คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Destinesia (3) รถไฟด่วนสู่ฮอกวอตส์
Destinesia (3) รถไฟด่วนสู่ฮอกวอตส์
เขาไม่ได้เจอมัลฟอยเมื่ออยู่ที่ตรอกไดแอกอน คงจะผิดที่ผิดเวลานิดหน่อย เลยทำให้เขาคลาดกับอีกฝ่ายที่ร้านเสื้อผ้าไป … เขาจำได้ ครั้งแรกที่เขาพบเจอหัวเรียบแปร้ของมัลฟอย อีกฝ่ายก็ออกลาย จะแอบเอาไม้กวาดเข้าฮอกวอตส์ตั้งแต่ปีแรกแล้ว
เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มัลฟอยจะเปลี่ยนไปจากที่เขาคิดรึเปล่า.. ภายนอกของคุณชายหัวซีดประจำสลิธีริน มักจะกดขี่ข่มเหงดูถูกเย้ยหยันคนอื่นเป็นประจำอยู่แล้ว .. สิ่งเดียวที่เขารู้จักอีกฝ่ายมา เป็นอย่างเดียวที่โดดเด่นติดตัวมา
ต้องไม่ลืมว่า อย่างมัลฟอยพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ แถมต่อหน้าคนอื่นจนคนอื่นเขาหมั่นไส้ เรียกหาไม้กายสิทธิ์และกำปั้นได้ง่ายๆ..
“จะดีมาก ถ้าแกไปแล้วไม่ต้องกลับมา ไอตัวประหลาด” แฮรี่บอกลุงเวอร์นอนให้มาส่งเร็วกว่าครั้งก่อนมาก.. เขาอยากเลี่ยงผู้คนไม่ให้สังเกตเขา ต้องโทษรอนเลยว่า เพราะอีกฝ่ายประกาศชื่อเขาไปทั่วฮอกวอตส์ ตั้งแต่รู้ว่าเขาเป็นใคร..
ถ้าจะมีวาสนาเป็นเพื่อนกันจริงๆ .. แค่เจอกันช้าหน่อย คงไม่มีปัญหา..
เขาก็อยากจะรู้ว่า ที่เลล่าเคยบอกว่าเขาอ่านคนไม่เป็น เลยทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า…
… หรือว่าเขาแกล้งคนอื่นหน่อยดีนะ..
รอบนี้เขาไม่เจอครอบครัววีสลี่ย์ที่ออกันอยู่หน้าทางเข้าเหมือนเก่า … แต่กลับเป็นครอบครัวหัวซีด ที่กำลังทบทวนอะไรบางอย่างอยู่ …
“เรื่องที่ควรจำมีอะไรบ้าง เดรโก” เขาได้ยินลูเซียสเอ่ยอย่างเย็นชา แม้จะพูดกับลูกตัวเอง เขาทำทีเป็นเช็คของทุกอย่างอยู่ไม่ไกล เพื่อแอบฟังพวกเขาคุยกันต่อ
“ครับ พ่อ … ไม่คบหาพวกเลือดสีโคลนกับพวกทรยศสายเลือด และมัลฟอยต้องอยู่สลิธีริน”
แฮรี่แทบกระอักน้ำลายตัวเอง … ใครมันสั่งสอนเด็กให้คิดอคติแง่ลบตั้งแต่ก่อนเข้าพิธีคัดสรรอีกนะ .. ยิ่งเห็นคนซีดคนพ่อพยักหน้าพอใจในความคิดโครตจะติดลบของลูกชาย แฮรี่ก็ไร้คำบรรยายจริงๆ ..
รู้ตัวอีกที เขาก็เข็นรถพร้อมเฮ็ดวิกผ่านชานชาลาอย่างไม่หันมามองครอบครัวหลงตัวเองข้างหลังอีก … ครอบครัวหัวซีดเห็นหลังร่างบางไวๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร พลางสั่งให้ส่งจดหมายมาหาทุกครั้งที่มีปัญหา
ที่ว่างให้รถไฟ ยังคงเหลือเยอะ … เขาหาที่ที่แตกต่างจากทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ต่างๆ เขาอยากจะหลับไประหว่างเดินทาง .. มันชินชาจนไม่ตื่นเต้นแล้ว เพราะมันไม่ใช่การขึ้นรถไฟครั้งแรกของเขา
ห้องว่างให้เขาจับจองเพียงผู้เดียวอีกแล้ว … เพียงแค่จะมีใครเข้ามาเป็นคนร่วมขบวนก็เท่านั้น …
แฮรี่ดึงผ้าคลุมฮอกวอตส์มาคุมแทนผ้าห่ม รอยแผลเป็นเจ้าปัญหาและเป็นจุดเด่น ถูกผมของเขาปิดทับไม่ให้เรียกความสนใจ.. ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ครืน..
