คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : The Sence
Eunji Part
ณ ห้องฝึกซ้อมบริษัท A CUBE
“ โอ๊ยยยยยยยย ปวดเอวชะมัด “ ฉันร้องดังลั่นห้องซ้อมเต้น
“ โห้พี่แค่นี้เองทำเป็นบ่นไปได้ อีกอย่างฉันไม่ได้หนักขนาดนั้นซักหน่อย “ นัมจูพูดพร้อมทายาแก้ปวดให้ฉัน
“ แค่นั้นอะไรกันย๊ะ !!!!! อย่างกะช้างสามตัวมาทับในครั้งเดี๋ยวไม่งั้นฉันคงไม่มาร้องเจ็บแบบนี้หรอกย๊ะ โอ๊ยยย ! “
เหตุทั้งหมดก็มาเพราะยัยเด็กคนนี้น่ะแหล่ะ บอกให้ระวังๆก็ดันพลาดซะได้ ฉันถึงต้องมาเจ็บตัวก็เพราะยัยเด็กแสบนี้
“ เอาน่าเดี๋ยวก็หาย รีบทาๆให้เสร็จแล้วมาซ้อมต่อได้แล้ว “ พี่โชรงทำท่าดุใส่ฉัน แต่ฉันไม่เห็นว่ามันจะดุตรงไหนเลย
“ จ้าๆๆท่านลีดเดอร์จอมโหด “ ฉันขานตอบอย่างเร็วก่อนจะโดนดุอีก
“ อ่ะ.........เสร็จละคืนนี้พี่ก็ทาเองนะฉันเหนื่อยจะนอน โอเคนะ โอเค ฉันไปซ้อมล่ะ “ ยัยนัมจูพูดเองเอ่อเองก่อนที่จะลุกเดินไปหาโบมีที่กำลังฝึกเต้นอยู่กับฮายอง
เอวฉันระบมไปหมดถ้ายังไม่แก่นี้จะไม่บ่นเลยซักคำแต่นี้อายุก็จะเข้าเลข 2 แล้วด้วยกระดูกก็ไม่แข็งแรงอย่างก่ะเด็กๆพวกนั้นนิ คิดแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็กอีกรอบจะได้ใช่ชีวิตที่สนุกๆกว่านี้หน่อยซินะ
“ เป็นไงบ้างพี่อึนจี ถ้าวันนี้พี่ปวดมากก็นั่งพักก่อนก็ได้นะค่ะ “ เสียงหวานๆของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาใกล้ๆฉันจนสะดุ้งเพราะตั้งตัวไม่ทัน
“ อ่าว.....ว่าไงยูคยอง ฉันไม่เป็นไรสบายมาก “ ยูคยองมองหน้าฉันอย่างจริงจัง ฉันเข้าใจว่าเธอเป็นห่วงฉันเพราะเวลาที่สมาชิกคนใดไม่สบายทีไรคนที่คอยดูแลก็มียูคยองนี้แหล่ะ เธอเป็นคนที่เพียบพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะด้านไหน ซึ่งแตกต่างกับพวกเราคนอื่นมากๆ ฉันชอบกินข้าวแล้วไม่ค่อยล้าง(ก็มันรีบเลยล้างไม่ทัน) ยัยโบมีก็กินแล้วไม่เอาขยะไปทิ้ง นัมจูก็เก็บของใช้ไม่เป็นทีเป็นทาง พี่โชรงรายนั้นขยันทำอาหารแต่ไม่ชอบล้าง ส่วนนาอึนกับฮายองสองคนนี้ไม่ค่อยมีอะไรวันๆก็อ่านหนังสือทำการบ้านตามประสาเด็กๆที่ยังเรียนๆกันอยู่
“ ฉันว่าพี่พักเถอะนะกล้ามเนื้อจะได้ไม่อักเสบด้วย “ ยูคยองพูดขอให้ฉันหยุดการฝึกซ้อมในวันนี้
“ อ่าอือ....โอเคๆฉันจะพักแล้วกัน “ ฉันตอบรับคำขอของยูคยองไปก็เพราะสีหน้าที่จริงจังของเธอที่ทำใส่ฉัน
“ ดีมากค่ะงั้นฉันไปซ้อมก่อนนะค่ะ นั่งพักล่ะอย่าหนีไปเที่ยว “ เธอพูดและหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินไปที่ซ้อม
ฉันได้แต่นั่งดูสมาชิกคนอื่นๆซ้อมกันอย่างหนัก ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรที่ไม่ได้ฝึกซ้อมไปพร้อมๆกันกับคนอื่นๆเหตุเพราะฉันเป็นคนที่เต้นไม่เป็นเลยสักนิด และในการฝึกซ้อมวันแรกนี้ฉันก็ดันไม่สบายอีกเลยทำได้เพียงนั่งดูท่าเต้นเท่าที่จะจำได้บ้าง .
