ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic The Eminence in Shadow] Two Path Brotherhood ภราดรภาพสองเส้นทาง

    ลำดับตอนที่ #1 : เส้นทางที่ 1 การถือกำเนิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 261
      16
      21 ธ.ค. 66


    เสียงนกร้องขับขาน ดอกไม้เบ่งบาน เด็กชายวัย 7ขวบ กำลังนอนพิงต้นไม้อย่างสบายใจ ท่ามกลางทุ่งอย่าเขียวขจี้ ลมพัดโบกสบัด แสงอาทิตย์อ่อนๆสาดส่อง

    “ท่านพี่ เชเรฟ” เสียงของเด็กสาววัย 3ขวบได้ดังขึ้นด้านหลังตนไม้ก่อนที่เด็กสาวจะวิ่งกรู่เข้ามาหาเด็กชายด้วนความร่าเริง

    “เจอ พี่ได้ยังไงเนี้ยแคลร์” เชเรฟได้ขานชื่อของเด็กสาวก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งก่อนที่จะให้แคลร์นั่งตักตน

    “ก็ถานพี่ชอบ มาที่นี้เป็นประจำนิ” แคลร์ได้ตอบเซเรฟขณะเงยหน้ามองเขา

    “ว่าแต่ ท่านพี่กำลังทำอะไรหรือ” เด็กสาวได้ถามพรางเอียงคอสงสัย

    “กำลังทำ สมาธิน่ะ” เชเรฟได้ตอบกลับน้องสาวของตน พรางลูบหัวแคลร์อย่างอ่อนโยน

    “ท่านพี่ กำลังฝึกเป็นนักดาบเวทย์หรือ” แคลร์ได้พูดขึ้นด้วยท่าที่ตื่นเต้น

    “ก็คง เป็นงั้นล่ะมั้ง” เชเรฟไม่ได้ พูดอะไรมากนัก

    “งั้นเรากลับบ้านกันไหม?” เชเรฟได้ลุกขึ้น แคลร์ก็กางเขนออก

    "ให้อุ้มหรือทำตัวเป็นเด็กไปได้ น่ะแคลร์' เชเรฟถึงเข้าจะบ่นแต่ก็อุ้มแคลร์อยู่ดี


    ลืมแนะนำตัว ตัวผมชื่อ ‘เชเรฟ คาเกโน่’ หรือ โลกเก่า 'ชิมูระ เรียวจิ' เป็นผู้กลับชาติมาเกิดในโลกนี้ โลกก่อนผมหลงใหลใน บทของ'ผู้ชักใย/ผู้อยู่เบื้องหลัง' ตั้งแต่เด็ก มันเป็นบทของเหล่าตัวร้ายผู้ค่อยบงการอยู่เบื้องหลัง ทุกอย่าง ลาสบอสที่ไม่มีใครขาดถึง ทำให้ในชาติก่อนผมเรียน ได้เริ่มที่จะศึกษาเรื่องของ จิตวิทยา,การใช้เลห์กล,ปรัญชา,การแสดง,ลักษณะนิสัยและทักษะการต่อสู้ และ ในชาติก่อนผมก็มีเพื่อนชื่อ 'คาเกโน่' เพื่อนสนิทที่มีความชอบเหมือนกันแต่คนล่ะอย่าง 'คาเกโน่' ชอบ'เทพในเงา' แต่หากเจอใครที่มีความชอบคล้ายๆ แม้ว่ามันจะไม่เหมือนกัน ว่ากันว่าเขาจะเป็นเพื่อนแท้ ทำให้ผมและเขาสนิทกันมากแทบจะเป็นคู่หูกันได้เลย เมื่อตกดึก ผมจะเป็นคนค้นหาข้อมูลและดูลาดราวของพวกอาญากร ส่วนคาเกโน่ก็จะเป็นคนจัดการเรื่องการต่อสู้ หรือบางครั้งเราก็หลังชนกันในการต่อสู้ เราเป็นคู่หูกันจนแทบจะเรียกกันว่าพี่น้อง กันได้เลยแต่ผมก็ประสบอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตขณะกำลังไปช่วยน้องแมวที่กำลังจะโดนรถบรรทุกทับ ทำให้ได้เกิดใหม่มาในต่างโลกที่มีเวทย์มนต์ ในฐานะของ เชเรฟ คาเกโน่ ลูกคนโตสุดของตระกูลนักดาบเวทอย่าง ตระกูลคาเกโน่ มีน้องสาว1คนชื่อแคลร์ คาเกโน่ และน้องอีกคนที่ยังอยู่ในท้องแม่ ทำให้การเริ่มต้นใหม่ของชีวิตครั้งนี้ของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นในฐานะของการเป็น ‘ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง’ ในโลกแห่งนี้ตามความฝันของผม


