คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : อดทนอีกสักนิดเถอะ (rewrite)
ลี่เหม่ยเจินให้สาวใช้คนสนิทไปส่งจดหมายที่จวนแม่ทัพเพื่อนัดให้เฉินหย่งหมิงออกมาพบที่ร้านน้ำชา
ร้านประจำของเขากับนางในช่วงค่ำเพื่อมอบถุงหอมให้ ทั้งยังอยากทดสอบว่าเฉินหย่งหมิงยังรักนางอยู่ไม่ได้หลงใหลไปกับมารยาของลี่เหม่ยจูไปเสียก่อนแม้จะรู้สึกรักหรือไม่รักนางก็ไม่อยากสูญเสียบุรุษที่เพียบพร้อมองอาจอย่างเฉินหย่งหมิงให้กับลี่เหม่ยจู
ลี่เหม่ยเจินจัดอาภรณ์และทรงผมอยู่หน้าคันฉ่อง
ลงมือปักปิ่นดอกเหมยกุ้ยอย่างเบามือ
แต่งแต้มใบหน้าพองามจากนั้นหมุนสำรวจตนอย่างพึงพอใจ
"เจินเออร์ของแม่งดงามยิ่งนัก...บุรุษใดเห็นเจ้าจะไม่หลงใหลก็คงแปลก"
ลี่หรงเพ่ยฮูหยินรองผู้เป็นมารดากล่าวชมบุตรสาว
พร้อมทั้งจับร่างบอบบางบุตรสาวหมุนไปมา เอ่ยยกยอกันไปมาให้เขินอาย
"ท่านแม่ ท่านล้อข้าเล่นแล้ว...ในเมืองหลวงยังมีสตรีที่งดงามกว่าข้ามากมาย"
ลี่เหม่ยเจินยิ้มหวานให้มารดา พร้อมทั้งกุมมืออย่างรักใคร่เอาใจ
"เจ้างดงามที่สุดหาผู้ใดเทียบยาก ลูกแม่งดงามเพียงนี้
ท่านแม่ทัพคงยากจะถอนตัว" หลี่หรงเพ่ยกระเซ้าทั้งยังโอบกอดให้กำลังใจบุตรสาว
"ข้าต้องไปแล้ว...เกรงว่าจะเสียมารยาทให้ท่านแม่ทัพต้องรอนานเจ้าค่ะ"
ลี่เหม่ยเจินหันมาพูดกับมารดาและรีบเดินไปขึ้นรถม้าทันที
ก่อนไปไม่ลืมหยิบถุงหอมที่นางตั้งใจปักให้เฉินหย่งหมิงติดมือไปด้วยและถุงหอมปักลายมังกรนางก็พกติดตัวเอาไว้ตลอดเช่นกัน
เฉินหย่งหมิงได้รับจดหมายจากสาวใช้คนสนิทของลี่เหม่ยเจินเมื่อช่วงบ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่นานว่าจะออกไปพบอีกฝ่ายหรือไม่เมื่อคิดทบทวนดีแล้วเขาจึงตอบรับนัดหมายและเตรียมตัวไปพบนางที่ร้านน้ำ
เขาเสียดายเป็นอย่างมากที่วันนี้จะไม่ได้ไปรับมื้อเย็นกับลี่เหม่ยจูทว่าเขาเองก็อยากรู้ว่าลี่เหม่ยเจินอยากพบเขาด้วยเหตุใด
เฉินหย่งหมิงยืนนิ่งเพียงครู่ก็กระโดดขึ้นมาควบออกไปทันที
ลี่เหม่ยจูให้สาวใช้ตั้งสำรับ
และรอให้เฉินหย่งหมิงมาเท่านั้น นางจ้องมองอาหารบนโต๊ะอย่างนิ่งเฉยเมื่อได้ฟังที่อันหลางเปาเข้ามาแจ้งกับนาง
"ฮูหยินขอรับ
ท่านแม่ทัพออกไปข้างนอกขอรับ" อันหลางเปา รายงานที่ผู้เป็นนายสั่ง
ดูท่าทางรีบร้อนน่าจะมีเรื่องสำคัญ
"ไปที่ใดหรือ" ลี่เหม่ยจูทำหน้าสงสัย
เขาสั่งให้นางรอรับมื้อเย็น และสั่งคนมาบอกอีกทีว่าให้กินก่อนเพราะมีธุระสำคัญ
ธุระอะไรกันถึงได้รีบร้อนเพียงนี้
"ข้าน้อยมิทราบขอรับ
แต่ข้าน้อยเห็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูลี่เหม่ยเจินมาส่งจดหมายให้ท่านแม่ทัพขอรับ
จากนั้นท่านแม่ทัพก็รีบออกไปทันที และสั่งห้ามไม่ให้องครักษ์ติดตามด้วยขอรับ"