“ยัยนัมจูนะ ยัยเด็กคนนี้ทำฉันพลาดโอกาสหลายๆอย่างในวันนี้ คิดแล้วโมโห ยัยเด็กบ้า!!!”
Chorong Part
หลังจากการซ้อมเสร็จพวกสมาชิกคนอื่นๆก็พากันไปซูเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อของเข้าหอเพราะมีอึนจีไปด้วยฉันเลยหมดห่วงฉันกับโบมีเลยตกลงกันที่จะกลับมาที่หอก่อนเพราะห้องของเรายังจัดไม่เสร็จเหตุเพราะของฉันมีของเยอะและของโบมีก็เยอะพอๆกันเราตกลงกันว่าหลังเลิกซ้อมจะมาช่วยกันจัดห้องนอนของพวกเราให้เสร็จและจะช่วยกันจัดห้องนั่งเล่นให้มันน่านั่งกว่าเดิม ตอนนี้ฉันโบมีกำลังเดินออกจากตึกบริษัทไปยังหอพักที่อยู่ห่างจากบริษัทเพียงแค่ 300 เมตรเท่านั้นเราเดินออกมาได้สักพักต่างคนต่างเงียบไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยกันนะแต่ไม่รู้จะคุยอะไรดี
“ นี้โบมีเธอรู้สึกกดดันรึป่าวที่มีฉันเป็นรูมเมทกับเธอ ? “ ฉันยิงประโยคคำถามนี้ออกไปเพราะตั้งแต่การจับฉลากเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมาดูเหมือนหลังจากที่โบมีเห็นว่าเป็นฉัน เธอก็ทำท่าทางที่ดูอึดอัดๆขึ้นมาตลอดทั้งวันจนถึงในตอนนี้
“ อ่ะ.....อะ...ป่าวค่ะฉันแค่รู้สึกตกใจนิดหน่อยไม่คิดว่าเราทั้งคู่จะได้มาเป็นรูมเมทกันเพราะฉันกับพี่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรด้วย แต่ฉันไม่ได้รู้สึกกดดันหรืออึดอัดเลยนะ ฉันดีใจด้วยซ้ำที่มีพี่เป็นรูมเมทกับฉัน “
“ อ่อฉันไม่ใช่คนที่ดุเหมือนตอนซ้อมหรอกนะ จริงๆฉันเป็นคนตลกด้วยซ้ำแต่ทุกทีที่ฉันเล่นอะไรที่ตลกๆไปทำไม ฮายอง นัมจูและคนอื่นๆไม่ค่อยหัวเราะเลยก็ไม่รู้ “ ฉันพูดไปด้วยเดินไปด้วยเพื่อทำลายความเงียบทั้งหมด
“ ฉันว่าพี่คงยังไม่ตลกพอมั้งค่ะ ฉันเก่งเรื่องสร้างเสียงหัวเราะไว้ฉันจะสอนพี่นะเอาป่าวๆ “ โบมีพูดและยิ้มออกมาซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก
“ โอเคเลย “ ฉันยิ้มตอบกลับรอยยิ้มที่ดูสดใสนั้น น่ารักดีนะยัยเด็กคนนี้ฉันหวังว่าเราจะเป็นรูมเมทที่เข้าใจกันนะ
ณ หอพักของบริษัท
“ พี่โชรง !!! ช่วยหยิบของให้หน่อยฉันลงไปข้างล่างตอนนี้ไม่ได้ “ โบมีตระโกนจากในห้องนอนออกมาจนฉันที่อยู่ในห้องนั่งเล่นได้ยิน
“ รอแปปนึงฉันกำลังเช็คโต๊ะอยู่เดี๋ยวเข้าไปหยิบให้ “ ฉันตะโกนตอบกลับเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าได้ยินแล้ว
“ อ่ะจะเอาอะไรล่ะบอกมา ?? “
“ พี่ช่วยหยิบพระคัมภีร์ให้ฉันหน่อยมันอยู่ในกระเป๋าชั้นแรกเลย “ โบมีพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กระเป๋าใบที่มีอยู่
“ นี้แค่ลงชั้นมานิดหน่อยเดินมาหยิบก็ได้แล้วนะ ทำไมต้องให้ฉันมาหยิบให้ ” ฉันถามกลับด้วยความสงสัยทั้งๆที่กระเป๋าก็ไม่ได้อยู่ไกลและพระคัมภีร์ก็ไม่ได้หนักด้วยแต่ให้ฉันมาหยิบและส่งให้ทั้งๆที่ทำเองก็ได้
