บัลลังก์รัก คีรีจันทร์
เมื่อเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ลอบมีความรักอย่างลับ ๆ กับช่างตีเหล็กรูปงาม ทว่าก็ถูกราชาจอมกักขฬะบังคับให้แต่งงานด้วย เธอกับชายคนรักจะหาทางออกอย่างไร เมื่อกองทัพอันยิ่งใหญ่บุกประชิดถึงเมือง
ผู้เข้าชมรวม
55
ผู้เข้าชมเดือนนี้
34
ผู้เข้าชมรวม
ความรัก วางแผน ผจญภัย การต่อสู้ ประวัติศาสตร์ พระเอกเก่ง แก้แค้น แอคชั่น ดราม่า กลยุทธ์ ทหาร การเมือง กองทัพ ต่อสู้ สงคราม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1 สายลมแห่งมหิธรปุระ
พรานไพร
สายลมเย็นพัดมาเบา ๆ ในยามรุ่งอรุณ ดวงอาทิตย์กลมโตค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า เผยให้เห็นภาพทุ่งหญ้าเขียวขจี ที่ยอดหญ้าทุกต้นพราวไปด้วยน้ำค้างอันจับเกาะราวเม็ดมณีล้ำค่า เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า นกหลายฝูงโบกปีกช้า ๆ สายตาของมันทอดมองท้องทุ่งที่อาบแสงอาทิตย์อันสวยงาม กระยางขาวฝูงหนึ่งโบยบินผ่านทุ่งกว้าง และเข้าสู่เขตมหานคร
มหิธรปุระนั้นงดงามประดุจแดนในฝัน ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินสูง ใจกลางเมืองเป็นพระที่นั่งอันสวยสง่าทอดตัวจากทิศบูรพาไปยังปัจจิม หันหน้าไปเบื้องทิศอุดร ยามแสงอาทิตย์ส่องกระทบยอดหลังคาแลเห็นเป็นสีทองอร่ามเรือง ราวกับจะอวดความมั่งคั่งให้กับทุกสายตาที่พบเห็น
เบื้องหลังพระที่นั่ง คือเขตพระราชฐาน อันเป็นที่ประทับของพระเจ้าศรีสุริยา มีพระตำหนัก และเรือนตั้งอยู่หลายหลัง และยังมีสวนขนาดย่อมจัดอยู่ภายในเป็นที่จำเริญตา
นอกเขตพระราชวังอันโอ่อ่าแห่งองค์ราชา ทางเบื้องหน้า คือลานโล่งกว้างสำหรับประกอบกิจกรรมสำคัญของเมือง ถัดออกไปไกลกว่านั่นเป็นอาคารสิ่งก่อสร้าง และบ้านเรือนมากมาย กระจายตัวกันออกไป ชาวบ้านอาศัยอยู่อย่างแน่นหนา โดยมีกำแพงเมืองอันสร้างด้วยศิลาหนาทึบคอยป้องกันอริราชศัตรู เบื้องนอกเขตกำแพงเมือง ด้านทิศตะวันตกมีแม่น้ำทอดยาวไปตามแนวกำแพง ลำน้ำนั้นใสสะอาดและฉ่ำเย็น และยังมีขุนเขาทะมึนทอดตัวอยู่ราวกับร่างยักษ์ผู้นอนนิ่งสงบ และเขาลูกเดียวกันนั้น ยังมีบางส่วนโอบล้อมไปทางทิศตะวันตก
"พี่อุษา ดูนั่น" เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้น พร้อมกับชี้ไปที่ชายร่างผอมคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างร้านขายผัก
ชายผู้นั้นมีผมเผ้ารุงรัง สีหน้าเศร้าหมอง มีกะลาผ่าครึ่งวางอยู่เบื้องหน้า มือทั้งสองข้างพนมค้างเป็นท่าไหว้อยู่เช่นนั้น
"น้องจะให้ทานยาจกใช่ไหม" หญิงสาวผู้มีวันวัยมากกว่าเอ่ยขึ้น พร้อมหยิบถุง ๆ หนึ่งออกมา
"พี่ หนูไม่อยากเห็นภาพแบบนี้เลย" เธอว่าด้วยใบหน้าหม่นหมอง
"ถ้าไม่อยากเห็นภาพนี้ แล้วน้องจะทำยังไงเล่า" อุษาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"หนูว่า มันต้องมีสักวิธี" เธอตอบเบา ๆ ก่อนจะเดินออกมา ใบหน้ายังอยู่ในอาการครุ่นคิด
อรจันทรากับอุษาทอดน่องไปกลางผู้คนเนืองแน่น สองฝั่งซ้ายขวา มีรวงร้านขายสินค้าตั้งเรียงราย ทั้งพวกอาหาร หยูกยา และแพรพรรณ เสียงพ่อค้าแม่ค้าร้องเรียกขายสินค้ากันดังเซ็งแซ่ แลดูล้วนมีแต่สิ่งที่น่าซื้อหา ทว่าในมือของทั้งคู่ก็ยังว่างเปล่า
