ผู้เข้าชมรวม
12
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่ 2 ปลุกปั่น
ฟีโก้และบารน์เดินทางผ่านซากร้านค้าพบแม่ลูกร้านขนมปังที่เขาเคยซื้อกินบ่อยๆพวกเขาช่วยเหลือพากันไปต่อจนถึงสุสาน พวกเขาประหลาดใจมันต่างจากทีเขาคิดสุสานกลายสภาพเป็นค่ายผู้อพยพมีเต็นพยาบาลคนเจ็บมากมายทหารยามที่พ่ายแพ้นั่งเอามือกุมแผลแต่ดวงตาของพวกเขายังลุกโชนด้วยความแค้นที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้และมันกลายเป็นความฮึกเหิมทันทีเมื่อมีเสียงแตรศึกดังลั่นมาจากถนนทางเข้าหมู่บ้านทิศใต้มันเป็นเสียงที่พวกเขารู้จักดีแตรแห่งอีลีนอร์ทัพม้าเคลื่อนที่เร็วจากตัวเมืองลงมาช่วยพวกเขาแล้ว
อัศวินบนหลังม้าราว200กว่าคนส่วนใหญ่สวมชุดเกราะถักจากหนังสีน้ำตาลเทาและถือหอกบางคนจะสวมเกราะเหล็กสีทองแดงหม่นถือทวน
มีคนหนึ่งสวมเกราะสีเงินเงาวับผมทองหน้าตาดูแค่ผ่านตาก็รู้ว้เป็นชนชั้นสูงและเครื่องแบบที่ใส่เป็นเครื่องแบบแม่ทัพของเมืองนี้เขามองไปทางเหล่ากองรักษาการของเมืองที่กำลังบาดเจ็บและบางส่วนก็ยังพอจับอาวุธรบได้เขาเริ่มพูดโดยเสียงอันก้องแฝงด้วยความห้าวหาญในน้ำเสียงพร้อมชูดาบสีเงินเงาขึ้นฟ้า
ฟราน : “พี่น้องชาวเบอร์ม็อกทั้งหลายข้ามีนามว่าฟราน
แลนเนอร์ รองแม่ทัพอีลีนอร์
ข้ารู้ว่าพวกท่านกำลังเจ็บแค้นและเสียขวัญจากเสียงกลองของพวกวอร์ซองเรามานี้เพื่อช่วยท่านทวงบ้านเกิดกลับคืนมาไม่ใช่ว่าพวกท่านเป็นชาวเบอร์ม็อกที่เป็นผู้ถือธง
ใต้อานัติแห่งแคว้นเราแต่ข้าเห็นพวกท่านสเมือนพี่น้องที่โดนคนอื่นทำร้าย”
“วันนี้เราจะสร้างตำนานเราจะสร้างเรื่องเล่าเรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่ให้ลูกหลานเราฟังก่อนนอนว่าพวกเราถูกทำร้ายสาหัสปานใดและลุกขึ้นกลับมาสู้อย่างห้าวหาญแค่ไหน
วันนี้คือวันที่ยิ่งใหญ่วันที่พวกเราจะจดจำไปตราบนานเท่านานเพื่อเบอร์ม็อกเพื่อโลกอันเท่าเทียมของเรา
พวกเราใครที่จับดาบแห่งความกล้าไหวก็จงลุกขึ้นมาสร้างตำนานความกล้ากับพวกเราอีกครั้ง
เคลื่อนพล!”
เฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮ
เสียงตะโกนอย่างหึกเหิมสลับกับเสียงลุกขึ้นจับอาวุธของกองรักษาการซึ่งบางคนยังบาดเจ็บแต่ใจสู้ลุกมาสุนทรพจน์ของฟรานทำให้กองทหารม้าเคลื่อนที่เร็วของเขามีพลเดินเท้าที่เป็นกองรักษาการ
80 กว่าคน และชาวบ้านอีก 200 กว่าคนมาเพิ่ม
ฟีโก้ : “เราต้องไปเตือนหัวหน้ากองรักษาการเรื่องเฆฆในหมู่บ้านลุงพอจะรู้ไหมว่าเขาอยู่ตรงไหน”
บารน์ : “ฉันเลิกยุ่งกับพวกที่จับอาวุธที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้กล้ามานานแล้วไม่รู้หรอก”
ภรรยาร้านขนมปัง
: “ฉันรู้หาตัวเขาไม่ยากหรอกถ้ายังไม่ตายนะเป็นชายผิวดำคนเดียวในหมู่บ้านนี้ที่หัวล้านเขาชื่ออดาเมอัส”
ฟีโก้และบารน์ตัดสินใจแยกกับแม่ลูกร้านขนมปังพวกเขาออกค้นหาชายที่ชื่ออดาเมอัสไม่นานก็เจออดาเมอัสที่โรงม้ากำลังสวมอานม้าให้มาสีดำของเขา
ฟีโก้ :
คุณคงจะเป็นอดาเมอัสใช่ไหมครับ
อดาเมอัส :
นายเป็นใคร ?ทำไมถึงรู้จักฉัน ?
ฟีโก้ : “ผมชื่อฟีโก้ ฟีโก้รีเจี่ยน
ผมมาเพื่อจะเตือนเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนทัพ”
อดาเมอัส : “นายมีอะไรจะบอกฉันฟีโก้”
ฟีโก้ : “จะมีการใช้อาวุธทำลายล้างสูงตรงเส้นทางเดินทัพในครั้งนี้ผมขอให้คุณซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ช่วยออกคำสั่งชะรอการเคลื่อนทัพครั้งนี้หน่อยเฆฆนั้นจะยิงบางอย่างออกมาแน่และผมเชื่อว่าคุณคงจะเห็นมันตอนทีพวกศัตรูบุกเข้ามา”
อดาเมอัส : “นายเป็นใครกันแน่ ? จะให้ชั้นไว้ใจนายได้ยังไงกัน”
ฟีโก้ : “ผมเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของโรงเรียนอัลเลวิชผมไม่แตกฉานด้านเวทย์มนต์เหมือนพวกอาจารย์แต่ผมเห็นการหมุนวนของกระแสพลังเวทย์ที่แผ่ออกมามันไม่ใช่เรื่องดีแน่”
อดาเมอัสนั่งคิดอยู่ซักพักลูกน้องของเขาก็โผล่มาบอกว่าฟราน
จัดทัพประสมสำเร็จแล้วและขอให้เขาออกมานำทัพหน้าให้กับกองทัพของอีลีนอร์เขาตอบรับคำขอของลูกน้องทันทีและหยิบดาบกับโล่ของเข้าขึ้นมาฟีโก้เห็นว่าสถาณะการแย่ลงจึงรอให้พวกลูกน้องของอดาเมอัสออกไปและเริ่มพูดอีกครั้ง
ฟีโก้ : “ขอร้องละครับแค่นี้เรายังสูญเสียไม่พออีกหรือ”ฟีโก้คาดขั้น
อดาเมอัส : “ไม่มีอะไรจะน่าเสียใจไปกว่าการสูญเสียความรักในชาติและบ้านเกิดอีกแล้วพวกเราถูกรุกรานในบ้านเราในแผนดินที่ปู่ย่าตาย้ายสละเลือดเนื้อปกป้องเราจะรอไม่ได้แม้นาทีเดียวฟีโก้นายจะร่วมกับพวกเราไหม
?”
ฟีโก้ : “ได้ครับแต่ขอให้คุณฟังผมช่วยออกคำสั่งการชะลอการเดินทัพครั้งนี้ด้วยครับมันอันตรายเกินไปที่จะไปเจอเมฆนั้นในเวลานี้”
อดาเมอัส : “ฉันทำไม่ได้ฟีโก้ทุกคนกำลังโกรธแค้นและด้วยบทบาทของฉันฟีโก้ฉันทำไม่ได้และเหตุผลของนายไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้ชั้นเชื่อฉันว่านั้นก็แค่เมฆฝนประจำฤดูเท่านั้นเอาละฉันถามกลับบ้างนายต้องการอะไรกันแน่?”
ฟ๊โก้ : “คุณไม่ไว้ใจผมสินะ”
อดาเมอัส : “เว้นเสียแต่ว่านายทำให้ฉันเชื่อใจ.....”
ฟีโก้ : “ยังไง
?”
