ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wait a minute เดี๋ยวนะ...หวั่นไหวเมื่อไหร่วะ(YAOI)

    ลำดับตอนที่ #7 : Wait a minute 6

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 56


    Wait a minute…

     

     

    แล้วก็ต้องออกมา...วันหยุดผมก็เลยมีแค่วันเดียว ไม่ได้อยากนับเมื่อวานเป็นวันหยุดเท่าไหร่ มีมันเหมือนมีงานงอกขึ้นมาเพิ่มอีกอย่าง ไม่ออกไปเที่ยวด้วยนะเมื่อวานน่ะ บอกจะเล่นเกมให้หมดที่มีอยู่...ใครเล่น ผมน่ะสิ เอาจริงเมื่อวานก็นอนกันเกือบตีหนึ่ง เหนื่อยกว่าทำงานอีก วันนี้ก็โดนมันลากออกมาตั้งแต่ 9 โมงครึ่ง รีบไปไหน...ทีไปทำงานไม่เห็นรีบขนาดนี้เลย เรื่องเที่ยวขอให้บอกเหอะ

     

     

    “หาว.....”

     

    ผมอ้าปากหาวกว้างอย่างเสียไม่ได้ ยังง่วงอยู่เลยต่างจากคนข้างๆหน้าตาสดชื่นกระปรี้ประเป่าเชียว มองหน้ามันแล้วนึกหมั่นไส้จริงๆ

     

     

    “อะไร ขี้เซานะเนี้ยะ”

     

    “อืม”

     

    มันขับรถไปเรื่อยๆ พอผมถามว่าจะไปที่ไหนมันบอกเดี๋ยวไปเซ็นทรันเวิลด์....แล้วจะออกบ้านทำไมเช้าเนี้ยะมันเปิดตั้งสิบโมงครึ่งถ้าจำไม่ผิด พอผมถามมันก็บอกเผื่อเวลารถติดไง ไปช้าเดี๋ยวไม่มีที่จอด อ้อ...หรอขึ้นรถไฟฟ้าไปไม่ดีกว่าหรอแก้วใบเดียวเอง...รึมันจะไม่ใช่แก้วใบเดียว

     

    เรามาถึงกันที่นี้ก็10.45 รถติด...มากกกกก แทบจะชนกันอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงไม่มีใครหมั่นไส้มาเฉี่ยวชนรถมัน เพราะมันเอา ซีวิกมาวันนี้มันอยากเป็นคนธรรมดา เหอะๆ พอลงรถได้เข้าไปตัวห้างมันก็แวะร้านนั้นร้านนี้ แต่ไม่มีร้านไหนเลยที่มีแก้วขาย เฮ้ยๆๆ แก้ว ไม่ใช่เสื้อผ้า ของใช้ ผมท้วงมันไปทีนึงก็ทำอย่างกับไม่ได้ยินผม...นายนี่ กวนละ

     

     

    “จะได้มั้ย แก้ววันนี้น่ะ”

     

    “ไหนๆก็มาแล้วซื้อของหน่อยดิ ไม่ได้มาโคตรนาน”

     

    “นายมาบ่อยป่ะ”

     

    “ไม่อะส่วนใหญ่พาพวกสาวๆมาซื้อ ก็เลยซื้อตอนที่มากับพวกเธอ”

     

    ต้องมีคนมาด้วยว่างั้น ผมมาด้วยเลยได้ทีเออดีเนอะ เอากูมาแทนสาวเลย ผมเดินตามมันไปเรื่อย บางครั้งก็โดนลากให้ไปลองเสื้อด้วย จับผมแต่งตัวซะงั้น มันบอกซื้อไว้บ้างเผื่อได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก ไม่ๆๆๆ ไม่ไปแล้วผับนั้นอะ นึกแล้วยังสยองไม่หาย แถมพาผมเข้าร้านแว่นอีกซื้อคอนแทคเลนต์ให้ นี่กะให้เปลี่ยนกันทั้งตัวเลยรึไง และในที่สุดก็ได้เข้าร้านที่ขายแก้วสักที กว่าจะได้มาผ่านสายตาแปลกๆมากมาย ผมยืนหน้าร้านเหมือนกับถึงเส้นชัยแล้ว เยี่ยมจริงๆเราเดินเข้าไปในร้าน ที่นี้มีของมากมาย ทั้งแก้ว จาน ชาม และอีกหลายอย่าง เราเดินเข้าไปดูตรงชั้นที่มีแต่แก้ว อืม...สวยดี มีทุกอย่างรูปร่างแปลกบ้างก็มี

