คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : สอดแนม (rewrite)
มู่หลินฮวารีบเขียนจดหมายถึงพี่ชาย
นางบรรยายเนื้อความตามที่ตนได้ยินโดยไม่ได้ฉุกคิดไตร่ตรองเพียงนิดว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจะเป็นกลลวงหรือไม่
ทว่าสิ่งที่นางได้รู้ไม่เพียงแค่ว่าท่านแม่ทัพจะทำสิ่งใดต่อไปเท่านั้น
หากแต่นังลี่เหม่ยจูนั้นมันยังเป็นคนที่ได้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพต่างหากที่นางเจ็บใจ
แค้นใจ ที่อีกฝ่ายเป็นที่ไว้ใจ เป็นที่โปรดปรานอย่างแท้จริง‘ไม่มีผู้ใดเลี้ยงอาหารใครเปล่าๆ
โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน’สิ่งนี้มู่หลินฮวารู้อยู่แก่ใจแต่ขอเพียงมารหัวใจผู้นั้นย่อยยับไปต่อหน้านางก็พร้อมจะลุยไฟไม่กลัวตายเช่นกัน
"เสี่ยวถง" มู่หลินฮวาคลายมือออก
ปาดน้ำตาทิ้งจากแก้มนวลนัยน์ตาแดงก่ำ นางจะเดินหน้าช่วยเหลืออ๋องผู้นั้น
ทั้งเป็นการแก้แค้น และเพื่อให้ได้ครอบครองบุรุษที่รัก
งานนี้นางเดิมพันไว้สูงเลยทีเดียว ฉะนั้นทุกอย่างจะพลาดไม่ได้
มู่หลินฮวากะพริบไล่น้ำตา พลางสูดน้ำมูกเก็บความแค้นเอาไว้ในใจรอวันสะสางตอนนี้ไม่มีทางให้ย้อนกลับอีกแล้ว
"นายหญิง...ข้าน้อยพร้อมทำทุกอย่างเจ้าค่ะ"
เสี่ยวถงก้มหน้ารอรับคำสั่งจากผู้เป็นนายอย่างซื่อสัตย์
ถึงแม้ในสายตาผู้อื่นจะมองว่ามู่หลินฮวาร้ายกาจและเลวร้ายในหากแต่ในชีวิตของเสี่ยวถงแล้วมู่หลินฮวาคือผู้มีพระคุณ
นางไม่เกรงกลัวนรกสวรรค์ความยากลำบากแม้แต่น้อย นางพร้อมจะฝ่าฟันไปพร้อมผู้เป็นนาย
จะอยู่เคียงข้างที่อีกฝ่ายเคยให้ชีวิตใหม่กับนาง
"หาทางเอาจดหมายนี่ส่งให้ถึงมือพี่ข้า
ไม่ต้องไปส่งไว้ที่เดิม เพราะข้ากลัวว่าที่ตรงนั้นจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป"
เสี่ยวถงสั่นเทิ้มแต่แววตาแน่วแน่ นางเดาว่าเนื้อความในจดหมายต้องสำคัญมากแน่นอน
"เจ้าค่ะ...ข้าจะออกไปพบคุณชาย
และนำจดหมายนี้ไปส่งให้ถึงมือของคุณชายแน่นอน นายหญิงโปรดวางใจ” เสี่ยวถงพยักหน้า และเก็บจดหมายเข้าอกเสื้ออย่างดี
"ระวังตัวให้ดี อย่าประมาทเข้าใจหรือไม่”
มู่หลินฮวากำชับอีกรอบ
"เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะทำทีไปซื้อของให้ท่าน
น่าจะไม่มีผู้ใดสงสัยเจ้าค่ะ" เสี่ยวถงบอกแผนการ
"อืม...บอกว่าไปซื้อของให้ข้า อย่าลืมนะจดหมายต้องส่งให้ถึงมือพี่ชายของข้า"
มู่หลินฮวาเอ่ยกำชับอีกรอบ และกระซิบบอกที่อยู่ของพี่ชายให้เสี่ยวถงรู้
"เจ้าค่ะ"