อดาเมอัส : “ดูจากคำพูดของท่านชายฟรานฉันคิดว่าเขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการเคลื่อนพลคลั้งนี้ถ้าไม่นับผลงานครั้งนี้ฉันเห็นว่าฟรานและตระกูลแลนเนอร์ของเขาไม่เคยทำประโยชน์ให้แก่ชาวเบอร์ม็อกและหมู่บ้านที่ถือธงของแคว้นอีลีนอร์ซักเท่าไหร่ทุกครั้งที่ทำก็เพื่อเมืองอีลีนอร์และตระกูลของพวกเขาเท่านั้นสิ่งที่ อีลีนอร์มอบให้เราเทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาเอาไปจากเรา”
ฟีโก้ : “คุณต้องการให้ผมทำอะไร?”
อดาเมอัส : “การชะลอทัพทหารม้าของฟรานและทหารของฉันที่กำลังโกรธแค้นจำเป็นต้องมีผู้ก่อความไม่สงบตรงสะพาน ฟรานคงใช้สะพานนั้นข้ามไปยังเส้นทางไปท่าเรือแน่”
บารน์ : “สรุปก็คือให้เราทำลายสะพานที่อยู่ใกล้ๆนี้สินะ”
อดาเมอัส : “ถ้านายหักหลังพวกเราหรือทำอะไรตุกติกละก็ฉันจะถือว่านายเป็นศัตรู”
ฟีโก้ : “ไว้ใจผมได้เลย”
ตอนที่ 3
march of
war
10นาทีก่อนการเคลื่อนทัพกอบกู้เบอร์ม็อกของฟราน
บารน์ : “ไว้ใจผมได้เลย ! นายบ้าไปแล้วเหรอ !
นายอาจจะได้เป็นศัตรูกับคนแคว้นนี้ทั้งแคว้นเลยนะคิดดูให้ดีก่อนเถอะ”
ฟีโก้ : “ผมคิดดูแล้วนี้เป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้วผมมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เลือกที่จะหนีไม่ได้เหมือนคนอื่นเอาไว้สิ้นสุดเรื่องนี้แล้วผมจะบอก”
เนื่องจากมีเวลาจำกัดฟีโก้และบารน์ตัดสินใจแยกกันทำภารกิจของตนโดยฟีโก้จะเข้าไปคุยกับฟรานโดยตรงเพื่อถ่วงเวลาส่วนบารน์ก็จะวิ่งล่วงหน้าไปที่สะพานแล้วเผาสะพานทิ้ง
ฟีโก้: “คุณคงจะเป็นฟราน์แลนเนอร์ ใช่ไหม”
ฟราน์งุนงงเล็กน้อยที่จู่ๆก็มีคนแปลกหน้ามาถามตนหัวหน้าหน่วยทะลวงฟันลูกน้องเขาก็งุนงงเช่นกัน
ฟราน : “ขอโทษนะไม่ทราบว่านายคือใคร”
ฟีโก้ : “ผมชื่อฟีโก้ ฟีโก้รีเจี่ยน ผมมีเรื่องสำคัญมาบอกคุณ”
ฟราน : “ว่ามา”
ฟีโก้ : “อยากให้คุณชะลอการเดินทัพในครั้งนี้ศัตรูของคุณเตรียมการจู่โจมด้วยอาวุธร้ายแรงสังเกตได้จากท้องฟ้าด้านหน้า”
ฟรานหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่าคำพูดของฟีโก้ขาดความน่าเชื่อถือ
เฆมบนท้องฟ้าเป็นแค่เฆฆฝนประจำฤดูท่านั้นพร้อมสั่งทหารให้จับตัวฐานเป็นผู้ต้องสงสัย
ฟีโก้ได้ประกาศฐานะของตนว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนอัลเลวิชพวกทหารว่าเขาโกหกแต่อดาเมอัสออกมายื่นยันตัวตนว่าเขาเป็นนักเรียนของอัลเลวิชจริงซึ่งเขาจะได้รับสิทธิคุ้มครองและได้รับการพิจารณาโทษจากสภาเมจเท่านั้นแต่ถึงกระนั้นเขาต้องถูกควบคุมตัวที่แคมป์ไปก่อน
ฟีโก้ถูกขังในสุสานใต้ดินประจำหมู่บ้านมียาม2คนเฝ้าอยู่มีสีหน้าตื่นกลัวเล็กน้อยคงจะกลัวสภาพรอบๆในสุสานใต้ดิน
ยาม1 : “ทำไมเราต้องมาเฝ้าไอ่เด็กนักเวทย์ฝึกหัดนี่แทนที่จะออกไปตายอย่างกล้าหาญสร้างตำนานให้ลูกหลานฟัง”
