ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter ] Destinesia (Yaoi/BL) **ตัดจบ/ไม่แต่งต่อ/มีบทสรุปเรื่องที่เหลือ

    ลำดับตอนที่ #95 : Destinesia (95) แยกไปกลับคืน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.81K
      173
      22 ม.ค. 62

    Destinesia (95) แยกไปกลับคืน


    การสอบไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่าการประลองที่กำลังมาถึง ตัวแทนอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิที่จะบ่นกับการสอบที่กระชันชิดและภารกิจสุดท้ายที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น


    มันคือบทสรุปตัดสินใจชัยชนะของการประลองเวทไตรภาคี..

    ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับการได้พบเจอครอบครัววีสลีย์ทั้งครอบครัวก่อนที่จะได้เข้าสนามแข่งการประลองเวทครั้งที่สุดท้าย .. ศาตราจารย์มักกอนนากัลอนุญาติให้ครอบครัววีสลีย์เข้ามาให้กำลังใจ แทนครอบครัวเดอร์สลีย์


    แน่นอนว่า คงไม่มีทางที่จะยินยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาหรอก ..


    ดวงตาสีมรกตเก็บความดีใจไว้ไม่มิดจนทุกคนที่เห็นก็อดยิ้มตามไม่ได้ .. เด็กชายก็ยังคงเป็นเพียงเด็กชาย ที่โหยหาครอบครัวยิ่งกว่าใคร


    “สู้ๆ แฮรี่ นายไม่แพ้คนอื่นอยู่แล้ว” สองแฝดตบปุๆเข้าที่หลังเขาจนแทบล้ม เขายิ้มตอบตามปกติ หันไปขอกำลังใจจากคุณนายมอลลี่ที่ก็ไม่ยอมแพ้ โอบกอดเด็กชายไว้ในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู..


    “ขอบคุณทุกคนมากนะฮะ”


    “พวกเราทำเพื่อนายได้อยู่แล้ว” แฮรี่หัวเราะให้กับภาพตรงหน้า ..


    ดูไปแล้วก็เหมือนครอบครัวสุขสันต์ เด็กชายตัวเล็กดูว่าง่ายเหลือเกินในสายตาคนรอบข้าง ..


    แต่กับสเนปที่เพิ่งจะดุด่าเด็กชายไปเมื่อวันก่อน .. ก็ได้แต่กลอกตามองภาพสุขสันต์ตรงหน้าอย่างระอา .. เขาสาบานได้ว่าจะไม่ยอมโดนใบหน้าหวานส่งสายตาใสไม่ซื่อ?มาให้ จนเขาหลงกลอีกแน่ ..


    ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นเด็กดี ว่าง่ายหัวอ่อน.. พออยู่กับเขา ทำไมถึงชอบเรียกร้องนู่นนี่ หัวดื้อหัวแข็งนอกจากชอบเถียงคำไม่ตกฟาก ยังชอบหาเรื่องใส่ตัวไม่หยุด…ถึงตอนนี้ เขาก็ยังสงสัยอยู่ ว่าอันไหนเด็กชายแสร้งทำกันแน่ ..


    เพราะทำได้เนียนกริบ ไม่มีผิดเพี้ยนเลยสักนิด ..


    เนียนจนเขาลืมวันแรกที่เด็กชายทำหน้านิ่งเข้าห้องเขา เพื่อแค่จะมาทำแผลให้เขา ..


    เสียงเชียร์จากรอบอัฒจรรย์ไม่ได้สร้างความประหม่าให้แก่ตัวแทนที่อายุน้อยที่สุด ใบหน้าขาวสะอาดมีเพียงความสดใสเฉกเช่นเดิม รอยยิ้มบางคลี่ออกให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะมาทำอะไรเขาได้อีกแล้ว


    สายตาของเด็กชายหรี่ลงจนแทบไม่มีใครสังเกต สำรวจรอบด้าน และคาดเดาความเป็นไปของเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น .. แรงวางลงที่ไหล่เบาๆ เรียกความตื่นตัวเขาได้เป็นอย่างดี ..


    ใบหน้าแก่ชราของศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์ดูนิ่งสงบแฝงความอ่อนโยน เขาเก็บความคิดไว้ในใจ อันที่จริง เขาควรมีโอกาสได้คุยกับดัมเบิลดอร์หลายๆครั้ง แต่เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่รับรู้อะไร ประมาณว่าไม่คิดมาก ..


    และดัมเบิลดอร์ก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะต้องรู้อะไรเพิ่ม ..


    ระหว่างพวกเขาไร้คำพูด มีเพียงเสียงดนตรีบรรเลงเปิดงานเพิ่มสีสันให้กับการประลองแห่งนี้ทวีความตื่นเต้นขึ้น .. แน่นอนว่า ..


