คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ: ราชโองการ (Rewrite)
บทนำ
“คุณหนูใหญ่ ลี่เหม่ยจูรับราชโองการ"
เสียงเล็กแหลมของหม่ากงกงราชขันทีคนสนิทของฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบัน
ภายในมืออัญเชิญราชโองการสีทองอร่ามเบื้องหลังตามด้วยขบวนนางกำนัลขันทีอย่างสมพระเกียรติ
ภายนอกจวนหลังประตูบานใหญ่มีชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์แม้กำแพงจวนของตระกูลลี่จะสูงตระหง่านแต่หาได้สูงเกินความอยากรู้อยากเห็นของชาวเมืองหลวง
ภายในจวนอัครเสนาบดีกว้างใหญ่กินบริเวณหลายลี้หลายผิง
ผู้เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนนั่งคุกเข่ารอขบวนรับราชโองการที่กำลังมาถึงอย่างใจจดใจจ่อนางพึ่งทราบข่าวเมื่อไม่กี่เค่อ[1]ว่าจงหวินตี้ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการมาถึงนางแต่ไม่รู้ว่าด้วยเรื่องใด
ร่างระหงอ้อนแอ้นสวมอาภรณ์สีเขียวอ่อนเข้มไล่ระดับปลายกระโปรงปักด้วยลายดอกอิงฮวา[2]พลิ้วไปตามสายลมราวกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆท่ามกลางท้องนภา
ผมดกดำถูกม้วนเกล้าอย่างหลวมๆ ปักด้วยปิ่นที่เรียบง่ายปล่อยให้ปรอยผมคลอเคลียกรอบหน้างามที่มีเหงื่อไหลซึมไรผมเล็กน้อยด้วยความประหม่า
นัยน์ตาสีนิลกลมโตปกคลุมด้วยแพขนตาหนากระพือบางเบาลดเปลือกตาจ้องระดับพื้นที่ต่ำอย่างสำรวม
คิ้วเรียวเข้มรับกับจมูกโด่งรั้นพองาม ริมฝีปากเรียวบางอิ่มชุ่มได้รูปกำลังเม้มอย่างใช้ความคิด
“คุณหนูใหญ่ ลี่เหม่ยจูรับราชโองการ" ราชขันทีกระแอมเรียกสติตัวเองเมื่อรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทเผลอจ้องมองคุณหนูตรงหน้านานเกินไป
“คุณหนูใหญ่ตระกูลลี่ นามเหม่ยจู เปรียบดั่งไข่มุกที่งดงามล้ำค่าเพียบพร้อมด้วยกริยา
เฉลียวฉลาด เหมาะแก่การออกเรือน
ให้จัดพิธีมงคลสมรสแต่งเข้าจวนแม่ทัพใหญ่เฉินหย่งหมิงอย่างสมเกียรติ จบราชโองการ”
"ลี่เหม่ยจู รับราชโองการ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี"
มือเรียวเนียนขาวดั่งหยกเนื้อดียื่นออกไปรับราชโองการด้วยมือชื้นเหงื่อ ลี่เหม่ยจู
รู้สึกเหมือนโดนของแข็งทุบหัวแทบหน้ามืดหากยังดีที่ประคองสติตนเอาไว้ได้
นางลุกขึ้นย่อกายคำนับอย่างสง่างาม ส่วนผู้ที่ก้มหน้าอยู่ด้านหลังนั้นต่างก็มีสีหน้าและความคิดที่ต่างออกไป
ทั้งมึนงง ทั้งยินดี และไม่ยินดี...
"ต้องรบกวนหม่ากงกงให้เป็นธุระแล้ว หากท่านไม่มีธุระจะไปที่ใดขอเชิญท่านเข้าไปรับน้ำชาพักและให้หายเหนื่อยก่อนดีหรือไม่"
ลี่เหวินโจวอัครเสนาบดีลี่ผู้เป็นนายใหญ่ของจวนตั้งสติได้ก่อนจึงผายมือเชิญหม่ากงกงรับอย่างให้เกียรติ
“เชิญหม่ากงกงตามสบายอย่าได้เกรงใจเจ้าคะ” อวี้อันผิงฮูหยินเอกของจวนยิ้มแย้มละมุนพร้อมทั้งมอบสินน้ำใจให้ราชขันทีผู้ถวายงานใกล้ชิดตามมารยาท
"ขอบคุณท่านอัครเสนาบดีลี่และลี่ฮูหยิน ข้าน้อยยังมีธุระที่อื่นอีก เช่นนั้นข้าน้อยจึงต้องเสียมารยาทแล้ว"
หม่ากงกงก้มคำนับอย่างให้เกียรติเช่นกันเพราะยังมีราชโองการอีกฉบับและจวนอีกจวนที่เขาต้องไป
“เชิญ เชิญ
ท่านราชขันที” ลี่เหวินโจวค้อมหัวนิดหน่อยเป็นเชิงบอกลาเมื่ออีกฝ่ายมีธุระต้องไปทำต่อเขาก็ไม่คิดจะรั้งให้ลำบากใจ
เมื่อลับตาขบวนนางกำนัลขันที่เดินออกพ้นเขตจวนแล้ว ความเงียบยังคงปกคลุมห้องโถงรับรองและไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดสิ่งใด
ส่วนผู้ที่น้อมรับราชโองการเมื่อครู่ยังคงยืนนิ่งกอดราชโองการเอาไว้ไม่ไหวติง
ลี่เหวินโจวเดินไปนั่งที่ประจำแล้วชำเลืองมองบุตรสาวคนโตด้วยสีหน้าที่คิดหนัก
เขาทั้งเห็นใจและสงสารบุตรสาวด้วยรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้สักวัน ทว่าเขานั้นล้วนทำใจไว้แล้ว