ยาม 2 : “อย่าบนนักเลยน่าชั้นก็ไม่ถูกใจนักหรอกกับการมาอยู่ในที่ชวนขนลุกแบบนี้”
ยาม 1 : “แกกลัวละสิท่าจริงสินะในนี้มีเรื่องเล่าถึงผีอัศวินหัวขาดอยู่นี่นา”
ยาม 2 : “ไอ่บ้าคนยิ่งกลัวๆอยู่อย่าสร้างบรรยากาศสิวะ”
ขณะที่ทั้ง2กำลังคุยกันร่างของอัศวินที่สวมฮูดพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วยามคนแรกรีบตวัดดาบฟันไปที่ฮูดแต่เหมือนจั่วลมทั้งๆที่ฟันไปที่หัวแน่นอนทำให้ยามร้องแหกปากลั่นสุสาน อัศวินไร้หัว ! ผีหลอก ผั้ว !
กำปั้นเหล็กของอัศวินไร้หัวกระแทกคางอย่างจังจนยามคนแรกสลบ
ยามคนที่2ยกดาบกับโล่ขึ้นตั้งท่าพร้อมรบแต่อัศวินไร้หัวยกนิ้วชี้แล้วทำทำเสียงชู่วให้เงียบเสียงยามคนที่2เริ่มชะงักเพราะเสียงที่ได้ยินมันคุ้นหู
อัศวินไร้หัวถอดฮูดออกเป็นอดาเมอัสนั้นเอง
ยาม2 : “หัวหน้าทำไมมาช่วยไอ่เด็กนี่ครับยาม2ถามอดาเมอัส”
อดาเมอัส : “เขาอยู่ในแผนการของเราเรื่องลายละเอียดเอาไว้คุยกันที่หลัง”
เขาใช้ลูกกุญแจปลดกำไลที่ใช้สำหรับควบคุมตัวนักเวทย์ไขออกแล้วเริ่มอธิบายแผนการขั้นต่อไปให้ฟีโก้ฟัง
2นาทีให้หลังฟีโก้เดินลงไปในสุสานใต้ดินที่ลึกลงไปตามที่อดาเมอัสบอกชั้นวางโลงศพที่ตั้งเรียงรายแถวละ2ชั้นแม้จะดูแล้วน่าขนลุกแต่ฟีโก้ก็เห็นว่ามันได้รับการดูแลอยู่บ่อยครั้งเลยทีเดียวฟีโก้เดินไปยังจุดที่ลึกสุดของสุสานก็จริงแต่ปลายทางนั้นก็มีบันใดวนนำเขาไปสู่พื้นดินใกล้ๆสะพานตามที่อดาเมอัสบอกแต่เกิดเหตุประหลาดบางอย่าง
คริสตันสีแดงที่เขาขโมยมาจากโรงเรียนเริ่มสั่นในกระเป๋ากางเกงของเขาจากนั้นเหมือนกับเขาขยับตัวไม่ได้เล็กน้อยเขาเดินไปอีก2ก้าวแล้วก็ล้มแล้วลงอาเจียนเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขาหลังจากคายของเก่าจนหมดเขายืนพิงผนังอยู่พักหนึ่งแล้วเริ่มเดินต่อร่างกายของฟีโก้หนักอึ่งเกินกว่าที่ควรจะเป็นเขารู้สึกได้บางเวลาหายใจเข้าก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทิ่มหน้าอกแต่เขาก็ฝืนเดินต่อไปเพราะรู้ว่าถ้าน็อกลงตรงนี้คงจะไม่มีใครมาช่วยแน่ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงจุดที่ควรจะมีบันใดวนแต่กลับมีประตูเหล็กแทนเขาหลงทางรึเป็นไปไม่ได้สุสานนี้ค่อนข้างแคบและตรงตลอดทางเลี้ยวก็มีเหมือนกันแต่มันตันและมีแต่โลงศพจัดออกมาคล้ายห้องเล็กๆ
จู่ๆเขาเกิดความรู้สึกประหลาดกับประตูคล้ายๆว่าจะถูกห่อหุ้มด้วยเวทย์มนต์เขาจึงใช้พลังพิเศษที่ตาของเขากลายเป็นแสงสีฟ้ามันทำให้เผยให้เห็นโครงสร้างเวทย์มนต์ที่ล้อมประตูเขาไม่เคยเห็นโครงสร้างเวทย์มนต์แบบนี้มาก่อนมันไม่ซับซ่อนแต่แค่ไม่รู้จักมีอักษรเวทย์อยู่ในโครงสร้างของประตูเขาตัดสินใจประตูเขาเดินเข้าไปจับกลอนประตู....มันล็อกสนิทแต่เขาปล่อยมือจากกลอนประตูไม่ได้สมองของเขาสั่งการมือให้ปล่อยแต่เหมือนมือมันไม่ฟังคำสั่งของเขาแม้แต่น้อย
“ใครกันรบกวนเวลานอนของข้า !”
