ฉันนอนไม่หลับ
“ฉันนอนไม่หลับ ฉันนอนไม่หลับเลย” เสียงของยาบ่นอุบติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวันไม่รู้ที่มาว่าเกิดสาเหตุใด ตั้งแต่สงสัยว่าเป็นโรคยอดฮิตประจำจังหวัด (ชิคุนกุนยา) ย่าก็มีพฤติกรรมแปลกๆเพิ่มมากขึ้น
ในกลางดึกฉันยังจำสีหน้าและแววตาได้ดี ปกติแล้วย่าจะนอนคนละที่กับปู่แต่หลังจากย่าป่วยเพื่อให้เข้าไปทำธุระในห้องน้ำได้สะดวกจึงจำเป็นต้องมานอนโถงกลางบ้าน ประมาณ3 ทุ่มเป็นเวลานอนของงปู่ไฟบริเวณนั้นจะถูกปิด และย่าจากที่นอนดึกกว่านี้และตื่นเช้า ก็ต้องพลอยต้องนอนเร็วไปด้วย ส่วนคนรุ่นใหม่อย่างฉันและน้องก็นอนดึกอย่างสมัยนิยมกัน นอนหัวค่ำยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ แต่พอเริ่มเข้าช่วง 5ทุ่ม มักจะได้ยินเสียง งุ้งงิ้ง จุ้งจิ้ง ดังอยู่เรื่อย ๆ
ฉันก็นึกว่าย่าคุยกับปู่ แต่ก็เอะใจถ้าคุยกับปู่ต้องใช้เสียงที่ดังกว่านี้ ฉันก็กำลังอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คเปิดเพลงฟังหวังกลบเสียงที่ไม่พึงประสงค์ แต่ด้วยสัญชาตญาณของคน มันก็มีความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เสียงพุดคุยยังไม่หยุดหย่อนกินเวลาไปประมาณ 2ชั่วโมงแล้ว ฉันเริ่มง่วงนอนถอดหูฟัง ชัตดาวส์โน้ตบุ๊ค เตรียมตัวออกไปแปรงฟันล้างหน้า
เสียงพูดคุยแกมบ่นยังคงอยู่ ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำต้องผ่านโถงนี้อยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสเข้าไปดูใกล้ ๆ เสียงหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันเดินย่องเบาคล้ายกับโจรที่จะปล้นบ้านตัวเอง เข้าไปใกล้ยังมุ้งที่ย่านอนอยู่ เอาหน้าแนบมุ้งมองทะลุเข้าไปดู ก็ยินเสียงย่าคุยจริง ๆ แต่เป็นเสียงคุยคนเดียว ohhh my god นี่ย่าคุยคนเดียวมาเกือบ 3 ชั่วโมง
ฉันพยายามที่จะจับใจความสำคัญของบทสนทนานี้ เผื่อจะได้ร่องรอยอะไร นอกจากเป็นโจรแล้วฉันยังเป็นนักสืบอีกด้วย
ย่า ย่า ย่า เสียงของฉันไล่ระดับความดังขึ้นเรื่อย ๆ จนย่าขานรับ
ย่า คุยกับใครนักเนี่ย คุยมานานแล้ว ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง
สงสัยจะละเมอมั่ง พร้อมเสียงขำแห้งเบา
เข้าไปในห้องน้ำ บีบยาสีฟันใส่แปรง แล้วเดินออกไปหน้าบ้านท่ามกลางอากาศที่เย็นเล็กน้อย ด้วยไอความชื้นของฝนที่ตกในยามเย็น ดาวคืนนี้ไม่ระยิบระยับมากนักเพราะมีเมฆหมอกมาบดบัง ตั่นก็สวยไปอีกแบบ เมื่อแหงนมองไปทางขวาก้เห็น
สีขาวลากเป็นทางยาว เคยดิ้นว่านั่นคือ กาแล็กซี่ของเรา กาแล็กซี่ทางช้างเผือก ฉันยังเหม่อมองถอดอารมณ์อยู่สักพัก
