ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tear Review รับวิจารณ์นิยายสไตล์เทียร์

    ลำดับตอนที่ #7 : ส่งงานคุณเอ้ : Mage เมจ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 59


    Mage เมจ

    --------

         สวัสดีค่ะคุณเอ้ ถือว่าเป็นโอกาสอีกครั้งที่ได้วิจารณ์แนวแฟนตาซี(แม้จะอยู่ในหมวดรัก) อะแฮ่ม! ก่อนเลื่อนลงไปอ่านอยากให้คุณเอ้ทำความเข้าใจสไตล์การวิจารณ์ของเทียร์นิดนะคะ เนื่องจากเทียร์อ่านและวิจารณ์ในลักษณะบทต่อบท เพราะงั้นเทียร์ก็เป็นเสมือนนักอ่านคนนึง ที่ไม่อาจรับรู้ว่าเรื่องในตอนต่อไปดำเนินไปเช่นไร และบทวิจารณ์ที่เทียร์เขียนนี้ถือได้ว่ามาจากมุมมองของนักอ่านคนหนึ่งค่ะ

         และอีกเรื่องที่เทียร์ขอเตือนคุณเอ้ก่อนเลื่อนอ่านคำวิจารณ์ คือ คำวิจารณ์ในเรื่องของคุณเอ้ค่อนข้างยาวกว่าของท่านอื่นๆ และเทียร์เขียนทุกส่วน อ่านทุกบรรทัดที่ไม่สมเหตุสมผล รวมถึงคำผิดและคำที่ไม่เข้ากับบริบทแวดล้อม เทียร์ไม่ใช่นักวิจารณ์แบบอ้อมค้อม ดังนั้นในบางประเด็นอาจทำให้คุณเอ้รู้สึกไม่ชอบคำวิจารณ์นี้ ก็ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ

    --------

     

    1.ชื่อเรื่อง

         ชื่อเรื่องเรียบและยังไม่สื่ออะไรชัดเจน และยังห้วนเกินไปค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจัดในหมวดรักแฟนตาซีด้วยแล้ว ชื่อเรื่องถือเป็นจุดขายแรกในการนำคนอ่านเข้ามาอ่านค่ะ เทียร์ไม่ซีเรียสว่าจำเป็นต้องมีอะไรต่อท้ายหรือสั้นยาวขนาดไหน แต่คุณเอ้จำเป็นต้องดึงเอกลักษณ์ของเรื่องมาเป็นชื่อเรื่องให้ได้ค่ะ  เทียร์รู้ว่ามันค่อนข้างยากกับการตั้งชื่อเรื่อง แต่ต้องพยายามสื่อให้นักอ่านเข้าใจให้ได้ว่าโทนเรื่องของเราเป็นไปในแนวไหน

     

    2.เนื้อหา

         คำโปรย: นิยายที่ดีจำเป็นต้องมีคำโปรย ถ้าถามว่าไม่มีได้ไหม ตอบว่าได้ค่ะ แต่อย่าลืมว่าคำโปรยคือส่วนหนึ่งของหน้าตานิยาย หากเปรียบเทียบนิยายคุณเอ้กับร้านอาหาร
    คำโปรยคือการตบแต่งภายนอกร้าน เพื่อบอกกล่าวว่าเราคือร้านแบบใด ถ้าไม่ตบแต่งมันคนทานจะไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าตกลงแล้วร้านคุณเอ้มันคืออะไร และบางคนก็เลือกที่จะเดินผ่านไป ต่อให้อาหารในร้านอร่อยแค่ไหน ดังนั้นอย่างน้อยควรมีคำโปรยเพื่อบอกเล่าเรื่องราวค่ะ คำโปรยในที่นี้คุณเอ้อาจดึงมาจากฉากหนึ่งในนิยาย ที่คิดว่าเอามาแล้วคนอ่านต้องติดตามและดีที่สุด

         ต้องขอบอกก่อนว่าเทียร์อาจขอพูดตรงๆ ในส่วนเนื้อหานะคะ แต่ขอให้คุณเอ้อย่าเพิ่งท้อใจ ขอให้พยายามปรับปรุงและพัฒนางานเขียนที่อยากเขียนให้มากที่สุด เพราะเทียร์ติเพื่อก่อ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่นักเขียนทุกท่านทำออกให้ดีที่สุดเนอะ

