากะใช้งานทั้งข้ากับท่านให้ตายเลยใช่หรือไม่" ลี่เหม่ยจูเดือดและโมโหอย่างมากพอมีเรื่องของเขาเข้ามาเกี่ยวจึงทำให้นางพาลโมโหมากกว่าปกติ

    "พี่ว่าเจ้าคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ" ลี่เหวินหยางกำลังสงสัยว่าทั้งสองคงกำลังมีปัญหากันอย่างแน่นอน เพราะสีหน้าของน้องสาวคล้ายกำลังงอน

                “หากไม่เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”

                “เกิดอันใดขึ้นหรือเหตุใดเจ้าจึงได้มีสีหน้าเช่นนี้” ลี่เหมินหยางเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติและน้องสาวเองก็นิ่งเงียบไป

                “ท่านเอ่ยถึงสิ่งใด” นางเฉไฉ

                “เจ้ามิไว้ใจพี่แล้วหรือจึงไม่คิดบอกกล่าวให้ข้ารู้สักคำ” ลี่เหวินหยางเอ่ยถามย้ำเมื่อเห็นว่าลี่เหม่ยจูยังคงนิ่งเฉยอยู่

                “มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดที่ข้าจะไว้ใจเท่าพี่ใหญ่ของข้า” ลี่เหม่ยจูรีบเอ่ยแก้คำตัดพ้อของพี่ชาย

                “หรือจะเกี่ยวกับคำร่ำลือกันที่ว่าท่านแม่ทัพออกไปพบกับน้องรอง” ลี่เหวินหยางเอ่ยถามตรงๆ กับสิ่งที่ตนได้ยินมาด้วยสีหน้าจริงจัง

                “เจ้าค่ะ...ตั้งแต่ข้าแต่งเข้ามาตระกูลลี่ก็ถูกนินทาเรื่องที่น้องรองจะแต่งเข้ามา ข้าเองก็พยายายามหาวิธีให้นางอยู่อย่างสงบและรู้สึกเป็นห่วงท่านพ่อกลัวว่าจะคิดมาก” ลี่เหม่ยจูเอ่ยเสียงเบา

                “เจ้าจึงบึ้งตึงเฉยเมยต่อท่านแม่ทัพ”ลี่เหวินหยางเอ่ยต่อคำอย่างรู้นิสัยของน้องสาว คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง

                “เจ้าค่ะ...แต่เขาเองก็ต้องการให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว” ลี่เหม่ยจูเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงน้อยใจนิดๆ อย่างไม่รู้ตัว เรียกรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากของผู้เป็นพี่ชายได้เป็นอย่างดี

                “เจ้ากำลังน้อยใจเขา” ลี่เหวินหยางเอ่ยต่ออย่างจับผิด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองดวงหน้าหวานจนลี่เหม่ยจูต้องหันหน้าหนี เพราะรู้ดีว่าสายตาแบบนี้ของพี่ชายเป็นสายตาจับผิด เพราะพี่ชายนั้นเป็นคนฉลาด อีกทั้งความสนิทสนมระหว่างพี่น้องมากมายจนเรียกได้ว่ามองตาแล้วรู้ใจ แค่เพียงมองตาก็รู้ไปถึงหัวใจของนางแล้ว ลี่เหวินหยางมังมองลี่เหม่ยจูได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

                “...” ลี่เหม่ยจูเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเอาแต่นิ่งเงียบอย่างนั้นจนลี่     เหวินหยางต้องเป็นฝ่ายก้าวไปยืนอยู่เบื้องหน้า นิ้วเรียวเชยคางมนของน้องสาวให้ดวงหน้างามแหงนขึ้น

                “จูเออร์เจ้ารู้สึกแปลกๆ กับท่านแม่ทัพใช่หรือไม่” ลี่เหวินหยางเอ่ยถามตรงๆ

                “...” แต่คนที่ถูกถามยังคงไม่ตอบทั้งๆ คำตอบอยู่ในดวงตากลมโตหมดแล้ว

                “ลี่เหม่ยจู...ที่เจ้าเป็นเช่นนี้เพราะเจ้ามีใจให้ท่านแม่ทัพใช่หรือไม่” ลี่ เหวินหยางยังคงถามคำถามที่ตรงยิ่ง และคำถามนี้ทำให้ดวงตากลมโตต้องไหวระริก ดวงหน้าหวานซับสีเลือดขึ้นในทันที และเพียงแค่นี้ก็เป็นคำตอบสำหรับคำถามของลี่เหวินหยางได้ดี

