ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #31 : อดทนอีกสักนิดเถอะ (rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.97K
      681
      20 พ.ย. 62




    ลี่เหม่ยเจินให้สาวใช้คนสนิทไปส่งจดหมายที่จวนแม่ทัพเพื่อนัดให้เฉินหย่งหมิงออกมาพบที่ร้านน้ำชา ร้านประจำของเขากับนางในช่วงค่ำเพื่อมอบถุงหอมให้ ทั้งยังอยากทดสอบว่าเฉินหย่งหมิงยังรักนางอยู่ไม่ได้หลงใหลไปกับมารยาของลี่เหม่ยจูไปเสียก่อนแม้จะรู้สึกรักหรือไม่รักนางก็ไม่อยากสูญเสียบุรุษที่เพียบพร้อมองอาจอย่างเฉินหย่งหมิงให้กับลี่เหม่ยจู

    ลี่เหม่ยเจินจัดอาภรณ์และทรงผมอยู่หน้าคันฉ่อง ลงมือปักปิ่นดอกเหมยกุ้ยอย่างเบามือ แต่งแต้มใบหน้าพองามจากนั้นหมุนสำรวจตนอย่างพึงพอใจ

    "เจินเออร์ของแม่งดงามยิ่งนัก...บุรุษใดเห็นเจ้าจะไม่หลงใหลก็คงแปลก" ลี่หรงเพ่ยฮูหยินรองผู้เป็นมารดากล่าวชมบุตรสาว พร้อมทั้งจับร่างบอบบางบุตรสาวหมุนไปมา เอ่ยยกยอกันไปมาให้เขินอาย

     

    "ท่านแม่ ท่านล้อข้าเล่นแล้ว...ในเมืองหลวงยังมีสตรีที่งดงามกว่าข้ามากมาย" ลี่เหม่ยเจินยิ้มหวานให้มารดา พร้อมทั้งกุมมืออย่างรักใคร่เอาใจ

     

    "เจ้างดงามที่สุดหาผู้ใดเทียบยาก ลูกแม่งดงามเพียงนี้ ท่านแม่ทัพคงยากจะถอนตัว" หลี่หรงเพ่ยกระเซ้าทั้งยังโอบกอดให้กำลังใจบุตรสาว

     

    "ข้าต้องไปแล้ว...เกรงว่าจะเสียมารยาทให้ท่านแม่ทัพต้องรอนานเจ้าค่ะ" ลี่เหม่ยเจินหันมาพูดกับมารดาและรีบเดินไปขึ้นรถม้าทันที ก่อนไปไม่ลืมหยิบถุงหอมที่นางตั้งใจปักให้เฉินหย่งหมิงติดมือไปด้วยและถุงหอมปักลายมังกรนางก็พกติดตัวเอาไว้ตลอดเช่นกัน

     

    เฉินหย่งหมิงได้รับจดหมายจากสาวใช้คนสนิทของลี่เหม่ยเจินเมื่อช่วงบ่าย เขาครุ่นคิดอยู่นานว่าจะออกไปพบอีกฝ่ายหรือไม่เมื่อคิดทบทวนดีแล้วเขาจึงตอบรับนัดหมายและเตรียมตัวไปพบนางที่ร้านน้ำ

    เขาเสียดายเป็นอย่างมากที่วันนี้จะไม่ได้ไปรับมื้อเย็นกับลี่เหม่ยจูทว่าเขาเองก็อยากรู้ว่าลี่เหม่ยเจินอยากพบเขาด้วยเหตุใด เฉินหย่งหมิงยืนนิ่งเพียงครู่ก็กระโดดขึ้นมาควบออกไปทันที

    ลี่เหม่ยจูให้สาวใช้ตั้งสำรับ และรอให้เฉินหย่งหมิงมาเท่านั้น นางจ้องมองอาหารบนโต๊ะอย่างนิ่งเฉยเมื่อได้ฟังที่อันหลางเปาเข้ามาแจ้งกับนาง

    "ฮูหยินขอรับ ท่านแม่ทัพออกไปข้างนอกขอรับ" อันหลางเปา รายงานที่ผู้เป็นนายสั่ง ดูท่าทางรีบร้อนน่าจะมีเรื่องสำคัญ