         ก่อนอื่นเลย การเปิดเรื่องของเรื่องนี้เป็นการเล่าพื้นเพของดินแดนแค่ละฝ่าย ตรงนี้ยังคงไม่ค่อยละเอียดค่ะ ทำให้ผู้อ่านเกิดความเบื่อและงงแน่นอน (ส่วนใหญ่ของแฟนตาซีจะเปิดเรื่องด้วยทำนองนี้) เรื่อยๆ มายังไม่ถือเป็นที่น่าสนใจตั้งแต่แรก เนื้อหาภายในบทค่อนข้าวยาวถึงยาวมาก (เทียร์ขอเดาว่าราวๆ แปดหน้าเวิร์ดขึ้นได้) อีกเรื่องคือการเรียกชื่อเมืองทั้งสองเมืองที่ติดกัน เพราะเป็นชื่อยาวและใกล้เคียงกันมาก จะทำให้นักอ่านสับสนได้ง่ายค่ะ รวมถึงระบบการปกครองภายในเมืองดาร์ก(ขอเรียกสั้นๆ นะคะ) เพราะคุณเอ้ไม่ได้มีการบอกรายละเอียดระบบการปกครองของทั้งสองฝ่ายอย่างเด่นชัด เมื่อแทนว่าเจ้าชายแห่งเมืองใหญ่(ซึ่งหมายถึงเมืองไลท์) รับรองว่าเกิดความสับสนกับเมืองดาร์ก ที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์แน่นอนค่ะ ลองอธิบายโดยการปูพื้นให้มากกว่านี้ และที่สำคัญกว่าอะไรคุณเอ้อย่าลืมนะคะ กษัตริย์ที่ปกครองประเทศดาร์ก ถูกเจ้าชายจากไลท์ มากล่าวหาให้ร้ายจนประชาชนเชื่อกับข่าวลือไม่ดี แล้วพากันเลื่อมใส สรรเสริญเจ้าชายจากเมืองไลท์ ข่าวลือนั่นคงเป็นเรื่องที่ใหญ่และต้องใช้เวลาเตรียมการอย่างต่ำก็หนึ่งปีขึ้นไป เทียร์ขอถามอีกว่าทำไมประชาชนในเมืองดาร์กถึงยอมรับเจ้าชายจากเมืองไลท์ให้มาปกครองตน และไม่มีทหารหรือขุนนางรู้หรือว่านี่เป็นแผนการของเจ้าชาย และพวกเค้าศรัทธาโดยไม่สงสัยกันเลยหรือ ว่าคนที่ตนศรัทธานั่นจะป้ายสีใส่พระราชาของตัวเอง

          พอมาถึงบทที่นางเอกเข้าไปทำงานในรั้ววัง ถ้าเทียร์เป็นหัวหน้าแม่บ้าน เทียร์จะไล่เอลล่าออกค่ะ เหตุผลเดียวคือความซุ่มซ่าม จากการที่คุณเอ้บอกในบริบท คนทำงานในวังส่วนใหญ่ไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดหรือซุ่มซ่ามได้บ่อย แต่ถ้าบ่อยเกินไปอาจนำความเสียหายอย่างอื่นเข้าสู่พระราชวัง (สมมติว่าเอลล่าเป็นแม่ครัวในวัง มีของที่ห้ามใส่ร่วมกันในอาหาร แต่นางซุ่มซ่ามทำของชิ้นนั้นหล่นไปโดยที่ใครไม่รู้ และอาหารจานนั้นถูกนำขึ้นถวายให้กษัตริย์ ก็คิดดูนะคะว่าหากหัวหน้าแม่ครัวจะทำอย่างไรกับเอลล่า แน่นอนว่าคงไม่ใช่การคาดโทษแน่ๆ)

         ตอนที่เอลล่าเจอพระราชาที่สนามหญ้า อันนี้แล้วแต่นะคะ สำหรับเทียร์การเข้าใกล้กษัตริย์ในพระราชวังไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ เพราะอย่างน้อยต้องมีองครักษ์คอยจับตามองอยู่ และถ้าทะเล่อทะล่าเข้าไปคงโดนจับแน่นอน แต่อันนี้เทียร์คิดเองว่าอาจเป็นช่วงที่กษัตริย์แอบหลบออกมาคนเดียว แต่ถ้าเป็นอย่างหลังควรมีการบอกเพื่อให้คนอ่านรับรู้ค่ะว่าอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครตาม เช่น ให้เอลล่ามองสำรวจรอบตัวก่อนเดินเข้าไปหา ที่ไม่มีเหตุผลที่สุดคือจู่ๆ เอลล่าเดินเข้าไปขอให้ราชาปรับทุกข์ด้วย เอาตรงๆ คือมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาง และทั้งสองก็ไม่ได้รู้จักมักจี่ขนาดจะปรับทุกข์กันได้ ยิ่งเป็นราชายิ่งไม่ควรปรับทุกข์กับคนไม่สนิท เพราะอาจเป็นการเผยความลับที่ส่งไปหาศัตรูได้

         ที่เทียร์แปลกใจที่สุดคือนิสัยของราชา จากที่ก่อนหน้านี่เขาฆ่าราชาองค์ก่อนเพื่อครองดินแดนนี้ เอาจริงๆ นะคะคนที่วางแผนใส่ร้ายและลงมือฆ่าคนอื่น คงไม่ได้ใจดีมีเมตตาแบบนี้ แถมยังมานั่งปรับทุกข์กับผู้หญิงที่แค่เอาอาหารมาให้ไม่กี่นาทีแล้วไปเลยหรือ

