คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : The Eighth Story : [NUTTO x NEAB] Love Story with Rains fall
ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น... ละครไทยมักสร้างจากเรื่องจริง หรือเรื่องจิรง คือมันลอกมาจากละครกันแน่
ฉันแค่ แค่... หลบฝนที่มันตกหนักในป้อมยามกับพี่เนี้ยบ
ฉันก็แค่ไม่อยากตากฝนที่โหมกระหน่ำ .. เพราะตัวฉันเปียกมามากพอแล้ว
แล้ว แล้ว ทำไม...
ฉันค่อยๆก้าวลงจากรถเมล์สายเดิมที่ฉันนั่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยในทุกๆวัน วันนี้ลำบากลำบนนิดหน่อย ฝนแม่งโหมกระหน่ำราวกับว่าวันนี้เป็นวันสิ้นโลก คือ ป้ายรถเมล์มันห่างจากทางเข้าหน้าหมู่บ้านฉันประมาณ 200 เมตรเห็นจะได้ ฉันไม่ใช่กุลสตรีที่ชอบพกร่ม ดังนั้น สิ่งที่เดาไม่ยากคือ
ฉันกำลังเดินตากฝนในวันสิ้นโลก และตัวเปียกอย่างกับลูกหมา
ฟ้าก็ร้องอย่างบ้าคลั่ง ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงๆเป็นระยะๆ ชวนให้สะดุ้งได้เป็นพักๆ ถือว่าฉันโชคดีที่เป็นชะนีไม่กลัวฟ้าร้อง สะดุ้งเป็นพักๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นกรีดร้อง บ้าหรือ กรี๊ดเพื่อ - -
ฉันเดินกอดกระเป๋าสะพายหนังสีดำใบใหญ่เกินตัวไว้แน่น ฉันต้องรักษามันเท่าชีวิต นั่นมันชีทเรียนกับงานต่างๆที่ฉันต้องเอาไปส่งอาจารย์ต้นสุดหล่อ ถ้าหายไปล่ะก็ F คงมาหาตั้งแต่เทอมแรกของฉันปีที่สามแน่ๆ
พื้นถนนค่อนข้างลื่นพอสมควร รถราที่ผ่านไปมาก็ซัดน้ำที่มันเป็นแอ่งพุ่งเข้ามาหาตัวฉัน ฉันต้องคอยกระโดดหลบอยู่เรื่อยๆ ฟ้าก็ร้องไม่หยุด ฝนก็เทลงมา น้ำก็ท่วมขังจนน้ำมันเล็ดลอดเข้ามาในรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาวที่ตอนนี้มันแปรสภาพเป็นสีเทาขุ่นๆ เรียบร้อยแล้ว เสื้อนิสิตสีขาวบางมันก็เปียกแนบเนื้อไปหมด เอ็กซ์ป้ะล่ะ ฉันต้องหยิบเสื้อคลุมสีดำมาใส่ไว้ เดี๋ยวแม่งวินมอเตอร์ไซค์ลากฉันเข้าป่าไปจะทำยังไง ให้ตายสิ... สภาพฉันโคตรย่ำแย่
“ไอ้เหี้ย ไม่เห็นคนเดินริมถนนหรือไง ขับเบาๆสิฟะ ไอ้สัส @#$%^&*()” ฉันก็ได้แต่ด่าไล่หลัง ไอ้รถที่มันเพิ่งผ่านแอ่งน้ำขนาดใหญ่จนน้ำมันซาดกระเซ้นมาถึงตัวฉัน ถ้าไอ้คนขับมันจอดรถแล้วลงมาต่อยฉัน ฉันคงต้องใส่เกียร์หมาวิ่งแน่ๆ