    ‘อุแว้’ เสียงร้องของเด็กทารกได้ดังขึ้นในห้องก่อนที่จะมีเมดคนหนึ่งอุ้มน้องชายมาทางผม

    ซิด ชื่อของน้องชายของผมที่ได้เกิดมา แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างราวกับ ชะตาฟ้าลิขิตทำให้เราทั้งคู่ต่างดู สนใจ ซึ่งกันและกัน แววตาทั้งสองได้จับจ้องไปซึ่งกันล่ะกัน เป็นแววตาที่ดูสนใจมาก

    และหากส่องลองมองดู พลังเวทของซิดแล้วล่ะก็ มันชั่งละเอียดอ่อน และ มากมาย ส่ะเหลือเกิน หากเป็นเช่นนี้ ถ้าการฝึกก็จะมีทั้งฝีมือเพลงดาบ และ พลังเวทควบคู่กันแน่

    ‘เด็กคนนี้ก็มีความพิเศษ เหมือนกับฉันหรือ’ ความคิดในหัวของเขาเริ่มประมวณผล ขึ้นภาพจำของเขาตอนเกิดใหม่ ได้ผุดขึ้นมา ตอนที่เขาเกิดใหม่เข้าไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่แกล้ง ร้องแบบเด็กทารกตัวไป แต่พอลืมตาเท่านั้นล่ะ แสงสีของอ่อร่ากมายได้ปรากฏขึ้นทุกที่ เป็นสีของความข้มเข้นของพลังเวททำให้เขารู้ตัวทันทีว่าเขานั้นเกิดมาพร้อมกับ พลังเวทที่มากมาย และ การควบคุมมันได้ละเอียดอ่อน

    ‘หึ เจ้าน้องชาย ฉันมีเป้าหมายแล้วนายต้องมาผู้ต่อต้านที่สมน้ำสมเนื้อ ของฉันผู้แน่ในอนาคต’ ความคิดของเซเรฟตอนนี้คือการจะเป็น ลาสบอสหรือผู้ชักใยผู้ยิ่งใหญ่มากนั้นจะต้องมีศัตรูคู่ปรับตลอดกาลที่สมน้ำสมเนื้อกัน ถึงจะสมชื่อลาสบอส แต่น่าเสียดายที่โลกนี้ วิชาดาบนั้นกลับอ่อนมากกว่าโลกเก่า และหากไร้ซึ่งอาวุธก็แทบจะต้อสู้ไม่ได้เลย แต่ตอนนี้เขาพบมันแล้ว ผู้ที่จะเป็นศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อกันในอนาคตของเขาในบทบาทของ ลาสบอสผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง ก่อนจะเผยรอยยิ้มสุดน่าขนลุก และหัวเราะออกมาเบาๆ

    มุมมองของซิด

    ‘นั้นพี่ฉัน หรือ เนี้ย ทำไมแข็งแกร่ง ดูแล้ว พลังเวทหลือล้นสุดๆ’ ซิดในร่างทารกมองเด็กชายผมดำที่ อายุน่าจะประมาณ 7ขวบ ด้วยท่าที่ตกใจ

    ‘แต่ทำไม มันรู้สึกคุ้นเคยกันแปลกๆ’ ถึงจะรู้สึกตกใจแค่นั้นก็ตามแต่เขากลับสัมผัสกับความรู้สึกที่มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้กับเด็กชายตรงหน้าของตน มันชั่งคุ้นเคยเหลือเกิน ราวกับเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็น่าจะรู้สึกแบบนี้เช่นกันก่อนที่ ซิดจะคิดอะไรนั้นรอยยิ้มสุดน่าขนลุกของผู้เป็นพี่ก็ได้ปรากฏขึ้น

