บัลลังก์รัก คีรีจันทร์ - นิยาย บัลลังก์รัก คีรีจันทร์ : Dek-D.com - Writer
×

    บัลลังก์รัก คีรีจันทร์

    เมื่อเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ลอบมีความรักอย่างลับ ๆ กับช่างตีเหล็กรูปงาม ทว่าก็ถูกราชาจอมกักขฬะบังคับให้แต่งงานด้วย เธอกับชายคนรักจะหาทางออกอย่างไร เมื่อกองทัพอันยิ่งใหญ่บุกประชิดถึงเมือง

    ผู้เข้าชมรวม

    55

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    34

    ผู้เข้าชมรวม


    55

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  สงคราม
    จำนวนตอน :  24 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 67 / 19:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่ 1 สายลมแห่งมหิธรปุระ

                                                                                                                               พรานไพร

              สายลมเย็นพัดมาเบา ๆ ในยามรุ่งอรุณ  ดวงอาทิตย์กลมโตค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า  เผยให้เห็นภาพทุ่งหญ้าเขียวขจี  ที่ยอดหญ้าทุกต้นพราวไปด้วยน้ำค้างอันจับเกาะราวเม็ดมณีล้ำค่า  เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า นกหลายฝูงโบกปีกช้า ๆ  สายตาของมันทอดมองท้องทุ่งที่อาบแสงอาทิตย์อันสวยงาม   กระยางขาวฝูงหนึ่งโบยบินผ่านทุ่งกว้าง และเข้าสู่เขตมหานคร

    มหิธรปุระนั้นงดงามประดุจแดนในฝัน  ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินสูง ใจกลางเมืองเป็นพระที่นั่งอันสวยสง่าทอดตัวจากทิศบูรพาไปยังปัจจิม  หันหน้าไปเบื้องทิศอุดร ยามแสงอาทิตย์ส่องกระทบยอดหลังคาแลเห็นเป็นสีทองอร่ามเรือง ราวกับจะอวดความมั่งคั่งให้กับทุกสายตาที่พบเห็น 

    เบื้องหลังพระที่นั่ง คือเขตพระราชฐาน อันเป็นที่ประทับของพระเจ้าศรีสุริยา  มีพระตำหนัก และเรือนตั้งอยู่หลายหลัง และยังมีสวนขนาดย่อมจัดอยู่ภายในเป็นที่จำเริญตา 

    นอกเขตพระราชวังอันโอ่อ่าแห่งองค์ราชา  ทางเบื้องหน้า คือลานโล่งกว้างสำหรับประกอบกิจกรรมสำคัญของเมือง ถัดออกไปไกลกว่านั่นเป็นอาคารสิ่งก่อสร้าง และบ้านเรือนมากมาย กระจายตัวกันออกไป  ชาวบ้านอาศัยอยู่อย่างแน่นหนา  โดยมีกำแพงเมืองอันสร้างด้วยศิลาหนาทึบคอยป้องกันอริราชศัตรู  เบื้องนอกเขตกำแพงเมือง ด้านทิศตะวันตกมีแม่น้ำทอดยาวไปตามแนวกำแพง ลำน้ำนั้นใสสะอาดและฉ่ำเย็น และยังมีขุนเขาทะมึนทอดตัวอยู่ราวกับร่างยักษ์ผู้นอนนิ่งสงบ  และเขาลูกเดียวกันนั้น ยังมีบางส่วนโอบล้อมไปทางทิศตะวันตก 

    "พี่อุษา ดูนั่น" เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้น พร้อมกับชี้ไปที่ชายร่างผอมคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างร้านขายผัก 

    ชายผู้นั้นมีผมเผ้ารุงรัง  สีหน้าเศร้าหมอง  มีกะลาผ่าครึ่งวางอยู่เบื้องหน้า  มือทั้งสองข้างพนมค้างเป็นท่าไหว้อยู่เช่นนั้น 

    "น้องจะให้ทานยาจกใช่ไหม" หญิงสาวผู้มีวันวัยมากกว่าเอ่ยขึ้น พร้อมหยิบถุง ๆ หนึ่งออกมา 

    "พี่ หนูไม่อยากเห็นภาพแบบนี้เลย" เธอว่าด้วยใบหน้าหม่นหมอง 

    "ถ้าไม่อยากเห็นภาพนี้ แล้วน้องจะทำยังไงเล่า" อุษาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง 

    "หนูว่า มันต้องมีสักวิธี" เธอตอบเบา ๆ  ก่อนจะเดินออกมา  ใบหน้ายังอยู่ในอาการครุ่นคิด 

    อรจันทรากับอุษาทอดน่องไปกลางผู้คนเนืองแน่น  สองฝั่งซ้ายขวา มีรวงร้านขายสินค้าตั้งเรียงราย  ทั้งพวกอาหาร หยูกยา และแพรพรรณ เสียงพ่อค้าแม่ค้าร้องเรียกขายสินค้ากันดังเซ็งแซ่ แลดูล้วนมีแต่สิ่งที่น่าซื้อหา  ทว่าในมือของทั้งคู่ก็ยังว่างเปล่า 