    "ไปที่ใดหรือ" ลี่เหม่ยจูทำหน้าสงสัย เขาสั่งให้นางรอรับมื้อเย็น และสั่งคนมาบอกอีกทีว่าให้กินก่อนเพราะมีธุระสำคัญ ธุระอะไรกันถึงได้รีบร้อนเพียงนี้

     

    "ข้าน้อยมิทราบขอรับ แต่ข้าน้อยเห็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูลี่เหม่ยเจินมาส่งจดหมายให้ท่านแม่ทัพขอรับ จากนั้นท่านแม่ทัพก็รีบออกไปทันที และสั่งห้ามไม่ให้องครักษ์ติดตามด้วยขอรับ" อันเปาหลางรายงานต่อ

    "สาวใช้ของลี่เหม่ยเจิน" นั่นสินะ นี่คือธุระสำคัญของเขา คือการไปพบหญิงคนรัก นางแค่นหัวเราะกับความโง่งมหลงลืมของตัวเอง นางหวั่นไหวไปกับสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้งานราบรื่น หลงใหลจนลืมเรื่องสำคัญไปว่าเขามีตัวจริงในใจอยู่แล้ว แต่สำหรับนางนั้นคือความใกล้ชิดเท่านั้นนับเป็นสิ่งใดได้ และผิดที่นางเองยอมเผลอไปกับเขา

    "ขอรับ"

    "เขาคงอยากพบกับคนรักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก" ลี่เหม่ยจูเอ่ยเสียงเบา ราวกับพูดกับตัวเอง ซือซือและอันหลางเปาลอบสบตากันเงียบๆ

    "ฮูหยินเจ้าคะ" ซือซือ นั่งลงกอดปลอบผู้เป็นนาย ตั้งแต่อยู่รับใช้อีกฝ่ายมา ก็ไม่เคยเห็นเหม่ยจูทำสีหน้าไม่สบายใจเช่นนี้มาก่อน ก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก

    "ซือซืออย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เสียใจเพราะมันคือความจริงที่ต้องเข้าใจไม่ใช่หรือลี่เหม่ยจูถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสายตาความห่วงใยจากสาวใช้ที่ส่งมา เอาล่ะๆ ไม่ต้องตั้งโต๊ะ ข้าอยากออกไปหาอะไรอร่อยๆ ข้างนอกกินดีกว่า" ลี่เหม่ยจูยิ้ม

    "แต่ว่า...." ซือซือ ยังพูดไม่จบ ร่างบางของผู้เป็นนายก็เดินไปไกลเสียแล้ว

     

    เฉินหย่งหมิงควบม้ามาถึงร้านน้ำชากลางเมืองหลวงก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดีสองข้างทางเริ่มจุดโคมไฟให้แสงสว่าง แม่ทัพหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้าและรีบเดินเข้าไปในร้าน เขายืนมองจากด้านนอกเห็นสตรีร่างเล็กที่นั่งติดริมระเบียงทอดสายตามองออกไปไกลอย่างใช้ความคิด

    เฉินหย่งหมิงเดินเข้ามาในร้าน ก็พบว่าลี่เหม่ยเจินกำลังมองมาที่เขานางยิ้มอ่อนโยนเช่นเคยส่วนเจาเองก็รีบปรับสีหน้าและอมยิ้มอบอุ่นเช่นกัน

    "ท่านแม่ทัพเจ้าคะ" เมื่อเห็นเฉินหย่งหมิงเดินมา ลี่เหม่ยเจินไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นคำนับชายหนุ่มอย่างงดงาม พร้อมทั้งโปรยยิ้มหวานไปให้

    "อย่าได้มากพิธี นั่งลงเถิด" เฉินหย่งหมิงผายมือเชิญอีกฝ่ายนั่งลงอย่างสุภาพเป็นธรรมชาติ

