ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #30 : ข้า (ไม่ได้) อยากรู้ (rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.38K
      635
      20 พ.ย. 62

    หลังจากที่ลี่เหม่ยจูและเฉินหย่งหมิงดักปล้นเสบียงและขัดขวางการขนอาวุธรวมทั้งช่วยเหลือตรีออกมาได้ฮ่องเต้จึงมีทรงรับสั่งให้เฉินหย่งหมิงตรวจสอบและติดตามเหล่าขุนที่น่าสงสัยอย่างลับๆ ไม่มีทางที่ขุนนางในราชสำนักจะไม่รู้เห็นเรื่องการขนย้าย เพราะเมืองหลวงเองก็มีทหารยามคอยตรวจตราแน่นหนา หากแต่ยังรอดสายตาให้พวกมันขนย้ายกันได้ ย่อมต้องมีคนสนับสนุน

    "หากเราได้สมุดรายชื่อนั้นก็คงจะได้ถอนรากถอนโคนพวกที่คิดก่อกบฏบัลลังก์แน่" จงหวินตี้ฮ่องเต้มีพระพักตร์เคร่งขรึม หลังจากที่ได้รับรายงานด่วนเมื่อคืน พระองค์ตรัสชมเชยในความคิดของลี่เหม่ยจูที่เห็นความสำคัญของชีวิตสตรีแม้สิ่งที่นางทำนั้นจะเสี่ยง

    "แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสมุดรายชื่ออยู่ที่ผู้ใด ร่องรอยของมันหายจนตามสืบไม่เจอเลยพะย่ะค่ะ" เฉินหย่งหมิงเกรงว่าหากเป็นเรื่องระหว่างแคว้นต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบมิเช่นนั้นจะนำมาซึ่งสงครามใหญ่ได้ เพราะฮ่องเต้ของแคว้นหนานเองก็น่าจะระแคะระคายเรื่องนี้อยู่ แต่เขายังไม่มั่นใจอาจเป็นเพราะฮ่องเต้แคว้นหนานอยากรวบบัลลังก์จึงให้หนานอ๋องเข้ามาช่วยเหลือหยวนอ๋องก็เป็นได้ ฮ่องเต้ที่มีสายพระเนตรกว้างไกลมีหรือจะมองผ่าน หรือไม่มีส่วนรู้เห็น

     

    "เจ้าไปตามหาสมุดรายชื่อนั่นต่อ สถานการณ์เช่นนี้เรามิไว้ใจผู้ใด! " มังกรหนุ่มฉายสีหน้ากังวล

    "พะยะค่ะฝ่าบาท"

    "ขอพระราชทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระสนมเจิ้งเสียนเฟย เสด็จมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ" เสียงเล็กแหลมของหม่ากงกงขานที่หน้าประตู

    "เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถอะ เราจะพักผ่อน" เมื่อเห็นใบหน้ากรุ้มกริ่มของผู้เป็นนายเฉินหย่งหมิงอดส่ายหัว และอ่อนใจให้กับความเจ้าสำราญและโปรดปรานหญิงงามของสหายผู้สูงศักดิ์ไม่ได้

    งานอดิเรกของมังกรหนุ่มผู้นี้โปรดปรานทอดพระเนตรหญิงงามวางเล่ห์อุบายเพื่อแย่งชิงพระองค์และบัลลังก์หงส์ที่มีเพียงความเลือนราง ในเมื่อบันไดที่ใช้ปีนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์หงส์โอรสสวรรค์ผู้นี้ทรงหักทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วมงกุฎหงส์ก็เป็นเพียงภาพมายาหลอกลวงเท่านั้น เฉินหย่งหมิงยังไม่พบสตรีนางใดที่จะมีความสามารถต่อบันไดที่หักแล้วมาใช้ใหม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี!

    "พ่ะย่ะค่ะ"

    เฉินหย่งหมิงโค้งคำนับและเดินออกไป พร้อมกับหญิงสาวร่างบอบบางหน้าตางดงามประหนึ่งเทพธิดา กำลังเดินนวยนาดเย้ายวนเข้ามาพอดี กลิ่นกายหอมฟุ้งเกินพอดีทำเอาแม่ทัพหนุ่มเวียนศีรษะ รีบสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในใจคิดถึงกลิ่นกายหอมกรุ่นที่มิได้ปรุงแต่งแต่กลับหอมติดปลายจมูกมิรู้หาย ใบหน้าคมเข้มยิ้มมุมปากและรีบทะยานกลับเรือนทันทีเมื่อคิดถึงใครบางคน

    คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ส่องสว่างบดบังแสงดวงดารากระจ่างราวกับเวลากลางวันสายลมพัดเอื่อยพัดผ่านม่านบางให้ปลิวเบาๆ ไปตามจังหวะ ร่างบางสวมชุดนอนด้วยผ้าเนื้อดีบางเบาเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างอบอ้าว ลี่เหม่ยจูกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนตียงนุ่มกำลังเคลิ้มหลับ ขนตาหนางอนขยับเบาๆ คล้ายปีกผีเสื้อเกาะบนกลีบดอกไม้ หลังจากวันนั้นนางก็พึ่งจะมีเวลาพักผ่อนหลายวันมานี้เฉินหย่งหมิงต้องเข้าวังติดต่อกัน จึงไม่มีเวลาพบกัน

    เสียงฝีเท้าหนักเเน่นก้าวย่างผ่อนลงเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังเข้าสู่นิทรา ใบหน้าเคร่งขรึมเมื่อครู่หายไปพลางยิ้มอย่างเอ็นดู

    เขาไม่เคยได้เห็นภาพเจ้าคนดื้อรั้นนอนหลับ ยามนางนอนหลับคล้ายกับหญิงสาวผู้อ่อนโยนมิมีพิษภัยหากแต่ยามตื่นนั้นช่างน่าตีนัก เขารีบกลับจวนและรีบมาที่เรือนของนางเพื่อจะมาบอกกล่าวพระประสงค์ของฮ่องเต้เมื่อครั้นเห็นนางหลับจึงไม่อยากรบกวน แม้บอกว่าไม่อยากรบกวนหากแต่เท้าของเขาไม่ยอมฟัง กลับก้าวเข้าไปประชิดขอบเตียง

    เฉินหย่งหมิงนั่งลงข้างเตียงระยะชิดใกล้จนรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างบาง กลิ่นอิงฮวาที่แสนคุ้นเคยทำให้ชายหนุ่มแอบสูดกลิ่นหอมหวานไว้เต็มปอด ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนานก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากจุมพิตที่หน้าผากนวลสายตาที่เหลือบมองต่ำเห็นเนินอวบอัดที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะแล้วต้องรีบเบือนหน้าที่แดงก่ำหนี มือหนารีบหยิบผ้าห่มคลุมกายให้ด้วยมืออันสั่น เขากลัวว่าจะเผลอใจล่วงเกินนางเข้าจึงตัดสินใจเดินออกมา แม้ลึกๆ จะแอบเสียดายก็ตาม

     

    "ฮูหยินเจ้าคะ ข้าน้อยเตรียมน้ำไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านจะเปลี่ยนชุดและเช็ดล้างหน้าเลยหรือไม่" ซือซือเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายลุกขยับตัวและตื่นนอนแล้ว

    "อืม เดี๋ยวข้าจัดการเอง เจ้าไปเตรียมสำรับเถิด ไม่เกินเค่อข้าจะตามออกไป" ลี่เหม่ยจูพูดพลางบิดขี้เกียจไปมาอย่างสดชื่นอารมณ์ดี รู้สึกว่าตนหลับอย่างสบายกว่าทุกคืนที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะเหนื่อยสะสมมาหลายคืน อีกทั้งวันนี้อากาศก็ดีเป็นพิเศษ

    "เจ้าค่ะฮูหยิน" ซือซือยิ้มอย่างเอาใจ

    "เดี๋ยวก่อนซือซือ...เขากลับมาหรือยัง" ลี่เหม่ยจูเอ่ยถามคนสนิทเสียงอ่อน นางไม่ได้อยากรู้เรื่องเขา แต่อยากรู้ว่าฮ่องเต้ฝากเรื่องใดมาถึงนางหรือไม่เท่านั้น

    เขา...ฮูหยินหมายถึงผู้ใดหรือเจ้าคะสาวใช้แกล้งเย้า และอมยิ้มล้อเลียน

    “ซือซือ...เจ้าก็รู้ว่าข้าหมายถึงผู้ใด ข้าจะโกรธเจ้าแล้วนะ หากยังล้อเล่นอยู่เมื่อเห็นผู้เป็นนายทำหน้าบึ้ง เสียงดุไม่จริงจังก็ยิ่งทำให้สาวใช้ตัวน้อยหัวเราะคิกคัก

    "ฮูหยินคิดถึงท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ" ซือซืออมยิ้ม