‘เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด’เงาสีดำที่อำพรางตัวแอบฟังพยักหน้าที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
นางคงจะต้องสั่งให้ทหารยามหน้าประตูทำงานหละหลวมลงบ้าง จะได้ไปไม่เสียเวลา
ลี่เหม่ยจูยกยิ้มมุมปาก
"เสี่ยวเปา ไปสั่งทหารยามที่เฝ้าหน้าประตู
หากเสี่ยวถงจะออกไปข้างนอก ก็ปล่อยให้นางออกไป"
ลี่เหม่ยจูเอ่ยกับอันหลางเปาด้วยท่าทีสบายใจ จากนั้นใบหน้างามก็พลันจริงจังขึ้นมา
ก่อนจะเอ่ยว่า “ติดตามนางอย่าให้คาดสายตาหลังจากนั้นเจ้าก็ติดตามมู่จิ้นฟงผู้นั้นด้วย”
“ขอรับฮูหยิน” อันหลางเปาโค้งหัว
และทยานออกไปทันที
“ซือซือ...เจ้าคิดว่าที่จวนตระกูลลี่ยามนี้ทุกคนกำลังทำสิ่งใดกันอยู่”
นางเอ่ยถามคนสนิท ดวงตากลมโตครุ่นคิดทอดสายตาออกไปไกล
หญิงสาวนัยน์ตาดอกท้อกำลังปักถุงหอมลวดลายมังกรอย่างตั้งใจ
แววตาของนางเปล่งประกายมีความหวัง
มุมปากยิ้มน้อยๆ จนผู้เป็นมารดาอดยิ้มตามไม่ได้
ตั้งแต่ลี่เหม่ยจูแต่งออกไปพวกนางสองแม่ลูกก็มีความสุขมาก
เพราะไม่ต้องพบเจอหน้าอีกฝ่ายให้ระคายเคืองลูกตา มีเพียงอวี้อันผิงมารดาของอีกฝ่ายที่ยังเป็นก้างคอยทิ่มตำให้ระคายคอ
หากเจินเออร์ได้แต่เข้าจวนแม่ทัพแล้วมีบุตรชายก่อนลูกสาวมัน
ครานั้นหลานชายคงต้องเป็นผู้นำของตระกูลแม่ทัพรุ่นต่อไปอย่างแน่นอน
คิดเพียงเท่านี้หลี่หรงเพ่ยก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง
"ถ้าให้แม่เดาถุงหอมนั่นเจ้าจะมอบให้ท่านแม่ทัพใช่หรือไม่"
หลี่หรงเพ่ยเอ่ยขึ้น พร้อมยิ้มหวานหยอกเย้าบุตรสาวให้เขินอายหลี่หรงเพ่ยเลิกคิ้วเล็กน้อยมี่ใบหน้างามของบุตรสาวหุบยิ้มลงชะงักนิ่ง
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอีกครั้ง
"เอ่อ... เจ้าค่ะท่านแม่"
เมื่อได้ยินบุตรีตอบหลี่หรงเพ่ยจึงยิ้มออกมาลี่เหม่ยเจินรีบเก็บสีหน้าให้เป็นปกติปลายนิ้วเรียวยังลูบไล้ลวดลายมังกรห้าเล็บบนถุงหอมสีแดงอย่างระมัดระวัง
จากนั้นจึงเก็บลงกล่องอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบถุงหอมอีกอันที่ปักลายพยัคฆ์เหยียบเมฆาสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาปักแทน
"เหตุใดต้องตกใจถึงเพียงนั้น"
ผู้เป็นมารดาเชยคางของบุตรีขึ้นมาสำรวจสีหน้าที่ซีดลง
"ข้าคงตื่นเต้นและกังลเกินไปเท่านั้น
เพราะข้าไม่เคยปักถุงหอมเช่นนี้ให้ผู้ใดมาก่อนเกรงว่าท่านแม่ทัพจะไม่ชอบ"
ลี่เหม่ยเจินก้มหน้าเอียงอาย นางจะให้มารดารู้ไม่ได้ว่านางกำลังทำสิ่งใดอยู่
เพราะหากอีกฝ่ายรู้จะต้องถูกขัดขวางอย่างแน่นอน
