ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #26 : สอดแนม (rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.08K
      778
      20 พ.ย. 62

    มู่หลินฮวารีบเขียนจดหมายถึงพี่ชาย นางบรรยายเนื้อความตามที่ตนได้ยินโดยไม่ได้ฉุกคิดไตร่ตรองเพียงนิดว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจะเป็นกลลวงหรือไม่ ทว่าสิ่งที่นางได้รู้ไม่เพียงแค่ว่าท่านแม่ทัพจะทำสิ่งใดต่อไปเท่านั้น หากแต่นังลี่เหม่ยจูนั้นมันยังเป็นคนที่ได้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพต่างหากที่นางเจ็บใจ แค้นใจ ที่อีกฝ่ายเป็นที่ไว้ใจ เป็นที่โปรดปรานอย่างแท้จริงไม่มีผู้ใดเลี้ยงอาหารใครเปล่าๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทนสิ่งนี้มู่หลินฮวารู้อยู่แก่ใจแต่ขอเพียงมารหัวใจผู้นั้นย่อยยับไปต่อหน้านางก็พร้อมจะลุยไฟไม่กลัวตายเช่นกัน

    "เสี่ยวถง" มู่หลินฮวาคลายมือออก ปาดน้ำตาทิ้งจากแก้มนวลนัยน์ตาแดงก่ำ นางจะเดินหน้าช่วยเหลืออ๋องผู้นั้น ทั้งเป็นการแก้แค้น และเพื่อให้ได้ครอบครองบุรุษที่รัก งานนี้นางเดิมพันไว้สูงเลยทีเดียว ฉะนั้นทุกอย่างจะพลาดไม่ได้ มู่หลินฮวากะพริบไล่น้ำตา พลางสูดน้ำมูกเก็บความแค้นเอาไว้ในใจรอวันสะสางตอนนี้ไม่มีทางให้ย้อนกลับอีกแล้ว

    "นายหญิง...ข้าน้อยพร้อมทำทุกอย่างเจ้าค่ะ" เสี่ยวถงก้มหน้ารอรับคำสั่งจากผู้เป็นนายอย่างซื่อสัตย์ ถึงแม้ในสายตาผู้อื่นจะมองว่ามู่หลินฮวาร้ายกาจและเลวร้ายในหากแต่ในชีวิตของเสี่ยวถงแล้วมู่หลินฮวาคือผู้มีพระคุณ นางไม่เกรงกลัวนรกสวรรค์ความยากลำบากแม้แต่น้อย นางพร้อมจะฝ่าฟันไปพร้อมผู้เป็นนาย จะอยู่เคียงข้างที่อีกฝ่ายเคยให้ชีวิตใหม่กับนาง

     

    "หาทางเอาจดหมายนี่ส่งให้ถึงมือพี่ข้า ไม่ต้องไปส่งไว้ที่เดิม เพราะข้ากลัวว่าที่ตรงนั้นจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป" เสี่ยวถงสั่นเทิ้มแต่แววตาแน่วแน่ นางเดาว่าเนื้อความในจดหมายต้องสำคัญมากแน่นอน

    "เจ้าค่ะ...ข้าจะออกไปพบคุณชาย และนำจดหมายนี้ไปส่งให้ถึงมือของคุณชายแน่นอน นายหญิงโปรดวางใจเสี่ยวถงพยักหน้า และเก็บจดหมายเข้าอกเสื้ออย่างดี

    "ระวังตัวให้ดี อย่าประมาทเข้าใจหรือไม่มู่หลินฮวากำชับอีกรอบ

    "เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะทำทีไปซื้อของให้ท่าน น่าจะไม่มีผู้ใดสงสัยเจ้าค่ะ" เสี่ยวถงบอกแผนการ

    "อืม...บอกว่าไปซื้อของให้ข้า อย่าลืมนะจดหมายต้องส่งให้ถึงมือพี่ชายของข้า" มู่หลินฮวาเอ่ยกำชับอีกรอบ และกระซิบบอกที่อยู่ของพี่ชายให้เสี่ยวถงรู้