    ไม่ใช่สักหน่อย ข้าเพียงมีเรื่องอยากถามเขาเท่านั้น"ใบหน้างามซับสีแดงระเรื่อลามถึงหู พลันหน้ามุ่ยกลบเกลื่อน

     

    "เจ้าค่ะๆ บ่าวมิแกล้งท่านแล้ว บ่าวยังไม่เห็นท่านแม่ทัพตั้งแต่เมื่อคืนและ เช้านี้ก็ยังไม่เห็นเจ้าค่ะ" ซือซือตอบตามความจริง เพราะเมื่อคืนนางนอนเฝ้าหน้าประตูห้องฮูหยินทั้งคืนไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของท่านแม่ทัพ

    "เช่นนั้นหรือ...ช่างเถิดข้าหิว" ลี่เหม่ยจูทำหน้าครุ่นคิดเพียงครู่แววตาบ่งบอกว่ากำลังเสียดาย จากนั้นร่างบางก็รีบเดินออกไปทันที

    ลี่เหม่ยจูคีบเนื้อเป็ดอบน้ำผึ้งกลิ่นหอมยั่วยวนเข้าปากเคี้ยวอย่างอร่อย ร่างบางชะงักตะเกียบเล็กน้อยก่อนจะรีบคีบเนื้อเข้าปากอย่างเป็นปกติ เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของเจ้าของจวนที่นางพึ่งถามหาเมื่อครู่

    การที่เขามารับมื้อเช้ากับนางจนกลายเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นความเคยชินสำหรับนางอย่างน่ากลัว นางกลัวเหลือเกินที่จะเคยชินกับสิ่งที่เขากำลังทำให้

    "เจ้าความจำสั้นจริงๆ ด้วย" นั่นไง พอมาถึงก็ทักทายนางด้วยคำพูดประชดประชันทันที นางวางตะเกียบลงและเงยหน้าขึ้นมอง

    "ท่านไม่ได้ให้คนมาแจ้งข้า และข้าก็คาดเดาอารมณ์ท่านไม่ออกว่าวันไหนอยากมากินหรือไม่มากิน" ลี่เหม่ยจูปั้นหน้ายิ้มอ่อนหวานยกเหตุผลได้อย่างลื่นไหล

    "อ้อ...ข้าก็มารับมื้อเช้ากับเจ้าแทบทุกวันนึกว่าจะชิน สงสัยข้าคงต้องมาบ่อยๆ แล้วกระมัง" แม่ทัพหนุ่มยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นเจ้าจอมดื้อรั้นเริ่มเล่นงิ้วอีกแล้วหากเมื่อคืนนางรู้ว่าเขาแอบกินเต้าหู้และคิดล่วงเกินนางคงอาละวาดจนจวนแตกแน่ๆ เฉินหย่ง หมิงยิ้มมุมปากเมื่อไล่สายตามองหน้าอกอย่างเผลอตัว

     

    "ท่านมีงานมาก...อย่าลำบากเลย ข้าจะสั่งให้พ่อบ้านยกสำรับไปส่งท่านที่เรือนดีหรือไม่" ลี่เหม่ยจูยิ้มรับ นางเห็นสายตาประหลาดเขาที่มองผ่านหน้าอกของนางเมื่อครู่ก็อดยกมือปิดไม่ได้

    "สิ่งใดที่ข้าสนใจ หรือชอบ! ข้าล้วนแต่หาเวลาเสมอ เจ้าไม่ต้องห่วง" ริมฝีปากหนากดลึกลงเป็นยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี

    "เจ้าค่ะ" ลี่เหม่ยจูเห็นสายตาวิบวับของชายหนุ่มแม่เพียงเสี้ยวเดียวในอกน้อยๆ ของนางเหมือนมีใครมาตีกลองพร้อมๆ กัน มือเรียวอดไม่ได้ที่จะเอามือทาบอกเพื่อกล่อมให้มันนิ่งสายตาของเขาวิบวับเหมือนศิษย์พี่ใหญ่ของนางไม่ผิด นางไม่ได้ตาฝาด!

