คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Ch.1 - (part1) อำพัน
Last hauling engulfing
ตอนที่ 1 : Ch.1 - (part1) อำพัน
ดันเจี้ยน
หอคอยสูงตระหง่าน มันปรากฏขึ้นเพียงข้ามคืนเดียวราวกับเป็นสิ่งปลูกสร้างของพระเจ้า มันคือปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรและเหตุใดจึงปรากฏขึ้น
หอคอยที่สูงราวเกือบสองร้อยเมตรรูปทรงกระบอก วัชพืชที่ขึ้นทำให้ดูเหมือนโบราณสถานเก่าแก่ ทางเข้าทางเดียวเป็นประตูขนาดใหญ่ ตัวหอคอยทำจากแร่บางอย่างคลายออบซิเดียนสีดำผสมม่วงเข้มมันวาวประดับด้วยลวดลายและอักษรที่ไม่สามารถแปลออกได้
ผู้ที่ลงความเสี่ยงด้วยราคาชีวิตแลกกับความลับภายในเรียกตัวเองว่า 'ฮันเซอร์' ผู้คนมากมายต่างเข้าไปพิสูจน์ภายในว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ แต่ทว่าตรงข้ามกับความงามที่น่าหลงไหลและปริศนาของหอคอยนั้น คนที่เข้าไปไม่มีใครได้ก้าวเท้ากลับออกมาแม้แต่คนเดียว
จนกระทั่ง
ชายปริศนาได้ทำในสิ่งที่มนุษย์นั้นไม่อาจทำได้ นั่นคือการพิชิตเพียงตัวคนเดียว หลังจากที่ออกมา ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วโลกทำให้แทบทั้งโลกต้องตื่นตระหนก ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร เป็นยังไง และเกิดอะไรขึ้นนอกจากตัวเขาที่กลับออกมาพร้อมกับสมบัติมากมาย เขากลับออกมาพร้อมกับพลังบางอย่างราวกับว่าเป็นรางวัลของผู้ที่คู่ควร พลังที่ว่าสามารถเปลี่ยนโลกที่เคยเป็นได้ ด้วยทั้งหมดที่กล่าวมาเขาจึงถูกขนานนามว่า 'พ่อมด' ศาสตรที่ไม่มีใครรู้จัก พลังเกินกว่ามนุษย์นั้นจะถือครอง เขาเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มอัศวินโต๊ะกลม อัศวินโต๊ะกลมนั้นได้ถูกสร้างขึ้นมา ณ ศูนย์กลางของคาเมล็อต โดยชายที่พิชิตดันเจี้ยนแห่งแรกของโลก 'อูเธอร์ เมอร์ลิน' เขานั้นได้สร้างสัญลักษณ์รูปทรงวงกลมแทนสัญลักษณ์ความเท่าเทียม ตำแหน่งของเก้าอี้อันสูงส่งทั้งสิบสองที่ตามเลขซึ่งมีอำนาจทัดเทียมกัน ไม่เหมือนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ผู้ที่นั่งหัวโต๊ะจะมีอำนาจมากที่สุด แนวคิดของเมอร์ลินที่สร้างโต๊ะกลมสำหรับผู้นำทั้งสิบสองที่ขึ้นมาเพื่อรวมอำนาจเบ็ดเสร็จทุกอย่างของโลกไว้กับสิบสองที่นั่ง กฎข้อเดียวของเมอร์ลินคือ 'ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือใครก็สามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาให้เป็นผู้นำเทียบเท่ากับขุนนางชั้นสูงหรือกษัตริย์ที่นั่งอยู่รอบโต๊ะได้ หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองนั้นมีความสามารถพอ'
ไม่นานหลังจากดันเจี้ยนแห่งแรกได้ปรากฎและถูกพิชิต ดันเจี้ยน ณ ที่ต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นกระจายไปทั่วมุมโลก
แต่นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อ 200 ปีก่อน
•
อาณาจักร อัลบานา (ยุคปัจจุบัน)