    "เจ้าค่ะ"

    เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่ผิดเงาสีดำที่อำพรางตัวแอบฟังพยักหน้าที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน นางคงจะต้องสั่งให้ทหารยามหน้าประตูทำงานหละหลวมลงบ้าง จะได้ไปไม่เสียเวลา ลี่เหม่ยจูยกยิ้มมุมปาก

    "เสี่ยวเปา ไปสั่งทหารยามที่เฝ้าหน้าประตู หากเสี่ยวถงจะออกไปข้างนอก ก็ปล่อยให้นางออกไป" ลี่เหม่ยจูเอ่ยกับอันหลางเปาด้วยท่าทีสบายใจ จากนั้นใบหน้างามก็พลันจริงจังขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยว่า ติดตามนางอย่าให้คาดสายตาหลังจากนั้นเจ้าก็ติดตามมู่จิ้นฟงผู้นั้นด้วย

     

    ขอรับฮูหยินอันหลางเปาโค้งหัว และทยานออกไปทันที

    ซือซือ...เจ้าคิดว่าที่จวนตระกูลลี่ยามนี้ทุกคนกำลังทำสิ่งใดกันอยู่นางเอ่ยถามคนสนิท ดวงตากลมโตครุ่นคิดทอดสายตาออกไปไกล

     

    หญิงสาวนัยน์ตาดอกท้อกำลังปักถุงหอมลวดลายมังกรอย่างตั้งใจ แววตาของนางเปล่งประกายมีความหวัง มุมปากยิ้มน้อยๆ จนผู้เป็นมารดาอดยิ้มตามไม่ได้ ตั้งแต่ลี่เหม่ยจูแต่งออกไปพวกนางสองแม่ลูกก็มีความสุขมาก เพราะไม่ต้องพบเจอหน้าอีกฝ่ายให้ระคายเคืองลูกตา มีเพียงอวี้อันผิงมารดาของอีกฝ่ายที่ยังเป็นก้างคอยทิ่มตำให้ระคายคอ หากเจินเออร์ได้แต่เข้าจวนแม่ทัพแล้วมีบุตรชายก่อนลูกสาวมัน ครานั้นหลานชายคงต้องเป็นผู้นำของตระกูลแม่ทัพรุ่นต่อไปอย่างแน่นอน คิดเพียงเท่านี้หลี่หรงเพ่ยก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง

    "ถ้าให้แม่เดาถุงหอมนั่นเจ้าจะมอบให้ท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" หลี่หรงเพ่ยเอ่ยขึ้น พร้อมยิ้มหวานหยอกเย้าบุตรสาวให้เขินอายหลี่หรงเพ่ยเลิกคิ้วเล็กน้อยมี่ใบหน้างามของบุตรสาวหุบยิ้มลงชะงักนิ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอีกครั้ง

    "เอ่อ... เจ้าค่ะท่านแม่" เมื่อได้ยินบุตรีตอบหลี่หรงเพ่ยจึงยิ้มออกมาลี่เหม่ยเจินรีบเก็บสีหน้าให้เป็นปกติปลายนิ้วเรียวยังลูบไล้ลวดลายมังกรห้าเล็บบนถุงหอมสีแดงอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเก็บลงกล่องอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบถุงหอมอีกอันที่ปักลายพยัคฆ์เหยียบเมฆาสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาปักแทน

     

    "เหตุใดต้องตกใจถึงเพียงนั้น" ผู้เป็นมารดาเชยคางของบุตรีขึ้นมาสำรวจสีหน้าที่ซีดลง

    "ข้าคงตื่นเต้นและกังลเกินไปเท่านั้น เพราะข้าไม่เคยปักถุงหอมเช่นนี้ให้ผู้ใดมาก่อนเกรงว่าท่านแม่ทัพจะไม่ชอบ" ลี่เหม่ยเจินก้มหน้าเอียงอาย นางจะให้มารดารู้ไม่ได้ว่านางกำลังทำสิ่งใดอยู่ เพราะหากอีกฝ่ายรู้จะต้องถูกขัดขวางอย่างแน่นอน