         และแล้วก็เกิดคำถามอีกค่ะ ชาร์มมิ่งคือใคร? คุณเอ้น่าจะอธิบายหรือแนะนำตัวละครให้ติดตาเสียก่อน เกือบทั้งบทเทียร์เห็นแต่ชายหนุ่ม เด็กหนุ่มและเขา มันยากต่อการจดจำนะคะถ้าไม่มีลักษณะเด่น จากส่วนนี้ทำให้นักอ่านเสียอรรถรสได้จนต้องสะดุด แล้วย้อนกลับไปดูใหม่อีกว่า สรุปแล้วคนที่คุณเอ้กล่าวถึงคือใคร

         อ่า...ตอนท้ายบทที่1 เมืองที่มีพ่อมดชั่วร้ายไม่ใช่เมืองไลท์หรอคะ ทำไมเป็นเมืองดาร์ก? มันขัดกับตอนต้นแปลกๆ หรือเทียร์จะเบลอเอง (หากผิดพลาดขออภัยนะคะ)

     

    บทที่2:

    ขอให้ระวังเรื่องการเปลี่ยนฉากค่ะ จากที่เอลล่าคุยกับราชา จู่ๆ ตัดมาที่ชาร์มมิ่ง เทียร์ถึงกับงงเลยค่ะ แนะนำว่าหากตัดฉากให้เว้นห่างกันสักบรรทัด หรือเว้นบรรทัดพร้อมใช้ตัวหนา เพื่อให้คนอ่านเข้าใจว่าตอนี้เราเปลี่ยนฉากแล้วนะ เช่น

    ฉากที่เอลล่าคุย

    ------ เว้นวรรค 1 บรรทัด -----

    ฉากเอลล่ากับเพื่อน

         ตอนที่ยายเล่าอดีตเอลล่า เทียร์สงสัยค่ะ ไหนยายบอกไม่รู้ว่าเอลล่าเป็นใคร ไปเจอตรงพุ่มไม้ปลอดสายตา มีเลือดออกตามตัว แล้วทำไมตอนท้ายถึงบอกว่ามีคนจ้องเอาชีวิต ยายแกรู้ได้ยังไงคะ มันขัดแย้งกันเองแปลกๆ เป็นเทียร์เจอทารกในพุ่มไม้ เทียร์คงคิดว่าสัตว์ป่าทำร้ายมากกว่าอีก

         ต่อมาเรื่องของชาร์มมิ่งค่ะ หลังจากทหารทุบบ้านเอลล่ากับพวกเพื่อนบ้านทิ้ง ชาร์มมิ่งก็แสดงเวทมนตร์และบอกว่าเป็นน้องราชา ถ้าเทียร์เป็นทหารขอเลือกไม่เชื่อค่ะ เพราะชาร์มหนีออกมาจากวัง(ตามที่เจ้าตัวบอก) ตั้งแต่เด็กและไม่มีใครจำหน้าตาได้ แต่จู่ๆ มาอ้างว่าเป็นน้อง และยิ่งพอถูกเชิญให้กลับวัง ก็กลับไปทั้งอย่างนั้นเลยหรอคะ ทั้งที่ตัวเองหนีมาตลอด

     

    บทที่3:

    คำถามอีกแล้วค่ะ(ฮา) คุณเอ้อย่าเพิ่งเบื่อเทียร์นะ เทียร์เป็นพวกเจ้าหนูจำไมเยอะไปหน่อย เอ้า! เทียร์ขอถามค่ะว่าอาเธอร์มั่นใจได้ยังไงว่าเอลล่าคือเจ้าหญิงที่หายไป 25 ปี (อาเธอร์นี่ตาแก่หงำเหงือกมากค่ะ นางอยู่มากนานไปมั้ย// โดนคุณเอ้โบก) ถ้ารอยถูกฟันที่ลำคอ เอลล่าอาจถูกมีดปังตอบินมาเฉี่ยว หรือกรงเล็บสัตว์ร้ายฝากเขี้ยวเล็บไว้ก็ได้ เทียร์คิดว่าที่อาเธอร์มั่นใจนั่นเป็นเหตุผลที่ไม่โอ และฟังไม่ขึ้นเลยค่ะ แต่เรื่องที่ซื้อใจชาวบ้านอันนี้รับได้เพราะบทนางเป็นอย่างนั้น แล้ว...แล้วประเด็นคาใจคือชาร์ม นางไปรักเอลล่าเมื่อตอนไหนคะ? เพราะบทที่คุณเอ้เขียนมาไม่ส่งให้คนทั้งคู่มีเคมีเข้ากันเลย ไม่มีบทเป็นนัยว่าชาร์มรักเอลล่า