และฉันก็เดินมาถึงหน้าหมู่บ้านตัวเองจนได้ โดยที่ยังไม่มีใครมาลากฉันไป เหอะๆ ช่วงนี้ฉันหลอนมาก ฉันเคยเดินคนเดียวแล้วมีบุรุษไม่อยากรู้จัก 3 ตัว เดินตามฉันและส่งสายตากรุ้มกริ่มจนรู้ว่ามันใคร่จะเอาอะไร -_______- เห้อ อย่าไปพูดถึงเลยขนลุก หนีรอดมาได้ก็บุญแล้วจริงๆ เล่าทำไมวะเนี่ยหลอนๆ มาๆ โอเค ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าป้อมยามขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าหมูบ้าน ป้อมยามห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ใหญ่ยังกับออฟฟิศขนาดย่อม ที่เอาไว้ให้อีหนูเลขากับท่านประธานทำอะไรกันเพื่อเลื่อนขั้นตำแหน่งการงานได้เลย ฟิล์มหนาดำที่ติดกระจกตรงบานหน้าต่างนี่ก็ไม่รู้ไว้เพื่ออะไร เพื่อให้ยามหลับสบายง่ายขึ้นล่ะมั้ง -_-a มีแอร์ติดพร้อมด้วยนะ หมู่บ้านที่ฉันอยู่นี่เจ๋งเว่อร์จริงๆ
ฉันตัดสินใจแวะที่ป้อมยามนั่น ก่อนจะเคาะประตูเบาๆ เพื่อให้คนที่อยู่ข้างในนั้นเปิดออกมาต้อนรับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ฉันยืนกอดกระเป๋าพร้อมๆกับกอดตัวเองด้วยความหนาวสั่นอยู่นานที่หน้าประตู แต่ก็ไร้วี่แววคนมาเปิดออก
“ให้ตายสิ เวลาต้องการทำไมไม่อยู่ หนาววุ้ย บรึ๋ยยยย” ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ ด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก แทบ.. จะพูดออกมาไม่เป็นแล้วอ่ะเอาจริง
“สงสัยเข้าบ้านไปแล้วมั้ง... เฮ้ย =[]=!”
“อ้าวพี่เนี้ยบ เห้ยยย เราขอหลบฝนหน่อยดิ หนาวๆ T[]T” ฉันหันไปด้านหลังเพื่อสนทนากับคนที่กำลังวิ่งตากฝนเข้ามาในป้อม จะเรียกว่าเขาเป็นเจ้าของป้อมก็น่าจะถูก ก็พี่เขาเป็นยามนี่หว่า เขาพักอาศัยอยู่ในนี้ตลอดเวลา
“คลาดกันได้ไงวะ -_-;” เขาเกาหัว ดูท่าทางงงๆกับอะไรซักอย่าง ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรหนัก แต่ตอนนี้ฉันต้องการเข้าไปข้างใน ฝนมันสาดกระเซ็นและหนาวมาก อยากหลบฝนโว้ย T[]T
“คาดกันอะไรอ่ะพี่ ฮัดเช้ย >.,< พี่เนี้ยบเปิดประตูเร็วๆ เราหนาว ขอหลบฝนแปป บรึ๊ยยยย” และแน่นอน อาการจาม หวัดแดก เหมือนจะเริ่มมาเยือน ตามประสาคนเป็นโรคได้โคตรง่ายอย่างฉัน
เขาใช้เท้ายันประตูให้เปิดออก เพราะแขนสองข้างของเขาไม่ว่าง เขากำลังกอดตัวเองอยู่อย่างแน่นหนา
“สภาพกูควรหนาวมากกว่าป่ะ? -_-^”
ฉันยืนมองเขาหัวจรดเท้า เขาเป็นคนที่หน้าตาดีมากเลยนะ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะมาเป็นยามได้ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงๆ สูงกว่าฉันเกือบๆ ฟุตนึงได้เลยล่ะ ผิวขาว ตากลมๆ คิ้วเข้มๆ ดูน่ารักน่าเอ็นดู เหมือนนิชคุณไม่มีผิดเพี้ยนเลย แต่ที่ไม่เหมือนน่ะก็คือ..