เบื้องหน้านัยน์ตาแดงปาริชาติพร้อมซากศพทหารนับไม่ถ้วนอยู่เบื่องหน้า ท้องฟ้าสีแดงฉานไม่ต่างกับเลือดที่นองฝืนดิน
ซากหลงจากสงครามที่ไม่อาจเอื้อมชัยของกองทัพทหารนับไม่ถ้วนทั้งสองฝ่ายนอนเรียงรายไร้วิญญาณ เมอรินาแม่ทัพสาวสวมชุดเกาะสีแดงเงานั่งเคียงศพไร้วิญญาณของทหารผู้ยศน้อยกว่า ฝูงอีกามหาศาลบินเหนือฟ้าสำราญกับซากศพราวกับว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความตายเฉกเช่นนรกบนดิน สิ่งเดียวที่อยู่ที่นี่คือความสิ้นหวัง
ระหว่างรอความตายของตนที่คืบคลานเข้ามาก็พึงนึกถึงภาพชายสวมผ้าคลุมสีดำทมิฬใบหน้าสีดำขมุกขมัวราวกับปีศาจ แต่ดวงตากลับกลมมนสีขาวแสนซื่อบริสุทธิ์ พร้อมออร่าสีดำปกคลุมไปทั่วกาย นั่นคือภาพสุดท้ายก่อนเธอสติกลับมา นั่นคงเป็นภาพฝันร้ายสำหรับเธอไม่อาจลืมได้
ใบหน้าเงยขึ้นท้องฟ้าพร้อมรับชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยง
"ฮีล" เสียงลาง ๆ พอได้ยิน
พร้อมกับเอ่ยพึงถึงชื่อเธอพร้อมเรียกสติให้กลับมายํ้าหลายครั้ง ดวงตาที่มัวแทบไม่เห็นแสงสว่างแต่ว่าเธอจำเสียงนั้นได้ดี กองทัพสมทบที่ตามมาได้ช่วยเธอไว้ได้ทันก่อนหมดก่อนจะสติ ทหารสวมชุดเกาะสีเงินแดงนำโดย สนอฟ ชายรูปร่างกำยำร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อถึงแม้จะปกปิดด้วยชุดเกาะหนา
"ไทน่า…นี่ ไทน่า ตั้งสติไว้!" ฝ่ามือพรางตบไหล่เธอเบา ๆ พร้อมเรียกชื่อเธอให้ได้สติ
ไทน่า หรือ เมอรินา ไทน่า ดวงตาที่กำลังปิดสนิทกลับมาได้สติอีกครั้งจากการรับเวทฟื้นฟูจากทหารนายหนึ่งและเสียงที่ทุ้มที่คุ้นเคย ดูเหมือนจะเป็นคนรู้จักสนิทสนมกันในฐานะอัศวิน
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่ สงครามควรจะเกิดขึ้นที่เมืองหลักอัลบาไม่ใช่หรือไง" รองหัวหน้าทัพเสริมอีกคนเอ่ยถามหญิงสาวเบื่องหน้าที่สติเลือนลาง
"ดูเหมือนว่า...ที่นี่จะเป็น..." สนอฟชายผู้นำทัพสมทบของทหารจำนวนสามสิบนายบนหลังม้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วทุกสารทิศ ถึงแม้จะเรียกว่าทัพเสริมแต่มีเพียงสามสิบคน ถึงมีจำนวนทหารเพียงหยิบมือแต่เคยทำภารกิจที่ทำให้อาณาจักรเล็ก ๆ ล่มสลายได้ "อาณาจักรที่แข็งแกร่งขนาดนี้กับสภาพของกองทัพที่มาก่อนทำไมถึงได้เป็นสภาพแบบนี้ มือที่สามงั้นเหรอ?"
"มือที่สาม?…สองมหาอำนาจโดนมือที่สามงั้นเหรอ ทำไมสถานการณ์ถึงได้หนักหนาขนาดนี้…ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีแต่พวกมังกรเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้อีกอย่างไม่มีร่องรอยของมือที่สามเลยสักนิด...เว้นแต่"
"พวกมังกรน่ะสูญพันธุ์ไปแล้วไม่ใช่รึไง บ้างก็ว่าเป็นแค่ตำนานหนิ"
"เรื่องนั้นมันก็ไม่แน่หรอก"
"ต้องมีอะไรบ้างสิ เท่าที่ดูราวกลับว่าประเทศถูกยกออกจากแผนที่ แต่นั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"
"เหตุผลที่มายุ่งเกี่ยวกับสงครามล่ะ"
…
พวกทหารต่างพากันตั้งคำถาม ประเทศทั้งประเทศที่เคยตั้งอยู่หายไปแม้แต่เงาของสิ่งปลูกสร้าง
•
(ปัจจุบัน)
9:14 น.