         หลังจากนั้นที่ชาร์มถูกอาเธอร์ขู่ เจ้าชายนะคะ...เทียร์ขอย้ำว่าเจ้าชาย คงไม่ง่ายที่จะร้องไห้เป็นสาวน้อยแน่ๆ ถ้าถามว่าตอนนั้นน่าจะรู้สึกแบบไหน เทียร์จะไม่มีทางให้เจ้าชายร้องไห้แสดงความอ่อนแอง่ายๆ อย่างนี้ มีแต่จะรู้สึกแค้นจนขยี้คนขู่มากกว่าค่ะ และอีกเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล คือ ชาร์มเก่งเวทแต่ทำไมถูกจับขังได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าเก่งเวทขนาดนั้นถ้าเทียร์เป็นเจ้าชาย เทียร์จะบึ้มอาเธอร์และรีบพาเอลล่าหนีไปตั้งหลักแล้วค่ะ(จริงมั้ย?)

    ตอนบุกเข้าพระราชวัง เทียร์ขอติเลยค่ะว่าในส่วนนี้ไม่สมเหตุสมผลที่สุด คุณเอ้บอกว่ามีทหารในวังน่าจะสองคน (คริสกับโรบิน) นอกนั้นเป็นชาวบ้านกับเอลล่า นางไม่ใช่กองโจร ไม่ใช่นักล่า หรือกระทั้งนักฆ่าที่จะบุกก็บุกเข้าไปดื้อๆ เอลล่ากับชาวบ้านไม่ได้เป็นมืออาชีพในการหลบหลีกขนาดนั้นค่ะ โดยเฉพาะตัวเอลล่าที่คุณเอ้เคยบอกว่านางซุ่มซ่าม งานใหญ่ขนาดช่วยเจ้าชายแต่เอาคนไม่ระวังตัว มันไม่เสียหมดหรอคะ แล้วพวกโรบินกับคริสนี่โดนจับก่อนชาวบ้านอีก ทำไมทั้งที่น่าจะเก่งเรื่องการอำพรางตัว เพราะเคยเป็นทหารมาก่อนกลับถูกจับก่อนใคร ถ้าเป็นอย่างนั้นเทียร์ไม่แปลกใจที่จะถูกไล่ออกค่ะ

    ยิ่งตอนที่เอลล่าเจอกับแมรี่ คนไม่สนิทกันจะกล้าเข้าไปยุ่งเรื่องคอขาดบาดตายหรอคะ เอลล่าบอกเจ้าชายถูกจับตัวโดยพระราชา ซึ่งเป็นเจ้านายตัวเอง การไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแล้วไปช่วยเหลือเป็นไปไม่ได้ค่ะ ทุกคนมีสัญชาตญาณรักตัวกลัวตายทุกคน ดังนั้นคงไม่มีใครเอากระดูกมาแขวนคอตัวเองแน่นอน

    แล้วหลังจากนั้นค่ะแมรี่ 'จงใจ' เดินเข้าไปบอกทหารในคุกใต้ดินว่าเห็นคนแปลกหน้า ทหารคนนี้น่าปลดค่ะ อย่างน้อยเขาต้องรู้ว่ามีทหารยามคอยตรวจตราด้านบน (ถ้าไม่มีทหารยาม พวกโรบินกับคริสคงไม่ถูกจับหรอกจริงมั้ยคะ) หรืออาจถามเบื้องต้นว่าเป็นไงมาไงค่ะ แล้วยังถูกโด้กุญแจไปไม่รู้ตัวอีก เป็นเทียร์ก็ปลดค่ะ ถือว่าทำงานบกพร่อง

    งานสงสัยมาอีกค่ะ อาเธอร์ที่กำลังทำร้ายเอลล่าทำไมมีอายุสามสิบต้นๆ ไม่ใช่ตาแก่หงำเหงือกหรอคะ เห็นตอนต้นๆ บทบอกว่าอยู่มานานตั้งแต่สมัยที่ชาร์มยังไม่เกิด คำนวณอายุคร่าวๆ น่าจะสี่สิบได้นะคะ (เป็นทหารคงรับอายุสิบปี *ตีเลขถ้วนๆ ค่ะ* บวกอายุชาร์มจากท้องเรื่องคือมากกว่าเอลล่า เจ็ดปี *อิงจากบทแรกกับบทสองที่บอกว่าราชามายึดครองดินแดนดาร์กตามน้องสั่ง ซึ่งตอนนั้นชาร์มเจ็ดขวบ และเอลล่าเป็นทารก* รวมอายุชาร์มคือ 32 ปี อย่างต่ำอาเธอร์ต้อง 42 อัพเลยนะคะ) ตามเทียร์ทันนะ?