    ฝีมือของเจ้างดงามประณีตเพียงนี้ท่านแม่จะต้องพอใจมากแน่ๆ ผู้เป็นมารดาให้กำลังใจ

    "ท่านแม่มาหาลูกถึงเรือนมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ" ลี่เหม่ยเจินรีบเก็บถึงหอมทั้งสองไว้ และเอ่ยถามมารดาเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

    "ก็จะมาเตือนเรื่องงานเลี้ยงน้ำชาของสุ่ยฮูหยินที่จวนใต้เท้าสุ่ยคืนนี้เพราะกลัวว่าเจ้าจะเตรียมตัวไม่ทันงานเลี้ยงน้ำชานั้นก็มีความสำคัญอย่างมากในชนชั้นสูง เป็นการประชันความมั่งคั่งความงามต่างๆ อีกทั้งการที่บุตรีของนางที่เกิดจากฮูหยินรองนั้นได้รับเทียบเชิญยิ่งเป็นเรื่องยากจึงต้องเตรียมตัวให้ดีไม่ให้เกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นให้อับอาย แต่เพราะบุตรีของนางนั้นมีความสามารถโดดเด่น และงดงามไม่เป็นรองผู้ใด จึงมักจะมีเทียบเชิญมาไม่ขาดทว่าหลี่หรงเพ่ยก็ไม่อาจมองข้ามจึงต้องมาดูแลด้วยตัวเองทุกครั้ง

    "ลูกลืมเสียสนิทเลยเจ้าค่ะ ช่วงนี้มีงานมากมาย" ลี่เหม่ยเจินก้มหน้าอย่างจนใจ ตอนนี้นางไม่มีใจอยากไปร่วมงานชมดอกไม้ จิบชาอย่างแต่ก่อน เพราะเป้าหมายของนางนั้นก็ได้เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน งานเลี้ยงใส่หน้ากากเช่นนั้นย่อมไม่มีผลใดๆ กับนางอีกต่อไป

     

    "เหลวไหล! งานนี้เป็นงานสำคัญหากไม่ไปเท่ากับว่าไม่ให้เกียรติฮูหยินสุ่ยเจ้ารู้หรือไม่" หลี่หรงเพ่ยเริ่มนั่งไม่ติด ปกติแล้วบุตรีของนางจะต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยเวลาให้กระชั้นชิดเพียงนี้

    หรือเจ้ามีนัดอื่นที่สำคัญกว่าหลี่หรงเพ่ยคาดคั้น งานเลี้ยงน้ำชาที่จัดยิ่งใหญ่หากบุตรีของนางไม่เตรียมตัวเช่นนี้หมายความว่าต้องมีสิ่งที่สำคัญกว่าจึงทำให้นางปฏิเสธ

    "เจ้าค่ะ...คืนนี้ ข้านัดพบกับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ...อีกอย่างเรานัดกันก่อนที่จะมีเทียบเชิญด้วยซ้ำ" ลี่หม่ยเจินก้มหน้าตอบ

    "น่าเสียดายนัก...นัดท่านแม่ทัพก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเช่นนั้นแม่จะส่งคนไปแจ้งทางนั้นว่าเจ้าป่วยก็แล้วกัน"

    “ขอบคุณเจ้าค่ะ”ลี่เหม่ยเจินยิ้มกว้างให้มารดา

    หลี่หรงเพ่ยได้แต่ทำหน้าเสียดายหากบุตรสาวของนางไม่ปักใจรักท่านแม่ทัพและไม่ต้องการย่ำยีจิตใจของลี่เหม่ยจูนางจะไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตกเป็นเมียรองของผู้ใดอย่างแน่นอน