     

     

    “เฮ้ยทาม  อันนี้ดีมั้ย”

     

    “อืมก็ดีนะ”

    “อันนี้ล่ะ”

     

    “ดีๆ”

     

    “ดีหมดว่างั้น”

     

    มันพูดเหน็บแนมผม ก็มันก็สวยหมดแหละ นายชอบอันไหนก็เอาดิ มันหยิบๆจับอีกสักพักก็มีพนักงานเดินมาให้คำแนะนำ

     

    “เรามีเพนต์ให้ฟรีด้วยนะคะ ถ้าซื้ออันนี้”

     

    “อ๋อครับ...เฮ้ยทามมีเพนต์ด้วยอ่ะ”

     

    มันหันมราบอกผมด้วยท่าทางตื่นเต้น ผมพยักน่ารับรู้ มันหันกลับบอกอะไรพนักงานสักอย่างแล้วมันก็เดินกลับมาหาผม

     

    “ได้ละหรอ”

     

    “อือ อันนั้นแหละ”

    พนักงานเรียกให้มันไปหา ผมเลยเดินตามมันไปด้วยสงสัยห่อเสร็จแล้ว ดี จ่ายตังกลับบ้าน

     

    “ช่วยเขียนชื่อให้ด้วยค่ะ”

     

    มันหยิบปากกาที่พนักงานยื่นให้มาเขียนชื่อมันกับ...ผม เฮ้ยแล้วจะเขียนชื่อผมลงไปทำไม พอเขียนเสร็จมันก็มองหน้าผมเชิงถามว่ามีอะไรรึเปล่า

     

    “เขียนชื่อฉันทำไมอ่ะ”

     

    “ก็ซื้อมาสองใบไง ฉันกับนาย”

     

    “เอ้า...”

     

    อีกแล้วทำอะไรไม่บอกไม่กล่าวเงินนายนะนั้น แก้วในนี้ไม่ใช่ถูกๆ จริงๆเลย สักพักพนักงานก็เอ่ยถามคำถามที่ทำให้ผมเกือบไปไม่ถูก

     

    “เพนต์รูปหัวใจด้วยมั้ยค่ะ จะได้ดูหวานขึ้น”

     

    ผมกับเรย์หันไปมองหน้าพนักงานพร้อมกัน เธอยืนอมยื้มให้พวกผมทั้งสองคน โหยอย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าเรา...ก่อนผมจะคิดอะไรได้มันก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ผมที่คิดได้ช้ากว่าถึงกับอ้าปากค้าง

     

    “ฮ่าๆ ถ้ามันดีก็เอาครับ”

     

    “เฮ้ยๆๆ ไม่ครับไม่ต้องครับแค่ชื่อพอ นายจะบ้าหรอ”

     

    “เอ้าเพนต์ฟรีอ่ะ เขาเพนต์ให้ก็เอาไปดิ”

     

    “ไม่ๆๆ ไม่ใช่แก้วคู่นะ”

     

    “อ่าวนึกว่าใช่”

     

    “เรย์!!!