    หึ หึ หึ หึๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอันแสนนน่าขนลุกของผู้เป็นพี่ของเขา ทำเอาซิดในร่างของเด็กทารกรู้สึกโคตรกลัวไอ้หมอนี้เลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้ ซิดเริ่มกลัวผู้เป็นพี่ของตนมากๆจากใจจริง

     

    ตั้งแต่ซิดเกิดมานั้น เชเรฟเริ่มที่จะค่อยจับตามองและให้ความสนใจกับซิดมาตลอด จนปล่อยป่ะละเลยแคลร์ไปทำให้ตนถูกแคลร์หยุมหัวเข้าให้ ซิดเองก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบตลอดเวลาเช่นกัน กับเจ้าแววตา สีฟ้าของเจ้าพี่ชายโรคจิตของตนทำให้เขาเริ่มที่จะระวังตัวมากยิ่งขึ้นในการเริ่มเล่นบทบาทเทพในเงา แต่หารู้ไมพี่ของตนนั้นก็เริ่มบทบาทของการเป็น ผู้ชักใยเช่นกัน หากในตอนนี้กำลัง ซิดออกปล้นพวกโจร ตอนนี้เองเชเรฟก็ทำตรงกันข้าม

     

    ตุ้บ “เอาล่ะนับแต่นี้ไปพวกแก คือลูกน้องของฉัน เงินที่พวกแกหาได้ 50%จะถูกแบ่งมาให้ฉัน ถ้าไม่ก็เป็นแบบไอ้หัวหน้าของพวกแก” เซเรฟในวัย 11ขวบที่ได้ยืนบนร่างไร้ศีษระของชายร่างใหญ่ก่อนที่ตัวของเขาจะประกาศกล่าวขึ้น ในรังของพวกโจรที่เขาบุกเข้ามา ก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะสังหารหัวหน้าของพวกมันกับพวกมันไปบางส่วน

    “กฏเหล็กของพวกแก คือ ห้ามทำร้ายเด็กและผู้หญิง ห้ามปล้นผู้ไร้ทางสู้  และทำยังไงก็ได้ให้หาเงินมาให้ฉัน” เชเรฟได้ประกาศกล่าว โดยไม่กลัวกลุ่มโจรอาวุธครบมือที่ยืนล้อมตนแม้แต่น้อย

    "หน่อยไอ้เด็กนี้ คิดว่าจะชนะหัวหน้าแล้วจะไดขึ้นมาเป็นหัวหน้าหรือ ฆ่ามัน!" หนึ่งโจรได้ตะโกนขึ้นก่อนจะพุ่งเข้ามาหมายแทงเชเรฟ

    “หึ พวก สวะ” เชเรฟเพียงกระซิบก่อนจะตัดร่างของโจรคนนั้นเป็นสองท้อนอย่างเลือดเย็นในพริบตา ทำให้กลุ่มโจรถึงจับยืนตัวสั่น แต่ก็มีบางคนพุ่งเข้ามาโจมตีเชเรฟ

    “ฉันให้เวลาพวกแก 3วิ จะตายหรือจะอยู่ใต้อาณัติฉัน” เชเรฟได้พูดขึ้นก่อนจะทำนิ้วนับ

    “1”

    “2”

    “3”

    ‘ชวิ้ง’ เพียง 1คมดาบเหล่าโจรมากมายถูกฟาดฟันจนร่างกายแยกเป็นหลายๆส่วน เลือดสาดกระเส็นเต็มพื้นที่ อวัยวะกองอยู่บนพื้นมากมาย ซากศพเกลื่อนกลาด จนตอนนี้แทบจะไม่เหลือโจรเหลือรอดเลยสักคนเดียว ทำเอา เชเรฟ หง่อยจนต้องเดินเข้าไปในส่วนลึกสุดของรังของพวกโจรเพื่อคุ้ยหาสมบัติของพวกโจรที่มันปล้นมาได้