เสียงชวนขนลุกลอดผ่านบานประตูเหล็กออกมา
ฟีโก้พยายามถอนมือออกแต่ก็ยังนิ่งทั้งที่กระตุกมือสุดแรง
“เปล่าประโยชน์ถ้ายังไม่ตอบคำถามข้า” เสียงพูดต่อ
ฟีโก้รู้สึกได้ว่าไม่ควรโกหกจึงพูดความจริง
“ผมชื่อฟีโก้รีเจี่ยน เป็นจอมเวทย์ฝึกหัดของโรงเรียนอัลเรวิช
แค่จะหาทางออกจากสุสานนี้เท่านั้น”
“โกหก!
จอมเวทย์ฝึกหัดไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้แน่บอกความจริงไม่งั้นชีวิตเจ้าจักหาไม่”
ฟีโก้รู้สึกเหมือนมีบางอย่างในร่างกายถูกดูดออกไปเหมือนมีลำแสงสีขาวจากมือของเขาที่บางเบาถูกดูดผ่านลอดช่องประตูเข้าไปเขาเริ่มหมดแรงร่างกายที่หนักอึ่งอยู่แล้วหนักอึ่งเข้าไปอีกเขาต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเขาหยิบเอามือล้วงกระเป๋าพยายามจะหยิบยันต์เวทย์แต่นึกขึ้นได้ว่าโดนยึดไปหมดเขารีดเร้นพลังเวทย์ที่ฝ่ามือกระแทกที่กลอนประตูการดูดกลืนชะงักไปพริบตาหนึ่งเขาพยายามจะดึงมือจากกลอนประตูแต่ก็ยังไม่ขยับเหมือนเดิมแล้วบานประตูก็เปิดออกกระทันหันดูดฟีโก้เข้าไปในห้อง
ฟีโก้ลุกขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในลานกว้างของโรงเรียนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีโรงเรียนที่เขาเพิ่งถูกไล่ออกแต่รู้สึกว่าบรรยากาศต่างออกไปแถมส่วนด้านข้างของโรงเรียนที่เป็นแปลงเพาะปลูกของชมรมพืชวิเศษที่เคยเป็นซากปราสาทกลับมีป้อมตรวจการขึ้นมาแทนจะพอจะจำได้ว่าป็นโรงเรียนคือหอคอยของโรงเรียนที่เป็นห้องของผู้อำนวยการกับโบสถ์เก่า
ฟีโก้ตะลึงงงกับฉากที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่แปปเดียวก็ได้ยินเสียงควบม้าจากทางด้านหลังฟีโก้รีบหันควับไปดูแต่ก็ไม่มีอะไรเสียงควบม้ายังดังทั้งด้านหลังด้านข้างของฟีโก้บางจังหวะของเสียงเหมือนควบม้าแทบจะประชิดตัวชวนหลอนโสตประสาตเป็นอย่างยิ่งแต่ทุกครั้งที่หันกลับไปก็ไม่เห็นมีอะไร
ฟีโก้ตัดสินใจวิ่งไปที่หอคอยเพราะเป็นสถานที่คุ้นที่สุดในโรงเรียนที่บรรยากาศเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ห้องต่างๆในอาคารเรียนแทนที่จะมีชั้นหนังสือกับหีบใส่อุปกรณ์การสอนและโต้ะเรียนกลับไม่เห็นเห็นแต่ชั้นวางอาวุธเป้าซ้อมยิงธนูและหุ่นไม้สำหรับแขวนชุดเกราะแทนและมีหีบที่มีสัญลักษณ์กองทัพประเทศไททาเนียตั้งอยู่บ้างประปลายเขาเริ่มสำรวจรอบๆพักหนึ่งก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นโรงเรียนอัลเรวิชแน่นอนเขาเจอรูปปั้นอาเรอาเทพธิดาผู้สร้างโลกด้วยก้อนหิน