ก่อนจะนึกขึ้นได้เพราะปฏิกิริยาของยาสีฟันที่ยังอยู่เต็มปาก ฉันยังดื่มด่ำกับมันยังไม่สมใจ ขอไปแหงนดูอีกสักรอบเผื่อจะเห็นดาวตกกับเขาบ้าง และสิ่งที่เหลือเชื่อก้เกิดขึ้น แสงหวาบสีแดงมุ่งไปทางทิศตะวันตก ฉันไม่ทันทีได้ขอพรอะไรหรอก หรือว่าฉันขอว่าให้ได้เจอฝนดาวตกหว่า
หลังจากดื่มด่ำจนพอใจ ก็เปิดประตูเข้าไปในบ้าน กั๊บ เสียงปิดประตูดังขึ้น พร้อมเสียงของย่า ไอ้หนูปิดประตูดีๆ มีใครตามมาหนะ แล้วย่าก็ด่าต่อ จะเขย่าประตูทำไม ฉันอื้ออึงกับเสียงพูดของย่า ไม่รู้ว่าตอนนั้นแกหลับหรือตื่น แต่ฉันก็เสียวสันหลังขึ้นมา ฉันตัดสินใจพูด อะไรย่า ใครตามมา ไม่เห็นจะมีเลย ย่ามั่วแล้ว พร้อมหันไปดูความเรียบร้อยของประตูว่ามันปิดสนิทหรือยัง ฉันอาจเคยเขียนเรื่องราวทำนองนี้ลงไปในเรื่องสั้นสักเรื่อง มันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องสั้นนี้
หลังจากเกิดเหตุการณืผิดปรกติขึ้นกับย่า อาจจะด้วยเพราะฤทธิยาของหมอ หรือจิตใต้สำนึกของย่าก็เป็นได้ แกคงกระวนกระวายอยากออกไปขายของที่ตลาดนัด แกเป็นคนขยันอยูไม่นิ่ง ต้องอะไรหยิบจับและเคลื่อนไหวเคลื่อนที่เป็นชีวิตจิตใจ
(Active person) เมื่อต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ก็อึดอัดใจเป็นธรรมดา แม่ของฉันก็ได้ประสบพบเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน
แม่เจอย่าที่ห้องครัว แม่ถามว่าย่ามาทำอะไรที่หลังครัว ย่าบอก ป่าว แต่แม่สติแดกแล้ว ล็อคห้องหนาแน่น เพราะย่าในนอนกลางวันเดินแทบไม่ได้ และพูดจาไม่ได้เสียงดังแต่อย่างใด ตอนนี้เหมือนจิตที่อยู่ในกายไม่รู้ว่าใช่ย่าหรือป่าว ท่าเดินที่แคล่วคล่อง พูดจาฉะฉาน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เช้าของอีกวันแม่ได้สอบถามย่า ถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ย่าไม่รู้เรื่องว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเลย
....หลังจากนั้นย่าก็ไปหาหมอ เปลี่ยนตัวยากินเพราะว่ายาอาจจะแรงไป และเปลี่ยนที่หลับนอนที่อาจจะนอนขวางประตู
ตามความเชื่อของคนโบราณอาจจะเป็นประตูผี ย่ายังเล่าว่า บางคืนมีญาติมาเยี่ยมเต็มบ้านไปหมด มีผู้คนรายล้อมรอบตัว บางครั้งก็มีแต่คนตายแต่เขาไม่ได้มาทำอะไรแค่แวะมาเยี่ยม ไหนจะไล่จับมาที่มันมุดเข้าไปในเสื่อแล้วส่งเสียงดังลั่น
ไหนจะเปิดไฟจากแบตแล้วส่องกราดไปทั่วในข่วงตี่ 1 จนถึงตอนนี้ผ่านไปหลายอาทิตย์ ผ่านไปหลายหมอ ผ่านวิธีการรักษาที่หลากหลายวิธี ทั้งหมอเมือง หมอบ้าน หมอดู ไปหามาเกือบหมด ย่าที่กล่อมประสาทให้หลับ ย่าสมุนไพร มีอะไรดีย่าเป็นต้องขอลอง เพราะแกพูด ฉันนอนไม่หลับ ฉันนอนไม่หลับกับปู่แทบจะทุกเช้ารุ่ง
ก็ไม่รู้เพราะอะไร ใยหนอถึงนอนไม่หลับ
มันทรมารคนานับ อยากจะหลับลงเสียที
แม้ตอนตายหลับสิ้นชีวี ก็ไม่รู้ว่าจะดีเท่ามีลมหายใจไหม........
ฉันนอนไม่หลับ ฉันนอนไม่หหลับ ฉันนอนไม่หลับ .......