    "ข้าต้องขออภัยที่รบกวนให้ท่านออกมาหาข้าลี่เหม่ยเจินยิ้มเอียงอาย จากนั้นก็หยิบจานอาหารที่นางสั่งเป็นพิเศษเอาไว้ยกไปวางข้างหน้าของเฉินหย่งหมิงอย่างเอาใจใส่ ข้าสั่งอาหารที่ท่านโปรดปรานมาด้วยเจ้าค่ะ" ลี่เหม่ยเจินพูดอย่างเอาใจและคีบอาหารให้อย่างขวยเขิน

    "เจ้าช่างรู้ใจข้านักไม่เปลี่ยน" เฉินหย่งหมิงยิ้มนุ่มนวลให้ พลางคีบอาหารเข้าปาก ว่าแต่เจ้าต้องการพบข้าวันนี้มีธุระใดหรือ" เฉินหย่งหมิงรีบถามเข้าประเด็นทันที เขากินอาหารไปเพียงสองสามคำเท่านั้นเพราะไม่ได้รู้สึกหิว อีกอย่างรสชาติของอาหารก็ไม่ได้ถูกปากอย่างเช่นทุกวัน

    "ข้าเพียงอยากพบท่านเท่านั้น ต้องมีธุระหรือเจ้าคะข้าถึงจะพบท่านได้" ลี่เหม่ยเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอน เมื่อครู่นางเห็นแววตาเบื่อหน่ายของเขาที่ฉายออกมาก็พลันอยากลุกหนีเช่นกัน หากไม่ต้องการสร้างข่าวลือว่าเขายังรักนาง และทำให้นังลี่เหม่ยจูเจ็บใจนางก็คงไม่ต้องฝืนแบบนี้เช่นกัน

    "ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น...ที่เจ้าต้องการพบข้าวันนี้คงไม่ได้อยากชวนแค่มากินอาหารจิบชาหรอกกระมัง...ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถิด หากค่ำมืดคนที่จวนจะเป็นห่วง" เฉินหย่งหมิงตอบทั้งแอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเขาสังเกตว่าข้างกายของนางไม่มีสาวใช้ติดตามมาด้วย

    ลี่เหม่ยเจินชะงักใบหน้าที่ยิ้มค้างเอาไว้ นางรู้สึกชาไปทั้งหน้า เขาเปลี่ยนไปเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด สีหน้ารำคาญเช่นนั้นคือสิ่งใด หรือว่าเขาเริ่มหลงมารยาของนังพี่สาวไปเสียแล้ว

    "ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญมากมายเจ้าค่ะ ข้าเพียงอยากมอบสิ่งนี้ให้ท่าน ท่านจะได้นึกถึงข้าตลอดเวลาเจ้าค่ะ" ลี่เหม่ยเจินยื่นกล่องลวดลายสวยงามที่ใส่ถุงหอมที่นางใช้เวลาในการเย็บไม่นาน

    "ถุงหอมนี้ลวดลายสวยงาม ประณีต ขอบใจที่ลำบากทำมาให้ ข้าจะพกติดตัวไว้ตลอดก็แล้วกันเขาได้กลิ่นหอมจากถุงหอมแล้วรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงเก็บเข้าไว้ในแขนเสื้ออย่างไม่คิดมาก

    "ข้าได้ยินข่าวลือว่าพวกท่านยึดอาวุธและเสบียงที่พวกกบฏแอบขนมาได้ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เจ้าคะ" ลี่เหม่ยเจินถามด้วยความอยากรู้ การนำถุงหอมมามอบให้นั้นเป็นเพียงขออ้างสำหรับนางเท่านั้น

    "มีข่าวลือเหลวไหลเช่นนี้ด้วยหรือเฉินหย่งหมิงแสร้งทำสีหน้าแปลกใจและมึนงง เขาทำราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องการดักปล้นเสบียงเกิดขึ้น เขาลอบสังเกตแววตาของนางที่วูบลง ราวกับสงสัยบางอย่างอยู่ จริงๆ แล้วนางอาจจะรู้ดีกว่าเขาก็ได้