    งงอีกค่ะช่วงชุลมุนตะลุมบอนหน้าห้องขัง ทำไมอาเธอร์ถึงแทงเอลล่า ในเมื่อก่อนหน้านี้แสดงความภักดีด้วย(ถึงขนาดบอกทุกอย่าง และทรยศ? เควินเลยนะ) แล้วเอลล่าถูกดาบแทงท้อง นางใจเด็ดขนาดดึงดาบจากท้องตัวเองเชียวหรอ

                เนื่องจากเทียร์อ่านและวิจารณ์แบบบทต่อบท ดังนั้นแม้จะมารู้เฉลยความจริงในบทสุดท้าย เทียร์จะขอบอกว่า ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเป็นรักแฟนตาซีค่ะ แนวรักแฟนตาซีอาจไม่ได้หมายถึงชายหญิงผจญชะตากรรมลำบาก ท้ายที่สุดแต่งงานแล้วแฮปปี้เอนด์ แต่มันรวมถึงความผูกพัน สายสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจนเกิดเป็นความรัก อาจเป็นรักในแบบพี่น้อง เพื่อน คนรักหรือครอบครัว

         กลิ่นอายความเป็นแฟนตาซีเองก็เบาบางมากถึงมากที่สุด รู้แค่ว่ามีเวทมนตร์ มีกริฟฟินเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ แต่ที่หายไปคือความสัมพันธ์กับเวลาค่ะ นักอ่านจะซึมซับกับอารมณ์ตัวละครเมื่อใช้เวลาในการบ่มเพาะ คุณเอ้แต่งรวบรัดตัดตอนเร็วมาก ตัดบทไปมาระหว่างตัวละครเองก็ยังไม่ค่อยดีค่ะ โดยเฉพาะช่วงหลังๆ เหมือนไอเดียไหล เลยพิมพ์ตามไอเดียโดยไม่อ่านทวน ฉากเลยค่อนข้างเปลี่ยนไปเร็วมาก ทั้งที่จริงเรื่องนี้ยืดได้อีกยาวค่ะ มีปมให้เล่นเยอะด้วย (เรื่องอดีตของเคลวินกับชาร์มมิ่ง, ความสัมพันธ์ของชาร์มกับเอลล่า ฯ)

         ที่สำคัญกว่านั้นค่ะในบทที่สามแทบจะเรียกว่ายัดตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกตัว ให้อยู่มันบทเดียว เทียร์อ่านสองสามรอบยังไม่รู้เลยค่ะใครเป็นใคร แถมมีคำถามมากมายตามมาอีก เช่น แมรี่กับโรบิน(?) ตกลงปลงใจกันยังไง เพิ่งเจอกันไม่ใช่หรอ ไหนจะเรื่องสายในหมู่บ้านเร่ร่อนอีก เทียร์คิดว่าคุณเอ้บริหารบทและสภาพแวดล้อมที่ให้นักอ่านฉุกคิดได้ไม่ดีค่ะ (ถึงแม้ในบทที่สองจะมีชาวบ้านเร่ร่อนขยิบตาให้กัน แต่ถ้าไม่อ่านจนจบจะไม่รู้เลยว่านั่นเป็นสัญญาณของสาย) และจนจะจบเรื่องแล้วมีชื่อใครมากมายผุดมาให้งง อย่างคาร์ล เค้าคนนี้คือใครมาจากไหน ก่อนหน้านี้มีบทอะไรให้น่ารำลึกถึง

         

    3.ตัวละคร

         จะเป็นไรมั้ยคะถ้าเทียร์จะบอกว่าขัดใจกับตัวละครคุณเอ้? ขัดใจจริงๆ ค่ะ คือนิสัยแต่ละครไม่มีอะไรเป็นจุดแตกต่างเลย ลักษณะนิสัยถือว่ายังแบนอยู่ คือ ดีก็ดีไปเลยไม่มีเลวปน เลวก็เลวไม่ทีดีปน ซึ่งถ้ายึดตามความเป็นจริง นิสัยของตัวละครควรมีทั้งดีและไม่ดีผสมกันไป เพื่อความสมดุลค่ะ ถ้าเทียบกับนางแบบ นิสัยตัวละครถือว่าเป็นอาภรณ์ห่มกายเลยนะคะ ไม่สวยเตะตาก็เอ้าท์ค่ะ แถมยังไม่ค่อยบรรยายลักษณะตัวละครให้ผู้อ่านเข้าใจอีก ควรย้ำกับนักอ่านบ่อยๆ เพื่อให้นักอ่านจินตนาการออก ว่าเออนางเอกพระเอกเราหน้าตางี้นะ แต่ก็ไม่ใช่ย้ำว่า 'เจ้าของดวงตาสีนั้น เจ้าของเรือนผมสีนี้' อันนี้ย้ำเยอะไปคนอ่านจะสับสนกับตัวละครที่ลักษณะใกล้เคียงกันได้ อีกเรื่องคือสรรพนามที่ใช้เรียกงงมากค่ะ โดยเฉพาะของชาร์มมิ่งแรกๆ เทียร์ถึงกับร้อง หืมมม เลยนะ และที่ไม่อาจสัมผัสได้จากเรื่องนี้อีกเช่นกันคือเรื่องวุฒิภาวะค่ะ เนื่องจากตัวละครในเรื่องนี้อายุก็ค่อนไปทางสามสิบแล้ว แต่เทียร์กลับสัมผัสได้แต่ว่าตัวละครทุกตัวนี่อายุไม่น่าเกินยี่สิบเลย ยังไงลองเก็บไปทำเป็นการบ้านเพิ่มเติมนะคะ