แต่ยังไม่ทันได้หลับไปชั่วอึดใจ ประตูถูกเลือนออกส่งเสียงรบกวนให้เขาหันไปมองผู้มาใหม่ .. ดวงตาสีมรกตสบเข้ากับดวงตาสีซีดที่เปลี่ยนไป มันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเย้ยหยันถึงที่สุด .. แต่ท่าทีที่สง่าสมกับบุคลิคของเขา ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า มันทำให้คนตรงหน้าดูสมบูรณ์แบบ..
“ชิ มีคนมาถึงก่อนฉันได้ยังไงกัน” เสียงบ่นยังไม่แตกหนุ่มของอีกฝ่าย ดูจะหงุดหงิดง่ายเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่นาน เจ้าตัวยืนคิดอะไรสักอย่างก่อนรอยยิ้มจะแสยะขึ้น เขาก็ได้แต่เลิกคิ้วมองอีกฝ่ายเดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
“รบกวนด้วยละกัน” แฮรี่ก็ได้แต่กลอกตากับความเอาแต่ใจของคนตรงหน้า ไม่ว่ากี่ครั้งมันก็ยังไม่เคยเปลี่ยน .. เขาพยักหน้าไม่ส่งเสียง ก่อนจะแสร้งหลับตาฟุบไปกับผ้าคลุมของตัวเอง…
เดรโกไม่ได้ใส่ใจท่าทีของคนตรงหน้า … พลางหยิบหนังสือเล่มใหม่เอี้ยมของตัวเองออกมากางอ่าน พลางมองร่างของเด็กชายตรงข้ามด้วยความครุ่นคิด เหมือนว่าเคยเจออีกฝ่ายที่ไหน แต่ก็ไม่ไร้มารยาทถึงกับรบกวนคนหลับ…
ไม่นานก็มีคนมาเพิ่ม .. แครบและกอยส์ยังคงตามติดเดรโกด้วยคำสั่งของพ่อเขา ทำให้ห้องของเขาเต็มเรียบร้อยแล้ว .. ทั้งสองคนมองไปที่ร่างเล็ก ที่ไม่เหมือนเด็กปีหนึ่งเหมือนพวกเขา .. ใบหน้าใต้ผมสีอีกา ดูขาวซีดแต่มีเค้าโคลงความหวานให้เหลือบมอง..
ครืน!
“เดรโก! อยู่นี้เอง ฉันคิดแล้ว ว่าเธอต้องนั่งหัวขบวน” เสียงแหลมเล็กจนทำให้แฮรี่ตื่นจากความคิดเพราะสัญชาตญาณ มันเหมือนเสียงกรีดร้องของพวกคนไข้จนเกินไป ทำให้เขาสะดุ้งตื่นซะงั้น …
ดวงตาสีมรกตเหลือบมองคนร่วมห้องด้วยสายตาคาดคะเน .. ดูท่าว่า เขาจะอยู่กลางดงอสรพิษซะงั้น …
“เลิกส่งเสียงเอะอะสักทีเถอะ จะไปไหนก็ไป ” และคนตอบก็ยังไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเช่นเดิม คงมีแต่มัลฟอยเนี่ยแหละที่กล้าเถียงและไล่ผุ้หญิงอย่างเฉือดเฉือน
“อะไรกัน .. ฉันนั่งด้วยสิ” เธอยังคงวอแวรอบตัวเดรโกไม่เปลี่ยน ซึ่งแฮรี่ทำได้เพียงแค่แสร้งหลับต่อเท่านั้น .. พลางส่งสายตาไล่สองสมุนให้สละที่นั่งให้
แต่สายตาเดรโกก็มีอิทธิพลมากกว่า สองคนรู้อยู่แล้วว่าเดรโกรำคาญพาร์กินสันแค่ไหน ถ้าพวกเขาลุกไป จะเป็นตัวเองนั้นแหละที่จะซวย..