    "นั่นสิเจ้าคะ พวกกบฏจะมาใจกล้าทำแบบนี้ที่เมืองหวงได้อย่างไร ทหารของฮ่องเต้ก็เดินตรวจตราทั่วเมือง คงไม่มีมดสักตัวที่จะลอดผ่านพระเนตรพระกรรณได้ลี่เหม่ยเจินยิ้มแสดงสีหน้าสบายใจออกมาอย่างแนบเนียน

    "คงจะมีรอดสายตาไปบ้าง แต่มันก็รอดไปได้อีกไม่นานหรอกเฉินหย่งหมิงกดเสียงต่ำ เขามองเห็นความกรุ่นโกรธในดวงตาของนางทันทีเมื่อเขาพูดจบ แต่ใบหน้างามก็ยังเผยรอยยิ้มออกได้อย่างปกติ ช่างน่านับถือจริงๆ เฉินหย่งหมิงแค่นหัวเราะในลำคอ

    เขาหยุดสนใจลี่เหม่ยเจินที่ตีหน้าเซ่อไร้เดียงสาแล้วเหลือบมองไปชมบรรยากาศด้านล่างง สายตาของเขาจับจ้องมองตามสตรีร่างเล็กที่กำลังหัวเราะร่าเริง ใบหน้าของนางกำลังมีความสุขกับสิ่งที่กำลังกิน และหยอกล้อกับผู้คนที่ผ่านไปมานางตามเขามาเฉินหย่งหมิงยกยิ้มมุมปากและรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

    "ท่านแม่ทัพกำลังมองสิ่งใดหรือเจ้าคะ" ลี่เหม่ยเจินมองตามสายตาคมกริบก็เข้าใจทันทีว่าสายตาอบอุ่นเมื่อครู่ของเขามองสิ่งใด'นังลี่เหม่ยจูลี่เหม่ยเจินเห็นสายตาของเฉินหย่งหมิงก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน!

    "อ้อ...มองผู้คนที่มาเดินผ่านไปมาเท่านั้น" เฉินหย่งหมิงหันมายิ้มอย่างปกติ

     

    "นั่นสิเจ้าคะ ดูแล้วช่างเป็นบรรยากาศที่งดงาม...เอ๊ะ!ลี่เหม่ยเจินแสร้งร้องเสียงหลง มองออกไปนอกระเบียงเช่นกัน นั่นฮูหยินนี่เจ้าคะ นางออกมาเที่ยวเล่นด้วยหรือลี่เหม่ยเจินชี้นิ้วไปยังลี่เหม่ยจูที่กำลังเดินอยู่ อีกฝ่ายโผล่มาตามแผนของนางจริงๆ

    นางคงอยากออกมาเที่ยวเล่นกระมัง...หากเจ้าหมดธุระแล้วข้าต้องขอตัว

    "หรือว่าท่านจะไปหานาง...แล้วข้าเล่าเจ้าคะลี่เหม่ยเจินรั้งลำแขนแกร่งเอาไว้แน่น น้ำตาเม็ดเล็กเอ่อคลออย่างน่าสงสาร “…ว่าท่านกลัวว่านางจะเข้าใจผิดที่อยู่กับข้าลี่เหม่ยเจินเอ่ยเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อยจนโต๊ะข้างๆ เริ่มหันมาสนใจบ้างก็ซุบซิบ

    นางไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อยเฉินหย่งหมิงเอ่ยอย่างเอือมๆ และจ้องมองมือเล็กที่เกาะติดเขาเอาไว้เหนียวแน่น “...ชายหญิงไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวกัน ข้าไม่กลัวว่าลี่เหม่ยจูจะเข้าใจผิดหากแต่ข้าเกรงว่าผู้อื่นจะมองไม่ดี เจ้าเป็นสตรีย่อมเป็นฝ่ายเสีนหาย” เฉินหย่งหมิงเอ่ยต่อด้วยคำพูดเหน็บแนมเล็กน้อย โดยย้ำความสำคัญเรื่องชื่อเสียง ก่อนที่เขาจะแกะมือเล็กออก

