ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wait a minute เดี๋ยวนะ...หวั่นไหวเมื่อไหร่วะ(YAOI)

    ลำดับตอนที่ #13 : Wait a minute 12

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 56


     

     

     

    Wait a minute…

     

     

    ผมกำลังนั่งมองตุ๊กตาตั้งโต๊ะรูปสโนว์แมนอยู่ มันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอกถ้ามันไม่ถือป้ายเล็กๆว่า”ดูงาน” ใช่ ถึงคราวผมที่จะต้องไปสัมมนาหรือประชุมกับหัวหน้าฝ่ายที่ต่างจังหวัด เป็นการจัดระบบที่ดีม๊าก หัวหน้าบอกว่าทุกคนจะได้ไปหาประสบการณ์และมีโอกาสเท่าๆกันถ้าใช้วิธีนี้ ซึ่งมันก็ดีอะนะสำหรับบางคนเพราะมันถือว่าได้ไปเที่ยวด้วยแต่ผมไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะผมไม่ค่อยอยากไปไหนไกล ขี้เกียจเก็บผ้า วันไปก็ดันไปวันเสาร์อาทิตย์แล้วใครจะทำงานบ้านล่ะ

     

     

    “อ่าว...มึงก็ไปหรอวะทาม”

     

    “อ่าวเป้ มึงด้วยหรอ งวดนี้ได้ไปด้วยกันว่ะ ไปที่ไหนวะ”

     

    “ที่กระบี่ ไปทะเล เยี่ยมป่ะ เจ้าของงานจัดที่โรงแรมหรูติดทะเลเลยหนาเว้ยเพื่อน”

     

    “บริษัทไหน”

     

    “ไม่รู้วะ ไม่ได้ถาม”

     

    อะหรอ...เฮ้อ ขี้เกียจจัง หน้าร้อนแล้วด้วย...มันต้องร้อนชิบหายแน่ๆขนาดช่วงนี้เดินออกจากบริษัทยังไม่อยากเลย สูทนี้ลืมเอาออกจากบ้านด้วยซ้ำ ผมก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ จนหัวหน้าเดินออกมาบอกว่าเตรียมตัวด้วย ไปวันนี้ ห๊า...ของยังไม่ได้เตรียมเลย แถมหัวหน้ายังบอกอีกว่าไปตอนสามโมงกลับไปเก็บกระเป๋าตอนนี้เลย บ๊ะ แล้วทำไมไม่บอกก่อน นี้บ่ายโมงครึ่งแล้ว ทำไง ก็รีบกลับน่ะสิ หัวหน้าอนุญาตแล้ว ดีว่าไม่ต้องไปสนามบินเองเดี๋ยวบริษัทจะเอารถมารับ...กะทันหันจริงๆ ยังไม่ได้บอกเรย์เลย.....

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    ผมยืนรออยู่หน้าบริษัท โอยร้อน เมื่อไหร่รถจะมาเนี้ยะ โทรศัพท์ก็แนบหูอยู่ โทรหาเรย์นั้นแหละ โทรไม่ติดอีกหงุดหงิดนะเนี้ยะ ร้อน ก่อนที่ผมจะระเบิด รถตู้สีขาวก็จอดเทียบรับพวกผมสี่คนขึ้นไป อ่า...เหมือนติดปีกขึ้นสวรรค์ เรานั่งรถกันไปถึงสนามบินเช็คอินเรียบร้อยรอขึ้นเครื่อง บริษัทที่จัดนี้ใจจริงๆ ตั๋วนี้ก็ซื้อให้ ชักอยากจะรู้แล้วว่าบริษัทไหน หลังจากลงเครื่องเราก็ตรงไปที่จัดประชุมทันที เพิ่งรู้เหมือนกันว่าโรงแรมนี้เป็นของผู้จัดงานเหมือนกัน เราตรงเข้าไปในล๊อบบี้เพื่อจะเอากุญแจห้อง มากันสี่คนดีว่าหัวหน้าผมเป็นผู้หญิงเลยนอนกับพี่เพนต์ได้ แน่นอนผมก็ต้องนอนกับไอ้เป้น่ะสิ

     

     

    เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น อืม...โทรมาแล้วเหรอพ่อคุณ มิสคอร์ไปตั้งห้าสาย

     

     

    “ว่าไง”

     

    “เอ้อทาม คือวันนี้ไม่อยู่บ้านนะ ออกมาทำงานกับแม่ กลับวันอาทิตย์โน่น”

     

    “เอ้า...หรอ ฉันก็เหมือนกันอ่ะ”

     

    “อ่าว...ไปไหนนั้น”

     

    “มาสัมมนากับบริษัทที่กระบี่”

     

    “เอ้อเหมือนกัน ที่กระบี่...เดี๋ยวนะ ที่โรงแรมxxxรึป่าว”

     

    “ใช่ๆ หรือว่า....”