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ”

     

    อ๊ากกกกกกนายนี่ มันช่างกวนผมดีจริงๆ ทำเขาเข้าใจผิดหมดแล้ว ชอบรึไงผมโวยวายเนี้ยะ แต่การกระทำเรามันคงไปสะกิดต่อมอะไรของพนักงานสาวแน่ๆ เธอหน้านี่ฟินมากเอ๊ะ...หรือนี่จะเป็นอะไรที่เขาเรียกว่า  สาววาย แบบนั้นยิ่งซวยน่ะสิ เรย์หันไปบอกพนักงานว่าเอาแบบนั้นแหละพอผมจะเถียงว่าไม่มันก็เอามือปิดปากผมไว้ อ๊ากกกกกกนายนี้มันนนนนนนน

     
     

    สรุปแล้ว...เราก็ได้ แ ก้ วนั้นมา เขาเพนต์สวยนะ แต่ทำไมต้องรูปหัวใจวะ คือ...ถึงมันจะเหมือนลายทั่วไปก็เหอะแต่พอมีชื่อผมอยู่อีกแก้วชื่อมันอีกอันแล้วเอามาตั้งไว้ด้วยกัน....ไม่อยากจะพูดจริงๆ มันก็เป็นอะไรที่เขาเรียกกันว่า   ‘แก้วคู่นั้นแหละ ผมนั่งมองแก้วในกล่องที่เขาใส่ให้เราอย่างดี หน้าผมมันคงชัดมากจนมันสังเกต

     

    “อะไร...ไม่ชอบก็ไปซื้อใหม่ก็ได้นะ”

     

    “ไม่ใช่...มัน...ก็ใช้ได้อยู่ๆ”

     

    ผมบอกปัดๆมันไป ก็นะ ใช้ที่บ้านไม่มีใครเห็นหรอก ไม่เคยเห็นใครมาบ้านสักที ผมรับกาแฟที่มันซื้อมา ตอนนี้เรานั้นพักอยู่ที่ร้านกาแฟ พักเหนื่อย เดินมันก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก แต่เถียงมันเนี้ยะเหนื่อยมาก ผมดูดกาแฟพลางมองรอบๆตัว เอาอีกแล้วมีแต่คนมองมันอีกแล้ว มันไม่อึดอัดบ้างหรอเวลามีคนมองเยอะๆ

     

    “นายรู้ใช่มั้ยว่ามีคนมองนายอยู่”

     

    “อื้อ”

     

    “แล้วไม่อึดอัดหรอ”

     

    “ก็...บ้างนะ แต่ถ้าเราไม่สนใจมันก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วล่ะ”

     

    “ง่ายดีนะ”

     

    มันยิ้มให้ผมแทนคำตอบ ชีวิตนายนี้เคยมีอะไรยากบ้างมั้ย ดูง่ายไปทุกอย่างเลยดูอย่างผมสิ ทำงานๆๆอย่างเดียวอยู่กับนายนี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

     

    “นายชื่ออะไร”

     

    “???”

     

    “ชื่อไง เรากำลังทำความรู้จักกันอยู่นะ”

     

    อ้อ...ไม่บอกไม่กล่าว เตรียมตัวแทบไม่ทัน แต่นี้นายเอาจริงหรอเนี้ยะ

     

    “ครับชื่อ ทาม ทันต์ทิวา แล้วคุณล่ะ”

     

    “ชื่อเรย์ รัตธเนตร”

     

    โอ้... มันชื่อ รัตธเนตร นี้เพิ่งรู้นะเนี้ยะแต่ชื่อมันก็เหมาะกับมันนะ เพราะสีตามันมันเป็นสีน้ำตาลก็เหอะแต่ออกสีแดงๆด้วย เออสวยดีว่ะ รู้กันวันนี้แหละว่าต่างคนต่างชื่ออะไร นามสกุลคงไม่จำเป็นผมรู้ของมันแต่มันไม่รู้ของผมคงไม่เป็นไรหรอกหลังจากที่แนะนำตัวกันไปเสร็จแล้ว ผมก็เพิ่งรู้อีกว่ามันอ่อนกว่าผมไปปีครึ่ง เยี่ยมเลยนึกว่ามากกว่านะ ผมน่ะแล้ว27แล้วมัน25กว่าๆ ก็ดูมันทำตัว มากประสบการณ์ซะเหลือเกิน มีอะไรเซอร์ไพร์ผมอีกมั้ยเนี้ยะ

     

    “ตกลงนี้นายอายุน้อยกว่าฉันหรอเนี้ยะ”

     