    รั้งให้ใบหน้าหวานต้องตวัดกลับมามองด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เฉินหย่งหมิงเริ่มแน่ใจแล้วว่าสตรีตรงหน้านี้น่ารำคาญเพียงใด และไม่รู้ว่ามันเกิดความรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ว่าลี่เหม่ยเจินจะทำสิ่งใดก็ดูขัดตาขัดใจเขาไปเสียหมดจนอดหงุดหงิดรำคาญใจไปเสียทุกครั้งไม่ได้

    หรืออาจเป็นเพราะเขาเห็นความแตกต่างและความกล้าหาญบวกกับความสามารถเกินตัวของลี่เหม่ยจูที่มักเสนอตัวทำสิ่งที่เหนือความความหมายของเขาอยู่ตลอดเขาจึงเห็นว่าลี่เหม่ยเจินเป็นเพียงสตรีธรรมดาผู้หนึ่งไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษ

    ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะชวนนางมาจิบน้ำชากับเราคำพูดที่ต่อว่าของเขาทำให้ลี่เหม่ยเจินนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนดวงตาดอกท้อจะกะพริบถี่เพื่อขับไล่อะไรบางอย่างที่กำลังท่วมเอ่ออยู่ขอบตาออกไป ความรู้สึกเจ็บแปลบแน่นจุกอยู่ที่อกเมื่อได้เห็นภาพตำตา ขาวเรียวก้าวออกไปช้าๆ พร้อมกับเบี่ยงกายเดินออกไปทันที เฮอะ! เขาพูดราวกับรู้จักอีกฝ่ายดีเหลือเกิน ดี! จะได้รู้กันไปเลยว่านังลี่เหม่ยจูจะเป็นอย่างไร

    เฉินหย่งหมิงมองตามร่างเล็กที่เดินออกไป เขาสลับมองลี่เหม่ยจูด้านล่างที่กำลังหัวเราะคิกคัก จึงได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็เดินตามออกไปเช่นกัน

    ลี่เหม่ยจูกำลังเดินซื้อขนมและส่งขนมเข้าปากอย่างมีความสุข นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้ออกมาเดินชมตลาดและกินขนมมากมายให้สบายใจเช่นนี้ มือเรียวที่กำลังหยิบเซ่าปิงเข้าปากก็ต้องวางลงอย่างเสียอารมณ์เมื่อเห็นว่าเบื้องหน้าปรากฏกายหญิงสาวอาภรณ์สีชมพู หน้าตาอ่อนหวานน่ารักแสนคุ้นเคย กำลังยืนขวางนาง ดวงตาดอกท้อส่องประกายไม่พอใจริมฝีปากเหยียดยิ้มเยาะเตรียมหาเรื่อง

    "พี่สาว ไม่คิดว่าจะได้พบกันที่นี่ช่างบังเอิญจริงๆ" ลี่เหม่ยเจินเหยียดยิ้มอย่างเสแสร้ง ออกมาและมั่นใจว่าเฉินหย่งหมิงคงกำลังมองพวกนางอยู่ที่ใดสักที่ ส่วนลี่เหม่ยจูที่กำลังหงุดหงิดใจที่ถูกหาเรื่องจึงไม่ทันเห็นว่าตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของดวงตาคมสีเข้มที่จ้องมองดวงหน้าหวานอย่างไม่ยอมละสายตา

    "ค่ำมืดเพียงนี้ไยเจ้าออกมาเที่ยวเล่นคนเดียว" บังเอิญอย่างนั้นหรือ...ก็คงจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดมา เพราะเรื่องบังเอิญ!

    "ข้ามากับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" ลี่เหม่ยเจินยิ้มเยาะ

    "อ้อ...ข้ารู้แล้วๆ ข้าเองก็รอให้เขาพูดธุระให้เสร็จก็เลยมาเดินเล่นรอ"  ลี่เหม่ยจูยิ้มอ่อนโยนและหันไปสบเข้ากับสายตาคมที่จ้องมองนางอยู่พอดี ดวงตาสีเข้มจ้องมองมาที่นาง คิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังใช้ความคิด

    เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรลี่เหม่ยเจินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ใบหน้างามเริ่มบิดเบี้ยว

    ก็หมายความอย่างที่เจ้าเข้าใจ ข้ารู้ว่าเจ้าให้สาวใช้นำจดหมายมานัดสามีข้าออกไปพบยามค่ำคืน ข้าเองก็ไม่อยากให้จวนแม่ทัพเสียชื่อเสียง...รวมทั้งตระกูลลี่ด้วย เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ในสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำหรือ

    เจ้า!”