    "ข้ามีธุระสำคัญจะคุยกับเจ้า...คืนนี้มาพบข้าที่ห้องหนังสือด้วยนะ ...เรื่องสำคัญเขาเห็นหน้านางที่อึ้งงันจึงรีบพูดสำทับ เฉินหย่งหมิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลี่เหม่ยจูเผลอเอนหลังหลบหลับตาปี๋ มือไม้วางไม่ถูกทุกอย่างดูเก้กังไปหมดช่างน่าขันยิ่งนัก แค่เขาชวนไปที่ห้องหนังสือ เหตุใดนางจึงต้องตื่นเต้นแสดงท่าทางน่าอายเช่นนั้นออกมาได้

    " ท่าน! ถอยออกไปนะ" ลี่เหมยจูทั้งตกใจ ทั้งประหลาดใจผสมกันไปเมื่อลมหายใจอุ่นเป่ารดที่หน้าผากของนางกว่าจะดึงสติที่ล่องลอยกลับมาได้และคิดคำด่าอีกฝ่ายก็เดินจากไปไกลเสียแล้วนางจึงได้แต่ขบเขี้ยวอย่างเสียอารมณ์และโมโหตัวเองที่ยอมโอนเอนทำให้หมดความอยากอาหารตรงหน้าตามไปด้วย

     

    "ซือเออร์หยุดทำหน้าแบบนั้นนะ...เก็บสำรับได้ข้าอิ่มแล้ว ไปเรียก เสี่ยวเปา มาพบข้าด้วย"เมื่อเห็นสายตาล้อเลียนจากสาวใช้คนสนิทยิ่งทำให้เขินอายสองแก้มใสแดงระเรื่อลามไปถึงหู

    ลี่เหม่ยจูเดินลัดไปที่ศาลาริมน้ำ เพื่อจะพูดคุยกับอันหลางเปา นางอยากสอบถามว่าเขาจะรู้เรื่องที่เฉินหย่งหมิงจะคุยกับนางหรือไม่ ระหว่างทางเดินไปที่ศาลานางได้ยินเสียงสตรีคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกลัวคนมาได้ยินเพียงแต่นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ผู้หนึ่งจึงได้ยินถ้อยคำอย่างชัดเจนแม้ไม่ต้องเงี่ยหูฟัง

    ด้วยความอยากรู้นางจึงเดินเข้าไปที่ที่ใกล้ที่สุดเพื่อจะได้เห็นและได้ยินถนัดขึ้น ด้านหลังของสตรีร่างบางดั่งกิ่งหลิวแม้เห็นเพียงตาเดียวนางก็รู้ว่าเป็นโจวเหม่ยซิง กับไป๋อิงบ่าวคนสนิท แต่คนที่นั่งหมอบอยู่กับพื้นนางไม่แน่ใจว่าเป็นบ่าวเรือนใดกันแน่ แต่ฟังจากสิ่งที่พวกนางคุยกันล้วนไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี

    "เจ้าหาซื้อมาได้เพียงเท่านี้หรือ...หรือเจ้าตั้งใจขัดคำสั่งข้า" เสียงเกรี้ยวกราดของโจวเหม่ยซิงตวาดลอดไรฟันพยายามข่มกลั้นอารมณ์สุดๆ

    ที่ลับตาคนเช่นนี้ไม่มีผู้ใดผ่านมาเห็นง่ายๆ ทว่าวันนี้นางใช้ทางลัดที่จะไปสระบัวจึงบังเอิญมาพบเหตุการณ์นี้เข้าโดยบังเอิญจึงไม่อาจปล่อยผ่าน

    "ข้าน้อยไม่กล้าขัดคำสั่งท่านเจ้าค่ะ ช่วงนี้ทางร้านเองก็จำกัดในการซื้อสมุนไพรที่ท่านต้องการ เถ้าแก่เองก็ไม่ขายให้เกินจำนวนที่ทางการกำหนดเจ้าค่ะ" เสียงบ่าวรับใช้สั่นกลัวทั้งยังโขกหัวกับพื้น

     

    "ข้าต้องทำอย่างไรกับเจ้าดี หัวของเจ้าจะได้ฉลาด" เสียงพูดเย็นเหี้ยมถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางขัดกับใบหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงที่แสดงออกยิ่งนัก นางพยักหน้าให้กับไป๋อิงที่รอรับคำสั่งอยู่

    จึก จึก

    " อ้ย! นายหญิง บ่าวกลัวแล้วเจ้าค่ะ บ่าว...บ่าว จะหาทางซื้อมาให้ท่านเจ้าค่ะ" เสียงลนลานของสาวใช้ร้องด้วยความเจ็บปวดบริเวณที่ถูกแทงด้วยเข็มเย็บผ้าขนาดเล็ก ลี่เหม่ยจูมองตามแขนเสื้อที่เปิดออกเห็นรอยจุดสีม่วง สีแดง เต็มแขนหากสังเกตให้ดี การที่สาวใช้นางนั้นถูกทิ่มแทงครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกสตรีนางนี้ช่างจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก ลี่เหม่อจูคิดว่าโจวเหม่ยซิงอาจบังเอิญไปพบความลับของสาวใช้ผู้นี้ จึงใช้เหตุผลนี้กระมังบังคับขู่เข็ญให้ตกเป็นเบี้ยล่าง