                “เจ้ารักท่านแม่ทัพ!” ลี่เหวินหยางเอ่ยขึ้นลอยๆ แต่กลับทำให้คนฟังแทบเต้นเร่า แก้มใสซับสีเลือดแดงขึ้นไปอีก

                “ไม่ใช่นะเจ้าคะ” เสียงหวานรีบเอ่ยปฏิเสธทันที ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ไม่ยอมพูดจา

                “จูเออร์ ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้ามิต้องโป้ปด ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งใดที่เจ้าคิดแล้วพี่จะไม่รู้ หากเจ้าไม่มีใจให้ท่านแม่ทัพมีหรือราชโองการของฮ่องเต้จะทำสิ่งใดได้ แม้ข้ามิได้อยู่ใกล้ชิดเจ้าหากแต่เรื่องราวที่ได้ยินมาไม่น้อยว่าสิ่งที่เจ้าแอบไปทำล้วนแทบจะต้องแลกด้วยชีวิต ครึ่งหนึ่งข้าเชื่อว่าเจ้าทำเพื่อตระกูลลี่และทำเพื่อแผ่นดิน หากอีกครึ่งก็ทำเพื่อเพราะมีใจต่อเขา แม้เจ้าจะพูดปฏิเสธหากแต่แววตาของเจ้าในเวลานี้จะปิดอย่างไรก็ไม่มิด การยอมรับหัวใจของตนเองมิใช่สิ่งผิด เมื่อคนที่เจ้ารักในตอนนี้เข้าเป็นสามีเจ้าเอง” ลี่เหวินหยางทั้งปลอบทั้งสั่งสอน

                “แม้ข้าจะรู้สึกเช่นไรก็ไม่สำคัญ เพราะเขามีลี่เหม่ยเจินอยู่แล้ว แม้เขาจะทำดีต่อข้าแต่นั่นก็เป็นเพียงหน้าที่แฃะความรับผิดชอบเท่านั้น” เสียงหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมกับยอมรับกับความรู้สึกของตัวเองอย่างหมดใจ ความอ่อนแอที่นางไม่รู้จักเข้ามาแทนที่สัมผัสได้ถึงความรวดร้าว ตั้งแต่วันที่นางได้ช่วยเหลือเขาในวันนั้น...ความรู้สึกนางเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น

                “โธ่จูเออร์” ลี่เหวินหยางเอ่ยเสียงเบาด้วยความสงสารพร้อมกับโอบกอดร่างบางไว้แน่น หากแต่ความรู้สึกของน้องสาวอีกคนเล่าเป็นปัญหาที่พี่ชายอย่างเขาต้องนำไปขบคิด อีกทั้งความรู้สึกของเฉินหย่งหมิงเองแม้จะสนิทสนมกับอีกฝ่ายทว่าก็ไม่อาจประเมินความรู้สึกของผู้บังคับบัญชาได้

                “แล้วเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้หรือ” เป็นคำถามที่อยู่ในใจของนางเช่นกัน

                “ข้าก็คงจะต้องทำหน้าที่ของข้าให้ดีที่สุด เมื่อทุกอย่างจบก็เพียงแยกย้ายให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเช่นเดิม”

                “แต่ความรู้สึกของเจ้าจะไม่มีทางเหมือนเดิม”

                “...” ลี่เหม่ยจูไม่อาจตอบคำถาม ดวงตากลมโตทอดมองออกไปไกล

                เมื่ออารมณ์ดีขึ้นแล้วลี่เหม่ยจูจึงหันมาสนใจพี่ชายและถามถึงธุรของอีกฝ่ายที่มาหาตน

                “ว่าแต่ช่วงนี้ท่านหายไปที่ใดเจ้าคะ”

    "ช่วงนี้ท่านแม่ทัพให้พี่พักงานเพื่อเตรียมตัว..." ลี่เหวินหยางชะงักปาก เมื่อกำลังจะพูดเหตุผลที่ตนต้องหยุดพักงาน

    "พักงานหรือ แล้วเพื่อเตรียมสิ่งใด" ลี่เหม่ยจูจ้องมองพี่ชายอย่างจับผิดบ้าง มีเรื่องใดที่นางพลาดข่าวสำคัญไป