เบื่องหน้าของนัยน์ตาสีทองอำพันสว่างคือเมืองหลวง 'เมลเซีย' เป็นหนึ่งเมืองแห่งการค้าขายอย่างเสรีและเรื่องชื่อด้านข้อมูล ณ เมืองประเทศ 'เมลเซีย'
อาณาจักรเมลเซีย
ถนนที่เต็มไปด้วยย่านผู้คนและร้านค้าที่กวาดยาวไปยังเนินสูงตามภูมิประเทศของเกาะนี้ สัตว์ที่เป็นพาหะลักษณะคล้ายนกโดโด้แต่มีขนาดพอ ๆ กับม้าที่สามารถขี่ได้คล้ายกัน บางคนก็นำมาลากเกวียน ประเทศนี้ก็เป็นเกาะซึ่งประเทศแต่ละประเทศจะตั้งอยู่ที่เกาะเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าพื้นดินนั้นมีเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นของทะเลและเป็นเกาะเกือบทั้งหมด เพราะว่าการค้าทรัพยากรนั้นต้องเดินทางด้วยเรือ ทรัพยากรแต่ละที่จะมีแตกต่างกันไปทำให้สินค้าที่เข้ามาจะราคาสูงจากที่ที่ส่งออกมา
"ที่นี่สินะ" ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมสีดำนัยน์ตาสีทองอำพันเอ่ยขึ้นท่ามกลางฝูงชน
สองมือผสานกันชูขึ้นบิดขี้เกียจหลังจากที่อาศัยมากับเรือสินค้าหนึ่งอาทิตย์เต็ม ระหว่างบนเรือก็ไม่ใช่ทำตัวไร้ประโยชน์หรอกนะ สายตาที่เปล่งประกายเหลือบไปเห็นอาหารหน้าตาประหลาดเต็มไปหมด จากบนเรือที่กินแต่ปลาทุก ๆ วัน ร่างกายต้องการสารอาหารอื่น แต่ทว่าเงินในกระเป๋านั้นน้อยนิดซะเหลือเกิน
โทรุเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปี ใช่แล้วนั้นผมเอง
จากที่ซื้อของกินริมทางจนเพลินตัวก็ได้เข้าไปในสมาคมนักผจญภัย ถึงแม้จะพูดว่าร้านสำหรับนักผจญภัย ก็ไม่ใช่ว่านักผจญภัยเท่านั้นที่จะเข้าได้หรอกนะ ไม่ว่าที่ประเทศไหน ๆ ก็มีสาขาย่อยแบบนี้ของรัฐบาลกระจายอยู่ ทั้งพ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้าน ชาวไร่ เศรษฐี ไม่ว่าใครถ้ามีปัญหาก็จะมาขึ้นภารกิจโดยเฉพาะคนที่ต้องแก้ปัญหาบางคนก็จ่ายอย่างงามเชียวล่ะ ถึงแม้จะไม่ใช่สมาชิกของสมาคมก็สามารถรับภารกิจได้เว้นแต่ผู้ที่มีค่าหัวหรือหมายจับน่ะนะ แต่ถ้าเป็นสมาชิกก็จะมีสิทธิ์ต่าง ๆ มีสวัสดิการต่าง ๆ รองรับเช่น การเดินทาง(วีซ่า) แหล่งข้อมูล ฯลฯ อื่น ๆ อีกมากมายรู้แต่ว่าถ้าได้เป็นสมาชิกล่ะก็หมดปัญหาเรื่องเงินไปเลย แต่ผมนั้นไม่ได้เป็นสมาชิกหรอก
ในร้านดูกว้างใหญ่ผิดกลับหน้าร้านที่ทางเข้าต้องเข้าจากซอยเล็ก ๆ แถมถ้าไม่รู้เส้นทางนี่มาไม่ถูกเลยแถมป้ายทางเข้าก็เล็กซะเหลือเกิน แต่ผมถามยายรถเข็นย่างงูมาแถมรสชาติดีซะด้วยถึงแม้หน้าตามันจะไม่น่าอร่อยก็เถอะแต่เรื่องรสชาติตรงข้ามเลย
