ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wait a minute เดี๋ยวนะ...หวั่นไหวเมื่อไหร่วะ(YAOI)

    ลำดับตอนที่ #6 : Wait a minute 5

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 56






    Wait a minute…

     

     

     

    ความสุขที่สุดของคนทำงานคืออะไร สำหรับผมมันคือ ทำงานได้เงินและ...วันหยุดยาว อาทิตย์นี้ตั้งสี่วัน ตัดวันเสาร์ที่ทำงานและวันอาทิตย์ทำงานบ้านไปก็เหลือสองวัน ได้หยุดบ้างก็ดี ทำงานบ้านหมดแล้วงานการอะไรก็ไม่ต้องทำ วันนี้ผมกะนั่งดูหนังที่ซื้อมากองไว้เพราะไม่มีโอกาสได้ดูสักที แต่ก็ต้องเจอมารผจญ เรย์มันจองทีวีไปแล้ว ไม่ได้ดูทีวีด้วย เล่นเกมเปิดเสียงดังกระหึม แถมหน้าตาอินมาก ผมถอนหายใจ ไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็ออกบ้าน มันออกทุกวันไม่เว้นวันหยุดจริงๆ เป็นผมถ้ามีโอกาสหยุดนี่ขออยู่กับบ้านอย่างเดียวเลย

     

     

    “โอ้ย แม่งพี่เครกู”

     

    ผมเดินไปหยิบนมกล่องในตู้มากินที่โซฟาดูมันเล่นเกม มันเล่นเกมได้กากมากขนาดตัวลูกกระจ๊อกยังโดนตีตาย

     

    “อ่อน”

     

    มันหันมามองผมขวับ ปีนขึ้นมานั่งข้างผม ยื่นจอยไวเลตมาให้ผม ผมทำหน้างง เชิงถามว่าว่าต้องการอะไร

     

    “เล่นเด่ะ...ละจะรู้ว่ามันยาก”

     

    มันทำหน้าท้าทายผม แน่ล่ะ ผมหยิบจอยมาจากมือมันถามมันว่าตัวไหนเป็นตัวไหนอันไหนฟันอันไหนกระโดด พอผมเริ่มทำความเข้าใจ ก็กดเล่นต่อ โถ่...อะไร ง่ายๆ ผมกดซ้ายกดขวานิดๆหน่อยๆ พวกที่เรย์แพ้ผมชนะหมด ทำให้ผ่านต่อไปอีกทางได้ มันบ่นพึมพำที่ผมชนะแต่ทำไมมันแพ้ บอกแล้วนายอ่ะ อ่อน ผมยื่นจอยคืนให้มันพร้อมกับทำหน้าตาว่าเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด มันหน้ามุ่ยทันที ผมหัวเราะพรืดทันที

     

     

    “ไหนว่าคุณชายเรย์มีไรดีกว่าที่คุณคิดไง”

     

    “ก็มันตายเองนี่หว่า”

     

    “จ่ะๆ เล่นไปๆเอาให้ผ่าน”

     

    ผมลุกขึ้นเดินไปทิ้งกล่องนมในห้องครัว เรย์มันก็มันก็ตะโตนหาผมเสียงดังบอกทำขนมปังปิ้งให้หน่อย ผมตะโกนถามกลับทำไมไม่ทำเองมันบอกว่า ตีปีศาจอยู่ ผมส่ายหัวให้กับเหตุผลมัน จะทำให้ดีมั้ยเนี้ยะ พอผมทำเสร็จมันก็ตะโกนมาอีกบอกขอกาแฟด้วย ผมกลอกตาเดินไปหยิบแก้วใบโปรดมันออกมา มันบอกกับผมแล้วว่ามันจะใช่แก้วใบนี้ตลอดไม่ว่าจะใส่กินอะไร ผมเลยย้อนถามว่าใส่เหล้าจะกินมั้ย มันเลยเงียบ ก็นะถามไปงั้นแหละ เอาเหล้าใส่แก้วเซรามิคคงรู้สึกพิลึก