    "หากวันนี้ข้าไม่ได้โสมซานชี เจ้าคงรู้ว่าข้าจะทำอย่างไรกับเจ้า" มือเรียวขาวซีดลูบไล้ไปตามกรอบหน้าและบีบแก้วนวลอย่างแรงจนเกิดเป็นริ้วบ่าวรับใช้ตัวสั่นเทิ้มราวลูกนก จากนั้นหญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สาวใช้คนสนิทยื่นให้มาเช็ดที่มืออย่างรังเกียจ แล้วเดินจากไปพร้อมสาวใช้คนสนิททันที ทิ้งให้บ่าวผู้ที่ถูกมอบหมายงานร้องไห้ตัวสั่นอย่างน่าสงสารจะไม่ทำก็ไม่ได้หรือจะบอกผู้ใดก็ไม่ได้เช่นกัน

    "นางต้องการใช้ซานชีจำนวนมากอย่างนั้นหรือ" ลี่เหม่ยจูพยายามคิดหาคำตอบในที่สุดก็คิดออก คงเป็นเพราะคืนนั้นพวกนางได้เสบียงและสมุนไพรมากมายพวกมันจึงเร่งสะสมอีกรอบเป็นแน่ ตอนนี้นางต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากมู่หลันฮวามาเป็นโจวเหม่ยซิงเสียแล้ว มู่หลินฮวานั้นคงไม่น่าห่วงเพราะอีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดซับซ้อนนางยังพอเดาทางได้ แต่สตรีผู้นี้นางยังคาดเดาไม่ออก

    ฮูหยินขอรับ" อันหลางเปานั่งคุกเข่าลงและเรียกผู้เป็นฮูหยินอยู่หลายครั้ง เขาเข้ามาในศาลาตั้งนนงแต่นางยังนั่งเหม่อราวกับมีเรื่องให้คิด

    "อ้อ...เสี่ยวเปา มาแล้วหรือ ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้านิดหน่อย" ลี่เหม่ยจูยิ้มหวานประจบ ทำให้เสี่ยวเปาหน้าแดงอย่าง

    "ท่านมีสิ่งใดสงสัยเชิญถามมาขอรับ" เสี่ยวเปาตอบเสียงหนักแน่นตั้งอกตั้งใจฟัง

    "เมื่อคืนท่านแม่ทัพกลับมายามใดหรือ แล้วเจ้าได้เข้าวังไปกับเขาหรือไม่" ลี่เหม่ยจูจ้องหน้าเสี่ยวเปาอย่างจริงจังและรอคอยคำตอบจนอันหลางเปารู้สึกกดดันเขาไม่เคยเห็นฮูหยินคาดคั้นเอาคำตอบถึงเพียงนี้

    "ฮูหยิน หรือว่าท่าน! ท่านเริ่มสนใจท่านแม่ทัพของข้าน้อยแล้วหรือขอรับ" อันหลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ ในที่สุดฮูหยินก็เริ่มมีใจให้ท่านแม่ทัพแล้ว เขาลุ้นอยู่ตั้งนาน

    "เฮ้ย! ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ ข้าเพียงอยากรู้ว่าเขากลับมาตอนไหนแค่นั้น" ลี่เหม่ยจูอยากจะหงายหลังลงสระเสียเดี๋ยวนี้ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว นางเพียงอยากรู้เรื่องที่เขาไปพบฮ่องเต้ต่างหาก

    "นั่นสิเจ้าคะ ฮูหยิน ข้าน้อยเห็นท่านถามตั้งแต่ตื่นนอนแล้วนะเจ้าคะ" ซือซือเสริมทัพอีกแรงราวกับกระโหมฝืนใส่กองไฟ

     

    "พวกเจ้า เลิกคิดเหลวไหลได้แล้วข้าเพียงอยากรู้ไม่ได้มีสิ่งใดนอกเหนือจากนั้น ข้าไม่ได้อยากรู้เรื่องของเขาเพียงอยากรู้ว่าเขาจะพูดสิ่งใดและไปคุยเรื่องใดกับศิษย์พี่....เอ่อกับฮ่องเต้เท่านั้นนางเมินหน้าหนีและเดินออกจากศาลาทันที เสียงหัวสาวใช้กับองครักษ์ที่ตามหลัง ยิ่งทำให้นางหน้าแดง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×