    อีกอย่าง...หย่งหมิงไม่อยากให้ข้าเข้าใจเขาผิดเรื่องที่ออกมาพบเจ้า เขาจึงให้ข้ามาเป็นเพื่อน แต่ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะอึดอัดก็เลยมาเดินเล่นรอลี่เหม่ยจูยิ้ม

    ไม่จริง! เจ้าแอบตามเขามา ใช่หรือไม่ลี่เหม่ยเจินขบเขี้ยว ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มแทบที่ด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างลืมตัว

     

    แล้วเจ้าไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดข้าถึงรู้เรื่องจดหมาย หากเขาไม่บอกมีหรือข้าจะรู้...เมืองหลวงกว้างใหญ่ข้าจะรู้หรือไม่ว่าพวกเจ้านัดกันที่ใดลี่เหม่ยจูเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงตั้งคำถามยิ่งทำให้ลี่เหม่ยเจินดิ้นพล่าน

    ลี่เหม่ยจูชำเลืองเห็นเฉินหย่งหมิงยืนอมยิ้มเมื่อได้นางเรียกเขาอย่างสนิทสนมก็เม้มปากแน่น ก่อนจะตีสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม

    เฉินหย่งหมิงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ไม่ยอมเข้าไปห้ามทัพเพราะเขาอยากรู้ว่าลี่เหม่ยจูตามมาได้อย่างไร ทว่าพอได้ยินสิ่งที่นางแอบอ้างหัวใจของเขาก็พองโตไม่หยุด นางน่ารัก! ขาไม่รู้ว่านางรู้เรื่องจดหมายได้อย่างไร แต่เขาชอบที่นางกำลังหึงหวงเช่นนี้

    นังแพศยา!” ลี่เหม่ยเจินระงับความโกรธเอาไว้ไม่ได้ และเงื้อมือขึ้นสูง ลี่เหม่ยจูยังยิ้มเยาะและไม่หลบยิ่งเป็นการจุดโทสะให้กับลี่เหม่ยเจินมากยิ่งขึ้น นางพูดต่อให้เจ็บใจเล่นว่า

    ตบข้าเลยสิ...ทุกคนกำลังมองเจ้าอยู่นะ เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้ายังไม่ได้เป็นอันใดกับเขา ส่วนข้าคือฮูหยินพระราชทาน มีใบสมรสถูกต้อง! แต่เจ้ากลับเที่ยวประกาศออกตัวว่าเป็นคนรักของเขา นัดพบเขาสองต่อสอง ทำเช่นนี้ก็เท่ากับประจานตัวเองและตระกูล ข้าเตือนด้วยความหวังดีให้เจ้าทนรอสักนิดเถิด ทนรอวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนเขาจริงๆ!

    นังบ้า! ฉันเกลียดแกลี่เหม่ยเจินเค่นเสียงลอดไรฟัน เมื่อทุกคนเริ่มหันมาสนใจ ดวงตาดอกท้อแดงก่ำน่ากลัว สีหน้าบูดเบี้ยวไม่เหลือเค้าความงดงามน่าเอ็นดู

     

    ข้าเตือนด้วยความหวังดีในฐานะพี่สาว...หากไม่ห่วงชื่อเสียงตัวเอง...ลี่เหม่ยจูก้าวเข้าไปใกล้และกระซิบเสียงเย็นเฉียบ ...ก็จงเห็นแก่หน้าท่านพอ และตระกูลลี่!” ลี่เหม่ยจูผละออกมาและหันหลังเดินจากไปทันที ใบหน้าของนางไม่ได้ประดับด้วยรอยยิ้มอย่างเมื่อครู่ หากแต่ตอนนี้ดุดันเย็นชา

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×