     

     

    ผมเดินเอาของไปเสิร์ฟคุณชาย แล้วนั่งบนโซฟาดูมันเล่นเกมต่อ จะผ่านมั้ยเนี้ยะวันนี้ นั้นตายอีกแล้วมันโวยวาย แล้วหันกลับมาสนใจกับของกิน ผมหยิบจอยมันมาเล่นต่อพอให้มันผ่านด่านนั้นไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหนแต่ผมเล่นเกม...จบแล้วสู้บอสตัวสุดท้ายอยู่เนี้ยะ แล้วถามถึงอีกคนหรอ ก็นั่งเชียร์ผมอยู่ข้างๆเนี้ยะ สรุปว่าก็นั่งเล่นด้วยกันตรงไหนที่ต้องแก้ปัญหาก็ช่วยกัน พอผมตีครั้งสุดท้ายเราสองคนต่างดีใจ ที่ตีมันเสร็จ เราดูคัดซีนอีกนิดหน่อยแล้วปิดเครื่องเพลย์สามนั่น ดูนาฬิกาอีกก็จะบ่ายสองแล้ว

     

     

    “โอยยยย หิวอะทาม”

     

    “อืม ฉันยังไม่หิว”

     

    “หาอะไรให้กินหน่อย”

     

    “ขี้เกียจอ่ะ”

     

    “นะๆๆๆๆ ผมหิวอะครับ”

     

    มันอ้อนอีกแล้วถ้าผมยอมมันต้องได้ใจแน่ๆเลย แล้วมันก็จะทำอีกแล้วผมก็ต้องยอมอีก ไม่ๆๆต้องใจแข็ง ผมหันหน้าหนีมันแล้วบอกปฏิเสธมัน คราวนี้แหละมันโถมหาผมทั้งตัวกอดเอวผมไว้ ผมดันหัวมันออกแล้วก็เจอกับสายตาออดอ้อนของมัน ซวยละ เฮ้อ

     

    “ปล่อยก่อนเดี๋ยวไปทำให้”

     

    “เยี่ยม”

     

    มันปล่อยผม แล้วลุกไปก่อนผมอีก ผมเรียกมันกลับมาให้เอาถ้วยไปเก็บมันก็มาอย่างง่าย เออเชื่อฟังดี ถ้าดื้อก็ไม่ได้กินแหละ ผมเดินตามมันไป เปิดตู้เย็นควานหาของที่จะมันทำอะไรให้มันกินผมได้ยินเสียงน้ำไหล โห...ล้างแก้ว เดี๋ยวฟ้าผ่านะ อีกอย่างล้างเป็นด้วยหรอน่ะ ระวังแตกล่ะ

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”

     

    “อะไร”

     

    “หูแก้วหักอ่ะ”

     

    เอ้า ไปล้างอีท่าไหนเล่านั้นผมเดินไปดูแก้วมัน เออ หักติดมืออกมาเลยแฮะ ผมมองหน้ามันไม่รู้จะพูดไงดี มันเบ้ปากแล้วหันมาทางผม ราวกับจะถามผมว่าทำไงดี

     

    “มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ ตอนฉันล้างก็เห็นว่ามันมีรอยร้าวแล้วนะ”

     

    “ฮือออออออ เสียดายอ่ะ”

     

    “น่าๆ”

     

    ผมตบหลังมันเชิงปลอบใจท่าทางจะชอบมันมากล่ะสิ ผมบอกให้มันเอาไปวางไว้ตรงเคาท์เตอร์เดี๋ยวผมจะจัดการเองก่อนหันกลับไปค้นตู้เย็นต่อเปิดดูชั้นเก็บของก็เห็นเส้น สปาเก็ตตี้วางอยู่ อืม ทำอันนี้เลยแล้วกัน

     

    “กินสปาเก็ตตี้มั้ย”

     