    เขาไม่พูด ไม่ใช่เขาไม่คิดอะไรเสียหน่อย …


    ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นใบหน้าหวานเปื้อนรอยยิ้มของเด็กชายจะแปลกตรงไหนในสายตารอบตัว . เพียงแต่ในแววตาสว่างกลับไร้คลื่นอารมณ์ผิดกับที่แสดงออก …


    ‘เด็กบ้านั่น .. ’


    สเนปมองไปทางเด็กชายพอตเตอร์ที่กำลังเกาะกลุ่มเพื่อฟังคำเตือนของดัมเบิ้ลดอร์อยู่กลางสนาม ทุกคนพร้อมใจกันเงียบเพื่อเงี่ยหูฟังคำพูดของอาจารย์ใหญ่ น่าเสียดายที่เสียงของชายชราเบาเกินกว่าคนอื่นจะได้ยิน


    ดวงตาสีดำหดเล็กลงอย่างมุ่งหมาย เหมือนภาพบางอย่างมันผุดขึ้นมาในความคิด


    เป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาซะเลย ..


    และเรื่องที่เจ้าเด็กจอมยุ่งบอกไว้ …


    ก็ไม่เคยเป็นเรื่องดีเช่นกัน …





    “เตรียมตัวให้พร้อม!!”


    เฮ้!!!!

    เหมือนประสาทสัมผัสของเขามันจะรับรู้การจับจ้องมาของคนด้านหลังได้ …


    เขาเอี่ยวตัวไปมองเจ้าของสายตาที่จ้อมเขม็งสองสามคู่ แม้จะอยู่ห่างไกลๆ แต่แค่มองสีหน้าของพวกเขา กลับสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้


    เดรโกนั่งหน้านิ่วบูดบึ้งเต็มที่ ถึงจะไม่ชอบใจที่เขามีเรื่องปิดบังบ่อยๆ แต่เจ้าตัวก็ยอมปล่อยผ่านคอยระวังอยู่ด้านหลัง ต้องบอกว่าทำอะไรไม่ได้มากกว่า


    เพราะพวกเขาเข้าใจเขาดีที่สุด หากเขาเลือกที่จะไม่พูด..ก็ไม่มีใครจะง้างปากเขาพูดได้


    ถึงไม่ชอบใจยังไง ก็ต้องยอมเขาใช่มั้ยล่ะ หึหึ..


    เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาให้กำลังใจ พร้อมกับรอนที่ตะโกนแทบเสียงแหบ เชียร์เขาสุดเสียง ในมือถือป้ายผ้าชื่อเขาเด่นสง่าจนน่าอาย … พร้อมเพื่อนในบ้านที่พร้อมใจเอาธงกริฟฟินดอร์ที่ใช้ในการแข่งควิดดิชมาใช้อีก …


    มันอดไม่ได้ที่จะตื้นตันในใจ ..


    แฮรี่ส่งสายตาสุดท้ายไปให้กับร่างสูงในชุดดำที่มุมสนาม ..


    ดวงตาสีเขียวส่งสายตาวิบวับจนอีกคนเบือนหน้าหนี เพียงแค่ว่า …  คนที่ไม่คิดจะแยแสอะไรทั้งสิ้น กลับจ้องเขม็งมาที่เขาจนเขารับรู้ได้ และยังยอมสบตาก่อนจะหนีหน้า ..


    หากสเนปไม่คิดสนใจ ก็คงไม่หันหน้าหนีเขาหรอก …


    แฮรี่ได้แต่คิดในใจ ..เก็บรอยยิ้มและกำลังใจของทุกคนไว้ เพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องราวทั้งหมดตรงหน้า…


    มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในอนาคต..






    นอกของหมู่บ้านลิตเติ้ลแฮงเกิลตัน..


    ร่างหนึ่งย่างก้าวเข้าไปในความมืด อย่างเชื่องช้า ไม่เร่งรีบ … บ้านหลังหนึ่งที่กลายเป็นซากปรักหักพังจากความเก่าแก่ยาวนาน ดูทรุดโทรมและไม่น่าดู


    แต่ที่ที่ ไร้อารยธรรมแห่งนี้ .. กลับซ่อนสิ่งสำคัญเอาไว้..


    ร่างสูงโปร่งราวกับวิญญาณ ส่องสว่างในความมืด ..