“ฝีมือของเจ้างดงามประณีตเพียงนี้ท่านแม่จะต้องพอใจมากแน่ๆ
” ผู้เป็นมารดาให้กำลังใจ
"ท่านแม่มาหาลูกถึงเรือนมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ"
ลี่เหม่ยเจินรีบเก็บถึงหอมทั้งสองไว้ และเอ่ยถามมารดาเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
"ก็จะมาเตือนเรื่องงานเลี้ยงน้ำชาของสุ่ยฮูหยินที่จวนใต้เท้าสุ่ยคืนนี้เพราะกลัวว่าเจ้าจะเตรียมตัวไม่ทัน”
งานเลี้ยงน้ำชานั้นก็มีความสำคัญอย่างมากในชนชั้นสูง
เป็นการประชันความมั่งคั่งความงามต่างๆ อีกทั้งการที่บุตรีของนางที่เกิดจากฮูหยินรองนั้นได้รับเทียบเชิญยิ่งเป็นเรื่องยากจึงต้องเตรียมตัวให้ดีไม่ให้เกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นให้อับอาย
แต่เพราะบุตรีของนางนั้นมีความสามารถโดดเด่น และงดงามไม่เป็นรองผู้ใด จึงมักจะมีเทียบเชิญมาไม่ขาดทว่าหลี่หรงเพ่ยก็ไม่อาจมองข้ามจึงต้องมาดูแลด้วยตัวเองทุกครั้ง
"ลูกลืมเสียสนิทเลยเจ้าค่ะ
ช่วงนี้มีงานมากมาย" ลี่เหม่ยเจินก้มหน้าอย่างจนใจ
ตอนนี้นางไม่มีใจอยากไปร่วมงานชมดอกไม้ จิบชาอย่างแต่ก่อน
เพราะเป้าหมายของนางนั้นก็ได้เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน
งานเลี้ยงใส่หน้ากากเช่นนั้นย่อมไม่มีผลใดๆ กับนางอีกต่อไป
"เหลวไหล!
งานนี้เป็นงานสำคัญหากไม่ไปเท่ากับว่าไม่ให้เกียรติฮูหยินสุ่ยเจ้ารู้หรือไม่"
หลี่หรงเพ่ยเริ่มนั่งไม่ติด ปกติแล้วบุตรีของนางจะต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ
ไม่ปล่อยเวลาให้กระชั้นชิดเพียงนี้
“หรือเจ้ามีนัดอื่นที่สำคัญกว่า” หลี่หรงเพ่ยคาดคั้น
งานเลี้ยงน้ำชาที่จัดยิ่งใหญ่หากบุตรีของนางไม่เตรียมตัวเช่นนี้หมายความว่าต้องมีสิ่งที่สำคัญกว่าจึงทำให้นางปฏิเสธ
"เจ้าค่ะ...คืนนี้ ข้านัดพบกับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ...อีกอย่างเรานัดกันก่อนที่จะมีเทียบเชิญด้วยซ้ำ"
ลี่หม่ยเจินก้มหน้าตอบ
"น่าเสียดายนัก...นัดท่านแม่ทัพก็สำคัญไม่แพ้กัน
ถ้าเช่นนั้นแม่จะส่งคนไปแจ้งทางนั้นว่าเจ้าป่วยก็แล้วกัน"
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”ลี่เหม่ยเจินยิ้มกว้างให้มารดา
หลี่หรงเพ่ยได้แต่ทำหน้าเสียดายหากบุตรสาวของนางไม่ปักใจรักท่านแม่ทัพและไม่ต้องการย่ำยีจิตใจของลี่เหม่ยจูนางจะไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตกเป็นเมียรองของผู้ใดอย่างแน่นอน
บุตรีของนางทั้งงดงามและเพียบพร้อมย่อมหาบุรุษที่ดีพร้อมกว่าเฉินหย่งหมิงได้ไม่ยาก