     

    ก่อนที่จะได้คิดอะไร สมองผมก็สั่งให้ผมมองหามัน ผมหันหลังไป ก็เจอกับมันพอดีต่างคนต่างยังถือหูโทรศัพท์อยู่ และมันตลกมากเพราะเรายืนห่างกันแค่นิดเดียวแต่ยืนหันหลังคุยกันไง ผมหลุดยิ้มออกมาขำๆ ลากกระเป๋าเดินเข้าไปหามัน ก่อนผมจะเป็นคนเอ่ยปากถามมันก่อน

     

    “ไม่เห็นบอกว่าจะมาที่นี้”

     

    “ก็แม่ลากมากะทันหันนายก็เหมือนกัน”

     

    “บริษัทบอกกะทันหันเหมือนกัน”

     

    ผมยืนคุยกับเรย์อยู่นานจนลืมไปว่ามีคนมาด้วยอีกตั้งสามคน กว่าจะนึกได้ พี่เพนต์กับพี่ตาหัวหน้าผมก็หันไปหัวเราะคิกๆคักๆกันอยู่สองคนแล้ว ลืมไปเลยว่าไอ้คนตรงหน้านี้มันเคยมีประเด็นมาก่อน พอผมจะอ้าปากอธิบายเรย์มันก็ชิงพูดก่อน

     

    “สวัสดีครับ พี่ตา”

     

    “สวัสดีจ๊ะ เจอกันอีกแล้ว”

     

    รู้จักกัน...ชิบหายล่ะสิ

     

     

    “ครับ ผมเพิ่งรู้นะเนี้ยะว่าทามอยู่แผนกพี่อะ”

     

    “ใช่จ๊ะ เอ้อพี่ถามหน่อยสิ ถามทามแล้วไม่แล้วใจ เรย์เป็นอะไรกับทามรึเปล่า”

     

    ถามตรงประเด็นไปครับพี่ตา เรย์มันก็หัวเราะรวนแถมตอบกลับแบบตั้งใจให้มันมีซัมติงรองกว่าเดิม ยิ่งบวกกับหน้ามันแล้วยิ่ง...

     

    “ก็นะ ก็คนมันอยู่ด้วยกันอะครับ”

     

    พี่ตาก็ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ เข้าใจในเรื่องที่ไม่ควรจะเข้าใจ จนไอ้เป้ต้องเขยิบเข้ามากระซิบถามผม

     

    “เฮ้ย...ไหนมึงบอกว่าไม่ใช่ไง”

     

    “ก็ไม่ใช่ไง เขาแกล้งกูตลอดอะ”

     

    “เขาคิดไรเปล่าวะ แกล้งไปแกล้งมาเดี๋ยวแม่งได้กันจริงสักวัน”

     

    “เอ๊ะมึงนิ ไม่หรอก”

     

    ผมหันไปมองหน้าเรย์ มันยังคุยเล่นกับพี่ตาพี่เพนต์อยู่ มันเหลือบมามองผมพร้อมกับยิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบ สองคนนั้นกระซิบกันใหญ่ นายคงไม่ได้ไปพูดอะไรให้เขาคิดกว่าเดิมนะ หลังจากคุยกันเสร็จก็เตรียมแยกย้ายกันเข้าห้องพักผมก็กำลังจะหันหลังเดินไปเหมือนกันถ้ามันไม่เรียกขึ้นมาก่อน

     

    “ทาม...ไปนอนด้วยกัน”

     

    “หา...”

     

    หยุดเลยทั้งกลุ่ม หันหน้ามามองที่มัน พี่ตาพี่เพนต์ยิ้มอีกแล้ว ไอ้เป้นี้แล้วใหญ่ตาเท่าไข่ห่าน ประโยคมันไม่มีอะไรเหอะถ้าคนอื่นพูดนะ มันไม่พูดเปล่า มันเดินเข้ามาถือกระเป๋าผมไปไว้ที่ตัวมัน มันเริ่มมองหน้าผม มันกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย เฮ้ย ที่ไหนก็ได้ไม่ใช่ที่นี้

     

    “ทามก็ไปสิจ๊ะ เขาอุส่าห์ชวน ห้องหรูกว่าที่เรานอนเยอะ”

     

    “เอ่อ...เป้ไม่มีเพื่อนนะครับ”

     

    “โอ้ยไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เป้มันนอนคนเดียวได้”