“ไม่เห็นว่าที่เต็มรึไง นอกจากส่งเสียงไปวันๆ หัดใช้สายตาดูซะบ้าง”
พาร์กินสันยังไม่ยอมแพ้ เมื่อสังเกตเห็นร่างเล็กที่นอนนิ่งอยู่ข้างกอยส์ ก็เปลี่ยนไปเล่นงานคนตัวเล็กทันที..
“นายนะ! ลุกออกไปเลย ไม่เห็นรึไงว่า พวกฉันมาด้วยกัน” เสียงตวาดช่างแสบแก้วหูคนในห้องชะมัด .. แฮรี่อยากเป็นคนเอ่ยปากไล่ก็ทำไม่ได้ ขนาดเขาอยู่เฉยๆ ยังมีเรื่องเข้ามาหา…
“เธอนั้นแหละที่ต้องไปซะ พาร์กินสัน เขามาก่อน ก็มีสิทธิที่จะนั่ง เธอมาทีหลังก็ต้องไปที่อื่น..” เป็นเดรโกที่คิดเผื่อไว้ก่อนแล้ว ถ้ามีร่างเล็กอยู่ เขาก็จะสามารถอ้างกับเด็กสาวได้ ไม่งั้นเขาคงสติแตกกับเสียงเสียงเจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญนั้น
และได้ผล เมื่อเดรโกเป็นคนออกตัวให้ พาร์กินสันก็ได้แต่ฮึดฮัดออกไปจากห้อง สร้างความโล่งหูให้กับคนภายในห้อง
“แล้วนายจะแกล้งหลับอีกนานมั้ย .. เสียงถอนหายใจนายมันดังออกมาแล้ว” เดรโกหันไปเอ่ยกับคนใต้ผ้าคลุม .. แฮรี่ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้น ไม่เหมือนคนเพิ่งตื่น .. ดวงตาสีมรกตสว่างใสภายใต้กรอบแว่น และท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ดึงความสนใจของคนรอบตัว
“ฉันตื่นเพราะเสียงพวกนายเถียงกันนั้นแหละ..” เสียงหวานเล็กกลับฟังดูลื่นหูกว่าเสียงผู้หญิงเสียอีก แต่สภาพของเด็กชายตรงหน้า ก็ดูไม่น่าชมเท่าไหร่ ทั้งเสื้อผ้าที่หลวมโครก ไหนจะร่างกายผอมแห้งไร้ไขมัน
“นั้น วินเซนต์ แครบ ส่วนข้างนั้น เกรกอรี่ กอยส์ … ” คุณชายเอ่ยแนะนำคนร่วมห้องอย่างที่ควรจะเป็นเสียที..
“ส่วนฉัน เดรโก มัลฟอย .. ฉันแนะนำตัวแล้ว ตานายบ้าง” เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแต่ต่างสถานที่.. มือขาวซีดของมัลฟอยยื่นมาอยู่ตรงหน้าเขา แม้จะยังไม่ทันรู้จักชื่อ ….
จะว่าไป แฮรี่ก็เพิ่งมาคิดได้.. อย่างมัลฟอยยึดสายเลือดบริสุทธิ์มาเสมอ .. แล้วทำไมตอนพบกันครั้งนั้น ถึงยื่นมือมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับเลือดผสมเช่นเขากันละ … ตอนนั้นอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร.. แต่กลับเข้ามาทำความรู้จักกลางฝูงชนอย่างเปิดเผย
นามสกุลพอตเตอร์ของเขาก็เป็นกริฟฟินดอร์มายกตระกูล .. มัลฟอยที่บ่งบอกสลิธีรินตั้งแต่นามสกุล ทำไมถึงอยากมาทำความรู้จักกับเขา .. เด็กอายุแค่สิบเอ็ดขวบ และพูดขวานผ่าซากแบบมัลฟอย จะมีอะไรแฝงอยู่จริงๆงั้นหรอ..