อรจันทรานั้นเป็นหญิงสาวร่างระหง แม้ไร้เครื่องประดับแพรวพราว และไม่มีแม้แต่การแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินผิวใด ๆ แต่เค้าหน้าก็งดงามชวนมอง คิ้วของเธอโก่งงามมีเสน่ห์ ดวงตากลมโตนั้นเล่าก็เปล่งประกายสดใส จมูกโด่งชวนเพ่งพิศ ผิวพรรณแห่งใบหน้าและเรือนกายทุกส่วนขาวผุดผ่อง
แม้ผิวของอุษาที่ว่าขาวนวลชวนหลงใหล ก็ยังพ่ายแพ้ราบคาบให้กับความผ่องพรรณแห่งผิวนวลละเอียดของอรจันทรา ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสามัญกลางเก่ากลางใหม่ กลมกลืนไปกับหมู่ชาวบ้านทั่วไป ผมยาวถูกม้วนมุ่นไว้ แล้วสวมทับไว้ด้วยหมวกใบตาลปีกกว้าง
ครั้นทั้งคู่เดินห่างจากชายขอทานได้ไม่ไกลนัก ก็ได้ยินเสียงแม่ค้าคนหนึ่งก็พูดขึ้น
"ท้องฟ้าแบบนี้ อีกไม่นานฝนตกแน่ ๆ" หลังจบคำพูดนั้นไม่นานนัก อกฟ้าสีครามก็ถูกเคลื่อนปิดทับด้วยก้อนเมฆสีเทาทึม มวลอากาศเย็นแผ่เข้าปกคลุม
ทันใดนั้นสายลมแรงก็พัดมาอย่างหนักหน่วง เพิงร้านของแม่ค้าทุกแห่งไหวพะเยิบไปมา เพิงของแม่ค้าคนหนึ่งที่สร้างไม่แข็งแรงนักโยกรุนแรง ราวกับมีมือมหายักษ์จับโยกคลอน ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนั้น ชายร่างกำยำกับเพื่อนอีกคนก็เข้ามาช่วยยึดเพิงไม้นั้นไม่ให้ล้ม แม้สายลมจะกรรโชกแรงหน่วง เเต่เขาก็ยังคงระบายยิ้ม ราวกับไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อสิ่งใด
"กร็อบ"
แทรกเสียงพายุที่อู้พัด มีเสียงกิ่งไม้หักแทรกมาจากเบื้องบน กิ่งไม้ยางนาขนาดเท่าต้นขาหักลงจากลำต้นใหญ่ขนาด 2 คนโอบ มันพาทั้งก้านและใบที่แผ่กว้างกินพื้นที่กว่า 2 วา ละลิ่วลงจากความสูงไม่ต่ำกว่า 30 เมตร ชายหนุ่มผละตัวจากเสาเพิงที่จับยึดอยู่อย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งทะยานไปเบื้องหน้า
"หลบเร็ว !!" เขาตะโกนสุดเสียง พร้อมวิ่งไปคว้ามือหญิงสาวสองคน เรือนร่างทั้งคู่เซถลาไปตามแรงกระชาก และจังหวะนั้นเอง เสียงฟาดลงบนพื้นก็ดังขึ้นหนักหน่วง กิ่งไม้เฉียดร่างทั้งสามชนิดสะเทือนเส้นขน ทั้งหมดห่างจากจุดที่กิ่งไม้ตกเพียงคืบเดียวเท่านั้น
ชายหนุ่มปล่อยมือหญิงทั้งสอง ทั้งคู่ยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน หมวกของอรจันทราที่หล่นลงถูกกิ่งยางนาทับพังยับ ผมที่ม้วนมุ่นไว้ถูกปล่อยเป็นอิสระ ความยาวสลวยของมันส่งใบหน้าผุดผ่องนั้นให้งดงามยิ่งขึ้น แม้สีหน้าอาการของเธอยังอยู่ในอาการตกใจ
"ขอบคุณท่านมาก" อรจันทราเอ่ยขึ้น หลังความตื่นเต้นตกใจเริ่มลดลง
เธอจ้องหน้าชายหนุ่มผู้พารอดจากภัยเมื่อครู่ ใบหน้านั้นคมคาย จมูกโด่ง คิ้วหนาเข้ม ชายหนุ่มระบายยิ้มแทนถ้อยวาจา และมองหน้าอรจันทราค้างอยู่เนิ่นนาน
"ไปต่อกันเถอะน้องพี่" อุษากล่าวขึ้นเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มกับหญิงสาวหญิงละสายตาจากกัน
"โกมินด้วย กลับกันเถอะ" เธอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ขณะมองไปที่กิ่งต้นหว้าที่อยู่ไม่ไกลนัก
ที่นั่นนกแก้วตัวหนึ่ง กระโดดไปมาอยู่บนกิ่ง แล้วร้องตามว่า
"กลับกันเถอะ ๆ" ก่อนจะกระพือปีกโบยบินตามหญิงสาวทั้งสองไป
ผลงานอื่นๆ ของ พรานไพร ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ พรานไพร
ความคิดเห็น