    “ถ้าเป็นแบบงี้แล้วจะหามือขวา ผู้สื่อสัตย์ยังไงล่ะเนี้ย” เชเรฟบ่นกับตัวเอง ตลอดการพยายามเล่นบทเป็น ผู้ชักใย สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เด็ดขาดคือ มือขวาคนสนิทผู้ที่มีความจงกรักภักดี และ สื่อสัตย์เป็นอย่างมาก ชนิดที่ ยอมแลกชีวิต ถวายหัวให้ แต่นี้มันก็ผ่านมา 3เดือนแล้วหลังจากที่เข้าเริ่มบทบาทของ ผู้ชักใย เขาก็เริ่มออกตระเวน หาพวกอาญากรมาเป็นพวกหรือไม่ก็ลูกน้องของตนแต่ก็ต้องลงเอ่ยด้วยเหตุการณ์แบบนี้เช่นเดิม

     

    ฮึม ขณะเชเรฟกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเขาก็หลอบไปมอง กรงขังที่ถูกผ้าคลุมปิดไว้ที่ได้ส่งเสียงโอดครวญ เขาจึงได้เดินไปเปิดผ้าคลุมออกมาปรากฏเป็น รูปลักษณะ ก้อนเนื้อเน่าที่ส่งเสียงโอดครวญ

    “ปีศาจสิ่งสู่หรือ” เชเรฟมองก้อนเนื้อนั้นด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออกขึ้นมา

    “ทรมานงั้นรึ”

    "โกรธแค้นงั้นรึ"

    “โกรธแค้นที่โลกใบนี้ทอดทิ้งเจ้างั้นรึ” เชเรฟพูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำและสุขุมพรางมองไปที่ก้อนเนื้อนั้นด้วยความสงสารปนความสังเวช

    “เจ้าอยากเปลี่ยนแปลง ไหมล่ะ เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้”

    “งั้นจงมาเข้าร่วมกับข้า”

    “งั้นเจ้าจะร่วมมือกับข้าไหม ในการสร้างบ้านใหม่ บ้านที่รวบร่วมผู้ที่เคยมีชะตาเช่นเจ้า บ้านที่จะเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนโลกใบนี้อยู่เบื้องหลัง บ้านที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก” เมื่อเชเรฟพูดจบ เขาก็ได้ยืนมือมาทางก้อนเนื้อนั้นก่อนจะเกิดแสงสีม่วงปนเขียวขึ้นห่อหุ้มขึ้น รูปร่างของก้อนเนื้อจะค่อยแปรเปลี่ยนรูปลักษณะกลับกลายเป็นเด็กสาวที่ดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา

    หลังจากที่เธอกลับคืนร่างเดิมเธอก็เริ่มจะสำรวจทั่วร่างกายของตน ก่อนจะหลั่งน้ำตาออกมา เป็นน้ำตาแห่งความสุขที่เจือปนไปด้วยความเศร้า

    เชเรฟได้พังกรงออกก่อนจะยื่นมือไปหาเธอ

    “เจ้าพร้อมจะเป็นบันไดให้ข้ารึยัง เป็นไดที่จะนำตัวของข้า'ก้าวขึ้นไปสู่วิถีแห่งสวรรค์และปกครองทุกสรรพสิ่ง'” เขาพูดพรางยกมือชี้ขึ้นไปบนฟ้า ถึงแม้มันจะดูเป็นอะไรที่ไร้สาระและเบียวแต่ไม่ใช้กับเด็กสาวที่เขาพึ่งช่วยเธอไว้ ในสายตาของเธอ เขาราวกับเทวทูตผู้มอบชีวิตใหม่ให้กับเธอราวกับเป็นฟ้าประทาน พระเจ้าเมตตามาให้เธอมาพบกับเขา

    “ค่ะ” เสียงของเด็กสาวได้ตอบรับก่อนจะก้มหัวให้กับเขา

    “ยีนดีตอนรับสู่บ้านหลังใหม่บ้านที่มีชื่อว่า Eclipse” เชเรฟได้พูดขึ้นก่อนจะก้มลงไปหาเด็กสาว

    “จงล่ะทิ้งนามเดิมของเจ้า จงละทิ้งทุกสรรพสิ่งเพราะตอนนี้เจ้าได้เกิดใหม่แล้ว” แสงสีทองอมดำได้ห่อหุ้มร่างของเด็กสาว

    "บัดนี้นี้นามของเจ้าของ อัมบร้า (Umbra)"

    “ตอนนี้บัญชาของข้าคือ จงหา ‘เงิน’ มาให้ข้าที”

    ล่ะนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางคนล่ะเส้นทางของสองพี่น้อง เพื่อทำตามความฝัน?