    เจ้าตัวเดินตามทางความทรงจำในอดีต สู่ที่ซ่อนวัตถุศาสตร์มืด .. ความมืดที่ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ กลับให้ความรู้สึกเรียกหาอย่างน่าประหลาด .. เรียกร้องหาเจ้าของภายในเงาดำสีทมิฬ


    เหมือนความมืดที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน .. เรียกร้องหากันอย่างบ้าคลั่ง … มันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ทำให้ผู้พบเห็นหลงใหล และลุ่มหลงไปกับความหวังชั่ววูบที่มาพร้อมค่าตอบแทน …


    มือโปร่งก้มลงสู่ซากปรักหักพัก .. เศษฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณได้ในการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย …


    คำสาปแช่งแสนร้ายกาจที่ปกปิดไว้ภายใต้ความปรารถนา .. กลับไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าของของมันเอง .. แหวนเก่าๆสีดำถูกหยิบขึ้น เมื่อได้สัมผัสความเย็นบนโลหะเหล็ก .. เวทมนตร์และจิตวิญญาณราวกับแสดงความยินดีที่มาบรรจบกัน


    ลมวูบหนึ่งพัดผ่านตัวแหวน จากเก่าจับฝุ่น กลับเปล่งประกายเงางามดั่งเดิมที่ซ่อนอยู่ เฉกเช่นที่ซ่อนคำสาปร้ายในรูปโฉมไร้พิษสง ..


    ร่างโปร่งส่งกระแสเวทมนตร์ผ่านมัน ยินดี และยอมรับ ..


    รอยยิ้มเผยออกอย่างพิศวง .. ทับไปในเงา .. นอกจากเสียงลมอันน่าหดหู่รอบนอก ไม่ได้ทำให้ผู้มาเยือนไหวติง …ที่อยู่อาศัยที่ไม่อาจเรียกว่าบ้าน .. และในเวลานี้ ก็จะเป็นสถานที่สำคัญสำหรับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น..


    ‘ทุกอย่างพร้อมแล้ว ..’


    เวลาของเขาใกล้จะหมด .. นั่นคือสิ่งที่เขารับรู้ ..


    หากเพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว เขาเลยต้องทำทุกอย่างอย่างฉับพลัน .. ไม่อาจหลบเลี่ยงรั้งรอได้อีกแล้ว … ตัวเขาไม่เคยมีผู้ช่วยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่ร่างในวัยสิบเจ็ด ก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนมาถึงตอนนี้


    แค่จะย้อนกลับ .. ทำทุกอย่างให้กลับสู่จุดเดิม ..


    ทำไมเขาจะทำคนเดียวไม่ได้ ..


    แม้มันจะไม่คุ้มเสี่ยงไปบ้าง ทางเลือกอื่นมี แต่ให้ผลลัพท์ไม่น่าพอใจ .. สำหรับเขา ความสูญเสียเพียงเล็กน้อย ก็นับพามาซึ่งความผิดพลาดอันใหญ่หลวงได้ .. เพราะตัวตนของตัวเอง ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้


    เขาเลยต้องจัดการทุกอย่าง … ด้วยตัวเอง


    ซี่…


    เสียงขู่ฟ่อของสัตว์ร้ายระยะเสียงกระซิบ .. เงาในความมืดเคลื่อนไปตามพื้นไม้เก่า แสงภายนอกเผยร่างขนาดใหญ่ของอสรพิษจ้องมองมาจากในความมืด สายตาที่ไม่กระพริบเหมือนจับจ้องเหยื่อไม่ให้หนี ..


    “นากินี .. ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานก็จบ”


    “ทำแบบนี้จะดีหรือ นายท่าน หากเขารู้..”


    “ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็รู้ เพียงแต่เขาไม่สามารถกำจัดเราได้เท่านั้นเอง แค่ตอนนี้ ...” เสียงทุ้มพยายามผ่อนความกังวลของสัตว์เลี้ยงขี้สงสัยของตัวเองลง


    และใช่ … ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ในอนาคตก็คงไม่แย่ … หากวิญญาณของตัวเองเป็นปฎิปักษ์รกสายตาให้รำคาญใจ … สิ่งที่เขาก็ทำก็แค่ กำจัดทิ้งก็สิ้นเรื่อง .. สร้างก็ก็ทำลายได้ … มันเป็นเรื่องปกติในสามัญสำนึกของเขาอยู่แล้ว


    เพราะหากไม่ระแวงแล้ว … ตัวเขาจะทำฮอร์ครักซ์เพิ่มอีกชิ้นต่อหน้าเขาทำไม ..


    มันก็แค่คำเตือนและคำขู่ …


    แต่เขาไม่ได้เกรงกลัวตัวเองเสียหน่อย …


    “มาเถอะ นากินี … หากไม่เริ่มพิธีตอนนี้ ..พวกเขาจะสงสัย ” น้ำเสียงแข็งกร้าวย้ำให้ตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ..