อันเปาหลางรายงานต่อ
"สาวใช้ของลี่เหม่ยเจิน" นั่นสินะ
นี่คือธุระสำคัญของเขา คือการไปพบหญิงคนรัก นางแค่นหัวเราะกับความโง่งมหลงลืมของตัวเอง
นางหวั่นไหวไปกับสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้งานราบรื่น
หลงใหลจนลืมเรื่องสำคัญไปว่าเขามีตัวจริงในใจอยู่แล้ว
แต่สำหรับนางนั้นคือความใกล้ชิดเท่านั้นนับเป็นสิ่งใดได้
และผิดที่นางเองยอมเผลอไปกับเขา
"ขอรับ"
"เขาคงอยากพบกับคนรักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"
ลี่เหม่ยจูเอ่ยเสียงเบา ราวกับพูดกับตัวเอง ซือซือและอันหลางเปาลอบสบตากันเงียบๆ
"ฮูหยินเจ้าคะ" ซือซือ
นั่งลงกอดปลอบผู้เป็นนาย ตั้งแต่อยู่รับใช้อีกฝ่ายมา ก็ไม่เคยเห็นเหม่ยจูทำสีหน้าไม่สบายใจเช่นนี้มาก่อน
ก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก
"ซือซืออย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เสียใจเพราะมันคือความจริงที่ต้องเข้าใจไม่ใช่หรือ”
ลี่เหม่ยจูถอนหายใจออกมาเบาๆ
เมื่อเห็นสายตาความห่วงใยจากสาวใช้ที่ส่งมา “เอาล่ะๆ
ไม่ต้องตั้งโต๊ะ ข้าอยากออกไปหาอะไรอร่อยๆ ข้างนอกกินดีกว่า" ลี่เหม่ยจูยิ้ม
"แต่ว่า...." ซือซือ ยังพูดไม่จบ
ร่างบางของผู้เป็นนายก็เดินไปไกลเสียแล้ว
เฉินหย่งหมิงควบม้ามาถึงร้านน้ำชากลางเมืองหลวงก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดีสองข้างทางเริ่มจุดโคมไฟให้แสงสว่าง
แม่ทัพหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้าและรีบเดินเข้าไปในร้าน เขายืนมองจากด้านนอกเห็นสตรีร่างเล็กที่นั่งติดริมระเบียงทอดสายตามองออกไปไกลอย่างใช้ความคิด
เฉินหย่งหมิงเดินเข้ามาในร้าน ก็พบว่าลี่เหม่ยเจินกำลังมองมาที่เขานางยิ้มอ่อนโยนเช่นเคยส่วนเจาเองก็รีบปรับสีหน้าและอมยิ้มอบอุ่นเช่นกัน
"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ" เมื่อเห็นเฉินหย่งหมิงเดินมา
ลี่เหม่ยเจินไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นคำนับชายหนุ่มอย่างงดงาม
พร้อมทั้งโปรยยิ้มหวานไปให้
"อย่าได้มากพิธี นั่งลงเถิด"
เฉินหย่งหมิงผายมือเชิญอีกฝ่ายนั่งลงอย่างสุภาพเป็นธรรมชาติ
"ข้าต้องขออภัยที่รบกวนให้ท่านออกมาหาข้า”
ลี่เหม่ยเจินยิ้มเอียงอาย จากนั้นก็หยิบจานอาหารที่นางสั่งเป็นพิเศษเอาไว้ยกไปวางข้างหน้าของเฉินหย่งหมิงอย่างเอาใจใส่
“ข้าสั่งอาหารที่ท่านโปรดปรานมาด้วยเจ้าค่ะ"
ลี่เหม่ยเจินพูดอย่างเอาใจและคีบอาหารให้อย่างขวยเขิน
"เจ้าช่างรู้ใจข้านักไม่เปลี่ยน"
เฉินหย่งหมิงยิ้มนุ่มนวลให้ พลางคีบอาหารเข้าปาก “ว่าแต่เจ้าต้องการพบข้าวันนี้มีธุระใดหรือ"
เฉินหย่งหมิงรีบถามเข้าประเด็นทันที
