ตอน .....
ตอนนี้จวิ้นเต๋อต้องหยิบเอายุทธภัณฑ์สวรรค์ชิ้นที่สามออกมา 'เกราะวิญญาณไหมฟ้า' ถึงจะบอกว่าเป็นเกราะ แต่แท้จริงมันคืออาภรณ์ชุดหนึงเท่านั้น มันถูกถอขึ้นมาด้วยไหทฟ้าหมื่นปีผ่านการลงอักขระและแก่นปราณระดับราชาสวรรค์ ทำให้มันมีความคงทนเท่ากับผิวหนังของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิสวรรค์ ตอนนี้อาภรณ์สีฟ้าครามห่อหุ่มร่างกายของจวิ้นเต๋อจนกลายเป็นผิวหนังอีกชั้นของเขา ความจริงหากใช้ร่างเทพอสูรคงไม่ต้องใช้สิ่งใดมากม่ยเช่นนี้แต่หลังจากคลายร่างอสูรผู้มดจะดูแลความปลอดภัยของเขาถึงจะเข้าไปหลบในตำหนักสวรรค์ได้ แต่เขาอาจติดอยู่ที่นี้ตลอดกาลเลยก็ได้
"พิญเก้าวิญญาณสวรรค์ ท่านกำลังจะทำอะไรหากเป็นพิณนี้อาจทำให้ท่านลำบากก็ได้ " หย่าหลิวนางรู้มาว่าตอนที่จวิ้นเต๋อใช้พิณนี้ มีบางอย่างที่แปลกไปมันไม่เพียงใช้พลีงปราณมหาศาล วิชาสำเนียงสวรรค์ มันทำอันตรายแม้เเต่ผู้ใช้หากมีจิตวิญญาณที่ไม่เข้มแข็งพอ
"วางใจเถอะหย่าหลิง เพียงแค่นี้ข้ายังไหว การขับกล่อมนั้นไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้น " ความจริงแล้ววิชาสำเนียงสวรรค์ที่มันใกลำบากเพราะต้องขึ้นกับจิตใจของผู้บรรเลงหากในตอนนั้นมีจิตใจโกรธแค้นจะใช้สำเนียงสงบใจได้เช่นไร หากยังฝืนใช้คงไม่ต่างจากฆ้าตัวตาย
. เพียงการสัมผัสเขตแดนความเจ็บปวดเเล่นเข้าสู้ห่วงหัวใจของจวิ้นเต๋ออย่างหนัก สัมผัสแห่งตำหนักพฤกษานำพาความทุกข์ทรมานของพวกมันมายังเขาด้วยถึงจะเป็นเพียงส่วนน้อยแต่ก็นับว่ามีผลอย่างมากทีเดียว พลังหยางในร่างกายเริ่มที่จะเเสดงตนออกมาโดยที่ไม่ได้ควบคุทการถูกคุกคามโดยพลังหยินธาตุเย็นและธาตุมืดนับว่าหนักหนาเอาการ มันมิใช้พยัคฆ์หยินหยาง แต่มันเป็นพยัคฆ์หยินเขี้ยวทมิฬ.......หากบอกว่าพยัคฆ์หยินหยางหายากแล้ว พยัคฆ์หยินเขี้ยวทมิฬนั้นเป็นหนึ่งในสิบของพยัคฆ์หยินหยางที่จะเกิดมาก็ว่าได้ พลังหยินสองสายผสมผสานกัน นี้มันบ้าไปแล้วนี้มันเป็นสัตว์เทพที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขารู้มาในตอนนี้
สายพันธุ์ที่พิเศษเช่นนี้นับว่าเป็นปรปักษ์อย่างที่สุดกับจวิ้นเต๋อ มิน่าถึงต้องใช้พลังหยางอัคคีในการสะกดข่ม จะด้วยอักขระใดก็แล้วแต่ตอนนี้เขาพังทะลายมันไปจนหมดสิ้นแล้ว และไม่มีทางที่จะทำสิ่งใดได้นอกจากเผชิญหน้า
"จวิ้นเต๋อดูท่ามันจะรู้แล้วว่าเจ้ามา..." น้ำแข็งที่เกาะตัวเริ่มละลาย มันคื่นสภาพของทุ่งหญ้าที่เขียวขจีเช่นเดิม ตอนนี้นอกจากจะปลดปล่อยพลังหยางแล้ว พลังของสัตว์เทพในสายเลือดก็กระจายไปทั่วเช่นเดียวกัน ถึงหยินหยางจะสมดุลแต่หากมีบางอย่างที่ด้อยพลังกว่าพลังที่เเข็งแกร่งก็จะกลืนกินเพื่อพลังของตน
