ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ: ราชโองการ (Rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 42.11K
      1.54K
      20 พ.ย. 62


    บทนำ


    www.printerest.com

     

    คุณหนูใหญ่ ลี่เหม่ยจูรับราชโองการ"

    เสียงเล็กแหลมของหม่ากงกงราชขันทีคนสนิทของฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบัน ภายในมืออัญเชิญราชโองการสีทองอร่ามเบื้องหลังตามด้วยขบวนนางกำนัลขันทีอย่างสมพระเกียรติ ภายนอกจวนหลังประตูบานใหญ่มีชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์แม้กำแพงจวนของตระกูลลี่จะสูงตระหง่านแต่หาได้สูงเกินความอยากรู้อยากเห็นของชาวเมืองหลวง

     

    ภายในจวนอัครเสนาบดีกว้างใหญ่กินบริเวณหลายลี้หลายผิง ผู้เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนนั่งคุกเข่ารอขบวนรับราชโองการที่กำลังมาถึงอย่างใจจดใจจ่อนางพึ่งทราบข่าวเมื่อไม่กี่เค่อ[1]ว่าจงหวินตี้ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการมาถึงนางแต่ไม่รู้ว่าด้วยเรื่องใด

    ร่างระหงอ้อนแอ้นสวมอาภรณ์สีเขียวอ่อนเข้มไล่ระดับปลายกระโปรงปักด้วยลายดอกอิงฮวา[2]พลิ้วไปตามสายลมราวกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆท่ามกลางท้องนภา ผมดกดำถูกม้วนเกล้าอย่างหลวมๆ ปักด้วยปิ่นที่เรียบง่ายปล่อยให้ปรอยผมคลอเคลียกรอบหน้างามที่มีเหงื่อไหลซึมไรผมเล็กน้อยด้วยความประหม่า นัยน์ตาสีนิลกลมโตปกคลุมด้วยแพขนตาหนากระพือบางเบาลดเปลือกตาจ้องระดับพื้นที่ต่ำอย่างสำรวม คิ้วเรียวเข้มรับกับจมูกโด่งรั้นพองาม ริมฝีปากเรียวบางอิ่มชุ่มได้รูปกำลังเม้มอย่างใช้ความคิด 

     

    คุณหนูใหญ่ ลี่เหม่ยจูรับราชโองการ" ราชขันทีกระแอมเรียกสติตัวเองเมื่อรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทเผลอจ้องมองคุณหนูตรงหน้านานเกินไป

    คุณหนูใหญ่ตระกูลลี่ นามเหม่ยจู เปรียบดั่งไข่มุกที่งดงามล้ำค่าเพียบพร้อมด้วยกริยา เฉลียวฉลาด เหมาะแก่การออกเรือน ให้จัดพิธีมงคลสมรสแต่งเข้าจวนแม่ทัพใหญ่เฉินหย่งหมิงอย่างสมเกียรติ จบราชโองการ

     

    "ลี่เหม่ยจู รับราชโองการ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี" มือเรียวเนียนขาวดั่งหยกเนื้อดียื่นออกไปรับราชโองการด้วยมือชื้นเหงื่อ ลี่เหม่ยจู รู้สึกเหมือนโดนของแข็งทุบหัวแทบหน้ามืดหากยังดีที่ประคองสติตนเอาไว้ได้ นางลุกขึ้นย่อกายคำนับอย่างสง่างาม ส่วนผู้ที่ก้มหน้าอยู่ด้านหลังนั้นต่างก็มีสีหน้าและความคิดที่ต่างออกไป ทั้งมึนงง ทั้งยินดี และไม่ยินดี...