ไฟ
และเลือดของตนแขนของรูปปั้นที่ปกติจะยื่นชูมาหาผู้มองกลับหักด้วนกับตำแหน่งทีตั้งๆอยู่ข้างๆโบถ์ที่ตั้งใกล้บ่อน้ำยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าใช้โรงเรียนที่เพิ่งจะไล่เขาออกมาแน่ๆ
เสียงควบม้าดังขึ้นอีกและเขาก็หับกลับไปอีกแต่คราวนี้ปรากฏร่างของต้นเสียงเป็นอัศวินสวมชุดเกราะขี่ม้าเพียงแต่ว่าไม่มีหัวเท่านั้นเอง
ฟีโก้ตกใจสุดขีดรีบวิ่งหนีเข้าไปในโบถ์ด้านข้างรูปปั้นพยายามเปิดประตูแต่มันล็อกเขายิงเวทย์มนต์ใส่กลอนประตูแต่มันก็ไม่พังเขารู้สึกว่าพลังเวทย์ของเขาอ่อนลงไปมากตั้งแต่มาอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้
เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ชุดเกราะเริ่มถามทั้งๆที่ไม่มีหัว
ฟีโก้ : “ผมไม่รู้ มันงงไปหมดข้าไม่รู้จริงๆ”
อัศวินไร้หัว :
“คนพลัดหลงรึแต่ช่วงเวลานี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ยังไม่ถึงคราสนี้นาเจ้าเป็นใครกันแน่ทำไมถึงหลงเข้ามาในนี้ได้ตอบมาดีๆนะเจ้าหนุ่มถ้าไม่อยากตาย”
ฟีโก้ : “ผมไม่รู้จริงๆผมเดินอยู่ในสุสานใต้ดินจู่ๆก็มึนหัวแล้วก็มาเจอประตูบานนี้
อัศวินไร้หัว : ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดีตายซะเจ้าหนู”
อัศวินไร้หัวเริ่มควบม้าพุ่งใส่ฟีโก้ฟีโก้พยายามใช้กำแพงแสงแต่งผลของเวย์ไม่แสดงออกมากลายเป็นการเสียจังหวะอย่างใหญ่หลวง
กีบเท้าม้าชูเหนือหัวฟีโก้กำลังจะกระทืบลงมาขยี้กะโหลก
ฟีโก้กลิ้งตัวหลบแล้วรีบวิ่งไปหลังโบถ์โชคเข้าข้างฟีโก้ด้านหลังโบถ์มีเสาหินเรียงรายมากมายไม่ต่างจากโรงเรียนที่เขาคุ้นเคยอัศวินไร้หัวควบมาวนไปมาอยู่รอบนอกเสาหลายต้นจากนั้นก็เริ่มยิงลูกกระสุนวิญญาณจากฝามือที่เป็นเกราะมือสีดำเงางามฟีโก้กระโดดลูกวิญาณหลบไปมาตามเสาหินฟีโก้ยิงลูกกระสุนเวทย์สวนโดนเสื้อเกราะของนักรบไร้หัวแต่ไม่สะดุ้งสะเทือนจะมีก็แค่รอยหมองจางๆเท่านั้น
อัศวินไร้หัว : “น่ารำคาญจริงเจ้าแคสเตอร์ตัวน้อยนี่”
ผลงานอื่นๆ ของ Thagonxxx ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Thagonxxx
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้