ในร้านดูสะอาดมากเมื่อเดินเข้ามา ระหว่างทางเดินดูเหมือนว่าที่นี่จะมีชั้นสองจากสังเกตบันไดวนขึ้นไป ชั้นแรกนั้นเป็นห้องโถงสูง ในร้านก็ดูเหมือนบาร์ทั่วไปสำหรับที่นี่มีแต่คนสูงวัยต่างกับผมที่อายุสิบเจ็ด คนที่อายุไล่กันก็พอมีไม่กี่คน ที่นี่ดูแล้วน่าจะมีข้อมูลสำหรับทุกอย่างที่ผมต้องการดูจากลักษณะท่าทางของผู้คนในที่นี้และเหมือนจะมีประสบการณ์ที่จะถามได้
ในร้านตกแต่งด้วยธีมธรรมชาติประดับด้วยดอกไม้หลากสีในกระถาง ลมที่ถ่ายเทอย่างน่าประหลาดใจทำให้ข้างในรู้สึกเย็นร่มรื่น ก็แน่ล่ะเกาะนี้เป็นแนวเนินเขาและสิ่งปลูกสร้างก็เป็นชั้นบันไดและที่นี่ก็อยู่ชั้นกลาง ๆ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นทะเลและเมืองถือว่าเป็นวิวที่สวยใช้ได้ ที่นี่มีนักผจญภัยอยู่เต็มไปหมด
การจะสอบเข้าเป็นสมาชิกของที่นี่แต่ละปีจะจัดขึ้น 1ครั้ง แน่นอนว่าจะสอบเข้าที่ประเทศไหนก็จะมีสิทธิ์เดียวกันหมดนั่นก็คือบัตรสมาชิกเพื่อแสดงตัว
"นี่แก จะให้ลูกพี่รับภาระกิจได้ค่าตอบแทนตํ่าแบบนั้นทำไมเล่า" เสียงดังขึ้นจากโต๊ะริมหน้าต่างทางซ้ายของร้าน
"ใช่แล้วล่ะ ลูกพี่น่ะถ้าเทียบกับพวกนักผจญภัยน่ะอยู่ระดับซิลเวอร์เลยนะเห้ย"
"เห?" ชายสูงวัยอายุราว ๆ สามสิบกลางอยู่ท่ามกลางเสียงของลูกน้องที่คุยผ่านไปมา ชายที่ดูเหมือนจะมีประสบการณ์มากมายด้วยร่างกายที่กำยำและรอยแผลเป็นมากมาย ที่เด่นชัดคือรอยบาดแผลกากบาทกลางหน้าอก
"ใช่ไหมครับลูกพี่!?"
"...เห? ช-ใช่แล้วล่ะ ห-หืมมม (อะไรกันเจ้าพวกนี้ คิดว่าคนอย่างชั้นจะรับภารกิจที่มีแต่สับประหลาดในกระดานนั่นกันน่ะเหรอ)"
"นี่ดูเจ้าหนุ่มนั่นสิแต่งตัวดำสนิทเลย ไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด"
"ห-เห ลุงกระบองนั่นมันอะไรน่ะ" ผมที่เห็นกระบองเหล็กขนาดใหญ่
"นี่แก ไม่รู้จักท่านซองตะผู้นี้รึไง"
"เฮ้อ ๆ นี่แกเพิ่งพูดว่าไม่คุ้นหน้าไปตะกี้เองไม่ใช่รึไงฟะ แถมท่านซองตะเพิ่งออกจากหมู่บ้านมายังเกาะนี้"
"สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ที่เดินทางมาใหม่สินะคะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ" เสียงหวานที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมดอกไม้อ่อน ๆ จากต้นต่อของเสียง หญิงสาวสวมชุดพนักงานเดินเข้ามาอยู่ด้านหลังพร้อมมารยาทที่พึงปฏิบัติต้อนรับทั่วไป ถึงแม้ทางด้านนี้จะอายุอ่อนกว่า "กิลด์สำหรับนักผจญภัยยินดีต้อนรับค่ะ" เมื่อพูดจบก็ยิ้มให้ราวกับนางฟ้าฟันนํ้านม