     

    "ต้องรบกวนหม่ากงกงให้เป็นธุระแล้ว หากท่านไม่มีธุระจะไปที่ใดขอเชิญท่านเข้าไปรับน้ำชาพักและให้หายเหนื่อยก่อนดีหรือไม่" ลี่เหวินโจวอัครเสนาบดีลี่ผู้เป็นนายใหญ่ของจวนตั้งสติได้ก่อนจึงผายมือเชิญหม่ากงกงรับอย่างให้เกียรติ

    เชิญหม่ากงกงตามสบายอย่าได้เกรงใจเจ้าคะอวี้อันผิงฮูหยินเอกของจวนยิ้มแย้มละมุนพร้อมทั้งมอบสินน้ำใจให้ราชขันทีผู้ถวายงานใกล้ชิดตามมารยาท

    "ขอบคุณท่านอัครเสนาบดีลี่และลี่ฮูหยิน ข้าน้อยยังมีธุระที่อื่นอีก เช่นนั้นข้าน้อยจึงต้องเสียมารยาทแล้ว" หม่ากงกงก้มคำนับอย่างให้เกียรติเช่นกันเพราะยังมีราชโองการอีกฉบับและจวนอีกจวนที่เขาต้องไป

    “เชิญ เชิญ ท่านราชขันที” ลี่เหวินโจวค้อมหัวนิดหน่อยเป็นเชิงบอกลาเมื่ออีกฝ่ายมีธุระต้องไปทำต่อเขาก็ไม่คิดจะรั้งให้ลำบากใจ

     

    เมื่อลับตาขบวนนางกำนัลขันที่เดินออกพ้นเขตจวนแล้ว ความเงียบยังคงปกคลุมห้องโถงรับรองและไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดสิ่งใด ส่วนผู้ที่น้อมรับราชโองการเมื่อครู่ยังคงยืนนิ่งกอดราชโองการเอาไว้ไม่ไหวติง

    ลี่เหวินโจวเดินไปนั่งที่ประจำแล้วชำเลืองมองบุตรสาวคนโตด้วยสีหน้าที่คิดหนัก เขาทั้งเห็นใจและสงสารบุตรสาวด้วยรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้สักวัน ทว่าเขานั้นล้วนทำใจไว้แล้ว แต่กับบุตรสาวของเขานั้นนางเป็นสตรีที่มีความคิดแปลกไปกว่าสตรีด้วยกันอยู่มากและเรื่องออกเรือนนั้นเขาเองก็ไม่ได้คิดอยากจะบังคับนาง ด้วยขั้วอำนาจและการถ่วงดุล รวมทั้งเหตุผลอื่นๆ ที่ซับซ้อนของโอรสสวรรค์ที่เขาเองก็ยากจะหยั่งถึงความคิดของผู้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน     

    "จูเออร์ พ่อรู้ว่าลูกลำบากใจแต่หากเจ้าบอกบิดามาว่าเจ้าไม่เต็มใจ บิดาจะเขาวังไปกราบทูลฝ่าบาทให้เอง"  ลี่เหวินโจวกล่าวปลอบใจบุตรสาว เขาเองที่เป็นบิดาไม่มีสักคราที่จะบังคับจิตใจนาง เขารู้ดีว่าตอนนี้นางรู้สึกอย่างไร

    "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อ...ข้าเข้าใจ" ลี่เหม่ยจูเอ่ยตอบเสียงเบาและมองหน้าบิดาที่มีสีหน้าไม่สู้ดีคาดว่าบิดาเองก็กังวลใจไม่แพ้กัน...ซึ่งนางเองก็ไม่อยากให้ผู้ใดต้องมาทุกข์ใจไปกับเรื่องของนาง

    ลี่เหม่ยจูครุ่นคิดนึกแปลกใจว่าเหตุใดราชโองการนี้ระบุเป็นนางให้แต่งเข้าจวนแม่ทัพ ขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็เหลือบไปมองหน้าน้องสาวต่างมารดาที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้นางอย่างยินดี หากแต่รอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงนัยน์ตาหวานสักนิดแววตาที่ฉายไปด้วยความไม่พอใจทั้งยังตกใจของอีกฝ่ายยังไม่เลือนหายไป

    นางไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทรงคิดสิ่งใดอยู่กันแน่  ถึงแม้บุรุษผู้นั้นจะเป็นถึงแม่ทัพใหญ่อนาคตไกลทว่ากลับไม่มีสิ่งใดให้น่าพิสมัยสักนิด แม้นางไม่เคยพบเขามาก่อนทว่าเพียงได้ยินชื่อก็นึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย ถ้านางได้ยินไม่ผิดและตาไม่ฝาดแม่ทัพผู้นั้นก็มีสตรีที่หมายปองอยู่...ที่สำคัญสตรีผู้นั้นคือน้องสาวต่างมารดาของนางเอง

    แม่ทัพเฉินเป็นสหายคนสนิทของฝ่าบาทด้วยความดีความชอบในการเจรจาสงบศึก พระองค์คงมอบรางวัลให้กระมัง แต่หากเจ้ามีคำถามว่าฝ่าบาททรงคิดสิ่งใดอยู่บิดาก็จนปัญญาที่จะรู้ได้ยิ่งการสมรสครั้งนี้เป็นสมรสพระราชทานจากเจ้าคงเลี่ยงได้ยาก" แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ เพียงบุตรีเอ่ยปากเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างนาง หากนางตั้งใจจะรับสมรสพระราชทานนั้นแล้วเดินหน้าต่อเขาก็พร้อมจะสู้ไปกับนาง คอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลังให้นางยืนอย่างมั่นคง เขามั่นใจในตัวบุตรสาวยิ่งว่านางจะสามารถเอาตัวรอดและจัดการทุกอย่างได้เอง

    “ข้าทราบดีเจ้าค่ะท่านพ่อ” ลี่เหม่ยจูเองมิได้อยากขัดราชโองการ เพียงแต่ตอนนี้นางยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดผู้ที่ต้องแต่งให้เขาถึงต้องเป็นนาง

     

    "คุณหนูใหญ่ แม่รองดีใจกับเจ้าจริงๆ...ท่านแม่ทัพเฉินเป็นขุนนางอนาคตไกลทั้งยังเป็นสหายของฝ่าบาทช่างเป็นวาสนาของเจ้ายิ่งนัก"

    หลี่หรงเพ่ยผู้เป็นฮูหยินรองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเมตตาและสีหน้าท่าทางยินดี พลางแสร้งยกแขนเสื้อซับน้ำตาที่ไม่มีสักหยด หากแต่ภายใต้แขนเสื้อนั้นมือขาวกลับถูกจิกด้วยเล็บจนเลือดไหลซิบอย่างอดกลั้น แม้จะเจ็บแสบฝ่ามือเพียงใดหากแต่ความเจ็บนั้นยังไม่ถึงเสี้ยวของอกที่กำลังจะระเบิด

     

    หลี่หรงเพ่ยคิดในใจว่าผู้ที่สมควรจะต้องออกไปคุกเข่ารับราชโองการและแต่งเข้าจวนแม่ทัพเฉินนั้นต้องเป็นเจินเออร์บุตรสาวของนาง ที่ไหนได้กลับเป็นนังเด็กนั่น มีผู้ใดบางในเมืองหลวงไม่ทราบว่าแม่ทัพเฉินมีใจให้เจินเออร์ของนางและทั้งสองต่างมีใจผูกสมัครรักใคร่กันมานาน

     

    อีกทั้งข่าวลือทั้งหมดที่แพร่ไปอย่างรวดเร็วนั้นก็เป็นเพราะนางเป็นผู้กระพือให้ทั่วเมืองหลวงเองกับมือ นางหวังอยากจะเห็นบุตรสาวที่นางเฝ้าฟูมฟักได้แต่งให้บุรุษที่มีอนาคต มีฐานะมีหน้ามีตาน่ายกย่องที่สำคัญจะต้องแต่งเข้าจวนในฐานะฮูหยินเอกเท่านั้น!

