คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : อย่าห่างจากสายตาข้าได้หรือไม่ (rewrite)
ค่ำคืนที่เงียบสงัดไร้แสงจากดวงจันทร์หากแต่ท้องฟ้าสีน้ำหมึกยังวาววับไปด้วยแสงของดวงดาราส่องประกายทั่วนภา
เฉินหย่งหมิงสวมชุดสีดำคลุมปิดบังใบหน้าเหลือเพียงดวงตาคมกริบลี่เหม่ยจูเองก็สวมชุดไม่ต่างกัน
ร่างบางดูทะมัดทะแมงดูคล่องแคล่วใบหน้างดงามถูกปิดเหลือไว้เพียงดวงตากลมโตที่ซ่อนความเย้ายวนไว้อย่างไรก็ไม่มิด
นางกับเขาเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้
โดยหลอกล่อทำทีว่าจะไปแอบซุ่มดูที่วัดร้างหากแต่พวกตนได้มาแนวป่าของป่าอาถรรพ์แทน
ทว่าก็ยังส่งทหายบางส่วนไปรอที่วัดร้างจริงๆ เพื่อการล่อลวงที่สมจริง
องครักษ์อีกห้านายและทหารฝีมือดีอีกสิบนาย
โดยลี่เหวินหยางเป็นผู้ควบคุมกองทหารและเฉินหย่งหมิงเป็นผู้บัญชาการ
"อย่าเคลื่อนไหวหรือทำสิ่งใดจนกว่าข้าจะให้สัญญาณ"
เฉินหย่งหมิงกระซิบเสียงเบาแม้จะใช้กำลังภายในสื่อสาร
ก็ต้องระวังเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจำนวนคนเท่าใดและหากพวกมันมีวรยุทธ์ขั้นสูงก็อาจจะได้ยิน
ลี่เหม่ยจูเองก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน ไม่เสียแรงที่นางถูกเคี่ยวฝึกฝนจากอาจารย์
"ขอรับ" ลี่เหวินหยางตอบรับ
และพาทหารไปดักซุ่มอีกที่แต่ก่อนจะไปผู้เป็นน้องสาวกลับเอ่ยรั้งท้ายเอาไว้
ทำให้เขาต้องหยุดฟัง
"ข้าคิดว่าเราควรแยกกองกำลังออกเป็นสามส่วนนะเจ้าคะ...เพราะแบ่งสองกองนั้นจำนวนคนมากเกินไป
ยากต่อการซุ่มอำพรางตัว และทำหลายสิ่งไม่สะดวก" เฉินหย่งหมิงขมวดคิ้ว
จ้องมองใบหน้างามที่จริงจัง เขาถอนหายใจและส่งสายตาให้นางอย่างห้ามปราม
“วันนี้แค่มาสอดแนมเท่านั้น...ไม่จำเป็นต้องแบ่งกองกำลังดักซุ่มโจมตี"
ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่อ่านกลออกก็รีบปรายตามองและท้วงให้ทำตามที่ตกลงไว้
เมื่อเห็นดวงตากลมโตสั่นระริกอย่างเอาแต่ใจเฉินหย่งหมิงจึงขยับกระซิบใกล้หูเล็กโดยที่นางไม่ตั้งตัว
ลี่เหม่ยจูจึงใช้มือเล็กบิดเข้าที่เอวสอบของอีกฝ่ายทันทีเวลาเช่นนี้ยังหลอกกินเต้าหู้นางหรือ
บุรุษผู้นี่น่าตายนัก
"หากเจ้าลืมที่ตกลงกันไว้...คงไม่ต้องบอกนะว่ากลับไปจะถูกลงโทษเช่นใด”
เฉินหย่งหมิงกระซิบข้างหูไม่สนใจสายตาของลี่เหวินหยางที่มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้าไม่ได้หูหนวก...พูดไกลๆ ข้าก็ได้ยิน”