แต่กับบุตรสาวของเขานั้นนางเป็นสตรีที่มีความคิดแปลกไปกว่าสตรีด้วยกันอยู่มากและเรื่องออกเรือนนั้นเขาเองก็ไม่ได้คิดอยากจะบังคับนาง
ด้วยขั้วอำนาจและการถ่วงดุล รวมทั้งเหตุผลอื่นๆ ที่ซับซ้อนของโอรสสวรรค์ที่เขาเองก็ยากจะหยั่งถึงความคิดของผู้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน
"จูเออร์ พ่อรู้ว่าลูกลำบากใจแต่หากเจ้าบอกบิดามาว่าเจ้าไม่เต็มใจ
บิดาจะเขาวังไปกราบทูลฝ่าบาทให้เอง" ลี่เหวินโจวกล่าวปลอบใจบุตรสาว
เขาเองที่เป็นบิดาไม่มีสักคราที่จะบังคับจิตใจนาง
เขารู้ดีว่าตอนนี้นางรู้สึกอย่างไร
"ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อ...ข้าเข้าใจ" ลี่เหม่ยจูเอ่ยตอบเสียงเบาและมองหน้าบิดาที่มีสีหน้าไม่สู้ดีคาดว่าบิดาเองก็กังวลใจไม่แพ้กัน...ซึ่งนางเองก็ไม่อยากให้ผู้ใดต้องมาทุกข์ใจไปกับเรื่องของนาง
ลี่เหม่ยจูครุ่นคิดนึกแปลกใจว่าเหตุใดราชโองการนี้ระบุเป็นนางให้แต่งเข้าจวนแม่ทัพ
ขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็เหลือบไปมองหน้าน้องสาวต่างมารดาที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้นางอย่างยินดี
หากแต่รอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงนัยน์ตาหวานสักนิดแววตาที่ฉายไปด้วยความไม่พอใจทั้งยังตกใจของอีกฝ่ายยังไม่เลือนหายไป
นางไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทรงคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ถึงแม้บุรุษผู้นั้นจะเป็นถึงแม่ทัพใหญ่อนาคตไกลทว่ากลับไม่มีสิ่งใดให้น่าพิสมัยสักนิด
แม้นางไม่เคยพบเขามาก่อนทว่าเพียงได้ยินชื่อก็นึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย
ถ้านางได้ยินไม่ผิดและตาไม่ฝาดแม่ทัพผู้นั้นก็มีสตรีที่หมายปองอยู่...ที่สำคัญสตรีผู้นั้นคือน้องสาวต่างมารดาของนางเอง
“แม่ทัพเฉินเป็นสหายคนสนิทของฝ่าบาทด้วยความดีความชอบในการเจรจาสงบศึก
พระองค์คงมอบรางวัลให้กระมัง
แต่หากเจ้ามีคำถามว่าฝ่าบาททรงคิดสิ่งใดอยู่บิดาก็จนปัญญาที่จะรู้ได้ยิ่งการสมรสครั้งนี้เป็นสมรสพระราชทานจากเจ้าคงเลี่ยงได้ยาก"
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ เพียงบุตรีเอ่ยปากเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างนาง
หากนางตั้งใจจะรับสมรสพระราชทานนั้นแล้วเดินหน้าต่อเขาก็พร้อมจะสู้ไปกับนาง
คอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลังให้นางยืนอย่างมั่นคง
เขามั่นใจในตัวบุตรสาวยิ่งว่านางจะสามารถเอาตัวรอดและจัดการทุกอย่างได้เอง
“ข้าทราบดีเจ้าค่ะท่านพ่อ”
ลี่เหม่ยจูเองมิได้อยากขัดราชโองการ เพียงแต่ตอนนี้นางยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดผู้ที่ต้องแต่งให้เขาถึงต้องเป็นนาง
"คุณหนูใหญ่ แม่รองดีใจกับเจ้าจริงๆ...ท่านแม่ทัพเฉินเป็นขุนนางอนาคตไกลทั้งยังเป็นสหายของฝ่าบาทช่างเป็นวาสนาของเจ้ายิ่งนัก"
หลี่หรงเพ่ยผู้เป็นฮูหยินรองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเมตตาและสีหน้าท่าทางยินดี
พลางแสร้งยกแขนเสื้อซับน้ำตาที่ไม่มีสักหยด หากแต่ภายใต้แขนเสื้อนั้นมือขาวกลับถูกจิกด้วยเล็บจนเลือดไหลซิบอย่างอดกลั้น
แม้จะเจ็บแสบฝ่ามือเพียงใดหากแต่ความเจ็บนั้นยังไม่ถึงเสี้ยวของอกที่กำลังจะระเบิด
หลี่หรงเพ่ยคิดในใจว่าผู้ที่สมควรจะต้องออกไปคุกเข่ารับราชโองการและแต่งเข้าจวนแม่ทัพเฉินนั้นต้องเป็นเจินเออร์บุตรสาวของนาง
ที่ไหนได้กลับเป็นนังเด็กนั่น มีผู้ใดบางในเมืองหลวงไม่ทราบว่าแม่ทัพเฉินมีใจให้เจินเออร์ของนางและทั้งสองต่างมีใจผูกสมัครรักใคร่กันมานาน
อีกทั้งข่าวลือทั้งหมดที่แพร่ไปอย่างรวดเร็วนั้นก็เป็นเพราะนางเป็นผู้กระพือให้ทั่วเมืองหลวงเองกับมือ
นางหวังอยากจะเห็นบุตรสาวที่นางเฝ้าฟูมฟักได้แต่งให้บุรุษที่มีอนาคต มีฐานะมีหน้ามีตาน่ายกย่องที่สำคัญจะต้องแต่งเข้าจวนในฐานะฮูหยินเอกเท่านั้น!