    บุตรีของนางจะต้องไม่เป็นเพียงฮูหยินรองต้อยต่ำเช่นนาง และเฉินหย่งหมิงเองก็เป็นบุรุษที่นางหมายตาเอาไว้ให้ลี่เหม่ยเจินพอดี แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ทุกอย่างที่นางหวังและเพียรสร้างมาพังทลายหายไปต่อหน้าต่อตา เป็นเช่นนี้แล้วยังจะต้องให้นางร่วมยินดีจากใจจริงได้อีกหรือ..

    "ต้องขอบคุณฮูหยินรอง!ที่ร่วมยินดีกับข้า...หากแต่หน้าที่กล่าวเช่นนั้นควรจะเป็นมารดาของข้ากระมัง" ลี่เหม่ยจูเหน็บแนมแล้วกรอกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นร่องรอยความเสแสร้งและแววตาที่ริษยานางจนปิดไม่มิด แม้นางคร้านจะใส่ใจแต่ตอนนี้นางกำลังหงุดหงิดจึงพาลไปหมดทุกอย่าง

    หลี่หรงเพ่ยชะงัก และแสดงสีหน้ายิ้มแย้มราวกับเมื่อครู่ไม่มีผู้ใดตำหนินาง แต่พอหันไปมองหน้าผู้เป็นสามีนางจึงค้อมหัวขอโทษอย่างเสียไม่ได้ หลี่หรงเพ่ยหันไปกุมมือบุตรสาวที่กำมือแน่นอย่างอดกลั้นไม่ต่างกัน สองแม่ลูกต่างพากันไม่พอใจในโชคชะตาที่ได้เกิดมามีฐานะเช่นนี้ ฐานะที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพอจะให้มีปากมีเสียง สักวันจะต้องเป็นวันของพวกนาง

    “ข้าขอแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ” ลี่เหม่ยเจินยิ้มหวานพลางเดินมากุมมือลี่เหม่ยจูใบหน้างดงามยิ้มหวานจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว

    “หากเจ้ายินดีกับข้าจริงๆ ข้าก็ขอบใจ” ลี่เหม่ยจูแกะมือนุ่มที่มีรอยเล็บแห่งความอดกลั้นที่ยังฝังไม่เลือนหายออกเบาๆส่วนลี่เหม่ยเจินเองก็ยิ้มค้างวางสีหน้าไม่ถูก

    "เอาล่ะๆ พอได้แล้ว" เสียงผู้เป็นใหญ่ของจวนดังขึ้น

    "จูเออร์ สมรสพระราชทานเจ้าได้รับพระกรุณาจากฝ่าบาทคงมิสามารถเพิกเฉยได้...โชคชะตาล้วนได้กำหนดให้เป็นเช่นนี้แล้ว" อวี้อันผิงเอ่ยปลอบใจ นางรู้จักบุตรสาวของตนดี "พี่ชายเจ้าเองก็ให้ความเคารพต่อท่านแม่ทัพเฉินไม่น้อยแม่คิดว่าเขาคงเป็นผู้ที่น่านับถืออยู่ไม่น้อยคงไม่มีสิ่งใดน่ากังวล" นางพูดต่อด้วยกลัวว่าบุตรสาวจะคิดมาก

         ส่วนลี่เหมยจูนั้นกำลังนึกเสียดายเวลาต่อจากนี้ ยังมีหลายสิ่งที่นางอยากจะทำอีกมากมาย เพราะรู้ดีว่าบิดามารดาคงไม่หักหาญน้ำใจบังคับนางออกเรือนอย่างแน่นอน แต่คาดไม่ถึงว่านางจะถูกบังคับโดยฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นด้วยการพระราชทานสมรสกับบุรุษที่กำลังคบหาอยู่กับน้องสาวต่างมารดา



    [1]1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที

    [2]อิงฮวา หมายถึง ดอกซากุระ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×