ลี่เหม่ยจูขู่ฟ่อและเบี่ยงตัวออกมาทันที
“แต่เจ้ากำลังจะขัดคำสั่งข้า” เขาเอ่ยเสียงเข้มห้วน
"หากมีสิ่งที่ผิดไปจากที่คาดไว้
ท่านจะปล่อยให้พวกมันทำตามใจอย่างนั้นหรือลี่เหม่ยจูถอนหายใจหนักๆ ออกมา
"เรามีทหารเพียงสิบนาย
ไม่ได้เตรียมกำลังพลมาเพื่อการณ์นั้น"
เฉินหย่งหมิงส่งเสียงฮืมในลำคออย่างขัดใจ เขาอยากจะจับนางมาฟาดก้นให้หายดื้อนัก
เรื่องการเถียงเขานั้นนางไม่แพ้ผู้ใดเลยจริงๆ
"ทหารสิบนายนั้นล้วนเป็นทหารฝีมือดีที่ถูกฝึกมาเพื่อสังหารศัตรูหนึ่งต่อสิบศัตรูใช่หรือไม่”
นางเอ่ยถาม เมื่อเขาไม่ตอบนางก็ถามต่อ “ส่วนองครักษ์ของท่านหนึ่งคนสามารถสังหารศัตรูได้ยี่สิบคนและท่านที่เป็นแม่ทัพใหญ่
คงไม่ต่ำกว่าสามสิบคนกระมัง"
“เจ้าคิดจะทำอะไร เรามาวันนี้เพื่อสำรวจทางเข้า
และดูว่าพวกมันขนอาวุธเข้าไปด้วยวิธีใดเท่านั้น ข้าไม่เสี่ยงแน่” เฉินหย่งหมิงกัดฟัน
เขาเอ่ยเสียงเย็นเฉียบหนาวเสียดกระดูกไม่ยอมละสายตาจากนาง
“ไม่อยากเสี่ยงที่จะขัดขวางพวกมัน แต่ท่านจะเสี่ยงให้มันได้สะสมอาวุธ
ทำให้กองกำลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ”
"เราไม่เห็นกองกำลังของพวกมันทั้งหมด
มันเสี่ยงเกินไป อีกอย่างพื้นที่ป่าอาถรรพ์นี้เรายังไม่ชำนาญพอ
เกรงว่าจะเสียทีพวกมันหรืออาจเป็นแผนหลอกล่อพวกเราก็เป็นได้"
เฉินหย่งหมิงพูดตามประสบการณ์ครึ่งชีวิตที่อยู่ในสนาม
เพราะหากจะให้วู่วามเขาเกรงว่าจะขโมยไก่ไม่ได้ทั้งยังเสียข้าวสารในกำมืออีก
"พวกมันหลงกลเราจริงๆ ด้วย"
ลี่เหม่ยจูส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายเงียบ
และรอคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่ภารกิจครานี้เฉินหย่งหมิงเป็นผู้นำกองกำลังนางเองก็ต้องทำตามกฎ
นางจึงมิอยากจะขัดขวางและทำตามแต่โดยดีเพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง
พวกนั้นเชื่อข่าวที่มู่หลินฮวาบอกจริงๆ อย่างนั้นหรืออะไรจะเชื่อง่ายดายเพียงนั้น
ขบวนลำเลียงอาวุธมากมายหลายสิบหีบ
ถูกแบกโดยชายฉกรรจ์หีบละสองคนลำเลียงมุ่งหน้าเข้าป่าตามหลังด้วยขบวนข้าวสารอาหารแห้ง
และปิดท้ายด้วยขบวนของเหล่าสตรีราวสิบคนที่ถูกบังคับให้เดินเข้าป่าไปด้วย
ผู้แอบซุ่มอยู่ได้แต่กัดฟัน
มองกลุ่มสตรีที่ถูกจับมาน่าจะเป็นชาวบ้านอีกทั้งสตรีแต่ละนางยังเป็นหญิงสาวอายุน้อยๆ
ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าพวกมันจะนำสตรีเหล่านี้ไปทำสิ่งใด
"รีบเดินสิโว้ย อย่าชักช้า" ปึก!