    “ฉันก็เพิ่งรู้ว่านายแก่กว่าฉันเหมือนกันแหละ เรียกพี่ตอนนี้คงไม่ทันแล้วมั้ง”

     

    ก็นั้นน่ะสิ เรียกกันฉันนายขนาดนี้ ให้ไปเรียกมันน้องเรย์แล้วให้มันเรียกผมพี่ทาม คงไม่ไหว แค่คิดก็ตลกแล้ว สักพักก็มีสาวสองคนเดินมาหามันถึงโต๊ะ โอ้โห ถึงที่จริงๆ มันยิ้มให้ตามสไตล์หนุ่มเพลย์บอยก่อนแจกเบอร์ให้น้องเค้าอีกนิดๆหน่อยๆ เห็นแล้วก็อดใจเหี่ยวไม่ได้ มันมีมาถึงที่ ผมนี่ไม่มีแถมยังต้องหาเอาเอง ชีวิตคนเรามันต่างขนาดนี้เลยรึไงวะ

     

    “นายเคยมีแฟนรึยัง”

     

    จู่ๆมันก็ถามผมขึ้นมา คิดยังไงถาม แถมยังถามว่า เคยมีมั้ยด้วย ตอนนี้มีไม่ได้รึไง ก็มันไม่มีจริงๆนินะ

     

    “เคยสิ อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ เลิกกันไปเมื่อสี่เดือนก่อน”

     

    “คบกันนานป่ะ”

     

    “ไม่อ่ะ สามสี่เดือนเอง ไปด้วยกันไม่ได้ เธอบอกนะ นายล่ะ ตอนนี้คบใครรึป่าว”

     

    “ไม่อะ”

     

    อืมทำตัวแบบนี้คงจะมีแฟนอยู่หรอก ถามจริงเหอะนายไม่เคยคิดจะจริงจังอะไรกับใครเลยหรอวะ

     

    “แต่เคยมีนะ”

     

    ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยิน โอ้ นายเนี้ยะนะ แต่มันก็ธรรมดาในชีวิตก็ต้องมีแฟนบ้างสักคนแหละ

     

    “หรอ...แล้วเลิกกันไปเมื่อไหร่ล่ะ”

     

    “......ปีก่อน”

     

    ปีก่อน...เลยหรอ นึกว่าอาทิตย์ที่แล้วอะไรงี้

     

    “คบกันนานป่ะ”

     

    “....สิบปี”

     

    ห๊า! สิบปี! อ่าวเฮ้ย นั้นมันตั้งแต่สมัยเรียนเลยไม่ใช่เรอะ ตั้งแต่ม.ปลายเลย นายเนี้ยะนะ เพลย์บอยแบบนายเนี้ยะนะ ไม่อะ ไม่เชื่อ เหมือนมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่หรือว่าหน้าผมมันแสดงออกชัดมากไปรึเปล่าไม่รู้ มันเลยย้ำผมอีกรอบ

     

    “เฮ้ยจริงๆ นะ เรื่องนี้จริงๆนายไปถามเพื่อนฉันก็ได้ ทุกคนที่รู้จักฉันรู้หมด เพราะตอนนั้นฉันกะจะแต่งงานเลยด้วยซ้ำ”

     

    แต่งงาน!!!!! แต่งงานเลยหรอ โอ้นี้นายเคยถึงกับจะมี เมียจริงมาแล้วหรอ หน้าผมคงช๊อกมากจนมันหัวเราะ เป็นใครก็ไม่เชื่อว่ะ ว่าคลาสโนว่าแบบนายจะแต่งงาน แต่งงานนะ นี่ผมจะย้ำอะไรนักหนาเนี้ยะ

     

    “แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”

     

    “ฉันก็ไม่รู้”

     

    “ไม่รู้???”

     

    “ก็วันนั้น...วันที่ฉันจะขอเธอแต่งงานน่ะ เธอบอกว่า ขอโทษ...คำเดียว แล้วฉันก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย ไม่ทันได้เข้าใจอะไรสักอย่าง ติดต่อไม่ได้ ไม่มีใครติดต่อได้ เธอเดินจากฉันไปเฉยๆเลย”

     

    “.....”