"เจ้าดูนั่น น้ำแข็งกำลังละลายแล้ว เช่นนี้มันไปแล้วมช่หรือไม่ " เสียงของคนที่สังเกตุเห็นเหตุการรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาต่างเผยความยินดีออกมา แต่ก็ต้องสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อเห็นการปรากฏตัวของตนเหตุทุ่งน้ำเเข็ง พยัคฆ์ขนาดตัวใหญ่กว่าหกเมตรปรากฏกายออกมาจากความมืดมิด ร่างกายของมันนั้นปกคลุมไปด้วยขนยาวสีขาว แต่สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต้องกลั้นหายใจ เพราะเขี้ยวเล็บของมันเป็นสีดำสนิทดุจนิล และหางที่มีขนาดยาวถึงสามหาง หางมีลายขาวแซมด้วยขนสีดำทำให้เข้าใจว่าเป็นพยัคฆ์หยินหยาง
"มันคือตัวอะไร มันไม่ใช่พยัคฆ์หยินหยาง.." คำกล่าวที่ไม่ได้ต้องการบอกกล่าวแก่ผู้ใด นางเพียงคุยกับตนเองเท่านั้น นางไม่รู้เลยว่าตรงหน้าที่นางเห็นเป็นสัตว์เทพชนิดใดกันแน่
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันคิดอ่านทำสิ่งใด การปรากฏตัวของสัตว์เทพอีกหนึ่งชนิดที่นับว่าคุ้นตาอยู่บ้าง เขาเเพะกว่าเก้าเขา ดวงตาห้าคู่ กับเท้าของวัวป่าเกล็ดสีครามสะท้อนกับแสงแดดงามระยิบตา ดวงตาสีครามจ้องมองสัตว์อสูรสายเลือดพยัคฆ์อย่างไม่เกรงกลัว
"กิเลน กิเลนจริงๆด้วยที่นี้มันคือที่ไหนกันทำไมถึงมีสัตว์เทพถึงสองตนเช่นนี้ แค่ตนเดียวพวกเราก็ไม่รอดเเล้ว " มันอุทานออกมาอย่างปลงตก ไว้อาลัยกับการเสี่ยงโชคครั้งนี้
"หุบปากของเจ้าซะ เจ้าไม่เห็นหรือว่าบนหัวของมันมีสิ่งใดอยู่ แหกตาดูเสีย !!! " เสียงของกานซวงไต่ซือเอ่ยขึ้นมาอย่างเหลืออด คนพวกนี้มีระดับถึงราชาสวรรค์ แต่กลัวตายถึงขนาดนี้แล้วมาที่นี้ทำไม มาแสวงโชคต้องเสี่ยงอันตรายพร้อมเสียสละเหตุใดถึงส่งคนเช่นนี้มาให้อับอาย
"จวิ้นอ๋อง......" เหิงลู่จงมองชายที่ยืนเด่นอยู่บนหัวของสัตว์เทพที่เป็นตัวแทนแห่งราชวงศ์ และพลังหยางที่ปลดปล่อยออกมามันละลายได้แม้กระทั่งน้ำเเข็งที่เยือกเย็น
ตอนนี้อากาศโดยรอบไม่อาจทำให้ร่างกายเขาเย็นเยียบเท่ากับภาพของคนตรงหน้า ข่าวว่าจวิ้นอ๋องครอบครองสัตว์เทพเป็นความจริง และยังมีระดับถึงจักรพรรดิสวรรค์ขั้น5 เพียงเท่านี้ก็อาจดีดความสามารถของราชวงศ์ฉีหลินให้เหนือกว่าสี่ราชวงศ์แล้ว นี้นับว่าเพัยงผู้เดียวปรากฏกาย ขุมอำนาจถึงกลับเปลี่ยนไป
เหิงลู่ถง และเหิงลู่เถามองหน้าน้องชายที่ตอนนี้ซีดขาวจนไม่อาจบอกได้ว่าเขาอาจจะหยุดหายใจไปเสียแล้วทำให้ทั้งสองแสดงความไม่สบายใจออกมาอย่างชัดเจน มิใช่ว่าเหิงลู่จงไปทำสิ่งใดให้จวิ้นอ๋องไม่พอพระทัย หากเป็นเช่นนั้นจริงตระกูลเหิงคงสิ้นในครานี้
"เจ้าคงมิได้ทำอะไรแปลกๆใส่จวิ้นอ๋องหรอกนะ ลู่จง..."
