ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #27 : อย่าห่างจากสายตาข้าได้หรือไม่ (rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.47K
      832
      20 พ.ย. 62

    ค่ำคืนที่เงียบสงัดไร้แสงจากดวงจันทร์หากแต่ท้องฟ้าสีน้ำหมึกยังวาววับไปด้วยแสงของดวงดาราส่องประกายทั่วนภา เฉินหย่งหมิงสวมชุดสีดำคลุมปิดบังใบหน้าเหลือเพียงดวงตาคมกริบลี่เหม่ยจูเองก็สวมชุดไม่ต่างกัน ร่างบางดูทะมัดทะแมงดูคล่องแคล่วใบหน้างดงามถูกปิดเหลือไว้เพียงดวงตากลมโตที่ซ่อนความเย้ายวนไว้อย่างไรก็ไม่มิด

    นางกับเขาเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยหลอกล่อทำทีว่าจะไปแอบซุ่มดูที่วัดร้างหากแต่พวกตนได้มาแนวป่าของป่าอาถรรพ์แทน ทว่าก็ยังส่งทหายบางส่วนไปรอที่วัดร้างจริงๆ เพื่อการล่อลวงที่สมจริง

    องครักษ์อีกห้านายและทหารฝีมือดีอีกสิบนาย โดยลี่เหวินหยางเป็นผู้ควบคุมกองทหารและเฉินหย่งหมิงเป็นผู้บัญชาการ

    "อย่าเคลื่อนไหวหรือทำสิ่งใดจนกว่าข้าจะให้สัญญาณ" เฉินหย่งหมิงกระซิบเสียงเบาแม้จะใช้กำลังภายในสื่อสาร ก็ต้องระวังเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจำนวนคนเท่าใดและหากพวกมันมีวรยุทธ์ขั้นสูงก็อาจจะได้ยิน ลี่เหม่ยจูเองก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน ไม่เสียแรงที่นางถูกเคี่ยวฝึกฝนจากอาจารย์

    "ขอรับ" ลี่เหวินหยางตอบรับ และพาทหารไปดักซุ่มอีกที่แต่ก่อนจะไปผู้เป็นน้องสาวกลับเอ่ยรั้งท้ายเอาไว้ ทำให้เขาต้องหยุดฟัง

    "ข้าคิดว่าเราควรแยกกองกำลังออกเป็นสามส่วนนะเจ้าคะ...เพราะแบ่งสองกองนั้นจำนวนคนมากเกินไป ยากต่อการซุ่มอำพรางตัว และทำหลายสิ่งไม่สะดวก" เฉินหย่งหมิงขมวดคิ้ว จ้องมองใบหน้างามที่จริงจัง เขาถอนหายใจและส่งสายตาให้นางอย่างห้ามปราม

    วันนี้แค่มาสอดแนมเท่านั้น...ไม่จำเป็นต้องแบ่งกองกำลังดักซุ่มโจมตี" ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่อ่านกลออกก็รีบปรายตามองและท้วงให้ทำตามที่ตกลงไว้

    เมื่อเห็นดวงตากลมโตสั่นระริกอย่างเอาแต่ใจเฉินหย่งหมิงจึงขยับกระซิบใกล้หูเล็กโดยที่นางไม่ตั้งตัว ลี่เหม่ยจูจึงใช้มือเล็กบิดเข้าที่เอวสอบของอีกฝ่ายทันทีเวลาเช่นนี้ยังหลอกกินเต้าหู้นางหรือ บุรุษผู้นี่น่าตายนัก

    "หากเจ้าลืมที่ตกลงกันไว้...คงไม่ต้องบอกนะว่ากลับไปจะถูกลงโทษเช่นใดเฉินหย่งหมิงกระซิบข้างหูไม่สนใจสายตาของลี่เหวินหยางที่มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    ข้าไม่ได้หูหนวก...พูดไกลๆ ข้าก็ได้ยินลี่เหม่ยจูขู่ฟ่อและเบี่ยงตัวออกมาทันที

    แต่เจ้ากำลังจะขัดคำสั่งข้าเขาเอ่ยเสียงเข้มห้วน

    "หากมีสิ่งที่ผิดไปจากที่คาดไว้ ท่านจะปล่อยให้พวกมันทำตามใจอย่างนั้นหรือลี่เหม่ยจูถอนหายใจหนักๆ ออกมา

    "เรามีทหารเพียงสิบนาย ไม่ได้เตรียมกำลังพลมาเพื่อการณ์นั้น" เฉินหย่งหมิงส่งเสียงฮืมในลำคออย่างขัดใจ เขาอยากจะจับนางมาฟาดก้นให้หายดื้อนัก เรื่องการเถียงเขานั้นนางไม่แพ้ผู้ใดเลยจริงๆ

    "ทหารสิบนายนั้นล้วนเป็นทหารฝีมือดีที่ถูกฝึกมาเพื่อสังหารศัตรูหนึ่งต่อสิบศัตรูใช่หรือไม่นางเอ่ยถาม เมื่อเขาไม่ตอบนางก็ถามต่อ ส่วนองครักษ์ของท่านหนึ่งคนสามารถสังหารศัตรูได้ยี่สิบคนและท่านที่เป็นแม่ทัพใหญ่ คงไม่ต่ำกว่าสามสิบคนกระมัง"

    เจ้าคิดจะทำอะไร เรามาวันนี้เพื่อสำรวจทางเข้า และดูว่าพวกมันขนอาวุธเข้าไปด้วยวิธีใดเท่านั้น ข้าไม่เสี่ยงแน่เฉินหย่งหมิงกัดฟัน เขาเอ่ยเสียงเย็นเฉียบหนาวเสียดกระดูกไม่ยอมละสายตาจากนาง