“ ฉันขี้เกียจอ่ะ “ สาวน้อยบนเตียงชั้นบนตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุขที่ได้ใช้คนอื่น
“ ห๊ะ ! ขี้เกียจเนี้ยนะนี้เธอ ! “ ฉันละยอมเด็กคนนี้จริงๆอยากด่าแต่ก็ด่าไม่ออกก็เพราะไอ้รอยยิ้มที่ใสซื่อนี้แหล่ะฉันแอบยิ้มนิดๆก่อนจะเดินไปหยิบสิ่งที่โบมีต้องการไปให้
“ อะ..ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยฉันจะไปจัดข้างนอกต่อรีบๆจัดและไปช่วยกันจัดด้านนอกด้วยนะยุนโบมี “ ฉันเน้นย้ำอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจัดของที่ห้องนั่งเล่นต่อ
เวลาล่วงเลยผ่านไป 40 นาทีฉันและโบมีช่วยกันจัดของในห้องนั่งเล่นและด้านนอกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เหล่าสมาชิกคนอื่นๆเอามาวางไว้แบบไม่คิดเลยหรอว่าถ้าพี่จองอามาจะบ่นขนาดไหนแต่ยังไงตอนนี้ก็จัดให้มันดูดีแล้วแต่กว่าจะได้ขนาดนี้เล่นเอาคนอายุเลข 2 นำหน้าอย่างฉันถึงกับปวดเอวเพราะยกของย้ายของไปนู้นนี่นั้นตลอด
“ อ่ะพี่น้ำโค้ก...ฉันเอาจากที่ร้านฉันมา” โบมียื่นน้ำโค้กแบบกระป๋องให้ฉันก่อนจะนั่งฟุบตัวที่ข้างๆฉัน
“ขอบใจนะเหนื่อยเหมือนกันเนอะกว่าจะได้ขนาดนี้ “ ฉันพูดพร้อมชี้ไปรอบๆห้องนั่งเล่นก่อนจะใช้มืออีกข้างเปิดกระป๋องน้ำโค้กออกอย่างรวดเร็ว “ อ๊า......ชื่นใจสุดๆ “
“ ฉันไม่เห็นว่ามันจะเหนื่อยเลย พี่เหนื่อยหรอ ? อ่อ....ลืมไปพี่แก่แล้วเลยเหนื่อยง่าย 5555 “ โบมีหัวเราะในแบบที่ถ้าใครเห็นแล้วรับรองว่าตงคิดว่านี้ไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆแน่นอน
ฉันเงียบเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง เราทั้งสองกลับมาอยู่ในโหมดแห่งความเงียบอีกครั้งโดยที่ฉันและโบมีต่างคนต่างยกน้ำโค้กเข้าปากตัวเองทุกนาที
“ ช้าเนอะ ! “
“ หื้อ ?? “
“ พวกนั้นอ่าช้าเนอะไปซื้อของใกล้ๆแค่นี้หายไปเป็นชั่วโมงเลย “ โบมีเริ่มการสนทนาอีกครั้งพร้อมหยิบหมอนของโซฟามานั่งกอด
“ ของจำเป็นที่ต้องใข้มันเยอะคงต้องใช้เวลาในการซื้อนานแบบนี้แหล่ะ อีกสักพักคงกลับมาเอง “ ฉันตอบกลับโบมี
“ พี่เรามาดูหนังกันดีกว่าฉันเอามาด้วยเป็นเรื่องที่ฉันชอบมากๆเลยล่ะ “ โบมีพูดก่อนจะรีบกระโดลงโซฟาวิ่งเข้าไปในห้องด้วยความเร็วที่พอๆกับตอนที่เข้าไปแย่งขนมในมือของเหล่าสมาชิกคนอื่นๆ
“ นี้ๆๆพี่เรื่องนี้เลย Imagine Me and You สนุกมากๆนะมาๆๆดูกัน “ ฉันยังไม่ทันที่จะตอบตกลงยัยโบมีก็ใส่แผ่นเข้าเครื่องเล่นแล้วเรียบร้อยโดยที่ไม่ถามฉันเลยว่าอยากจะดูมั้ย -..-
เรานั่งดูกันได้สักพักใหญ่จนฉันเริ่มเข้าใจเนื้อหาของเรื่องทั้งหมด แต่ดูเหมือนโบมีจะชอบจริงๆเพราะตั้งใจดูตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนนี้นะซิ นี้คงชอบมากจริงๆใช่มั้ยเนี้ย ?