แต่เมื่อบุตรีปักใจไปแล้วนางก็ไม่อยากจะขัดขวาง
หากเทียบผลดีผลเสียแล้วการได้อยู่กับบุรุษที่รักและเขาก็รักนั้นย่อมต้องดีกว่าการแต่งให้บุรุษที่ดีพร้อมหากแต่ไม่มีใจ
หลี่หรงเพ่ยกำชับบุตรสาวอีกสองสามเรื่องก่อนจะเดินกลับเรือนของตนไป
ลี่เหม่ยเจินดึงถุงหอมปักลวดลายมังกรมากอดไว้แนบอก
นัยน์ตาดอกท้อนิ่งลึกไม่สามารถคาดเดาความคิดว่านางรู้สึกอย่างไร
เสี่ยวถงถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยขนม
ของใช้มากมายเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
เดินเข้าไปตามซอยเล็กๆ ลัดเลาะไปตามทาง
พอเงยหน้าขึ้นมากลับเป็นซอกมุมอับของโรงเตี๊ยมหมื่นลี้อีกฝั่ง นางยืนนิ่งอย่างงุนงงไม่คิดว่าโรงเตี๊ยมชื่อดังจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่ด้านหลัง
นางมองเห็นประตูไม้เก่าๆ จึงเคาะไปสองครั้ง นางหันซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง
ในจณะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพลันมีมือปริศนาจากด้านหลังประตูดึงนางเข้าไปจนร่างนางเสียหลัก
"กรี๊ด...อุบบ" เสี่ยวถงตกใจร้องเสียงหลงอย่างตกใจแต่กลับถูกมือหนาปิดปากเสียก่อน
ร่างเล็กซ่อนรูปเย้ายวนถูกกดเบียดอยู่ในอ้อมอกแกร่งจึงได้แต่ดินขลุกในอ้อมกอดที่แทบไม่เหลือช่องว่างให้อากาศผ่าน
“เสี่ยวถง...ข้าเอง"
เสี่ยวถงลืมตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาแห่งความตกใจและหวาดกลัว แต่พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของมู่จิ้นฟงจึงหยุดดิ้นและตั้งสติ
นางเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นมู่จิ้นฟงจริงๆ จึงหยุดต่อต้าน
"คุณชาย! ข้าน้อยตกใจหมดเจ้าค่ะ” เสี่ยวถงเอามือทาบอก
และล้วงเอาจดหมายของสำคัญที่ทำให้นางมาที่นี่ยื่นให้มู่จิ้นฟง “นายหญิงให้เสี่ยวถงนำเอาจดหมายนี้มาให้คุณชายเจ้าค่ะ...นางกำชับว่าเป็นเรื่องสำคัญ"
มู่จิ้นฟงรีบรับจดหมายและเปิดอ่านข้างในทันที
พลันเห็นข้อความที่น้องสาวส่งมาก็ยกยิ้มอย่างพอใจ
"ที่วัดร้างหรือ หึหึ"
เมื่ออ่านเสร็จมู่จิ้นฟงรีบเผาจดหมายด้วยเปลวเทียนจนกลายเป็นขี้เถ้า
เเสงไฟจากเปลวเทียนไหวในดวงตาคมส่องสว่างเพียงเสี้ยวหนึ่งของหน้าหล่อเหล่าแลดูมีเสน่ห์จนแทบลืมหายใจและยากที่จะละสายตาเสี่ยวถงเผลอตัวจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั่นอย่างลืมตัว
พอจะหลบสายตามู่จิ้นฟงก็หันมาจ้องนางพอดี
ใบหน้างามเห่อร้อนขึ้นมาคิดถึงเรื่องราวในอดีตอย่างเกินห้าม