    “...” ลี่เหวินหยางนิ่งเงียบ

    "ท่านเองก็กำลังทุกข์ใจ...อย่าปิดบังข้าเลย ข้ากับท่านเติบโตมาด้วยกันท่านรู้สึกอย่างไรมีหรือข้าจะดูไม่ออก" ลี่เหม่ยจูจ้องหน้าพี่ชายและเอ่ยในสิ่งที่พี่ชายเอ่ยกับนางเมื่อครู่ ท่านไม่ไว้ใจข้าอย่างนั้นหรือคำพูดตัดพ้อของน้องสาว จึงตัดสินใจบอกนางในที่สุด เพราะทนแววตาเช่นนั้นไม่ไหว

    "เรื่องแต่งงานกับจวงมี่อิง...สหายของเจ้า"เสียงเข้มเย็นชาถูกเค้นออกมา และแผ่วปลายในตอนหลังเมื่อเอ่ยนามว่าที่เจ้าสาว

     

    "โถ่...ก็นึกว่าเรื่องใด ข้าคิดว่าเป็นเรื่องดีท่านจะได้ออกเรือนเสียที อีกอย่างมี่อิงนางก็น่ารักท่านโชคดีเพียงนี้ยังจะทำหน้าอย่างกับคนถูกบังคับอีก" ลี่เหม่ยจูนึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรอีกอย่างจวงมีอิงเองก็แอบมีใจให้พี่ชายของนางเพียงแต่อีกฝ่ายปากแข็งและไม่ยอมพูดออกมา นางกับมี่อิงสนิทเป็นเพื่อนเล่นกับนางมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้จักนิสัยใจคออีกฝ่ายเป็นอย่างดีและดูเหมือนว่านางจะร่าเริง สดใส ช่างพูดขึ้น หลังจากวันที่นางหัวฟาดขอบเตียง

    "แต่ข้าไม่ได้ชอบนาง อีกอย่างหญิงแพศยาผู้นั้นเจ้ายังรู้จักนางไม่ดีพอจูเออร์" ลี่เหวินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดนัยน์ตาแดงก่ำหญิงสาวที่เรียบร้อยและเขาก็เอ็นดูนางกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานางคงใช้มารยาเล่ห์กลอำพรางตาเขาและน้องสาวไว้สินะ! ตลอดเวลาที่ผ่านมานางช่างเสแสร้งเล่นละครได้แนบเนียนเสียจริง หากไม่เห็นกับตาคงไม่ประจักษ์แก่ใจ ตอนนี้อย่างไรจูเออร์คงไม่มีทางเชื่อเขาว่าสหายของนางเป็นสตรีแพศยาเพียงใด

    "ข้ารู้ว่าพี่ไม่ได้คิดเกินเลยกับมี่อิงอีกทั้งท่านยังเอ็นดูนางราวเฉกเช่นน้องสาว แต่ท่านก็ไม่ควรจะทำสีหน้ากิริยาราวรังเกียจมี่อิงเช่นนี้ หากนางมาเห็นจะไม่เสียใจหรือ...อีกอย่างท่านกับนางก็" ลี่เหม่ยจูแปลกใจกับการแสดงออกของพี่ชายนักที่ผ่านมานางรู้ว่าพี่ชายไม่ได้คิดเป็นอื่นกับจวงมีอิงออกจะเอ็นดูอีกฝ่ายด้วยซ้ำเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก

     หากไม่รักก็ควรจะเอ็นดูมี่อิงบ้างอีกอย่างสหายนางก็ไม่ต่างจากคนหัวเดียวกระเทียมลีบ ที่ต้องมาแต่งกับพี่ชายคงจะต้องมีเหตุผลบางอย่างและมี่ส่วนเกี่ยวข้องกับบิดาของมี่อิงอย่างแน่นอน แล้วไยพี่ชายนางไม่เห็นใจมี่อิงบ้าง