“ พี่โชรง ! นี้ๆฉากนี้เป็นฉากที่ฉันชอบที่สุดเลยประโยคที่พูดเป็นความหมายที่ดีมากๆเลย “ โบมีเรียกฉันจนฉันต้องหลุดจจากความคิดที่มองโบมีเมื่อกี้ไปทันที
“ อ่อหรอๆ “ ฉันเป็นหันหน้ามาดูที่หน้าจออีกครั้งตามที่โบมีบอก
“ ไม่ว่าจะเกิดสิ่งไหนขึ้นฉันจะอยู่ข้างๆเธอเสมอนะอย่าวิตกไปเลยเราจะผ่านมันไปด้วยกัน “ เสียงจากหนัง
“ นี้เลยพี่โชรงประโยคนี้เลยฉันชอบมากๆเลยล่ะ “ โบมีพูดย้ำถึงประโยคที่ตัวเองชอบ
“ พี่ก็ว่ามันมีความหมายที่ดีนะ” ฉันตอบกลับโบมีแต่ว่าทำไมต้องมีฉากนี้ !! O.O
ให้ตายซิฉากแบบนี้ทีไรฉันไม่กล้าดูทุกทีเลยซินะ ฉันหันหน้าหนีจากหน้าจอทีวีก่อนจะหลับตาเพื่อไม่ให้หางตาเหลือบไปเห็นฉากที่อยู่ในหน้าจอนั้น
“ พี่โชรงหลับตาทำไมหรอ ? “ โบมีถามฉันก่อนที่ฉันจะลืมตาอีกครั้ง
“ ออ...อ่อ ป่าวฉันแค่แสบตาน่ะไม่มีไรๆ “ ฉันอ้างไปพลางๆเพราะกลัวโบมีรู้ว่าฉันไม่กล้าดูฉากแบบจูบนั้นในหน้าจอทีวีซึ่งในตอนนี้มันก็ยังคงอยู่ในฉากนั้นอยู่
“ อ้าว......แสบตาหรอ ไหนๆๆๆๆๆอะไรเข้าตามาๆเดี๋ยวเค้าดูให้ “ โบมีเขยิบเข้ามาใกล้ฉันจนขาเราชนก่อนก่อนจะพยายามเอามือมาจับที่หน้าของฉัน ให้ตายซิมันใกล้ไปนะโบมี ฉันหน้าขึ้นสีทันทีจากเดิมทีที่แดงอยู่แล้วเพราะฉากนั้นโบมีพยายามมองหาสิ่งที่ทำให้ฉันแสบตาอย่างที่ฉันโกหกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ ไหนอ่ะพี่.....ฉันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนะ “ โบมีพูดทั้งๆที่ตาก็ยังคงมองหา
สายตาของโบมีเริ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่ซึ่งฉันสามารถรับรู้ได้ว่าเธอกำลังมองมาที่ตาฉันแน่ๆเพราะสายตาที่ลอกแลกเมื่อก่อนหน้านี้มันได้หายไปแล้ว ฉันมองหน้าโบมีอย่างสงสัยว่ามีอะไรติดที่หน้าฉันรึป่าว เราทั้งสองมองหน้ากันในความเงียบของห้องที่มีเพียงแค่เสียงจากในหนังที่โบมีเปิดไปเมื่อก่อนหน้านี้
“ ให้ตายซิทำไมรู้สึกแปลกๆจนบอกไม่ถูกแบบนี้ “ ฉันพูดขึ้นมาให้ใจเพราะอยู่ดีๆฉันรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบๆตัวมันเปลี่ยนไปจากเดิมและที่ยิ่งกว่านั้นฉันรู้สึกว่าใบหน้าของโบมีมันใกล้เข้ามาทีละนิดๆ
ติ๊ดดดดดดดดดดด
“ กลับมาแล้วจ้า รอนานไหมเอ่ยพี่.............................. “
ความคิดเห็น