    จบ…


    Image Character

    เชเรฟ คาเกโน่ (Time Skip) (22ปี)

    อัมบร่า Umbra  (Time Skip) (21ปี)

     


    สปอยล์หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง


    ค่ำคืนยามราตรีอันเงียบสงัด ดวงจันทร์ส่องแสงสว่างเป็นประกายงดงามแสงสีขาวนวลของดวงจันทร์ได้ส่องลงมาทามกลางซากโบราณสถานแห่งหนึ่ง ที่มีเหล่า 7เงาแห่ง ชาโดว์การ์เด้นที่ได้รับบาดเจ็บนอนหมดสติอยู่ มีเพียง ‘อัลฟ่า’ เท่านั้นที่สามารถประคองสติของตนได้อยู่ ณ เวลานี้มีเพียงร่างของบุรุษาสองคนยืนตระหง่าอยู่ตรงหน้าของตน แผ่นหลังอันคุ้นเคยนั้น 

    ‘ชาโดว์’ ได้ปรากฏกายขึ้นมาแล้วจากเงามืดเพื่อมาช่วยเหลือ คนของเขา

    ตรงข้ามของชาโดว์นั้นคือบุรุษในชุดขาวทั้งตัวมีแต่ผ้าพันแผล ซึ่งแผ่ อ่อร่าแห่งความลึกลับและน่าพิศวงค์ออกมา

    ก่อนที่ชายคนนั้นเขาจะกางเขนทั้งสองออกมาและได้ตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เบื้องหลังของเขานั้นดวงจันทร์ได้ค่อยๆถูกกลืนกินด้วยเงามืด แสงสีขาวนวลเริ่มกระจุกตัวขึ้นก่อนจะไปรวมกันบนตัวของเขาแต่เพียงผู้เดียว ทำให้บรรยากาศรอบด้านมืดสนิทลง มีเพียงแสงจันทร์ส่องไปยังบุรุษผู้นั้นเพียงคนเดียวราวกับแสงไฟของเวที

    “แกคืออาร์คใช้ไหม” ชาโดว์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสุขุม

    "ใช้แล้ว ชาโดว์ เอ่ย ข้าคืออาร์ค ผู้นำแห่ง Eclipse "

    “ข้ามาเพื่อส่งหมายเตือน เพียงเท่านั้นถึงเหล่าชาโดว์การเด้นทั้งหลาย พวกเจ้าจงระวังตัวไว้”

    “เป้าหมายสูงสุดของพวกเรา Eclipse คือการ 'ก้าวขึ้นไปสู่วิถีแห่งสวรรค์และปกครองทุกสรรพสิ่ง'”

    "ถ้าแน่จริงก็เข้ามาสิชาโดว์ จงเข้ามาลองหยุดข้าผู้นี้ให้ได้ สะเส้!!!!!"

    หลังจากที่อาร์คพูดจบ ละอองฝุ่นก็ได้คละคลุ้งทั่วบริเวณ หมอกสีเทาเริ่มปกคลุม ชาโดว์ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย เขาเพีงโบกสะบัดแขนของตน หมอกฝุ่นละอองก็ได้ถูกลมพัดปลิวหายไป ตอนนี้อาร์คได้หายไปแล้ว มีเพียงสาสน์ท้ารบของอีกฝ่าย ฝากไว้กับชาโดว์เพียงเท่านั้น

    “เราได้เจอกันแน่”

    "อาร์ค"


    จบ

    ข้อมูล ขาดตกอะไร บกพร่อง อะไร สามารถแจ้งให้ทราบได้ หรือ อยากจะให้เพิ่มอะไรก็บอกมาได้น่า มาพูดคุยกันดีๆแบบอารยชน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×