"ต้องการที่พักน่ะครับ ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีห้องพักอยู่ด้วย"
"ทางเรามีที่พักอยู่สองแบบนะคะ ที่พักสำหรับคนทั่วไปและที่พักสำหรับสมาชิกคะ ลูกค้าสถานะไหนค่ะ"
"(โสดครับ) ทั่วไปครับ"
"ค่าห้องพัก 3400ดารี่ ต่อหนึ่งคืนค่ะ ไม่ร่วมอาหารและบริการต่าง ๆ"
"(ห-ห้ะ 3400ดารี่) ค-ครับ (ถึงจะร้องห้ะแต่ถ้าเป็นข้างนอกเรทนี้คงจะหาไม่ได้ หรือว่าจะไปตั้งแคมป์ในป่าดี แต่อากาศข้างนอกฤดูนี้คงได้หนาวตายพอดี เอาล่ะนานนานทีจะได้พักที่ดีดี) ได้ครับ"
"แต่ว่าถ้าสามารถทำภารกิจตรงนั้นได้เพื่อเป็นการแทนได้นะคะหรือจะรับเป็นเงินก็ได้ค่ะ"
"ภารกิจเหรอ"
12:41
หลังจากคำอธิบายของคุณมิริกิ ผมลองเดินไปดูตรงมุมภารกิจ ตรงหน้าคือกระดาษที่แปะกับกระดานไว้ สามารถเลือกได้ตามใจชอบ
ผมที่มีเงินทั้งหมดสี่พันแปดสิบดารี่หลังล่าสุดจากงูย่างแสนรสชาติอร่อยนั่นไป ดูเหมือนว่าต้องรับภารกิจสินะ เอาล่ะถึงแม้เป้าหมายหลักนั้นต้องใช้เวลาและข้อมูล ก็คงมีแต่หาเงินก่อนเอาตัวรอดไปก่อน กระดานที่มีแผ่นป้ายเต็มไปหมด 1700ดารี่ ไล่หมูป่าทำลายสวน? 1500ดารี่ เฝ้าสัตว์เลี้ยงที่ฟาร์ม? 3200ดารี่ จับปล…
144,000ดารี่/ตัว [พัลม่าแห่งทะเลสาบริงค์ (เป็นแมงกะพรุนสายพันธุ์พัลม่าเป็นสัตว์นํ้าจืดที่มีลำตัวโปร่งใส ร่างกายประกอบด้วยเจลาตินเป็นส่วนใหญ่ สามารถมองเห็นเข้าไปได้ถึงอวัยวะภายในที่เป็นสีนํ้าเงิน เป็นสัตว์ที่ไม่มีทั้งสมองหรือหัวใจไวต่อการสัมผัส ลำตัวด้านบนของมันมีลักษณะคล้ายร่ม เรียกว่า "เมดูซา" ซึ่งศัพท์นี้ก็ใช้เป็นอีกชื่อหนึ่งของแมงกะพรุนด้วยเช่นกันแต่สายพันธุ์พัลม่านั้นคือดับเบิ้ลเมดูซา สามารถพบเห็นได้ยากและอันตราย ความยากในการจับนั้นต้องใช้เทคนิคพิเศษ มันถือว่าเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศและเป็นที่ต้องการจากหมู่คนรวย)] สายตาเหลือบตามาเห็น
“นน่ะ-หนึ่งแสนสี่หมื่น…สี่พันดารี่ (ถ้าล่ามาได้ก็จะทำให้เข้าถึงพวกมีสายที่อาจจะทำให้ได้ข้อมูลดีดี ถือว่าตอบโจทย์และมีแต่ได้กับได้)”
ผมหยิบแผ่นป้ายออก ทุกสายตาในร้านที่เงียบสงบจ้องมองมาที่ผม ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่หยิบสิ่งที่ไม่ควรยุ่งมาแล้วสินะ
"พัลม่างั้นเหรอ ถึงค่าตอบแทนสูงก็จริงแต่กลับกับเจ้านั่นก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้ง มีเจ้าบ้าที่เพิ่งมาใหม่อีกคนแล้วสิ ฮ่า ๆ" ผู้คนในร้านต่างสนใจ
"เจ้าเด็กนั่นเอาจริงงั้นเหรอ?"