"คุณชาย ท่านสะ...สบายดีหรือไม่เจ้าคะ"
เสี่ยวถงเอ่ยถามอย่างขัดเขิน เมื่อก่อนที่ผู้เป็นนายจะออกเรือนนางเคยเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้มู่จิ้นฟงมาก่อน
"หากงานนี้สำเร็จข้าคงออกจากห้องรูหนูนี่เสียที"
มู่จิ้นฟงตอบอย่างมั่นใจ เขาจะมีเงินทองใช้โดยไม่ต้องง้อบิดา
มู่จิ้นฟงเห็นสายตาที่ของเสี่ยงถงก็ยกมุมปากยิ้ม
เขาประคองกรอบหน้าเรียวและส่งสายตาอย่างมีความหมาย
เสี่ยวถงมองเห็นความต้องการของเขาในแววตานั้นก็ขนลุกทั่วกายรู้ดีว่าต่อจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้นระหว่างนางกับเขา
“อ๊ะ! คุณชาย” เสี่ยวถงถูกกระตุกแขนจนไม่อาจตั้งตัวเซไปเกยอยู่บนตักแกร่งในท่าอันตรายอย่างยิ่ง
ร่างบางถูกโอบกอดจากด้านหลังรู้สึกถึงริมฝีปากหนาและลิ้นอุ่นร้อนกำลังไล้ตามซอกคอและใบหูเล็ก
เสียงหอบของลมหายใจที่ร้อนผ่าวและถี่ขึ้น
นางไม่ได้ขัดขืนต่อต้านแต่ให้ความร่วมมืออย่างดี
จนคนที่โอบกอดจากด้านหลังครางฮึมในลำคออย่างพอใจ
มู่จิ้นฟงลงมือปลดอาภรณ์ของหญิงสาวลงไปกองที่พื้นอย่างชำนาญ
เมื่อได้ยินเสียงครางจากร่างบางที่คล้ายจะพึงใจก็ยิ่งได้ใจ
เขาใช้มือลูบไล้ไปตามสีข้าง ร่องเอวคอด
เคลื่อนริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางที่เผยอรับอย่างหื่นกระหายเอาแต่ใจ
เขาละจากริมฝีปากไล้ชิมไปตามซอกคอขาวและยอดดอกบัวที่ชูชันล่อแมลงให้มาดูดกิน
เขาขย่ำสองเต้าขาวอวบอิ่มที่ตรึงเต่งยวบไปตามแรงบีบริมฝีปากที่ร้อนผ่าวไล่ลงไปตามไรขนอ่อนกลิ่นหอม
ลิ้มมองยอดเกสรดอกเดิมที่กำลังมีน้ำหวานไหลออกมา
เขาผลักสองขาเรียวให้กางออกกว้างเพื่อให้เห็นกลีบบุปผาสีแดงได้ถนัดตา
“เสี่ยวถง...ข้าต้องการเจ้า อืม” มู่จิ้นฟงครางในลำคอเมื่อเสี่ยงถงขยับกายพลิกขึ้นมาอยู่บนตัวเขาแทน
สายตาของนางเร่าร้อน เว้าวอน มู่จิ้นฟงไม่รอช้าแทรกตัวเข้าหว่างขาเรียวทันที
ร่างบางกระตุกครางร้องเสียงหลงเอวหนาสอบรีบเร่งตามจังหวะที่เสียวซ่าน
เตียงไม้เก่าดังกระทบกำแพงเป็นจังหวะที่เร่าร้อนผสมกับเสียงครวญครางที่เร่าร้อนถึงใจ
ทั้งสองบรรเลงบทเพลงสวาทระลึกถึงความหลังอยู่หลายบทเพลงจนกว่าจะดับไฟปรารถนาลงหมด
อันหลางเปายืนฟังเสียงครวญครางจนขนลุกซู่และพึ่งนึกได้ว่าสิ่งที่เขาต้องฟังแล้วนำไปรายงานฮูหยินนั้นได้จบไปนานแล้ว
แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนต้องอยู่ฟังในสิ่งที่นอกเหนือจากนั้นด้วย
เขารีบทะยานออกไปทันทีเพราะกลัวว่าจะติดลมไปด้วย
ความคิดเห็น