กริยา ท่าทาง และคำพูดของเขาที่ดิ่งเหวลงนรกสุดตีนนี่ไง ที่ทำให้นิชคุณดูดีเหมือนเทพบุตร แต่ ‘พี่เนี้ยบ’ เหมือนกับเล็บขบของนิชคุณ
“เอ้า แล้วพี่ไปตากฝนทำไมล่ะ ฮัดเช้ยยยยยยย” และเป็นครั้งที่สองที่ฉันจาม ลางหวัดจะแดกจะมาเยือน -_-^
“หนาวจริงจัง ฝนจะตกอะไรหนักนาก็ไม่รู้ ตกทั้งวี่ทั้งวัน ตกงี้น้ำท่วมเลยดีกว่า ฮัดเช้ยยย” ฉันจามเป็นครั้งที่สามก่อนจะวางกระเป๋าสะพายใบใหญ่วางลงบนโต๊ะทำงานของพี่เนี้ยบทันทีที่ก้าวเข้ามาสู่ป้อมยามอันแสนสุข ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่หมุนได้ ฉันนั่งหมุนไปหมุนมา เพื่อที่จะได้ว่า ตัวกูแห้งซักทีอะไรประมาณนี้
อ้อ อย่าสงสัยเลยทำไมที่ฉันเข้ามานั่งเล่น และรู้จักพี่ยามคนนี้ได้ คือเรื่องของเรื่อง ฉันอยู่หมู่บ้านนี้ แล้วพี่เขาเป็นยาม เขาก็ต้องรู้จักกันได้ดิ เอ้อ ไม่หรอก พี่เนี้ยบเป็นยามที่ใจดีอยู่นะ ไปส่งเราที่บ้านทุกครั้งที่เรากลับดึก เป็นคนที่ซ่อมจักรยานให้เรา ใส่โซ่ให้ เหอะๆ ทักษะใส่โซ่จักรยานของฉันมันเท่ากับศูนย์นี่นา ก็ได้เขานี่ละทำให้ น่าจะมีรางวัล The Best Of ยาม เนอะ พี่เนี้ยบคงได้ เราก็เจอกันบ่อย ก็สนิทกันในระดับนึง เล่นหัวกันได้ และเล่นพนันกันได้...
“ตัวเปียกแล้วยังไม่เช็ดให้แห้งอีก อยากหวัดแดกหรือไง - -^+++” เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์เครื่องแบบยามมาให้ฉัน ก่อนจะยืนเท้าเอวมอง
ไอ้เหี้ย... ผู้ชายอะไรขาวกว่าผู้หญิงอีก !
ฉันหยิบเสื้อที่มันคลุมหัวฉันอยู่ออกมา ก่อนจะมองไปที่พี่เนี้ยบ เอ่อ... ถ้าไม่นับดาราเกาหลีที่ฉันบ้าคลั่งล่ะก็ กับคนๆนี้ฉันก็อยากจะสิ้นลมหายใจ เอ่อ.. นี่ยามนะเว้ย -_-a
“ใช้เสื้อพี่เช็ดหรอ อี๋ มันก็เปียกพอกันแหละ” ฉันจามไปสะบัดหัวไปเหมือนหมาสะบัดขนที่เปียกไม่มีผิด -_-a ก่อนจะหันไปถอดเสื้อคลุมสีดำออก แล้วบิด น้ำที่ล้นทะลักมาก
“เสื้อนิสิตควรผลิตเป็นสีดำให้ตายเหอะ”
“อ่อยๆ -________-^” เขายืนหันหลังให้ฉันก่อนจะทอดสายตาออกไปข้างนอก ใครอ่อยกันแน่? พี่นั่นแหละ ให้ตายเหอะ ! ฉันค่อยๆโผล่หน้าไปหาพี่เนี้ยบ แล้วหยิบเสื้อของเขาเองนั่นแหละให้เขา
“ใครอ่อย พี่อ่าเด่ะ เอ้า ใส่ซะพี่ มันหนาวนะ” พอเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆพี่เนี้ยบแล้วฉันรู้สึกว่า.. ฉันรู้สึกร้อนๆ วูบๆ หน้าจะแดงๆ เป็นมะเขือเทศซะงั้น เอ่อ.. กูมโนไปเองแหละมั้ง
“หนาวแล้วทำไมไม่กลับบ้าน” เขายังไม่รับเสื้อจากฉัน ได้แต่ยืนกอดตัวเองตัวสั่น คือท่อนบนพี่ไม่ได้ใส่อะไร มันก็ต้องหนาวอยู่แล้ว อย่ามาทำแมนห่วงเด็กถึกอย่างฉันเลยเห๊อะ
“เอ้าๆ พี่ตัวสั่นใหญ่แล้ว ใส่ซะ เร็วๆ” ฉันชูแขนขึ้นสูงให้เสื้ออยู่ถึงระดับหน้าของเขาที่ยืนกอดตัวเอง ก่อนฉันจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ถ้าขืนมองตรงๆ อีกรอบล่ะก็... กูคงตายอย่าสงบในป้อมยาม
“ห่วงตัวมึงเองก่อนเหอะ - -^^^”
“โอ๊ย เราอ่ะ ฮัดเช้ย เราอ่ะสบายมากๆ ไม่สบายก็แค่นอนซมอยู่บ้าน แต่พี่เป็นยาม พี่ทำงานตลอดเวลา เจ็บป่วยตายไม่ได้นะ เอ้า ใส่เร็วๆสิพี่เนี้ยบ !”