"หึ.......เจ้าเองซินะที่ท้าทายข้าผู้นี้ เจ้ากิเลนตัวเกม็นสายเลือดโซโครกในเหล่าสัตว์เทพเช่นเจ้าควรเฝ้าอยู่ที่ก้นบึงเช่นเดิม...." แน่นอนว่าเจ้าพยัคฆ์ตรงหน้าถากถางสัตว์เทพที่อาจหาญเผชิญหน้ากับตนเองทั้งที่ระดับต่ำกว่าแลัมีสายโลหิตที่ต้อยต่ำกว่า แต่สิ่งที่มันสนใจคือพลังหยางตบะ 12000ปี ที่ตอนนี้กำลังสร้างความรำคาญใจให้แก่มันอย่างที่สุด แม้เเต่จะย่างก้าวเข้าไปใกล้ยังต้องหลบหลีกเพราะไม่อาจทานความร้อนนั้นได้
"เจ้าก็เพียงสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์กล้าเอ่ยวาจ่เช่นนี้ได้ยังไง เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะเกรงกลัวพันธุ์ทางเช่นเจ้า " เสียงขู่คำรามในลำคอด้วยความโกรธแค้นที่ถูกหยาม มันอยากเขเาไปขย้ำคอของสัตว์เทพชั้นต่ำตรงหน้าเกินทน แต่สัญชาตญาณของมันกำลังบอกว่าบุรุษผู้นั้นอันตรายเช่นกัน
มันเลือกที่จะหันหลังจ้องมองไปยังปราดารวายุที่ตอนนี้สั่นไหวคล้ายดังจวนถึงเวลาที่จะพังทะลายลง กลิ่นอายความหวาดกลัวของผู้คนนับพันสร้างความอภิรมณ์ให้แก้มันไม่น้อย มันขู่คำรามและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พลังปราณธาตุมืดที่ก่อตัวเป็นคลืนปะทะเข้ากับปราการวายุเพียงสามครั้งเท่านั้น
แกร๊กกกกกก เพล้ง!!!!! เสียงเเตกร้าวขิงปราการนับว่าเป็นสัญญาณให้คนที่อยู่ภายในต้องเตรียมพร้อม พวกเขาต้องพร้อมหนีเพราะไม่มีใครบ้าพอที่จะต่อสู้กับสัตว์เทพตรงหน้าอย่างแน่นอน สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคิดฝันถึงคือแก่นปราณ และขน เขี้ยวของมันจะมีราคาสูงเท้าใดหาดทำสำเร็จ กระดูกที่ใช้บดเป็นตัวยาจะมีค่าขนาดไหนคิดเอา เเต่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ต้องแลกมาด้วยชีวิตแล้ว
แป้ง!!!!!!!!!!! แต่เพียงอึดใจเดียวก็ปรากฏระฆังสีทองขนาดใหญ่ขึ้นมาเเทนที่ปราการวายุที่เบือนหายไป วิชาระฆังทองคุ้มกายของอารามตงหวง นับเป็นวิชาสายป้องกันอันดับหนึ่งในยุทธภพตอนนี้แล้ว
ปัง!!!!!! กกกกกก เสียงกงเล็บสีดำทมิฬที่กรีดผ่านระฆังสีทองจนเกิดเป็นเสียงที่บาดหูจนเหล่าผู้ที่ไม่อาจทนต่อเสียงได้กระอักโลหิตสลบลงไปทันที นับว่าไม่เพียงพลังของระฆังทอง สัตว์เทพตรงหน้ามีความเจ้าเลห์เป็นอย่างมาก มันไม่สมเป็นชาติพยัคฆ์
แต่เพียงไม่นานเสียงของเครื่องดนตรีที่บรรเลงขึ้น ฝ่าคลื่นเสียงที่เเสบหูจนมันเลือนหายไป คนของอารามตงหวงรู้ดีว่าจุดอ่อนของวิชานี้คือสิ่งใด มันป้องกันได้อย่างดีแต่มันก็ดูดซับการโจมตีไว้ทั้งหมดลองคิดเอาเถิดอยู่ในระฆังแล้วมีคนมาตีผู้ที่อยู่ข้างในจะเป็นเช่นใด นอกจากผู้ฝึกที่ชินชากับมันแล้วเท่านั้นถึงจะทานทนได้
โฮกกกกก!!!!! ผลกระทบของพลังสำเนียงสวรรค์นับว่าเป็นวงกว้าง ตอนนี้ระฆังทองขนาดใหญ่ที่ถูกกงเล็บของสัตว์เทพยังไม่มีการปริแตก แต่ตอนนี้มันถูกพลังสำเนียงโจมตีอย่างโหดเหี้ยม.....