เป็นเขารึเปล่านะ ที่ตัดสินแค่จากคำพูด ไม่ได้ดูเจตนาของอีกฝ่าย…
อย่างรอนสิน่าคิด .. รู้จักเขาปุบขอเขาดูแผล แม้สนิทกันขนาดไหน ก็ไม่กล้าขอหรอก … พอคนอื่นแนะนำตัวกลับหลุดหัวเราะสร้างความหงุดหงิดของมัลฟอยอีก … ก็รู้นะว่าอย่างมัลฟอยสติแตกง่าย … บอกเขามาตลอดว่า อย่าไปหาเรื่องอีกฝ่าย แต่ตัวเองกลับหาเรื่องซะเอง…
เฮ้อออ เด็กหนอเด็ก..
“แฮรี่ พอตเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก ” เป็นอย่างที่คาด ดวงตาสีซีดเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาปกติ.. กระชับมือบางแทบติดกระดูก ก่อนจะปล่อยลงเป็นอันจบการแนะนำตัว
เด็กขาดสารอาหารเนี่ยนะ คือแฮรี่ พอตเตอร์?
แค่โบกก็ปลิ้วแล้วมั้งเนี่ย..
“ออ พอตเตอร์คนดังนี้เอง ข่าวการมาถึงของนาย มันดังไปทั่วโลกเวทยมนต์เลยละ” แต่นี้ก็เป็นข้อเสียของมัลฟอยที่เขาไม่ชอบนั้นแหละ ทุกประโยคต้องกระทบกระทังเขาตลอด..
“ฉันไม่ได้อยากจะดังสักหน่อย.. ถามฉันสักคำรึยัง ว่าต้องการมันรึเปล่า” เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิดให้คนอื่นรับรู้ .. มัลฟอยเป็นคนแรกที่สังเกตน้ำเสียงเขาได้ ก็ได้แต่เอ่ยห้ามปราม
ใบหน้าที่เปลี่ยนอย่างฉับพลันของแฮรี่ สร้างความแปลกใจให้คนอื่นไม่น้อย ใครๆก็ชอบชื่อเสียงกันทั้งนั้น แต่ก็คงลืมถามเจ้าตัวอย่างที่แฮรี่ว่าจริงๆ..
“หึ มันคงติดตัวไปอีกนาน ก็อย่าทำตัวเด่นเกินไปจนคนอื่นเขาสนใจละกัน” เดรโกเอ่ยเย้ยอีกคนอย่างพอใจ .. พลางเปิดประตูไปสั่งกบช็อคโกแลคและขนมอีกเล็กน้อยจากรถเข็นที่ผ่านไป… ไม่ได้สนใจความหงุดหงิดของเด็กชายหัวแผลเลยแม้แต่น้อย..
ก็ใช่สิ .. เพราะนายก็เคยเป็นคนนึงที่หมั่นไส้ฉันทุกวัน …
ตุบ..
“กินซะ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อ ใกล้จะถึงแล้ว” กบช็อคโกแลตตัวหนึ่งตกแหมะมาอยู่ที่ตักเขา .. แฮรี่กระพริบตาอย่างแปลกใจ ที่เห็นมัลฟอยมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมโลกเสียด้วย
ไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มบางที่เผยออกจะสร้างความสนใจไม่น้อยเช่นกัน…
“เฮ้ เลิกทำหน้าทุเรศได้แล้ว .. จะเอาไม่เอา? ”
“เห้ย ให้แล้วไม่เอาคืนสิ..”
“พวกแกก็ด้วย ทำตัวอืดอาดอยู่นั้นแหละ ต้องให้คนอื่นเขาคอยบอก”
เอาจริงๆว่า เราจะให้น้องอยู่บ้านสิงห์เหมือนเดิม
เพราะปัจจัยหลายๆอย่าง ไว้ให้น้องอธิบาย
พี่เดรเราเป็นสมการที่ซับซ้อน และน่าปวดหัว
เข้าฉากที่ไร เก็บคะแนนเรียบ..
เราก็ไม่วาย สร้างกระแสให้พวกเขาอีก
เรากะให้ออกมาหลายๆตัวก่อน แล้วดูกระแสอีกที
PS. เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อเป็นฟิค เพราะฉะนั้นเนื้อหาอาจจะมีการอ้างอิง
ที่ไม่ตรงกับเนื้อหาฉบับภาพยนตร์และในหนังสือชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์
ชี้แจ้งมานะที่นี้ ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น