ในที่สุด ! เล็บชบนิชคุณก็นรับเสื้อไปซักที เย้ ! ใส่ๆไปเหอะแม่ง ทำให้เด็กอายุ 20เป็นลมเลย นี่มันบาปนะเว้ย T.,T ฉันกลับไปนั่งที่เดิม ก่อนจะหมุนเก้าอี้ไปมาเล่นๆให้เวี้ยนหัวตัวเอง แต่ก็รู้สึกว่ามีจับเก้าอี้ฉันให้หยุดหมุน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ และ..
“งั้นแบ่งกัน” พี่เนี้ยบนั่งลงข้างๆฉันก่อนจะกางเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวใหญ่นั่นออกแล้วคลุมไหล่ของเรา 2 คนเอาไว้
เราอยู่ในเสื้อตัวเดียวกัน....
“เอ่อ.... ! พะ พี่เนี้ยบ เรากอดตัวเองได้ ไม่เป็นไร๊ เราไม่หนาว ฮัดเช้ยยย T.,T”
“-______-^^ แบบนี้น่าจะอุ่นกว่ากอดตัวเองนะ” เขาค่อยๆเลื่อนมือเข้ามาโอบที่ไหล่ของฉันเอาไว้ เอ่อ.. จะตายแล้ว จะตายจริงๆ ทำอะไรไม่ถูก เห้ย นี่มันอะไร เกิดมาไม่เคยประชิดตัวผู้ชายถอดเสื้อขนาดนี้ นี่อะไร นี่มันยามที่หน้าเหมือนนิชคุณ นี่ยาม นะโว้ย ยามมมมมมมมม ทำไมใจเต้น เอิ่ม....
“พะ พะ พี่จะทำ ทำ อะ อะ อะไร –[]-…./////”
“อย่าเกร็งดิ...” เขาหันหน้ามามองฉัน
“ห๊ะ... กะ กะ เกร็งไรวะพี่... –[]-….”
“ก็มึงไงเกร็ง -_-^ นั่งดีๆดิ กูไม่แดกมึงหรอก”
“ฮะ...” เอ่อ.. ฉันไม่ได้จัญไรใช่ป่ะ แต่แบบภาพละครไทยพระเอกนางเอกติดฝนในกระท่อมกลางป่า มันดันลอยกระแทกหน้ามาเข้ามาปังๆๆ รวมไปนิยายอีโรติกที่ผ่านหูผ่านตามาหลายร้อยพันเรื่องที่มีฉากนี้อยู่ มันโคตรชวนให้ฉันนึกภาพได้ มันโคตรยิ่งทำให้นั่งเกร็งเต็มที..
บ้าหรอ กูไม่ใช่นางเอกนิยายสวยน่ารักขนาดนั้น เขาไม่พิศวาสเกิดอารมณ์แน่ๆ
“เอ่อ.. พะ พี่ ระ ระ เรา เรา อยู่ กะ กะ ใกล้ กัน เกินไปป้ะวะ... ฝน ฝน แม่ง ก็ ก็ ยิ่งๆ ตกอยู่อ่ะ..” ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอีติดอ่างยังไงอย่างงั้น
“ทำไม? มึงจ้องจะงาบกูหรอ?”
เร็วเหนือแสง ประสาทสัมผัสไวยิ่งกว่าหมา ! ฉันเอามือไปฟาดแขนใหญ่ๆ ของพี่เนี้ยบทันที หืม... รู้ทันได้ไง เอ้ยบ้า ไม่ใช่ละ !