" สวรรค์ ท่านอ๋องท่านบ้าไปแล้ว นั้นพิณเก้าวิญญาณสวรรค์ มันเป็นสมบัติของตำหนักพยากร ใช้วิชาสงบใจเร็วเข้าอีกไม่กี่อึดใจพลังของระฆังทองคุ้มกายจะเเตกแล้ว " แน่นอนว่าคนที่ได้ฟังถึงไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อเพราะตอนนี้ผู้ที่ใช้ระฆังทองคุ้มกายคือหนานจั่วไต่ซือเขารู้ดีว่าระฆังทองห้าชั้นเพียงสามอึกใจก็สลายไปสามชั้นแล้ว จะให้สงบใจตอนนี้ไม่มากไปหน่อยหรือ เเต่เเล้วเสียงเรียกหาจากห้วงนรกที่ก้องกังวาลทำให้เขาเข้าใจทันที มีเพียงหลวอู่หรูอี้ที่พอตะมีสติ นางใช้วิชากายามังกรนภาบดบังพลังทั้งหมดของสำเนียงสวรรค์ไว้แต่ก็เพียงห้าส่วนเท่านั้น ที่เหลือก็แล้วแต่ความสามารถเถอะ
"บัดซบ!!! เขาจะฆ่าพวกเรารึยังไงกัน ข้าจะไม่ไหวแล้ว " เสียงสบถด่าจากคนของเฟิงไหลและไป๋หู่ รวมถึงเสวียนอู่ที่ตอนนี้ถึงกับใช้สมบัติราชวงศ์ทีเดียว 'กระดองแปดเซียน' ยุธภัณฑ์สวรรค์สายป้องกัน แต่มันก็มากพอเพียงคนไม่กี่สิบคนเท่านั้น
"เจ้าบ้าเสวี่ยนอู่ซาง กล้าเอาตัวรอดเพียงลำพังนี่ล่ะนะเต่าหดหัวเชอะ " เเม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อเเหลมเช่นนี้พวกเขายังไม่หยุดที่จะแขสะกัน เพราะทั้งสามนั้นนับว่ามีความคุ้นชินกันตั้งแต่เป็นศิษย์ฆราวาสของอารามหยงชิงแล้ว ซึ่งทั้งสามก็นับว่าเป็นอาวุโสของราชวงศ์ที่ยังไม่ปลีกวิเวกเท่านั้นเอง
"อ๊ากกกกกก หยุดนะเจ้าสารเลวน้อย เจ้าสารเลวสายเบือดสารเลว พวกเจ้า......" เสียงด่าถอเเบะคำรามลั่นของพยัคฆ์ที่พร้อมจะเข้าจู่โจมได้ทุกเมื่อเเต่ตอนนี้ร่างกายของมันกำลังรับแรงกระเเทกจากวิชาสำเนียงสวรรค์หากบอกว่านอกจากถูกคุมขังตั้งแต่ลืมตาดูโลกนี้เป็นคราแรกที่ทำให้มันเดือดดาลได้ถึงเพียงนี้
"จวิ้นเต๋อพอเถอะ ตอนนี้เจ้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว " หย่าหลิงเอ่ยขึ้นมาจากภายในดวงจิตเพราะนางอยู่ในดวงจิตย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่จวิ้นเต๋อกำลังทำนั้นเป็นการมองผ่านเรื่องราวที่ทำมห้จิตมจเขาเจ็บปวดทุกสิ่งที่เขาเห็นแม้แต่นางที่เป็นสัตว์อสูรยังอดเวทนาไท่ได้เลย สวรรค์เจ้าผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาได้ยังไงโดยไร้ความรู้สึกโกรธเกลียดเช่นนี้ ถึงจะนิ่งมากเพียงใดแต่หากมันมากไปก็ย่อมทำให้รู้สึก เมื่อหยุดบรรเลงอาการมึนงงชั่วขณะก็เกิดขึ้น และในเวลาเดียวกันกระบี่หยกเป่ยหู่ก็ปรากฏบนมือที่สลักเสลาราวหยกมันเเพะ