     

    จุก...พูดไม่ออก ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายแบบนี้ ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม...น่ากลัว มันน่ากลัวกว่ารู้ว่าทำไม เป็นผมมันคง ทรมารมากเลยแล้วนายล่ะเรย์...

     

    “ฉันรักเธอมากนะ และเธอก็รักฉัน ฉันรู้ดีแต่...ตอนนี้ยังไม่เจอคำตอบเลย”

     

    มันเล่าได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งน้ำเสียง แววตา นายไม่เจ็บบ้างหรอที่ต้องมาย้อนเรื่องอะไรที่...ที่...ให้ตายเหอะ ที่มันทำตัวเป็นเพลย์บอยอาจจะเพราะต้องการลืมเธอคนนั้นแน่ๆ ผมจับแก้วแน่น มันงงๆที่ผมทำ แล้วมันก็หัวเราะ หัวเราะอะไรนี้ซีเรียสนะเว้ย

     

     

    “เฮ้ยๆๆ อินไปรึเปล่า ดูทำหน้าเข้า”

     

    “อะไรเล่า”

     

    “อินกว่าคนเล่าอีก จะร้องไห้รึยังเนี้ยะ”

     

    “จะบ้าหรอ ไม่ร้อง นายนั้นแหละไม่รู้สึกอะไรแล้วรึไง”

     

    “เจ็บอยู่เลย”

     

    “ถ้าเจ็บก็ทำหน้าให้มันเหมือนคนเจ็บหน่อยสิ”

     

    “ถ้าทำหน้าเจ็บ คนแถวนี้ไม่ร้องไห้ไปเลยหรอ”

     

    “....”

    ผมแม้มปากแล้วหันหน้าหนี ไอ้หมอนี้ ไม่รู้ด้วยแล้ว บ้าใครจะไปร้องไห้ให้นาย แต่บอกตามตรงว่าผมก็แอบเจ็บไปกับมันนะ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร อะไรที่เป็นมันต้องใส่ใจตลอด ไม่อยากเป็นห่วงก็อดห่วงไม่ได้ แค่กลับบ้านช้าหน่อยก็กลัวมันไม่มีข้าวกิน อะไรไม่รู้อีกมากมาย เฮ้อ ผมเป็นอะไรเนี้ยะ

     

     

    “โอ้ยๆๆ งอนอีกแล้วอะ”

     

    “เอองอนจริง”

     

    “เฮ้ยจริงดิ โอ๋ๆๆๆง้อเนี้ยะง้อ”

     

    มันพูดพลางยื่นนิ้วกอยมาให้ผม คนแถวนี้เริ่มหันมามองการกระทำของเราสองคนแล้ว อ่าวซวยแล้วเก็บมือไปๆ

     

    “เฮ้ยๆๆคนมองๆๆๆ”

     

    “ง้ออยู่เนี้ยะ หายงอนก่อนสิ”

     

    “หายแล้วๆๆเก็บมือไปเลย”

     

    “ยางงงง ไม่เกี่ยวก้อยแสดงว่ายังไม่หายยยย”

     

    นายนี่นิ มันทำเสียงง้องแง้งเหมือนเด็ก เฮ้ย ผมเริ่มอายแล้วนะ ทำไรอายคนบ้างเหอะ มันยิ่งโวยวายหนักขึ้นเมื่อผมไม่เอานิ้วไปเกี่ยวก้อยมัน จนผมทนไม่ได้ยื่นนิ้วไปให้มัน มันยิ้มกว้างให้ผม เฮ้อออออ เหนื่อยกับนายจริง

     

    “ปล่อยได้แล้ว”

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ นึกว่าจะเดินเกี่ยวก้อยกันกลับบ้าน”

     

    “นายนี่น้า ทำไมชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อย”

     

    “ไม่รู้อะ นายน่ารักดีนิ มันอยากแกล้ง”

     

    “นิสัยไม่ดี”

     

    มันยิ้ม ยิ้มตลอด บ้ารึไง แต่ก็นะ…..

     

     


     

    มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ตลอดเหมือนกัน.....





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×