ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานนักปราชญ์ Sage Legend

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 สับสน?

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 67


    ยามราตรี ณ ดินแดนอันกว้างใหญ่ลึกเข้าไปในผืนป่าอันเงียบสงบที่ห่างไกลมีเรือนขนาดใหญ่หลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าลึกอย่างโดดเดี่ยว มีแสงสว่างส่องลอดผ่านบานหน้าต่างออกมาจากห้องหนึ่งภายในเรือน พร้อมเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของอิสตรีดังลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

    “อ๊ากก……!!” 

    “อดทนอีกหน่อยนะค่ะ นับอีกครั้งนะค่ะ หนึ่ง สอง สาม!!” 

    “อ๊ากก……!!!” 

    “อดทนอีกหน่อยนะค่ะนายหญิง เด็กใกล้ออกมาแล้วค่ะ!!” 

    ภายในห้องที่มีแสงสว่างจากตะเกียงสาดส่องมีเงาร่างของมนุษย์อยู่เพียง 4 คนกำลังพยายามช่วยกันทำสิ่งที่วิเศษที่สุดในโลกซึ่งนั้นคือการให้กำเนิดชีวิตใหม่ คนแรกที่อยู่ในห้องนี้เป็นหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เกิดจากความเจ็บปวด แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้มันก็ยังคงไม่อาจบดบังความงดงามที่น่าอัศจรรย์ของนางได้
    คนที่สองเป็นหญิงวัยกลางคนที่เป็นหมอตำแยนางกำลังยืนอยู่ปลายเตียงพร้อมส่งเสียงเป็นสัญญาณให้หญิงสาวเป็นจังหวะเพื่อหายใจ ส่วนคนที่สามคือหญิงสาวที่มีอายุใกล้เคียงกับหญิงสาวคนแรกที่ดูท่าทางคล้ายสาวใช้กำลังคุกเข่าพร้อมกุมมือเจ้านายของตนเอาไว้แน่นพลางกล่าวให้กำลังใจอย่างสุดความสามารถ และคนสุดท้ายเป็เด็กสาวที่น่าจะมีอายุแค่ราว 3 ถึง 4 ปีที่เอาแต่ยืนอยู่เงียบๆ ในมุมห้องอย่างทำอะไรไม่ถูก 

    “อ๊ากก……!!!”

    หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งก่อนจะรวบรวมกำลังทั้งหมดใช้กรีดร้องออกมาจนแทบขาดใจ 

    “ออกมาแล้วค่ะนายหญิง ออกมาแล้วค่ะ!!!” 

    สิ้นเสียงร้องอย่างสุดกำลังของหญิงสาวหมอตำแยที่อยู่ปลายเตียงก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความยินดี สิ้นเสียงหมอตำแยสายตาทุกคู่ภายในห้องก็จับจ้องไปที่นางอย่างพร้อมเพรียงกัน และทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็ได้พบกับร่างของทารกตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของหมอหญิง

    “สำเร็จแล้วค่ะนายหญิง!! เด็กออกมาแล้วค่ะ!!”

    สาวใช้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความยินดีพร้อมร้องเรียกให้เจ้านายของนางได้ยิน ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวผู้เป็นนายหญิงของเรือนหลังนี้จะทันได้หายใจออกมาอย่างโล่งอก สีหน้าของหมอตำแยที่ที่เต็มไปด้วยความสุขพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างเป็นความกังวลฉับพลัน และหญิงสาวผู้เป็นนายก็สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้เป็นคนแรกนางจึงพยายามส่งเสียงถามออกมาอย่างร้อนรน

    “ท่านหมอ!! เกิดอะไรขึ้น!! ทำไมท่าถึงสมีสีหน้าเช่นนั้น!! เกิดอะไรขึ้นกับลูกของข้างั้นรึ?!!”

    หญิงสาวผู้เป็นนายรวบรวมกำลังถามออกมาหลายคำถามในคราวเดียว ทว่าก่อนที่นางจะได้รับคำตอบอะไรความเจ็บปวดที่นางคุ้นเคยเพราะนางพึ่งจะผ่านมันมาได้ไม่นานพลันเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างฉับพลัน

    “อั๊ก!!… ทะ… ท้องข้า!!”

    “นายหญิง!! เกิดอะไรขึ้นค่ะ?!! ท่านหมอค่ะนายหญิงข้าเป็นอะไรไม่รู้!! ได้โปรดช่วยนายหญิงของข้าด้วย!!”

    เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของสองสาวทำให้หมอตำแยที่กำลังเป็นกังวลกับทารกน้อยในอ้อมอกได้สติขึ้นมา นางรีบส่งทารกในมือให้กับสาวใช้พร้อมกลับไปดูหญิงสาวที่อยู่บนเตียงด้วยความรวดเร็ว

    “ยังมีเด็กอีกคนนึงค่ะ!! นายหญิงท่านพยายามอีกครั้งนะค่ะ!!”

    เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอตำแยกล่าวดวงตาของสายใช้พลันเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ทว่าเมื่อนางก้มหน้ามองลงไปยังทารกน้อยในอ้อมอกนางก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมเมื่อครู่หมอตำแยถึงได้ทำสีหน้าเช่นนั้น น้นก็เป็นเพราะว่าเด็กทารกที่อยู่ในมือนางนั้นกลับไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิต เด็กน้อยยังคงหลับตาสนิทและไร้ซึ่งลมหายใจโดยสิ้นเชิง สาวใช้ที่ได้เห็นสิ่งนี้ก็แทบจะร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวังแต่นางก็ไม่ได้ทำเพราะนางกังวลว่านายหญิงของนางที่กำลังพยายามอยู่อย่างสุดชีวิตจะได้ยินแล้วเป็นกังวล สุดท้ายนางจึงทำได้แค่พยายามตบก้นน้อยๆของทารกในอ้อมอกเบาๆ เพื่อหวังว่าความเจ็บจะทำให้เด็กน้อยได้สติและฟื้นขึ้นมามีชีวิต

    ในเวลาเดียกันท่ามกลางความมืดอันไร้จุดสิ้นสุดที่ไม่อาจมองเห็น สัมผัส หรือได้ยินสิ่งใด ชายชุดดำหรือปราชญ์อสูรผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดแต่สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงจากหายนะที่มีชื่อว่าความโลภของมนุษย์ ตอนนี้ชายชุดดำไม่อาจเข้าใจได้ว่าเขากำลังเผิชญกับอะไรอยู่แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีความรู้อันกว้างขวางจนได้รับชื่อ ปราชญ์ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ ยกตัวอย่างเช่นสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
    ชายชุดดำนั้นมั่นใจว่าตัวเขาได้ตายไปแล้วเพราะเขาสามารถจดจำช่วงเวลาที่เขาระเบิดตัวเองไปพร้อมกับเจ้านิกายเทพดาบได้เป็นอย่างดี
    และต่อให้ตัวเขาจะสามารถรอดตายจากการระเบิดตัวเองมาได้ แต่ในตอนนั้นเขาก็ได้ใช้แก่นชีวิตทั้งหมดของตัวเองในการทำลายคัมภีร์หอคอยแห่งปัญญาไปแล้ว ซึ่งสิ่งนั้นจะทำให้เขาต้องตายอย่างแน่นอน ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเขาเลย เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ล้างแค้นคนที่สมควรตายที่สุดอย่างฮุ้ยต้าหลุนและทำลายต้นตอที่ทำให้เกิดหายนะในครั้งนี้ขึ้นอย่างคัมภีร์หอคอยแห่งปัญญาไปหมดแล้ว
    แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันคืออะไรกันถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่อาจมองเห็น สัมผัสหรือได้ยินสิ่งใด แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าเขายังคงมีร่างกายอยู่ แม้ว่าตัวเขาจะยังขยับไม่ได้แต่เขาก็มั่นใจว่าความรู้สึกนี้คือร่าวกายของเขาอย่างแน่นอน ชายชุดดำรีบใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในอดีตอย่างรวดเร็ว ทว่าสุดท้ายมันก็เหลืออยู่แค่เพียงความเจ็บปวดและความเสียใจที่เขาไม่อาจปกป้องผู้คนที่เขารักเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ชายชุดดำกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเสียใจอยู่นั้น…

    “… ไห่เจ๋อ…”

    เสียงอันอ่อนหวานที่สามารถบอกได้ถึงความงดงามได้เอ่ยเรียกนามของเขาที่น้อยคนจะรู้จักออกมาในความมืดที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้ น่าประหลาดทั้งที่เมื่อครู่ไม่ว่าเขาจะพยายามฟังเสียงรอบข้างหรือร้องตะโกนมากแค่ไหนเขาก็ไม่อาจสัมผัสหรือได้ยินเสียงอะไรเลย แต่ในตอนนี้เขากับได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของเขาอีกทั้งยังเป็นน้ำเสียงอ่อนหวานที่แสนคุ้นเคย อย่างไรก็ตามในตอนที่เขากำลังพยายามมองหาคำตอบอยู่นั้นร่างกายของเขาก็พลันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอะไรบางอย่าง มันเป็นสัมผัสของอากาศหนาวที่กระทบกับผิวกายจนทำให้รู้สึกเย็นไปทั้งร่าง และเขายังสัมผัสได้ถึงแรงบางอย่างกำลังกระทบกับร่างกายของเขาเป็นจังหวะที่เร่งร้อน… 

    ด้วยความประหลาดใจชายชุดดำผู้ที่มีนามแท้จริงว่า ไห่เจ๋อ ได้รวบรวมกำลังทั้งหมดของเขาเพื่อลืมตาขึ้นมองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่ลังเล และสิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในสายตาคือดวงแสงจากตะเกียงที่มอบแสงสว่างยามค่ำคืนให้กับผู้คน สิ่งต่อมาคือห้องที่ไม่คุ้นเคยพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของหญิงสาว ไห่เจ๋อมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความงุนงง และก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีพลันดังขึ้นที่ข้างหูจนเขาต้องขมวดคิ้ว

    “คุณหนู? คุณหนูฟื้นแล้วค่ะ!! นายหญิงคุณหนูลืมตาขึ้นมาแล้วค่ะ!!”