    "หึ นางร้องไห้คร่ำครวญกับบิดาของนางเพื่อให้แต่งเข้าเป็นฮูหยินของพี่ ทั้งยังจัดฉากให้พี่กับนางอยู่ด้วยกันสองต่อสองจนผู้คนติฉินนินทา ท่านพ่อเกรงว่าจะไม่เป็นการดีจึงยอมให้เเต่งนางเข้าจวน" ลี่เหวินหยางระบายความอัดอั้นที่แน่นอยู่ในอกออกมาให้น้องสาวฟังจนหมดสิ้น นางถึงกับกล้าวางยานอนหลับและจัดฉากร่วมหลับนอนจงใจให้ผู้อื่นเข้าใจผิด เป็นเช่นนี้จะไม่ให้เขาโกรธแค้นได้อย่างไร

    "มี่อิงคงมีเหตุผลที่นางทำเช่นนั้น พี่ก็รู้จักนางมานานย่อมต้องดูออก...บางทีนางอาจจะตกเป็นเหยื่อเช่นกันลี่เหม่ยจูไม่เชื่อว่าสหายจะทำเช่นนั้น ต้องมีเหตุผลหรือบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ เป็นกล เป็นเล่ห์ และต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลัง

    "เหตุผลใดที่ทำให้นางทำตัวเช่นนั้น ที่สำคัญพี่ไม่เคยรักนาง เจ้าก็รู้"ลี่เหวินหยางยังไม่คล้อยตามกับสิ่งที่น้องสาวกล่าวมาสักนิด เขาเองยังหาเหตุผลมาลบล้างเพื่อให้มองสตรีผู้นั้นดีขึ้นไม่ได้เลย

    "เอาเป็นว่าข้ารู้จักนางดี และข้ามั่นใจว่ามี่อิงไม่ได้จงใจอยากทำร้ายท่านอย่างแน่นอน ข้าอยากให้ท่านช่วยนาง" ลี่เหม่ยจูยิ้มและยกมือลูบใบหน้าพี่ชายสำรวจเค้าหน้าที่รกด้วยหนวดเคราแทบจะไม่เหลือเค้าพี่ชายผู้หล่อเหลา "ถือว่าข้าขอร้อง นางคงลำบากมิน้อยและข้าคิดว่านางคงมิอยากบังคับให้ท่านลำบากใจ นางอาจมีท่านเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวก็เป็นได้" ลี่เหม่ยจูกุมมือพี่ชายอย่างให้กำลังใจ ปนเห็นใจแค่ปัญหาของนางเองก็ยังหาทางแก้ไม่ได้ ส่วนเรื่องนี้ให้พี่ชายแก้ไขเองก็แล้วกัน

     

    ที่เจ้าขอมันคือทั้งชีวิตและความสุขของพี่เลยนะที่จริงทั้งชีวิตของเขายกให้นางได้โดยไม่เสียดาย แต่ที่นางขอนั้นเหมือนยกชีวิตของเขาให้ผู้อื่น ซ้ำผู้นั้นยังมากด้วยมารยา

    ตอนนี้ท่านควรกลับไปอาบน้ำโกนหนวดเคราก่อน ข้าอายคนที่มีพี่ชายเหมือนโจรเยี่ยงนี้ลี่เหม่ยจูปลอบประโลมพี่ชายอยู่นานถึงใจเย็นขึ้นมาบ้าง แต่กระนั้นก็ยังใจแข็ง นางเริ่มกังวลกับอนาคตของพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้เหลือเกิน

               

    หลังจากลี่เหวินหยางกลับไปแล้วลี่เหม่ยจูก็ออกไปนอกจวนเพื่อไปสืบหาบุรุษผู้นั้นทันที นางรู้ว่าเขายังวนเวียนในเมืองหลวง ถ้าจำไม่ผิดเขาเคยบอกว่าเขาชื่อ 'เฟยหลง' แต่ไม่ได้บอกแซ่

    ลี่เหม่ยจูเดินมาเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายไม่รู้ว่าจะไปเริ่มหาข่าวจากที่ใดดี บุรุษผู้ลึกลับหาตัวจับยากผู้นี้เป็นใครกันความยากในครั้งนี้ช่างท้าทายเหลือเกิน

    "แม่นาง...พบท่านอีกแล้ว" อยู่ดีๆ บุคคลที่อยากเจอก็ปรากฏกายตรงหน้า นี่เขาเป็นภูตผีหรืออย่างไรหรือเขารอให้นางมาตามหากัน