     

    เรย์มันก็นอนคนเดียวได้ พี่ตาก็ส่งเสริมดีเหลือเกิน ผมเลยหันไปหาเป้ดันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก แถมบอกว่านอนคนเดียวสบายดีไล่ผมไปนอนกับเรย์อีก เออดีส่งเสริมกันเข้าไป เดี๋ยวจะทำให้เป็นเหมือนที่คิดเลย ผมก็เลยแยกกับพวกเป้ตรงนั้นพอดีโรงแรมมีสองฝั่ง ห้องที่เรย์พักมันอยู่แยกอีกฝั่งหนึ่ง ผมขึ้นไปเก็บของที่ห้องมัน เออหรูจริงๆด้วยว่ะ กว้างมาก หน้าต่างบานเบ้อเร่อ วิวตรงนี้สวยมาก มองลงไปเห็นทะเลพอดี ไม่มีอะไรบังเลย แต่เสียอย่าง...เตียงเป็นเตียงเดี่ยว...ผมต้องนอนกับมันใช่มั้ย

     

     

    “เตียงเดี่ยว...นอนกับเป้ดีกว่ามั้ย จะได้สะดวก”

     

    “ไม่เอาอ่ะ”

     

    “ทำไมอ่ะ”

     

    “ห้องที่เพื่อนนายพักก็เตียงเดี่ยว...”

     

    “แล้ว...”

     

    “ไม่อยากให้นายนอนกับคนอื่น”

     

    โอ้...ประโยคแต่ละประโยคที่พูดออกมานี้ วาบเลย หน้าร้อนอีกล่ะสิเนี้ยะ ผมคิดเข้าข้างตัวเองล้วนๆเลย มันคิดอะไรรึเปล่าเนี้ยะ แน่ะ...ยังจะยิ้มอีก ทำไงได้ก็หลบตามันเหมือนเดิมนั้นแหละ ผมหันไปเก็บข้าวเก็บของเตรียมเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผ้าเพราะมีจัดต้อนรับตอนเย็น พอพวกผมจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงไปห้องจัดเลี้ยงทันที เราลงไป เรย์ขอแยกตัวไปจัดการงานก่อนผมเลยเดินมาหาพวกบริษัทผม ก่อนหน้านั้นผมได้คุยกับมัน มันบอกว่าโรงแรมนี้ก็เป็นของมัน ไม่แปลกใจบอกตรงๆ ทุ่มขนาดนี้สมกับเป็นคุณนายจริงๆ เออเรย์บอกมากับแม่แสดงว่าคุณนายเจนก็...

     

     

    “ท๊ามมมมมมมมมม”

     

    นั้นไง คุณนายเจนจิราวิ่งมาหาผมด้วยท่าทางดีใจและแปลกใจที่ได้เห็นผม เธอกระโดดกอดผมโดยไม่สนใจชุดเดรสสวยๆของเธอจะยับรึเปล่า วันนี้เธอสวยมากชุดเดรสสีขาวกระโปรงสั้นเหนือหัวเข่าแต่ไม่สั้นมากแค่ได้โชว์เรียวขางามนั้น เธอสวมสร้อยเพชรหรูดีไซน์ดีที่ดูไม่เวอร์เกินไป เหมือนที่พวกคุณนายชอบใส่กัน ผมสีแดงนั้นถูกมวยขึ้นและจัดทรงอย่างสวยงาม สวยจริงๆเหอะ

     

    “แม่เจนสวยจังครับ”

     

    “ต๊าย ลูกทามก็ แม่เขิลลลล”

     

    เธอทำท่าเขิน แถมบอกให้รางวัลผมโดยการหอมแก้มผมไปอีกสองฟอดใหญ่ จนผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่หัวเราะแห้งๆเหลือบไปมองพวกเป้ ก็เจอกับหน้าอึ้งๆนั้นอีก ผมนี้ลืมบ่อยจริงๆว่ามากับพวกเป้ด้วย ก็พวกเรย์นั้นแหละชอบทำตัวเป็นกันเองจนผมลืม แล้วเธอก็หันไปทักทายพี่ตาพี่เพนต์ แผนกผมค่อนข้างที่จะรู้จักกับพวกประธานของบริษัทต่างๆเพราะเราทำงานเกี่ยวกับการประสานงาน เลยได้เจอกันบ่อยๆ จะรู้จักพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ

     

    “คุณนายก็รู้จักทามหรอค่ะเนี้ยะ”

     

    “ค่ะ รู้จักกันทั้งบ้านเลย ว่าจะเอามาเป็นคนในครอบครัวอยู่”