       มาถึงโหมดวิเคราะห์ตัวละครกันค่ะ

    เอลล่า: เป็นตัวเอกที่จุ้นจ้านเรื่องชาวบ้านมาก เทียร์บอกเลยนางยุ่งอย่างไม่สมเหตุสมผลในหลายๆ เรื่อง ต้องเข้าใจนะคะว่าทุกคนไม่ใช่ว่าจะต้องระบายให้นางฟังตลอด อย่างตอนไปปรับทุกข์กับราชาก็ใช่ ตอนลุงสตีฟก็ดี ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ได้สนิทชิดเชื้อ ไม่ใช่คนที่รู้จักมักคุ้น ทำไมพวกเขาต้องมาเล่าเรื่องภายในให้คนนอกอย่างเอลล่าด้วย

    ชาร์มมิ่ง: พระเอกบทน้อยมาก แทบจะเรียกได้ว่าตัวประกอบเอกก็ว่าได้ นิสัยแปลกค่ะ บทจะเหมือนเก่งก็เก่ง บทจะอ่อนก็อ่อนเกินไป ยังไม่คงเส้นคงวา และสำหรับการเป็นสายเลือดกษัตริย์ถือว่าไม่ค่อยมีคุณสมบัติเท่าที่ควร

    เคลวิน: ราชาปิศาจคราบนักบุญ บทไม่ส่งให้ร้ายอย่างมีเหตุผลพอค่ะ แต่เป็นตัวละครเพียงตัวเดียว(มั้ง?) ที่อธิบายละเอียด [ขนาดนางเอกเทียร์ยังไม่รู้เลยลักษณะเป็นไง] แต่ถึงละเอียดก็จำภาพลักษณ์ไม่ได้ค่ะ เพราะบอกแค่ครั้งเดียว (จากตอนเอลล่ายกข้าวไปให้)

       

    4.ภาษาที่ใช้

         ก่อนอื่นเลยเทียร์ขอแนะนำให้คุณเอ้จัดรูปแบบการเขียนใหม่ก่อน เนื่องจากตัวหนังสือที่ค่อนข้างเล็กมาก และไม่มีการย่อหน้า จึงทำให้คนอ่านต้องเพ่งสายตาค่ะ (เทียร์อ่านๆ หยุดๆ เรื่องนี้ไปเป็นพักๆ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสายตาเล็กน้อย) ถ้าไงลองให้คุณเอ้ลองไปดูเรื่องการจัดย่อหน้าการเขียนนิยาย แต่เทียร์จะให้การแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ(หาทราบแล้วอ่านข้ามไปก็ได้ค่ะ) อันดับแรกคือเรื่องของอักษร ส่วนใหญ่นิยายที่เขียนจะใช้ฟ้อนต์ Angsana New กับ Codia New ขนาด 14-16 pt. แต่เมื่อนำมาลงในเว็บเด็กดีขนาดที่ปกติเทียร์ใช้ จะใช้ 18-20 pt. เพราะมันตัวใหญ่และค่อนข้างเห็นชัดค่ะ แนะนำว่าควรพิมพ์ลงเวิร์ดเพื่อจัดรูปแบบและขนาดอักษร จากนั้นค่อยคัดลอกมาลงในเว็บนะคะ

     

    เข้าเรื่องค่ะเพราะเป็นธีมรักแฟนตาซี ต้องบอกว่าคุณเอ้เขียนเรื่องนี้เหมือนเขียนไดอารี่มากกว่า คือมีบทเล่าเยอะกว่าบทพูด และไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ของตัวละครให้เห็น (ซึ่งเทียร์ได้กล่าวไปแล้วเนอะ) ภาษาส่วนใหญ่โดยรวมคือไม่หวือหวาอลังการล้านแปด แต่ปัญหาใหญ่ของคุณเอ้เหมือนจะเป็นเรื่องบริบทกับการใช้คำค่ะ โดยเฉพาะกับบริบทที่ลูกน้อง(ทหาร) คุยกับเจ้านาย(ทั้งกับเคลวินและชาร์ม) ทั้งที่ควรใช้ราชาศัพท์เป็นพื้นฐานเลย ไม่อย่างนั้นก็พูดธรรมดาแต่สุภาพก็ยังดี  แต่นี่มันไร้ซึ่งการให้เกียรติและเรียกว่าไม่เจียมตนค่ะ ควรจะนอบน้อมกว่านี้ค่ะ ยิ่งตอนอาเธอร์พูดกับชาร์มนี่อ่านแล้วน่าบ้องหูอาเธอร์ให้ทะลุกำแพงโลกมากค่ะ รับใช้ราชวงศ์มานานแต่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง

         แต่แม้ว่าจะใช้ภาษาไม่หวือหวา ก็ใช่ว่าจะอ่านเข้าใจง่ายค่ะ เพราะคุณเอ้ค่อนข้างวนไปวนมา ลองอ่านทบทวนดูใหม่ค่ะ

        

         คำผิดจากเรื่องนี้ยังพบได้ค่อนข้างมากและเยอะค่ะ ลองเช็คคำที่ไม่แน่ใจจากพจนานุกรมหรือพจนานุกรมออนไลน์ดูนะคะ และแน่นอนค่ะว่าอย่าลืมที่จะทำการตรวจทานเพื่อแก้ไขคำผิด เอาล่ะค่ะขอเริ่มเลยดีกว่า คำศัพท์ด้านหน้าคือคำที่เขียนผิด ส่วนด้านหลังคือเทียร์แก้ให้ค่ะ(อาจมีการปรับบางประโยคเพื่อให้เข้ากับบริบทเล็กน้อย)

    บทที่1:

         ลิตเติ้ล ดาร์ด เมจ --- ลิตเติ้ล ดาร์ก เมจ

         ทุข์สุข --- ทุกข์สุข

         เมืองคู่ดับ --- เมืองคู่กับ

         ความต่อต้าน --- การต่อต้าน (แม้การ กับ ความ มาอยู่ด้านหน้าคำกิริยาจะกลายเป็นนามเหมือนกัน แต่การใช้ก็ต่างกันค่ะ)

         ทั้งสองท่าน --- ทั้งสองพระองค์ (เพราะเป็นกษัตริย์และราชินี ลักษณะนามจึงใช้เป็นพระองค์จะสมควรกว่าค่ะ)

         สังหาร --- ปลงพระชนม์

         สภาปนา --- สถาปนา (แต่เทียร์ว่าควรใช้เป็นปราบดาภิเษก อ้างอิงตามพจนานุกรม ฉ.ราชบัณฑิตฯ สถาปนา (ก.) ยกย่องโดยแต่งตั้งให้สูงขึ้นเช่นเลื่อนเจ้านายให้สูงศักดิ์ขึ้น หรือยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง ตั้งขึ้น --- ง่ายๆ คือ ถูกแต่งตั้ง

    ปราบดาภิเษก (ว.) มีอภิเษกอันถึงแล้ว หมายถึง พระเจ้าแผ่นดินผู้รบชนะศึกแล้วจึงได้ราชสมบัติ. --- หรืออีกนัยหนึ่งคือ กำจัดกษัตริย์พระองค์ก่อน ก่อนครองราชย์)

         กองไม้สูงเท้า --- กองไม้สูงเท่า

         สอบเข้าเป็นราชการ --- สอบเข้าเป็นข้าราชการ

         เมื่อถึวเวลานั้น --- เมื่อถึงเวลานั้น

         ทรงบรรทม --- บรรทม (หากเป็นคำราชาศัพท์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคำว่าทรงนำหน้าค่ะ ถ้าเป็นคำสามัญทำเป็นราชาศัพท์ให้ใส่คำว่าทรงเข้าไป เช่น ทรงเล่น ทรงเลี้ยง เป็นต้นค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคำสามัญทุกคำจะเติมทรงนำหน้าจะกลายเป็นราชาศัพท์นะคะ)

         ได้ข่าวมั๊ย --- ได้ข่าวมั้ย/ได้ข่าวไหม

     

    บทที่2:

         พระทรงมีพระเมตตา --- ขอทรงมีพระเมตตา

         ทราบซึ้งในเมตตา --- ทราบซึ้งในน้ำพระทัย (อันนี้แล้วแต่เห็นควรว่าคุณเอ้จะเปลี่ยนหรือไม่)

         หลายผงหลายอย่าง --- หลายหย่งหลาบอย่าง

          ปาฏิหารย์ --- ปาฏิหาริย์

          อนุญาติ --- อนุญาต

          เล่าจริว --- เล่าจริง

      "...แม้จะเป็นน้องชายท่าน" --- ลืมใส่เครื่องหมายอัญประกาศปิดค่ะ

      "...บุตรของกษัตริย์องค์ก่อนยังไม่ตาย..." --- น่าจะใช้คำว่า 'ทายาท' มากกว่าบุตรค่ะ (เขียนว่าบุตรทีไรเทียร์นึกถึงเด็กผู้ชายทุกที หรือหากไม่ ก็ใช้คำว่าบุตรี = ลูกสาว), คำว่าตายก็น่าจะใช้คำว่า สวรรคต/สิ้นพระชนม์ (ที่เทียร์ให้เลือกคือต้องดูยศของผู้สืบทอดว่าอยู่ในยศใดค่ะ)