เขากินอาหารไปเพียงสองสามคำเท่านั้นเพราะไม่ได้รู้สึกหิว
อีกอย่างรสชาติของอาหารก็ไม่ได้ถูกปากอย่างเช่นทุกวัน
"ข้าเพียงอยากพบท่านเท่านั้น
ต้องมีธุระหรือเจ้าคะข้าถึงจะพบท่านได้" ลี่เหม่ยเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอน
เมื่อครู่นางเห็นแววตาเบื่อหน่ายของเขาที่ฉายออกมาก็พลันอยากลุกหนีเช่นกัน
หากไม่ต้องการสร้างข่าวลือว่าเขายังรักนาง และทำให้นังลี่เหม่ยจูเจ็บใจนางก็คงไม่ต้องฝืนแบบนี้เช่นกัน
"ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น...ที่เจ้าต้องการพบข้าวันนี้คงไม่ได้อยากชวนแค่มากินอาหารจิบชาหรอกกระมัง...ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถิด
หากค่ำมืดคนที่จวนจะเป็นห่วง"
เฉินหย่งหมิงตอบทั้งแอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเขาสังเกตว่าข้างกายของนางไม่มีสาวใช้ติดตามมาด้วย
ลี่เหม่ยเจินชะงักใบหน้าที่ยิ้มค้างเอาไว้
นางรู้สึกชาไปทั้งหน้า เขาเปลี่ยนไปเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด
สีหน้ารำคาญเช่นนั้นคือสิ่งใด หรือว่าเขาเริ่มหลงมารยาของนังพี่สาวไปเสียแล้ว
"ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญมากมายเจ้าค่ะ
ข้าเพียงอยากมอบสิ่งนี้ให้ท่าน ท่านจะได้นึกถึงข้าตลอดเวลาเจ้าค่ะ"
ลี่เหม่ยเจินยื่นกล่องลวดลายสวยงามที่ใส่ถุงหอมที่นางใช้เวลาในการเย็บไม่นาน
"ถุงหอมนี้ลวดลายสวยงาม ประณีต
ขอบใจที่ลำบากทำมาให้ ข้าจะพกติดตัวไว้ตลอดก็แล้วกัน” เขาได้กลิ่นหอมจากถุงหอมแล้วรู้สึกประหลาดใจ
จากนั้นจึงเก็บเข้าไว้ในแขนเสื้ออย่างไม่คิดมาก
"ข้าได้ยินข่าวลือว่าพวกท่านยึดอาวุธและเสบียงที่พวกกบฏแอบขนมาได้
ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เจ้าคะ" ลี่เหม่ยเจินถามด้วยความอยากรู้
การนำถุงหอมมามอบให้นั้นเป็นเพียงขออ้างสำหรับนางเท่านั้น
"มีข่าวลือเหลวไหลเช่นนี้ด้วยหรือ”
เฉินหย่งหมิงแสร้งทำสีหน้าแปลกใจและมึนงง
เขาทำราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องการดักปล้นเสบียงเกิดขึ้น
เขาลอบสังเกตแววตาของนางที่วูบลง ราวกับสงสัยบางอย่างอยู่ จริงๆ
แล้วนางอาจจะรู้ดีกว่าเขาก็ได้
"นั่นสิเจ้าคะ
พวกกบฏจะมาใจกล้าทำแบบนี้ที่เมืองหวงได้อย่างไร ทหารของฮ่องเต้ก็เดินตรวจตราทั่วเมือง
คงไม่มีมดสักตัวที่จะลอดผ่านพระเนตรพระกรรณได้” ลี่เหม่ยเจินยิ้มแสดงสีหน้าสบายใจออกมาอย่างแนบเนียน
"คงจะมีรอดสายตาไปบ้าง
แต่มันก็รอดไปได้อีกไม่นานหรอก” เฉินหย่งหมิงกดเสียงต่ำ
เขามองเห็นความกรุ่นโกรธในดวงตาของนางทันทีเมื่อเขาพูดจบ
แต่ใบหน้างามก็ยังเผยรอยยิ้มออกได้อย่างปกติ ช่างน่านับถือจริงๆ
เฉินหย่งหมิงแค่นหัวเราะในลำคอ