    เมื่อมองใบหน้านิ่งเงียบของร่างตรงหน้า ร่างที่มีรอยยิ้มบางเบาประดับใบหน้าเสมอ ตอนนี้ราบเรียบจนน่าใจหาย … เหลือเพียงร่างโปร่งที่เบาบาง แต่ไม่แสดงความอ่อนแอ..


    นากินีมีความลังเล .. ตอนนี้เจ้าหล่อนก็เหมือนสัตว์เลี้ยงของคนสองคน เพียงแต่ .. คนหนึ่งแตกต่างจากเดิมไปมากโข ส่วนอีกคนก็ไม่ชินตาจับต้องไม่ได้ ..


    แต่หากมันเป็นประสงค์ของอีกฝ่าย . ภายใต้ผู้พูดตรงหน้าแล้ว ..


    เธอไม่ปฏิเสธความคิดของนายตัวเอง


    ร่างอสรพิษเลื้อยล้อมรอบร่างโปร่งใสที่ใกล้จะจางหาย .. ร่างโปร่งเผยยิ้มพอใจให้กับการตัดสินใจที่รับรู้อยู่แล้ว .. ก่อนริมฝีปากจะเริ่มพึมพำเป็นภาษาที่ศึกษามาเป็นอย่างดี..


    เวทมนตร์สุดท้ายถูกกระตุ้น .. ของในมือส่องสว่างวูบไหวไปมา ฮอร์ครักซ์แสนสำคัญกรีดร้อง ทั้งที่ไม่มีกายเนื้อ ..แต่ความเจ็บปวดทรมาณภายในจิตวิญญาณเหมือนมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ..


    คือของจริงที่สัมผัสได้..


    หากเพราะเข้าใจ .. ยิ่งจิตวิญญาณมากแค่ไหน ความเจ็บปวดรวดร้าวก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น …คือความทรมาณที่ตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเอง ..


    มันถูกฉีกกระชากลึกถึงวิญญาณไร้สสาร..


    มันเหมือนครั้งแรกที่เขาสร้างฮอร์ครักษ์ .. เสียงกรีดร้องของวิญญาณเด็กสาวที่เขาใช้เป็นเครื่องสังเวยในการสร้างมัน .. ร่ำร้องเป็นนาทีแม้จะขาดใจตายไปแล้ว .. เขาไม่รู้สึกรู้สาถึงความเจ็บปวดทรมาณตรงนั้น .. และไม่คิดจะรับรู้จนถึงวันนี้


    เพียงแค่ความเจ็บปวดและเสียงกรีดร้องตรงนั้น…


    กลับคืนมาที่เขาแล้ว …


    ร่างกายที่ไม่อาจสัมผัสได้ กลับรวดร้าวไปทั้งตัว เหมือนมีบางอย่างปะทุอยู่ข้างใน คอที่ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ กลับแห้งผากแสบร้อน .. ดวงตาระบมหลับแน่น เจ็บจนเหมือนมันจะหลุดออกมาทั้งดวง ..


    ร่างวิญญาณยกมือกุมที่อกตัวเองราวกับมันจะแตกออกมา .. อยากจะกดย้ำลึกให้ถึงภายใน ให้ความเจ็บปวดมันไปรวมที่ตรงนั้น …


    เขาจะไม่เป็นเศษวิญญาณที่กำลังจะตาย .. ไม่มีวันยอมรับร่างน่าเกลียดน่ากลัวที่สาหัญเกินจะเยียวยา .. สภาพที่ไม่ใช่ทั้งวิญญาณไม่ใช่ทั้งมนุษย์ .. เปราะสลาย แม้แต่ดูแลตัวเองยังไม่ได้ ..


    ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้…


    เขายอมรับ …


    และเสียงกรีดร้องดังจากความว่างเปล่าจนน่าขนลุก ..


    ราวกับฉีกกระชากทุกอย่างให้เป็นชิ้นๆ




    ถ้าบรรยายว่ามีไส้มีพุง เลือดไหลย้อย

    คงกลายเป็นนิยายสยองขวัญไม่ต้องสงสัย

    ปู่ทอมเขาก็ต้องหาทางของตัวเอง

    เริ่มเองก็ต้องจบเอง ช่วยตัวเอง?

    ด้านน้องจะเป็นยังไงต้องไปชมต่อ

    แต่แน่นอนว่า มีดราม่าและหักมุม มั้ง?




    PS. เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อเป็นฟิค เพราะฉะนั้นเนื้อหาอาจจะมีการอ้างอิง

    ที่ไม่ตรงกับเนื้อหาฉบับภาพยนตร์และในหนังสือชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์

    ชี้แจ้งมานะที่นี้ ขอบคุณค่ะ

    Free Lines Arrow
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×