         

    บทที่3:

          พะย่ะค่ะ --- พ่ะย่ะค่ะ

      "กระหม่อมจะขอบอกความจริง..." --- น่าจะใช้คำว่า 'ทูลความจริง' แทนคำว่า 'บอกความจริง'

      "...อีกคนหนึ่ง น..." --- น.หนูเกินค่ะ

          อ่อยอิ่ง --- อ้อยอิ่ง

      "เจ้าชายตัวน้อย มีเส้นผมสีดำ ผิวพรรณดี ใบหน้าคม ...." ---> เส้นผม-- พระเกศา, ผิวพรรณ-- พระฉวีวรรณ, ใบหน้า-- พระพักตร์ [ที่เทียร์ให้แก้เนื่องจากประโยคแรกอาเธอร์ใช้ราชาศัพท์ค่ะ มันจะได้เข้ากับบริบทของประโยค หรือไม่งั้นคือใช้คำสามัญทั่วไป แต่คุยในลักษณะสุภาพ]

         ไร้เดียวสา --- ไร้เดียงสา

         ไปกัง --- ไปกับ

         สตามัน --- สบตามัน

         เชื่ อม --- เชื่อม

         เจ้าหญิงตัวน้อยวัยทารก --- ประโยคยาวไปค่ะ ใช้แค่เจ้าหญิงน้อยที่เหลือรอด/ ทารกที่เหลือรอด ก็พอค่ะ

         บททศสอบ --- บททดสอบ

      ...พุ่งเข้าไปเควินกระแทก... --- กระแทกเคลวิน (?)

        

    5.สรุป:

    เนื้อเรื่องใช้การเล่าเรื่อยๆ และยังไม่มีอะไรให้น่าติดตาม การเปลี่ยนฉากยังคงทำได้ไม่ดี มีการสับไปมาจนคนอ่านสับสน อันที่จริงเรื่องนี้สามารถยืดเรื่องได้มากกว่า 30 ตอนอีกค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการบทของคุณเอ้เอง ถ้าหากคุณเอ้ไม่รีบร้อนในการแต่งจนเกินไป ลองไปเขียนขยายความเพิ่มเติมดูนะคะ ขอพูดถึงตัวโครงเรื่องว่าคุณเอ้ยังทำออกมาได้ไม่ดีพอ โครงเรื่องหลวมมาก เหมือนแค่วางเป็นพล็อตใหญ่ๆ แล้วมาด้นสดเวลาเขียน (งงที่สุดคือความสัมพันธ์ของสองดินแดน เหมือนจะเป็นหลักในการดำเนินเรื่อง แต่เชียนออกมากลับเบาบางจริงๆ) แนะนำว่าอย่างน้อยควรวางโครงเรื่องให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งเขียนเป็นไทม์ไลน์เลยก็จะดีค่ะ ว่าตอนนี้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ความเป็นมาในอดีตเป็นยังไง ปมปัญหาอะไร และอธิบายลักษณะตัวละครไม่ชัดเจน คือไม่รู้เลยว่าแต่ละตัวเป็นยังไง เอกลักษณ์ไม่มี นิสัยตัวละครยังเรียบมาก ควรปรับปรุงในส่วนนี้ รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร อย่างที่เทียร์ชอบย้ำไปค่ะ 'นักอ่านจะซึมซับกับอารมณ์ตัวละครเมื่อใช้เวลาในการบ่มเพาะ' ยิ่งคุณเอ้เดินเรื่องเร็วเท่าไหร่อารณ์ตัวละครก็หายไปเท่านั้น

         ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เทียร์พยายามย้ำและเตือนจุดบอดที่อาจมองข้าม คุณเอ้อาจไม่ชอบผลการวิจารณ์นี้เพราะเทียร์ติมันทุกอย่าง(ทุกตรงจริงๆ) แต่ขอให้คุณเอ้รู้แค่ว่าคนที่ช่วยพัฒนางานเขียนไม่ได้มีแค่นักเขียนเท่านั้น แต่รวมถึงนักอ่าน(และนักวิจาร์ณ์มือสมัครเล่นอย่างเทียร์ด้วยค่ะ) ที่เป็นแรงสนับสนุนและแรงผลักดัน ขอให้อย่าคิดว่างานเขียนที่เขียนอยู่ดีที่สุด เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คิดอย่างนั้น นักเขียนคนนั้นได้หยุดการพัฒนาตัวเองแล้วค่ะ

     

    -------------------------------------------------------------


    NAME:
    Opinion to tell us:
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×