    ไห่เจ๋อรู้สึกตกใจที่จู่ๆ ก็มีหญิงสาวยืนหน้าเข้ามาใกล้พร้อมพูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าใบหน้าของนางจะถือได้ว่างดงามแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาตกใจน้อยลงเลย ไห่เจ๋อกำลังคิดจะเอ่ยปากถามหญิงสาวตรงหน้าว่านี่มันเรื่องอะไรกันแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เปิดปาก ร่างกายของเขาก็สัมผัสถึงความอ่อนนุ่มที่กดทับร่างกายของเขาอย่างฉับพลัน มันช่างเป็นความรู้สึกอ่อนนุ่มที่ช่างทำให้รู้สึกดีเสียเหลือเกิน ความอ่อนนุ่มที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้เหล่าบุรุษต้องหลงใหลช่างเป็นสัมผัสที่เขาคุ้นเคย
    ทว่าในระหว่างที่ไห่เจ๋อกำลังตกอยู่ในภวังค์อันหอมหวานเขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป นั้นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงร่างกายของเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศเหมือนกับว่าเขากำลังถูกหญิงสาวตรงหน้าอุ้มเอาไว้ และทันใดนั้นเขาก็เริ่มที่จะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างเมื่อเขาลองพยายามที่จะขยับตัวเขาจึงได้พบกับความจริงอันน่าเหลือเชื่อ…

    สิ่งนั้นคือมือเล็กๆ ของเด็กทารกที่กำลังดึงสาบเสื้อของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนเผยให้เห็นเนินอกขาวราวหิมะของนางออกมาเกือบครึ่ง ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือเล็กๆ ตรงหน้านี้คือมือของเขาอย่างแน่นอน… 

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!! ทำไมร่างกายของข้าถึงกลายเป็นแบบนี้!! ตัวข้าหดเล็กลงงั้นหรือ? หรือว่าข้าได้ย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่? ไม่ ไม่ ไม่!! นี่มันเกิดคืออะไรกันแน่!!”

    ไห่เจ๋ออยากจะร้องตะโกนออกมาให้สุดเสียง ทว่าสิ่งที่ออกมาจากปากเขานั้นกลับเเสียงที่ไม่อาจแยกเป็นคำพูดได้

    “อ้อ!! แอ้!! (นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่!!)”

    ใบหน้าของไห่เจ๋อพลันซีดลงจนไร้สีตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเขาชายผู้เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดที่ผู้คนต่างเรียกขานเขาว่า ปราชญ์อสูร ได้กลายเป็นเป็นเด็กทารกที่ไม่แม้แต่จะสามารถพูดกล่าวสิ่งใดได้ไปเสียแล้ว… ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามกรีดร้องมากแค่ไหนหญิงสาวที่กำลังอุ้มเขาเอาไว้ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะพูดเลย ทว่ากลับกันหญิงสาวกลับเอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุขพลางกล่าวหยอกล้อเขาราวกับเด็กน้อย

    “คุณหนูของข้าไม่ร้องนะค่ะ ไม่ร้อง… อีกเดียวท่านก็จะได้เป็นพี่คนแล้วนะค่ะ ดีมั้ยค่ะคุณหนู”
    ไห่เจ๋อไม่ได้สนใจสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดแม้แต่น้อย ส่วนหญิงสาวเองก็เข้าใจผิดไปไกลว่าเขากำลังร้องงอแงด้วยความยินดี คนสองคนต่างเอาแต่พูดอยู่กับตัวเองโดยไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเพราะทั้งสองไม่อาจสื่อสารกันได้ ทว่าฉับพลันเสียงตะโกนด้วยความยินดีสายหนึ่งก็ดังขึ้นหยุดความวุ่นวายของคนทั้งสองลงได้ในทันที…

    “อุ๊ แว๊ววว!! อุ๊ แว๊ววว!!”

    “ออกมาแล้วค่ะ!! ยินดีกับนายหญิงด้วยนะค่ะ!!”

    สิ่งนั้นคือเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยกับเสียงตะโกนด้วยความยินดีของหมอตำแย

    “ยินดีด้วยนะค่ะคุณหนู ท่านได้กลายเป็นพี่คนแล้ว!!”

    หญิงสาวหรือสาวใช้ที่อุ้มตัวไห่เจ๋อร้องขึ้นอย่างยินดีพลางเดินไปหาหมอตำแยเพื่อที่จะดูหน้าทารกน้อยคนใหม่

    “ว้าว!! คุณหนูน่ารักมากเลยค่ะนายหญิง!! ท่านลองดูสิค่ะ!!”

    สาวใช้เอ่ยชมทารกน้อยคนใหม่ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขก่อนที่สายตาของนางจะไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง…

    “เอ๊ะ? นี่มันคืออะไรกัน? ปราณงั้นหรือ? มันอยู่กลางหว่างคิ้วพอดีเลยช่างงดงามจริงๆ คุณหนูรองต้องเป็นคนมีบุญมากแน่ๆ เลย จริงมั้ยค่ะคุณหนู?”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×