เสียงไม้ที่ฟาดเข้ากลางหลังของหญิงสาวทำให้ร่างเล็กจนล้มเสียหลัก
เสียงร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด จิตใจของพวกมันเหี้ยมโหด
ไม่ได้มีความเมตตาปรานีสงสารหรือเห็นใจแต่อย่างไร
"พอแล้วๆ
เดี๋ยวมันก็ตายก่อนได้ใช้งานหรอก...หากท่านอ๋องไม่พอพระทัยมาจะทำอย่างไร"
ชายฉกรรจ์อีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งเอื้อมมืออันน่าขยะแขยงลูบไล้ใบหน้าและสะโพกของหญิงสาวที่โดนตี
แทะโลมด้วยสายตาที่หื่นกระหายน่ารังเกียจ
"ปล่อยข้านะ! ไอ้พวกเลว ถุย"
หญิงสาวนางหนึ่งทนไม่ไหวและถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าคนที่กำลังลวนลามตนทันที
เพี้ย!! " นังตัวดี แกกล้าหรือเอาตัวมันไป"
เมื่อโดนหญิงสาวถ่มน้ำลายใส่หน้าจึงเกิดความอับอายชายร่างใหญ่จึงตบหญิงสาวจนหน้าหันเลือดกบปาก
"ท่านจะทนดูแบบนี้ได้จริงๆ หรือ"
ลี่เหม่ยจูหันไปหาคนที่อยู่ข้างกายนาง
ซึ่งตอนนี้กำลังจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาดุดันแววโรจน์ที่สามารถจะสังหารคนได้ในพริบตา
จากนั้นเขาก็พยักหน้าบอกให้นางใจเย็น เฉินหย่งหมิงจึงตัดสินใจจะเปลี่ยนแผนในทันทีที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
เป็นอย่างที่นางบอกเขาต้องมีแผนสำรองหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
"แบ่งกำลังออกเป็นสามกอง
กองหน้าข้าจะเป็นผู้ควบคุม ลี่เหวินหยางนำกองกำลังที่ทัพสองคุ้มกันสตรีและพาหนีออกไปให้ได้
ส่วนตู้ฟ่านฉีเป็นกองกำลังเสริม
คาดว่าพวกมันคงเป็นกังวลเรื่องอาวุธและเสบียงมากกว่าสตรี"
เฉินหย่งหมิงร่ายยาวออกคำสั่งตามที่ลี่เหม่ยจูได้พูดไว้ตั้งแต่ต้น
เขาไม่รู้ว่าพวกมันจะจับสตรีมาด้วย
"แล้วข้าล่ะ...ทำหน้าที่ใด"
ลี่เหม่ยจูได้ฟังการแบ่งกองกำลังแล้วไม่ได้มีชื่อตนอยู่ด้วยจึงได้ทักท้วงขึ้น
“เจ้าต้องอยู่กับข้า...ห้ามห่างกายข้า
และอยู่ในสายตาข้าเข้าใจหรือไม่"เมื่อประโยคอันยาวเหยียดถูกเปล่งออกจากปากผู้เป็นแม่ทัพซึ่งน้อยครั้งนักจะแสดงความเป็นห่วงสตรี
ทำให้เหล่าทหาร และองครักษ์ รวมถึงลี่เหวินหยางชะงักมองหน้ากันไปมาอย่างบื้อใบ้
เมื่อเห็นสายตาจริงจังของเขา และสายตาของทุกคนที่มองมาราวกับพบเจอเรื่องประหลาด
จึงทำให้ลี่เหม่ยจูพยักหน้าทำตามอย่างเสียไม่ได้
ความคิดเห็น