เสียงประตูทางเข้าดังอี๊ดเอี๊ยดเปิดออก
เด็กสาวผมยาวสีขาวเดินเข้ามา ทุกการสนใจเมื่อกี้หันไปที่เธอราวกับเป็นที่รู้จัก หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าราวกับดวงดาวแห่งท้องทะเลมาพร้อมกับดาบสีครามราวกับดาวหางสีนํ้าเงิน ถุงผ้าที่แบกมาดูเหมือนจะใส่อะไรบางอย่าง
"(หอมจัง นํ้าหอมกลิ่นพีช มาจากเธองั้นเหรอ)"
หน้าเคาน์เตอร์พร้อมกระสอบที่เตรียมเปิดออก ผมและทุกสายตาลุ้นสิ่งที่จะเปิดออก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องของพวกเราแต่นั่นมันเกินกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จะแบกของเกือบเท่าตัวเองเข้ามาทำให้เกิดสงสัยว่าแรงเยอะขนาดไหนกัน
"ร-หรือว่านั่นจะเป็น"
เด็กผู้หญิงอายุราว ๆ สิบห้าหน้าตาสวยแถมน่ารักไปอีก กระสอบที่เปิดออกและสิ่งที่อยู่ข้างในคือหัวของมังกร ถึงแม้จะพูดว่ามังกรก็ไม่มีใครเคยเห็นจริง ๆ ลักษณะใกล้หรือไม่ใกล้เคียงก็ไม่มีใครพูดได้จริง อาจจะวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดแถมยังมีขนาดเล็กซึ่งน่าจะมีขนาดพอ ๆ กับม้า มังกรสายพันธุ์ โคดูรัส [สายพันธุ์ที่ว่าญาติคล้ายมังกรอาศัยอยู่ในทะเลลึกทางทิศเหนือของเกาะ เป็นสัตว์ที่อยู่กันเป็นสังคมขนาดเล็ก ว่ากันว่าพวกมันหนึ่งปีจะขึ้นมาหายใจหนึ่งครั้ง และนั่นเป็นโอกาสเดียวที่จะจับมัน เขาของมันสามารถทำยาให้มีประสิทธิภาพได้หลากหลายจึงเป็นที่ต้องการ 449,000ดารึ่]
"โคดูรัสงั้นเหรอ เจ้านี่น่ะอยู่ที่ระดับความหายากล้วน ๆ แถมนี่ไม่ใช่ฤดูที่มันจะขึ้นบกมาหายใจ"
"โคดูรัส สัตว์หายากที่อยู่ลึกเกือบก้นมหาสมุทรที่ด้านบนกระแสนํ้าที่ดูเหมือนนิ่งตลอดเวลา แต่ภายใต้นั้นยิ่งกว่าเครื่องปั่นนํ้าผลไม้ซะอีก น่าสนใจดีนี่" ชายชาวประมงจับหมวกหาปลาดึงลงพร้อมกับยกดื่มลักษณะเมาอยู่ในร้านเอ่ยขึ้นพราง ๆ "หึ งั้นเองสินะ ไม่ใช่มันที่ขึ้นมา แต่เป็นเธอที่ลงไปเองสินะ"
"หืม พัลม่าแห่งริงค์งั้นเหรอ เดี๋ยวก็ได้ตายเอานะ" สายตาเธอมองมาที่ใบกระดาษเล็ก ๆ ในมือของผม
"อะไรกันคำพูดนั้น คำพูดที่ออกมาจากเด็กผู้หญิงน่ารักแบบนั้นน่ะเหรอ เอ๊ะ เดี๋ยวสิ มอนสเตอร์ระดับหกหลัก เด็กผู้หญิง หืม..." ผมที่คิดก็รู้สึกประหลาดใจ
"เด็กงั้นเหรอ มาบอกว่าคนอื่นเป็นเด็กทั้ง ๆ ที่ชั้นอายุพอ ๆ กับนายเนี่ยนะเห็นแบบนี้ปีนี้ชั้น 17ขวบ คงคิดว่าชั้นอายุ 14ล่ะสิ"
"เท่ากันงั้นเหรอ (สิบเจ็ดก็ยังถือว่าเด็กนี่นาแถมใช้คำว่าขวบ น่ารักจังเลยนะ)"
สีหน้ามุ่ยจ้องเขม็งมาที่ผม ด้วยสายตาคู่นั้น
ความคิดเห็น