    ไม่อยากเสี่ยงที่จะขัดขวางพวกมัน แต่ท่านจะเสี่ยงให้มันได้สะสมอาวุธ ทำให้กองกำลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ

    "เราไม่เห็นกองกำลังของพวกมันทั้งหมด มันเสี่ยงเกินไป อีกอย่างพื้นที่ป่าอาถรรพ์นี้เรายังไม่ชำนาญพอ เกรงว่าจะเสียทีพวกมันหรืออาจเป็นแผนหลอกล่อพวกเราก็เป็นได้" เฉินหย่งหมิงพูดตามประสบการณ์ครึ่งชีวิตที่อยู่ในสนาม เพราะหากจะให้วู่วามเขาเกรงว่าจะขโมยไก่ไม่ได้ทั้งยังเสียข้าวสารในกำมืออีก

    "พวกมันหลงกลเราจริงๆ ด้วย" ลี่เหม่ยจูส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายเงียบ และรอคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่ภารกิจครานี้เฉินหย่งหมิงเป็นผู้นำกองกำลังนางเองก็ต้องทำตามกฎ นางจึงมิอยากจะขัดขวางและทำตามแต่โดยดีเพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง พวกนั้นเชื่อข่าวที่มู่หลินฮวาบอกจริงๆ อย่างนั้นหรืออะไรจะเชื่อง่ายดายเพียงนั้น

     

    ขบวนลำเลียงอาวุธมากมายหลายสิบหีบ ถูกแบกโดยชายฉกรรจ์หีบละสองคนลำเลียงมุ่งหน้าเข้าป่าตามหลังด้วยขบวนข้าวสารอาหารแห้ง และปิดท้ายด้วยขบวนของเหล่าสตรีราวสิบคนที่ถูกบังคับให้เดินเข้าป่าไปด้วย ผู้แอบซุ่มอยู่ได้แต่กัดฟัน มองกลุ่มสตรีที่ถูกจับมาน่าจะเป็นชาวบ้านอีกทั้งสตรีแต่ละนางยังเป็นหญิงสาวอายุน้อยๆ ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าพวกมันจะนำสตรีเหล่านี้ไปทำสิ่งใด

    "รีบเดินสิโว้ย อย่าชักช้า" ปึก! เสียงไม้ที่ฟาดเข้ากลางหลังของหญิงสาวทำให้ร่างเล็กจนล้มเสียหลัก เสียงร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด จิตใจของพวกมันเหี้ยมโหด ไม่ได้มีความเมตตาปรานีสงสารหรือเห็นใจแต่อย่างไร

    "พอแล้วๆ เดี๋ยวมันก็ตายก่อนได้ใช้งานหรอก...หากท่านอ๋องไม่พอพระทัยมาจะทำอย่างไร" ชายฉกรรจ์อีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งเอื้อมมืออันน่าขยะแขยงลูบไล้ใบหน้าและสะโพกของหญิงสาวที่โดนตี แทะโลมด้วยสายตาที่หื่นกระหายน่ารังเกียจ

    "ปล่อยข้านะ! ไอ้พวกเลว ถุย" หญิงสาวนางหนึ่งทนไม่ไหวและถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าคนที่กำลังลวนลามตนทันที

    เพี้ย!! " นังตัวดี แกกล้าหรือเอาตัวมันไป" เมื่อโดนหญิงสาวถ่มน้ำลายใส่หน้าจึงเกิดความอับอายชายร่างใหญ่จึงตบหญิงสาวจนหน้าหันเลือดกบปาก

    "ท่านจะทนดูแบบนี้ได้จริงๆ หรือ" ลี่เหม่ยจูหันไปหาคนที่อยู่ข้างกายนาง ซึ่งตอนนี้กำลังจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาดุดันแววโรจน์ที่สามารถจะสังหารคนได้ในพริบตา จากนั้นเขาก็พยักหน้าบอกให้นางใจเย็น เฉินหย่งหมิงจึงตัดสินใจจะเปลี่ยนแผนในทันทีที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เป็นอย่างที่นางบอกเขาต้องมีแผนสำรองหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด

     

    "แบ่งกำลังออกเป็นสามกอง กองหน้าข้าจะเป็นผู้ควบคุม ลี่เหวินหยางนำกองกำลังที่ทัพสองคุ้มกันสตรีและพาหนีออกไปให้ได้ ส่วนตู้ฟ่านฉีเป็นกองกำลังเสริม คาดว่าพวกมันคงเป็นกังวลเรื่องอาวุธและเสบียงมากกว่าสตรี" เฉินหย่งหมิงร่ายยาวออกคำสั่งตามที่ลี่เหม่ยจูได้พูดไว้ตั้งแต่ต้น เขาไม่รู้ว่าพวกมันจะจับสตรีมาด้วย

    "แล้วข้าล่ะ...ทำหน้าที่ใด" ลี่เหม่ยจูได้ฟังการแบ่งกองกำลังแล้วไม่ได้มีชื่อตนอยู่ด้วยจึงได้ทักท้วงขึ้น

    เจ้าต้องอยู่กับข้า...ห้ามห่างกายข้า และอยู่ในสายตาข้าเข้าใจหรือไม่"เมื่อประโยคอันยาวเหยียดถูกเปล่งออกจากปากผู้เป็นแม่ทัพซึ่งน้อยครั้งนักจะแสดงความเป็นห่วงสตรี ทำให้เหล่าทหาร และองครักษ์ รวมถึงลี่เหวินหยางชะงักมองหน้ากันไปมาอย่างบื้อใบ้ เมื่อเห็นสายตาจริงจังของเขา และสายตาของทุกคนที่มองมาราวกับพบเจอเรื่องประหลาด จึงทำให้ลี่เหม่ยจูพยักหน้าทำตามอย่างเสียไม่ได้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×