    บุตรีของนางทั้งงดงามและเพียบพร้อมย่อมหาบุรุษที่ดีพร้อมกว่าเฉินหย่งหมิงได้ไม่ยาก แต่เมื่อบุตรีปักใจไปแล้วนางก็ไม่อยากจะขัดขวาง หากเทียบผลดีผลเสียแล้วการได้อยู่กับบุรุษที่รักและเขาก็รักนั้นย่อมต้องดีกว่าการแต่งให้บุรุษที่ดีพร้อมหากแต่ไม่มีใจ

    หลี่หรงเพ่ยกำชับบุตรสาวอีกสองสามเรื่องก่อนจะเดินกลับเรือนของตนไป ลี่เหม่ยเจินดึงถุงหอมปักลวดลายมังกรมากอดไว้แนบอก นัยน์ตาดอกท้อนิ่งลึกไม่สามารถคาดเดาความคิดว่านางรู้สึกอย่างไร

     

    เสี่ยวถงถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยขนม ของใช้มากมายเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต เดินเข้าไปตามซอยเล็กๆ ลัดเลาะไปตามทาง พอเงยหน้าขึ้นมากลับเป็นซอกมุมอับของโรงเตี๊ยมหมื่นลี้อีกฝั่ง นางยืนนิ่งอย่างงุนงงไม่คิดว่าโรงเตี๊ยมชื่อดังจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่ด้านหลัง นางมองเห็นประตูไม้เก่าๆ จึงเคาะไปสองครั้ง นางหันซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ในจณะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพลันมีมือปริศนาจากด้านหลังประตูดึงนางเข้าไปจนร่างนางเสียหลัก

    "กรี๊ด...อุบบ" เสี่ยวถงตกใจร้องเสียงหลงอย่างตกใจแต่กลับถูกมือหนาปิดปากเสียก่อน ร่างเล็กซ่อนรูปเย้ายวนถูกกดเบียดอยู่ในอ้อมอกแกร่งจึงได้แต่ดินขลุกในอ้อมกอดที่แทบไม่เหลือช่องว่างให้อากาศผ่าน

    เสี่ยวถง...ข้าเอง" เสี่ยวถงลืมตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาแห่งความตกใจและหวาดกลัว แต่พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของมู่จิ้นฟงจึงหยุดดิ้นและตั้งสติ นางเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นมู่จิ้นฟงจริงๆ จึงหยุดต่อต้าน

    "คุณชาย! ข้าน้อยตกใจหมดเจ้าค่ะเสี่ยวถงเอามือทาบอก และล้วงเอาจดหมายของสำคัญที่ทำให้นางมาที่นี่ยื่นให้มู่จิ้นฟง นายหญิงให้เสี่ยวถงนำเอาจดหมายนี้มาให้คุณชายเจ้าค่ะ...นางกำชับว่าเป็นเรื่องสำคัญ" มู่จิ้นฟงรีบรับจดหมายและเปิดอ่านข้างในทันที พลันเห็นข้อความที่น้องสาวส่งมาก็ยกยิ้มอย่างพอใจ

    "ที่วัดร้างหรือ หึหึ" เมื่ออ่านเสร็จมู่จิ้นฟงรีบเผาจดหมายด้วยเปลวเทียนจนกลายเป็นขี้เถ้า เเสงไฟจากเปลวเทียนไหวในดวงตาคมส่องสว่างเพียงเสี้ยวหนึ่งของหน้าหล่อเหล่าแลดูมีเสน่ห์จนแทบลืมหายใจและยากที่จะละสายตาเสี่ยวถงเผลอตัวจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั่นอย่างลืมตัว พอจะหลบสายตามู่จิ้นฟงก็หันมาจ้องนางพอดี ใบหน้างามเห่อร้อนขึ้นมาคิดถึงเรื่องราวในอดีตอย่างเกินห้าม

    "คุณชาย ท่านสะ...สบายดีหรือไม่เจ้าคะ" เสี่ยวถงเอ่ยถามอย่างขัดเขิน เมื่อก่อนที่ผู้เป็นนายจะออกเรือนนางเคยเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้มู่จิ้นฟงมาก่อน