    มันพยักหน้ารับ มานั่งรอที่โต๊ะ จะรอกินเหลือหรอไปหาอะไรดูก่อนก็ได้ป่ะ อีกนาน

     

    “อีกนานนะ จะนั่งรอหรอ”

     

    “อือ มานั่งคุยกับนายไง”

     

    มันพูดแบบนั้นก็เหอะแต่ก็ไม่เห็นมันจะพูดอะไร เงียบ...มีแต่เสียงผมจัดข้าวของเตรียมทำสปาเก็ตตี้จนผมทนไม่ได้เปิดบทสนทนาก่อน

     

    “แก้วนั้น...ชอบมากหรอ”

     

    “ก็ไม่ขนาดนั้นนะ แต่พอดีใช้มันมานานมันเลยรู้สึกผูกพัน”

     

    งั้นหรอ...

     

    “แล้วได้จากที่ไหนมาน่ะ”

     

    “เขาแถมมากับชุดเครื่องครัว”

     

    ผมหันกลับไปมองหน้ามัน กลัวว่ามันหยอกผมเล่นรึเปล่า แต่มันก็ทำให้ตาแบบว่า จริงๆไม่ได้โกหก นะ อะไรที่มันอยู่กับเรานานๆบ้างครั้งเสียมันไป ความรู้สึกที่มีให้มันก็หายไปด้วย เราเงียบกันไปอีกสักพัก จนผมนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มันไม่ออกไปไหนหรอ อยู่บ้านทั้งวันเลยนิ ของแปลกนะ

     

     

    “ใช่...วันนี้ไม่ออกไปไหนหรอ ทุกทีไม่เห็นเคยติดบ้าน”

     

    “ต้องออกทุกวันเลยหรอไง”

     

    ก็นายน่ะ ส่วนใหญ่แล้ว...ใช่

     

    “ก็ไม่ คือ นายไม่ค่อยอยู่บ้านถึงจะเป็นวันหยุดก็เหอะ”

     

    “ฉันอยู่นะแต่ช่วงที่นายมาฉันไม่ค่อยอยู่เฉยๆ”

     

    อ่องั้นหรอ นึกว่าเที่ยวทุกที มันบอกต่อว่าช่วงนี้บางครั้งก็มีเหตุจำเป็นให้ออกไปข้างนอก อย่างคราวก่อนก็วันมาฆบูชา มันก็โดนแม่มันบังคับให้ไปทำบุญ ผมหัวเราะทันทีที่ได้ยิน นายเนี้ยะนะทำบุญ มันบอกว่าต้องนุ่งขาวห่มขาวด้วย แม่มันนี้เด็ดจริงๆ นึกสภาพมันไม่ออกจริงๆ แต่จะว่ามันก็ไม่ได้เพราะผมก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยไหว้พระอยู่บ้านเนี้ยะแหละ มันสิเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีออกไปทำบุญ เหอะๆ

     

     

    “ทาม...นายแพ้ลูกอ้อนหรอ”

     

    “......”

     

    เฮ้ยถามอะไร ผมยืนนิ่งไปสักพักกว่าจะได้สติกลับมาบอกปฏิเสธมัน

     

    “เปล่า ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”

     

     

    “ก็อ้อนเมื่อไหร่ก็ได้ผลทุกทีอะ ใช่มั้ยล่ะสังเกตมานานละ”

     

    “.....อือ”

     

    ยอมรับอย่างง่ายเลย สังเกตกันด้วยหรอ นึกว่ามีแต่ผมที่สังเกตมัน มันพูดต่อไปอีกว่า ก็ทุกครั้งที่มันขอผมหรืออ้อนผมมันก็ได้ดั่งใจมันทุกทีจนมันแปลกใจ เออ นั้นแหละๆเจอใครอ้อนหน่อยผมก็จอดแล้ว ผมถอนหายใจยอมรับความจริงแต่โดยดี สปาเก็ตตี้เสร็จแล้วผมตักให้มันจานผมจานเหมือนเดิม มันถามผมว่าไม่หิวไม่ใช่หรอ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วกินไปเลยละกัน