เขาหยุดสนใจลี่เหม่ยเจินที่ตีหน้าเซ่อไร้เดียงสาแล้วเหลือบมองไปชมบรรยากาศด้านล่างง
สายตาของเขาจับจ้องมองตามสตรีร่างเล็กที่กำลังหัวเราะร่าเริง ใบหน้าของนางกำลังมีความสุขกับสิ่งที่กำลังกิน
และหยอกล้อกับผู้คนที่ผ่านไปมา ‘นางตามเขามา’ เฉินหย่งหมิงยกยิ้มมุมปากและรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
"ท่านแม่ทัพกำลังมองสิ่งใดหรือเจ้าคะ"
ลี่เหม่ยเจินมองตามสายตาคมกริบก็เข้าใจทันทีว่าสายตาอบอุ่นเมื่อครู่ของเขามองสิ่งใด'นังลี่เหม่ยจู’ ลี่เหม่ยเจินเห็นสายตาของเฉินหย่งหมิงก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว
มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน!
"อ้อ...มองผู้คนที่มาเดินผ่านไปมาเท่านั้น"
เฉินหย่งหมิงหันมายิ้มอย่างปกติ
"นั่นสิเจ้าคะ
ดูแล้วช่างเป็นบรรยากาศที่งดงาม...เอ๊ะ!” ลี่เหม่ยเจินแสร้งร้องเสียงหลง
มองออกไปนอกระเบียงเช่นกัน “นั่นฮูหยินนี่เจ้าคะ
นางออกมาเที่ยวเล่นด้วยหรือ” ลี่เหม่ยเจินชี้นิ้วไปยังลี่เหม่ยจูที่กำลังเดินอยู่
อีกฝ่ายโผล่มาตามแผนของนางจริงๆ
“นางคงอยากออกมาเที่ยวเล่นกระมัง...หากเจ้าหมดธุระแล้วข้าต้องขอตัว”
"หรือว่าท่านจะไปหานาง...แล้วข้าเล่าเจ้าคะ”
ลี่เหม่ยเจินรั้งลำแขนแกร่งเอาไว้แน่น น้ำตาเม็ดเล็กเอ่อคลออย่างน่าสงสาร
“…ว่าท่านกลัวว่านางจะเข้าใจผิดที่อยู่กับข้า” ลี่เหม่ยเจินเอ่ยเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อยจนโต๊ะข้างๆ
เริ่มหันมาสนใจบ้างก็ซุบซิบ
“นางไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อย” เฉินหย่งหมิงเอ่ยอย่างเอือมๆ และจ้องมองมือเล็กที่เกาะติดเขาเอาไว้เหนียวแน่น
“...ชายหญิงไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวกัน
ข้าไม่กลัวว่าลี่เหม่ยจูจะเข้าใจผิดหากแต่ข้าเกรงว่าผู้อื่นจะมองไม่ดี
เจ้าเป็นสตรีย่อมเป็นฝ่ายเสีนหาย” เฉินหย่งหมิงเอ่ยต่อด้วยคำพูดเหน็บแนมเล็กน้อย
โดยย้ำความสำคัญเรื่องชื่อเสียง ก่อนที่เขาจะแกะมือเล็กออก
รั้งให้ใบหน้าหวานต้องตวัดกลับมามองด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
เฉินหย่งหมิงเริ่มแน่ใจแล้วว่าสตรีตรงหน้านี้น่ารำคาญเพียงใด
และไม่รู้ว่ามันเกิดความรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่ว่าลี่เหม่ยเจินจะทำสิ่งใดก็ดูขัดตาขัดใจเขาไปเสียหมดจนอดหงุดหงิดรำคาญใจไปเสียทุกครั้งไม่ได้
หรืออาจเป็นเพราะเขาเห็นความแตกต่างและความกล้าหาญบวกกับความสามารถเกินตัวของลี่เหม่ยจูที่มักเสนอตัวทำสิ่งที่เหนือความความหมายของเขาอยู่ตลอดเขาจึงเห็นว่าลี่เหม่ยเจินเป็นเพียงสตรีธรรมดาผู้หนึ่งไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษ
“ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะชวนนางมาจิบน้ำชากับเรา”
คำพูดที่ต่อว่าของเขาทำให้ลี่เหม่ยเจินนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนดวงตาดอกท้อจะกะพริบถี่เพื่อขับไล่อะไรบางอย่างที่กำลังท่วมเอ่ออยู่ขอบตาออกไป
ความรู้สึกเจ็บแปลบแน่นจุกอยู่ที่อกเมื่อได้เห็นภาพตำตา ขาวเรียวก้าวออกไปช้าๆ
พร้อมกับเบี่ยงกายเดินออกไปทันที เฮอะ! เขาพูดราวกับรู้จักอีกฝ่ายดีเหลือเกิน
ดี! จะได้รู้กันไปเลยว่านังลี่เหม่ยจูจะเป็นอย่างไร
เฉินหย่งหมิงมองตามร่างเล็กที่เดินออกไป
เขาสลับมองลี่เหม่ยจูด้านล่างที่กำลังหัวเราะคิกคัก จึงได้แต่ถอนหายใจ
จากนั้นก็เดินตามออกไปเช่นกัน
ลี่เหม่ยจูกำลังเดินซื้อขนมและส่งขนมเข้าปากอย่างมีความสุข
นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้ออกมาเดินชมตลาดและกินขนมมากมายให้สบายใจเช่นนี้
มือเรียวที่กำลังหยิบเซ่าปิงเข้าปากก็ต้องวางลงอย่างเสียอารมณ์เมื่อเห็นว่าเบื้องหน้าปรากฏกายหญิงสาวอาภรณ์สีชมพู
หน้าตาอ่อนหวานน่ารักแสนคุ้นเคย กำลังยืนขวางนาง
ดวงตาดอกท้อส่องประกายไม่พอใจริมฝีปากเหยียดยิ้มเยาะเตรียมหาเรื่อง
"พี่สาว
ไม่คิดว่าจะได้พบกันที่นี่ช่างบังเอิญจริงๆ" ลี่เหม่ยเจินเหยียดยิ้มอย่างเสแสร้ง
ออกมาและมั่นใจว่าเฉินหย่งหมิงคงกำลังมองพวกนางอยู่ที่ใดสักที่
ส่วนลี่เหม่ยจูที่กำลังหงุดหงิดใจที่ถูกหาเรื่องจึงไม่ทันเห็นว่าตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของดวงตาคมสีเข้มที่จ้องมองดวงหน้าหวานอย่างไม่ยอมละสายตา
"ค่ำมืดเพียงนี้ไยเจ้าออกมาเที่ยวเล่นคนเดียว"
บังเอิญอย่างนั้นหรือ...ก็คงจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดมา เพราะเรื่องบังเอิญ!
"ข้ามากับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"
ลี่เหม่ยเจินยิ้มเยาะ
"อ้อ...ข้ารู้แล้วๆ
ข้าเองก็รอให้เขาพูดธุระให้เสร็จก็เลยมาเดินเล่นรอ" ลี่เหม่ยจูยิ้มอ่อนโยนและหันไปสบเข้ากับสายตาคมที่จ้องมองนางอยู่พอดี
ดวงตาสีเข้มจ้องมองมาที่นาง คิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังใช้ความคิด
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ลี่เหม่ยเจินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ใบหน้างามเริ่มบิดเบี้ยว
“ก็หมายความอย่างที่เจ้าเข้าใจ
ข้ารู้ว่าเจ้าให้สาวใช้นำจดหมายมานัดสามีข้าออกไปพบยามค่ำคืน
ข้าเองก็ไม่อยากให้จวนแม่ทัพเสียชื่อเสียง...รวมทั้งตระกูลลี่ด้วย
เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ในสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำหรือ”
“เจ้า!”