    "หากงานนี้สำเร็จข้าคงออกจากห้องรูหนูนี่เสียที" มู่จิ้นฟงตอบอย่างมั่นใจ เขาจะมีเงินทองใช้โดยไม่ต้องง้อบิดา มู่จิ้นฟงเห็นสายตาที่ของเสี่ยงถงก็ยกมุมปากยิ้ม

    เขาประคองกรอบหน้าเรียวและส่งสายตาอย่างมีความหมาย เสี่ยวถงมองเห็นความต้องการของเขาในแววตานั้นก็ขนลุกทั่วกายรู้ดีว่าต่อจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้นระหว่างนางกับเขา

    อ๊ะ! คุณชายเสี่ยวถงถูกกระตุกแขนจนไม่อาจตั้งตัวเซไปเกยอยู่บนตักแกร่งในท่าอันตรายอย่างยิ่ง ร่างบางถูกโอบกอดจากด้านหลังรู้สึกถึงริมฝีปากหนาและลิ้นอุ่นร้อนกำลังไล้ตามซอกคอและใบหูเล็ก เสียงหอบของลมหายใจที่ร้อนผ่าวและถี่ขึ้น นางไม่ได้ขัดขืนต่อต้านแต่ให้ความร่วมมืออย่างดี จนคนที่โอบกอดจากด้านหลังครางฮึมในลำคออย่างพอใจ

     

    มู่จิ้นฟงลงมือปลดอาภรณ์ของหญิงสาวลงไปกองที่พื้นอย่างชำนาญ เมื่อได้ยินเสียงครางจากร่างบางที่คล้ายจะพึงใจก็ยิ่งได้ใจ เขาใช้มือลูบไล้ไปตามสีข้าง ร่องเอวคอด เคลื่อนริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางที่เผยอรับอย่างหื่นกระหายเอาแต่ใจ เขาละจากริมฝีปากไล้ชิมไปตามซอกคอขาวและยอดดอกบัวที่ชูชันล่อแมลงให้มาดูดกิน เขาขย่ำสองเต้าขาวอวบอิ่มที่ตรึงเต่งยวบไปตามแรงบีบริมฝีปากที่ร้อนผ่าวไล่ลงไปตามไรขนอ่อนกลิ่นหอม ลิ้มมองยอดเกสรดอกเดิมที่กำลังมีน้ำหวานไหลออกมา เขาผลักสองขาเรียวให้กางออกกว้างเพื่อให้เห็นกลีบบุปผาสีแดงได้ถนัดตา

    เสี่ยวถง...ข้าต้องการเจ้า อืมมู่จิ้นฟงครางในลำคอเมื่อเสี่ยงถงขยับกายพลิกขึ้นมาอยู่บนตัวเขาแทน สายตาของนางเร่าร้อน เว้าวอน มู่จิ้นฟงไม่รอช้าแทรกตัวเข้าหว่างขาเรียวทันที ร่างบางกระตุกครางร้องเสียงหลงเอวหนาสอบรีบเร่งตามจังหวะที่เสียวซ่าน เตียงไม้เก่าดังกระทบกำแพงเป็นจังหวะที่เร่าร้อนผสมกับเสียงครวญครางที่เร่าร้อนถึงใจ ทั้งสองบรรเลงบทเพลงสวาทระลึกถึงความหลังอยู่หลายบทเพลงจนกว่าจะดับไฟปรารถนาลงหมด

    อันหลางเปายืนฟังเสียงครวญครางจนขนลุกซู่และพึ่งนึกได้ว่าสิ่งที่เขาต้องฟังแล้วนำไปรายงานฮูหยินนั้นได้จบไปนานแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนต้องอยู่ฟังในสิ่งที่นอกเหนือจากนั้นด้วย เขารีบทะยานออกไปทันทีเพราะกลัวว่าจะติดลมไปด้วย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×