     

     

    “ทาม...เรามาทำความรู้จักกันมั้ย”

     

    หา...คำถามนี้ทำเอาผมไปไม่ถูก อะไร ทำความรู้จักกัน ก็รู้จักกันอยู่นี้ไง วันนี้เจอแต่คำถามอะไรงงๆจากปากมันตลอดเลย

     

    “หมายความว่าไง”

     

    “ก็ฉันอยากรู้เรื่องนายมากขึ้นและอยากให้นายรู้เรื่องฉันมากขึ้น”

     

    “ทำไมล่ะ...”

     

    “ฉันอยู่กับนายแล้วรู้สึกดี อยากรู้จักนายอยากมากกว่านี้น่ะ”

     

    ผมอึ้งมองมันนิ่ง ยัง งงๆเหมือนจะเข้าใจที่มันพูดแต่ก็ไม่รู้จะตอบคำถามมันแบบไหน แถมยังบอกความรู้สึกกับผมตรงๆอีกว่ารู้สึกดีกับผม ไปไม่ถูกแฮะ

     

    “ว่าไง???”

     

    “เอ่อ....นายอยากรู้จักฉันยังไง”

     

    “ก็ทุกอย่างอะ เอาเป็นว่าฉันถามนายตอบนามถามฉันก็ตอบ แต่ว่าฉันตอบนายไปเยอะแล้วนะ”

     

    มันก็จริงของมันผมแทบจะรู้ว่ามันทำอะไรบ้างแต่มันยังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับผมเลย ผมไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้เลย จริงๆนะ ผมพยักน่ายอมรับ มันยิ้มกว้างให้ผม เรากินกันต่อโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วจู่ๆผมก็ดันคิดอะไรออกมากแถมปากยังไวกว่าสมองซะอีก

     

    “เรย์...ไปซื้อแก้วด้วยกันมั้ย”

     

    “นายหมายถึงแก้วคู่หรอ”

     

    “ไม่ใช่...ก็แก้วใหม่นายไง มันพังแล้วนิ แถมแก้วในบ้านมีแค่สองใบแค่ของฉันกับนาย”

     

    “อ่อๆ นึกว่าอยากได้แก้วคู่”

     

    “บ้า”

     

    คิดได้ แก้วคู่ จะเอามาทำไม แต่มาคิดอีกทีไปซื้อของกับมันอีกแล้ว เฮ้ยเจอสายตาแปลกๆอีกแน่เลย นั้นแหละเขาถึงบอกให้คิดก่อนพูด แล้วตัวเองเป็นคนชวนด้วย เยี่ยมเลยคิดอะไรอยู่นะเรา ผมเก็บจานเก็บของทุกอย่างเอาไปล้างมันกลับไปเปิดทีวีอีกครั้งต่อ เครื่อง เพลย์สามกับจออีกรอบ โอ่ย...จะได้ดูมั้ยเนี้ยะหนังเนี้ยะ แน่ะ...กวักมือเรียกผมอีก ไม่เล่นแล้ว พอผมทำถ้าจะไปมันก็ส่งเสียงอ้อนมาแต่ไกล...พอรู้แล้วเอาใหญ่ ผมก็จำใจกลับไปนั่งข้างมันอีกรอบ จู่ๆมันก็ยื่นมือมาให้ผมคล้ายจะจับมือ

     

    “อะไร”

     

    “จับมือไง ทำความรู้จัก”

     

    “หา...”

     

    “เออน่า”

     

    ผมยื่นมือออกไปจับมือมัน เหมือนฝรั่งที่เค้าเช็คแฮนด์กันมันยิ้มกว้างให้ ประโยคต่อมาทำให้ผมต้องยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

     

    เอาจริงดิ...

     

    “ฮ่ะๆ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน....”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×