“อีกอย่าง...หย่งหมิงไม่อยากให้ข้าเข้าใจเขาผิดเรื่องที่ออกมาพบเจ้า
เขาจึงให้ข้ามาเป็นเพื่อน แต่ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะอึดอัดก็เลยมาเดินเล่นรอ” ลี่เหม่ยจูยิ้ม
“ไม่จริง! เจ้าแอบตามเขามา
ใช่หรือไม่” ลี่เหม่ยเจินขบเขี้ยว
ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มแทบที่ด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างลืมตัว
“แล้วเจ้าไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดข้าถึงรู้เรื่องจดหมาย
หากเขาไม่บอกมีหรือข้าจะรู้...เมืองหลวงกว้างใหญ่ข้าจะรู้หรือไม่ว่าพวกเจ้านัดกันที่ใด”
ลี่เหม่ยจูเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงตั้งคำถามยิ่งทำให้ลี่เหม่ยเจินดิ้นพล่าน
ลี่เหม่ยจูชำเลืองเห็นเฉินหย่งหมิงยืนอมยิ้มเมื่อได้นางเรียกเขาอย่างสนิทสนมก็เม้มปากแน่น
ก่อนจะตีสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม
เฉินหย่งหมิงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
ไม่ยอมเข้าไปห้ามทัพเพราะเขาอยากรู้ว่าลี่เหม่ยจูตามมาได้อย่างไร ทว่าพอได้ยินสิ่งที่นางแอบอ้างหัวใจของเขาก็พองโตไม่หยุด
นางน่ารัก! ขาไม่รู้ว่านางรู้เรื่องจดหมายได้อย่างไร
แต่เขาชอบที่นางกำลังหึงหวงเช่นนี้
“นังแพศยา!” ลี่เหม่ยเจินระงับความโกรธเอาไว้ไม่ได้
และเงื้อมือขึ้นสูง ลี่เหม่ยจูยังยิ้มเยาะและไม่หลบยิ่งเป็นการจุดโทสะให้กับลี่เหม่ยเจินมากยิ่งขึ้น
นางพูดต่อให้เจ็บใจเล่นว่า
“ตบข้าเลยสิ...ทุกคนกำลังมองเจ้าอยู่นะ
เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้ายังไม่ได้เป็นอันใดกับเขา ส่วนข้าคือฮูหยินพระราชทาน
มีใบสมรสถูกต้อง! แต่เจ้ากลับเที่ยวประกาศออกตัวว่าเป็นคนรักของเขา
นัดพบเขาสองต่อสอง ทำเช่นนี้ก็เท่ากับประจานตัวเองและตระกูล
ข้าเตือนด้วยความหวังดีให้เจ้าทนรอสักนิดเถิด
ทนรอวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนเขาจริงๆ!”
“นังบ้า! ฉันเกลียดแก”
ลี่เหม่ยเจินเค่นเสียงลอดไรฟัน เมื่อทุกคนเริ่มหันมาสนใจ
ดวงตาดอกท้อแดงก่ำน่ากลัว สีหน้าบูดเบี้ยวไม่เหลือเค้าความงดงามน่าเอ็นดู
“ข้าเตือนด้วยความหวังดีในฐานะพี่สาว...หากไม่ห่วงชื่อเสียงตัวเอง...”
ลี่เหม่ยจูก้าวเข้าไปใกล้และกระซิบเสียงเย็นเฉียบ “...ก็จงเห็นแก่หน้าท่านพอ และตระกูลลี่!” ลี่เหม่ยจูผละออกมาและหันหลังเดินจากไปทันที
ใบหน้าของนางไม่ได้ประดับด้วยรอยยิ้มอย่างเมื่อครู่ หากแต่ตอนนี้ดุดันเย็นชา
ความคิดเห็น