    "ท่าน! " ลี่เหม่ยจูทั้งตกใจและดีใจ แต่จะให้ถามซึ่งๆ หน้าใครจะบอก

    "พบกันครั้งที่สองแล้วแม่นางไม่คิดจะแนะนำตัวให้ข้ารู้จักเลยหรือ" บุรุษตรงหน้าส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ร้ายกาจ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกลิ่นอายบุรุษเพศชัดเจนแต่กลิ่นอายสูงศักดิ์กลับปิดไม่มิด

     

    "ข้าซ่ลี่ นามว่าเหม่ยจู" น้ำเสียงไม่อ่อนไม่แข็งเรียกรอยยิ้มกว้างจากบุรุษร่างสูงได้เป็นอย่างดี

    "จูจู ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าดี" บุรุษเอ่ยชื่อนางอย่างสนิทสนมได้อย่างไม่กระดากปาก

    "เรียกข้าเหม่ยจูเถิด ส่วนจูจูนั้นคนที่พึ่งพบกันเพียงสองครั้งยังไม่ถือว่าสนิทสนม" ลี่เหม่ยจูมองหน้าบุรุษที่บังอาจเรียกชื่อเล่นนางอย่างสนิทสนมจึงอดไม่ได้ที่จะพูดประชดออกไป

    "ขออภัยข้าไม่ถนัดเรียกชื่อยาวเหยียด เรียกจูจูก็ได้ข้าไม่ถือสา" เฟยหลงยิ้มอย่างพอใจที่เห็นคนตรงหน้ามีท่าทางบึ้งตึง

    "...." ชื่อนางยาวเหยียดตรงไหน และคำว่าไม่ถือสานี่นางควรเป็นคนพูดมิใช่หรือ

    "ถ้าอย่างนั้นเพื่อเป็นการทำความรู้จักในฐานะสหาย จูจูจะเลี้ยงตอบแทนข้าที่ไหนดี"

    "สหาย? เลี้ยงตอบแทน? "

    ลี่เหม่ยจูเหมือนโดนของแข็งทุบหัวนี่นางอยากไปเป็นสหายกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ บุรษผู้นี้พูดเองเองเป็นเรื่องเป็นราว

    "ใช่ จูจูฟังไม่ผิดหรอก" บุรุษผู้นี้ยังเอ่ยไม่หยุดเขาเห็นแก่กินถึงเพียงนั้นเชียวหรือ คำพูดรวบรัดนั้นทำให้ลี่เหม่ยจูแทบไม่เหลือช่องว่างให้ปฏิเสธ

    "ท่านคงเข้าใจผิดกระมัง ข้าเพิ่งเจอท่านสองครั้งยังไม่นับเป็นสหายอีกอย่างเลิกเรียกข้าว่า จูจู เสียที" ลี่เหม่ยจูชักจะเหมดความอดทนกับความหน้าด้านของอีกฝ่าย ส่วนเฟยหลงยังลอยหน้าลอยตาไม่รู้สึกรู้สาสิ่งใดยิ่งทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก ถ้าไม่นับรวมเฉินหย่งหมิงแล้วบุรุษตรงหน้าเป็นคนที่สองที่ทำให้นางควบคุมอารมณ์ไม่ได้

    "หรือจูจูกลัวข้า" หืม ประโยคนี้ที่กล่าวมาทำให้ลี่เหม่ยจู่หรี่ตามอง กลัวสิ่งใดเหตุใดต้องกลัวเขาเข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่ หากนางกลัวคงไม่ออกมาตามหาเขาเช่นนี้กระมัง

    "ข้าไม่เคยกลัวผู้ใดโดยเฉพาะคนต่างถิ่นเช่นเจ้า" ลี่เหม่ยจูจ้องตาตอบอย่างไม่กลัวเกรงทำให้อีกฝ่ายหัวเราะอย่างพอใจ

    "แล้วพบกันที่ศาลาริมน้ำที่เดิมนะ" บุรุษต่างแคว้นขยิบตาอย่างหยอกเย้าก่อนจะทะยานหายไปชั่วพริบตาไม่รอว่านางจะตอบปฏิเสธหรือตกลงด้วยซ้ำ เขามั่นใจเหลือเกินที่คิดว่านางจะไปตามนัด หรือเขารู้ว่านางจะทำสิ่งใด และเหตุใดถึงอยากบอกทุกอย่างแก่นางหรือเป็นแค่แผนล่อลวงเท่านั้น


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×