    อรจันทรานั้นเป็นหญิงสาวร่างระหง  แม้ไร้เครื่องประดับแพรวพราว และไม่มีแม้แต่การแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินผิวใด ๆ แต่เค้าหน้าก็งดงามชวนมอง  คิ้วของเธอโก่งงามมีเสน่ห์  ดวงตากลมโตนั้นเล่าก็เปล่งประกายสดใส  จมูกโด่งชวนเพ่งพิศ  ผิวพรรณแห่งใบหน้าและเรือนกายทุกส่วนขาวผุดผ่อง 

    แม้ผิวของอุษาที่ว่าขาวนวลชวนหลงใหล ก็ยังพ่ายแพ้ราบคาบให้กับความผ่องพรรณแห่งผิวนวลละเอียดของอรจันทรา  ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสามัญกลางเก่ากลางใหม่ กลมกลืนไปกับหมู่ชาวบ้านทั่วไป ผมยาวถูกม้วนมุ่นไว้ แล้วสวมทับไว้ด้วยหมวกใบตาลปีกกว้าง 

    ครั้นทั้งคู่เดินห่างจากชายขอทานได้ไม่ไกลนัก ก็ได้ยินเสียงแม่ค้าคนหนึ่งก็พูดขึ้น 

    "ท้องฟ้าแบบนี้ อีกไม่นานฝนตกแน่ ๆ"  หลังจบคำพูดนั้นไม่นานนัก อกฟ้าสีครามก็ถูกเคลื่อนปิดทับด้วยก้อนเมฆสีเทาทึม  มวลอากาศเย็นแผ่เข้าปกคลุม 

     ทันใดนั้นสายลมแรงก็พัดมาอย่างหนักหน่วง  เพิงร้านของแม่ค้าทุกแห่งไหวพะเยิบไปมา เพิงของแม่ค้าคนหนึ่งที่สร้างไม่แข็งแรงนักโยกรุนแรง ราวกับมีมือมหายักษ์จับโยกคลอน  ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนั้น ชายร่างกำยำกับเพื่อนอีกคนก็เข้ามาช่วยยึดเพิงไม้นั้นไม่ให้ล้ม  แม้สายลมจะกรรโชกแรงหน่วง  เเต่เขาก็ยังคงระบายยิ้ม ราวกับไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อสิ่งใด 

    "กร็อบ" 

    แทรกเสียงพายุที่อู้พัด  มีเสียงกิ่งไม้หักแทรกมาจากเบื้องบน กิ่งไม้ยางนาขนาดเท่าต้นขาหักลงจากลำต้นใหญ่ขนาด 2 คนโอบ มันพาทั้งก้านและใบที่แผ่กว้างกินพื้นที่กว่า 2 วา  ละลิ่วลงจากความสูงไม่ต่ำกว่า 30 เมตร  ชายหนุ่มผละตัวจากเสาเพิงที่จับยึดอยู่อย่างรวดเร็ว  แล้ววิ่งทะยานไปเบื้องหน้า  

    "หลบเร็ว !!"  เขาตะโกนสุดเสียง  พร้อมวิ่งไปคว้ามือหญิงสาวสองคน  เรือนร่างทั้งคู่เซถลาไปตามแรงกระชาก  และจังหวะนั้นเอง  เสียงฟาดลงบนพื้นก็ดังขึ้นหนักหน่วง  กิ่งไม้เฉียดร่างทั้งสามชนิดสะเทือนเส้นขน ทั้งหมดห่างจากจุดที่กิ่งไม้ตกเพียงคืบเดียวเท่านั้น 

    ชายหนุ่มปล่อยมือหญิงทั้งสอง ทั้งคู่ยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน  หมวกของอรจันทราที่หล่นลงถูกกิ่งยางนาทับพังยับ  ผมที่ม้วนมุ่นไว้ถูกปล่อยเป็นอิสระ ความยาวสลวยของมันส่งใบหน้าผุดผ่องนั้นให้งดงามยิ่งขึ้น แม้สีหน้าอาการของเธอยังอยู่ในอาการตกใจ

    "ขอบคุณท่านมาก"  อรจันทราเอ่ยขึ้น  หลังความตื่นเต้นตกใจเริ่มลดลง

    เธอจ้องหน้าชายหนุ่มผู้พารอดจากภัยเมื่อครู่  ใบหน้านั้นคมคาย จมูกโด่ง คิ้วหนาเข้ม  ชายหนุ่มระบายยิ้มแทนถ้อยวาจา  และมองหน้าอรจันทราค้างอยู่เนิ่นนาน 

    "ไปต่อกันเถอะน้องพี่" อุษากล่าวขึ้นเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มกับหญิงสาวหญิงละสายตาจากกัน 

    "โกมินด้วย  กลับกันเถอะ"  เธอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง  ขณะมองไปที่กิ่งต้นหว้าที่อยู่ไม่ไกลนัก 

    ที่นั่นนกแก้วตัวหนึ่ง กระโดดไปมาอยู่บนกิ่ง  แล้วร้องตามว่า 

    "กลับกันเถอะ ๆ" ก่อนจะกระพือปีกโบยบินตามหญิงสาวทั้งสองไป 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น