"ทวงทำนองกระบี่บุปผาสยบสวรรค์ " ภาพติดตาของรังสีกระบี่กว่าพันเล่มปรากฏขึ้นรอบกายของพยัคฆ์หยินเขี้ยวทมิฬในทันทีถึงจะมีขนที่เเข็งแกร่งปกคลุมร่างกาย แต่พลังหยางที่แฝงมากับการโจมตีก็ทำให้มันบาดเจ็บได้ไม่น้อย ยิ่งมันเองก็บาดเจ็บจากวิชาสำเนียงสวรรค์เมื่อครู่แล้ว
หอกวารีกว่าร้อยสายก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า หย่าหลินนางเริ่มโจมตีเช่นกันนี้อาจเป็นครั้งแรกที่นางคิดอยากต่อสู้เพราะเจ้าพยัคฆ์ตรงหน้าดูถูกนางไว้มากเช่นกัน แต่ยังไงเสียพลังของก็แพ้ทางเจ้าพยัคฆ์ตรงหน้ามากอยู่ดี หอกวารีของนางกลายเป็นน้ำเเข็งและแตกสะลายไปในทันที แต่มันก็มากพอจะก่อกวนศัตรูให้ผู้โจมตีแท้จริง
ท่าเท้าชมบุปผากับเพลงกระบี่บุปผาสยบสวรรค์ของอ๋องศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้นับว่าเป็นของจริงเพียงกระบวนท่าที่สาบสูญนี้เป็นวิชาของจริงหาใช้ลอกเลียนท่าและสิ่งที่ปรากฏต่อมานั่นคือกลีบบุปผาแท้จริง เหมยหิมะเเห่งเป่ยหู่ส่งกลิ่มหอมไปทั่วและทุกกลีบมันยังได้รับการปกปักจากพลังซึ่งมันไม่ต่างจาดมีดใบเล็กๆเลย
"กลับมาเสียที ตำหนักพยากรณ์ ข้าเองเบาใจและไม่เคยยินดีขนาดนี้มาก่อนเลย ข้าน้อยหานอี้จะติดตามรับใช้ท่านจนวันตาย ไม่ยอมรับคำปลดปล่อยจากท่าน ท่านอ๋อง......"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
หย่าหลิว ไม่ได้อยู่ขั้น 8 หรอ ??
ขอบคุณนะ สำหรับงานเขียนดีๆ
ท่านได้รับพยัคฆ์เขี้ยวทมิฬ 1 ea
เจ้าหานอี้ไปได้ดิบได้ดีที่อื่น เราไม่รับเจ้ากลับแน่นอน คนทรยศเลี้ยงเสียข้าวสุก
จะได้สมาชิกเพิ่มไหมนะ ไม่อยากให้ฆ่ากันเลย อยากให้อยู่ด้วยกันมากกว่า
รอค่าาาา
สนุกมากๆเข้ามาส่องทุกวัน ติดหนึบ เป็นนิยายที่เข้ามาส่องบ่อยที่สุด ทำเป็นรูปเล่มเมื่อไหร่จะจองเป็นคนแรก อิอิ เป็นกำลังใจให้ไรท์จร้า
ไรท์น่ารักที่สุด ขอบคุณนะค่ะ
สนุกมากกกกกก ขออีกตอนนนนนนนน
สนุกมากเลยค่ะ
ทีอย่างนี้จะมารับใช้ท่านอ๋อง ฝันไปเถอะ