     

    อู้ คุณนาย ลูกชายคุณนายเป็นประเด็ดร้อนในแผนกผมมากเลยนะครับ ไอ้เรื่องที่ว่าลูกชายคุณนายเป็นแฟนกับผมเนี้ยะ

     

    “ตายละ กะจะให้เข้าทางไหนล่ะคะคุณนายเจน”

     

    “ลูกสาวก็มีสามีแล้ว คงต้องเข้าทางลูกชายค่ะ โฮ๊ะๆๆๆๆ”

     

    หัวเราะกันเข้าไป สนุกสนาน กูไม่ได้สนุกสนานด้วยเลย คุณนายก็ดี หยั่งกับเตรียมกับเรย์มาเพื่อแกล้งผมโดยเฉพาะ ดูจากสายตามีความสุขที่มองผมแล้ว เหมือนกันหมดทั้งแม่มั้งลูก เราคุยกันอีกสักพักก็เข้าไปในงานเลี้ยง ก็จัดไปตามนั้นเหมือนเลี้ยงต้อนรับทั่วไปแค่มันหรูหรามากกว่าที่อื่นเท่านั้นเอง

     

    ผมก็ไม่ได้เจอเรย์เลย เจอนั้นแหละแต่ก็ไม่ได้เข้าไปคุยกัน ดูมันยุ่งๆ คุยกับคนนั้นทีคนนี้ที เออแฮะ ดูมันเป็นผู้บริหารก็วันนี้แหละวางมาดได้นักธุรกิจมาก ดูดีเหอะ ยิ่งแต่งตัวแล้ว หล่อมาก หญิงน้อยหญิงใหญ่นี้มองที่มันตาเป็นมันเลย ผมที่ไม่ค่อยชอบอยู่ที่ๆคนเยอะอยู่แล้วเลยออกมาตรงระเบียงด้านนอกของงาน มืดนิดหน่อยแต่ก็เห็นดวงจันทร์ชัด สวยแฮะสะท้อนน้ำด้วย ผมมองมันอยู่สักพัก แล้วมีเสียงดังขึ้นด้านหลังผม

     

     

    “ทำไรคนเดียว”

     

    “ไงพ่อนักธุรกิจพันล้าน ปลีกตัวมาได้แล้วหรอ”

     

    “นะ คิวมันรัดตัวๆ”

     

    “เออ หมั่นไส้ แล้วออกมาทำไมเดี๋ยวพวกคุณหนูคุณนายไม่มีอาหารตานะ”

     

    “ฮ่าๆ ให้หล่อพักบ้างเหอะ เก็กหล่อจนเหนื่อยแล้ว”

     

    ผมย่นจมูกให้มัน ทำหน้าหมั่นไส้มันเต็มที่ มันยื่นแชมป์เปนจากในงานมาให้ผม มันยืนคุยกับผมอยู่ตรงนั้นนาน พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนผมต้องท้วงว่าให้ไปดูแลแขกในงานได้แล้วเป็นเจ้าภาพนะ มันก็ทำเป็นไม่ฟัง บอกจะยืนอยู่กับผม

     

    “แล้วตามออกมาทำไมเนี้ยะ”

     

    “ก็เห็นหายไป นึกว่าโดนอุ้มไปแล้ว”

     

    “ใครเขาจะอุ้มฉัน”

     

    “ไม่ได้...เดี๋ยวหาย....ไปอีกคน”

     

    ผมนิ่งกับประโยคสุดท้ายที่มันพูด ไม่รู้จะตีความยังไง หาย?...อีกคน?... ผมมองหน้ามันเพื่อต้องการคำตอบ แต่คำตอบที่ได้ก็มีแค่รอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง เอาตรงๆนะไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะสื่ออะไร แต่ก็ดีใจที่มันเป็นห่วง

     

     

    หลังงานเลิกมันก็บอกให้ผมขึ้นไปก่อนเลย พรุ่งนี้เก้าโมงเริ่มสัมมนา เดี๋ยวมันจะจัดการอะไรก่อนผมก็ขึ้นมาตามที่มันว่า จัดแจงอะไรให้เรียบร้อย ตั้งนาฬิกาปลุก อาบน้ำ โดดขึ้นเตียงเพราะตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว เด็กอนามัยๆ ผมปิดไฟ เตรียมตัวนอน ถึงตาจะหลับแล้ว...แต่หัวก็ยังคิดถึงประโยคนั้นอยู่

     

     

    หายไปอีกคน....

     

     

    นี้ผมโง่หรือโง่กันแน่...ทำไมไม่เข้าใจที่มันพูดนะ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×