บุตรีของนางจะต้องไม่เป็นเพียงฮูหยินรองต้อยต่ำเช่นนาง
และเฉินหย่งหมิงเองก็เป็นบุรุษที่นางหมายตาเอาไว้ให้ลี่เหม่ยเจินพอดี แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ทุกอย่างที่นางหวังและเพียรสร้างมาพังทลายหายไปต่อหน้าต่อตา
เป็นเช่นนี้แล้วยังจะต้องให้นางร่วมยินดีจากใจจริงได้อีกหรือ..
"ต้องขอบคุณฮูหยินรอง!ที่ร่วมยินดีกับข้า...หากแต่หน้าที่กล่าวเช่นนั้นควรจะเป็นมารดาของข้ากระมัง"
ลี่เหม่ยจูเหน็บแนมแล้วกรอกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นร่องรอยความเสแสร้งและแววตาที่ริษยานางจนปิดไม่มิด
แม้นางคร้านจะใส่ใจแต่ตอนนี้นางกำลังหงุดหงิดจึงพาลไปหมดทุกอย่าง
หลี่หรงเพ่ยชะงัก
และแสดงสีหน้ายิ้มแย้มราวกับเมื่อครู่ไม่มีผู้ใดตำหนินาง
แต่พอหันไปมองหน้าผู้เป็นสามีนางจึงค้อมหัวขอโทษอย่างเสียไม่ได้ หลี่หรงเพ่ยหันไปกุมมือบุตรสาวที่กำมือแน่นอย่างอดกลั้นไม่ต่างกัน
สองแม่ลูกต่างพากันไม่พอใจในโชคชะตาที่ได้เกิดมามีฐานะเช่นนี้ ฐานะที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพอจะให้มีปากมีเสียง
สักวันจะต้องเป็นวันของพวกนาง
“ข้าขอแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ”
ลี่เหม่ยเจินยิ้มหวานพลางเดินมากุมมือลี่เหม่ยจูใบหน้างดงามยิ้มหวานจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“หากเจ้ายินดีกับข้าจริงๆ
ข้าก็ขอบใจ” ลี่เหม่ยจูแกะมือนุ่มที่มีรอยเล็บแห่งความอดกลั้นที่ยังฝังไม่เลือนหายออกเบาๆส่วนลี่เหม่ยเจินเองก็ยิ้มค้างวางสีหน้าไม่ถูก
"เอาล่ะๆ พอได้แล้ว" เสียงผู้เป็นใหญ่ของจวนดังขึ้น
"จูเออร์ สมรสพระราชทานเจ้าได้รับพระกรุณาจากฝ่าบาทคงมิสามารถเพิกเฉยได้...โชคชะตาล้วนได้กำหนดให้เป็นเช่นนี้แล้ว"
อวี้อันผิงเอ่ยปลอบใจ นางรู้จักบุตรสาวของตนดี "พี่ชายเจ้าเองก็ให้ความเคารพต่อท่านแม่ทัพเฉินไม่น้อยแม่คิดว่าเขาคงเป็นผู้ที่น่านับถืออยู่ไม่น้อยคงไม่มีสิ่งใดน่ากังวล"
นางพูดต่อด้วยกลัวว่าบุตรสาวจะคิดมาก
ส่วนลี่เหมยจูนั้นกำลังนึกเสียดายเวลาต่อจากนี้ ยังมีหลายสิ่งที่นางอยากจะทำอีกมากมาย
เพราะรู้ดีว่าบิดามารดาคงไม่หักหาญน้ำใจบังคับนางออกเรือนอย่างแน่นอน
แต่คาดไม่ถึงว่านางจะถูกบังคับโดยฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นด้วยการพระราชทานสมรสกับบุรุษที่กำลังคบหาอยู่กับน้องสาวต่างมารดา
ความคิดเห็น