“บ้าหรอ เราเป็นผู้หญิงนะ - -+” ฉันพยายามเขยิบตัวออกนิดหน่อย แต่ก็เป็นเขาเองที่โอบฉันให้กลับเข้ามาและมันก็แน่นกว่าเดิม พระเจ้าช่วยกล้วยทอดไม่สุก ช่วยลูกด้วย ลูกจะตายแล้ว T^T
“อย่าดื้อ ! -_____-+++”
“งื้อ T_T/// เอ่อ คือเรา เราไม่เคยโดนผู้ชายโอบไหล่แบบนี้อ่ะ คือเรากะว่าการกระทำแบบนี้ เราจะให้สามีเราในอนาคตทำเท่านั้น” ใช่.. สามีในอนาคต ถ้าทำแบบนี้นะ รักตายเลย แค่โอบไหล่ก็ฟินไปสิบชาติ T_T
“หนาวหรือเปล่า?” พี่เนี้ยบหันมาถามฉัน ควายหรอ ก็นั่งตัวสั่นอยู่เนี่ย T[]T+
“ก็ ก็.. หนาว”
เขาจ้องหน้าฉันก่อนจะพูด
“อยู่อย่างนี้ซักพัก ก็คงอุ่นขึ้น..” และเขาก็เบนหน้าไปทางอื่น
“T_T อื้อ” ฉันนั่งตัวแข็งทื่อ จิกหน้าขาตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ มันช่างทำอะไรไม่ถูกเลย งานนี้ฉันแพ้แน่ๆ แพ้พนันพี่เนี้ยบแน่ๆ ฮือออ ไม่น่าไปพนันเลยว่า ถ้าใครชอบใครก่อนคนนั้นแพ้ คือตอนนี้ กูแพ้เห็นๆ กูแพ้ผู้ชายตัวใหญ่ ผิวขาวๆ เอ่อ ..ย้ำอีกครั้งนี่ยามนะ จะฝากชีวิตดีๆไว้ที่ยามหรอ แต่ก็ฝากอยู่ตลอดนี่หว่า ก็ยามหมู่บ้านต้องดูแลคนในหมู่บ้านสิ T_T
รอบนี้พี่เนี้ยบไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ความเงียบปกคลุมภายในห้องจนได้ยินแต่เสียงน้ำฝนที่ตกกระทบกับหลังคาและหน้าต่างห้อง ฉันกำลังจะอ้าปากพูดอะไรซักอย่างเพื่อไม่ให้ได้ยินแค่เสียงน้ำฝนตกกระทบ เพื่อไม่ให้เกิดฉากในละครไทยที่พระเอกหันมาสบตานางเอก ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ากัน ริมฝีปากกระกบกันแล้วพระเอกก็ดันตัวนางเอกนอนราบแล้วก็ได้กัน ไม่นะ ไม่ ความคิดนี้พุ่งเข้ามาทำไมวะ T[]T แต่แล้ว ฉันก็ไม่ทันจะได้พูด เขาก็แทรกขึ้นมา
“เหมือนมันจะไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ มึงว่าป่ะ...”
“ฮะ... อ๋อ ก็ .. ก็ ... มั้ง” เมื่อไหร่จะเลิกเป็นอีอ่างวะ
พี่เนี้ยบวางมือที่กางเสื้อลง จนเสื้อมันตกมาคลุมไหล่ของฉัน เย้ๆ เราจะปลอดภัย พี่เนี้ยบกำลังจะไปแล้วใช่มั้ย *-*
“ต้องกอดแน่นๆ” ไม่จริง ไม่จริ๊งงงงง T[]T มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย มือของพี่เนี้ยบที่ปล่อยเสื้อลงมาน่ะ เปลี่ยนจากเสื้อ แต่กลายมาเป็นว่า เขาค่อยๆ ไล่มันลงต่ำมาเรื่อยๆ จนหยุดที่เอวของฉันก่อนจะ... ดึงฉันเข้าไปหา เอ่อ... เหี้ยแล้วไง ฉากละครปะทะหน้าอีกแล้ว
“ฮะ O//////O พะ พี่เนี้ยบ เห้ย มะ มะ มันไม่ดีมั้ง” ฉันจะกลายเป็นหินอยู่แล้ว ใครก็ได้ เอาพี่เนี้ยบออกไปที ฉันไม่ได้รังเกียจพี่เขานะ เอาจริงก็รู้สึกดี ก็แอบไม่อยากให้เขาปล่อยตัวฉันเลย แต่ฉันน่ะก็ไม่เคยโดนผู้ชายกอดมาก่อนนอกจากน้องชายกับพ่อ แต่.. นี่ความรู้สึกไม่เหมือนกัน มันร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะโผล่ออกมาจากหน้าอกซะให้ได้ โรคหอบประจำตัวก็จะขึ้น หายใจไม่ถนัดเลยซักนิด ร่างกายของเราแนบชิดติดกัน.. เกินไปแล้วนะ
ได้โปรดเถอะพี่... ปล่อยเราเห๊อะ T-T
“อ้อ อีกอย่าง”
“หืม?” ฉันค่อยๆเงยหน้ามองเขาช้าๆ สายของเราประสานกันเหมือนกับตั้งใจ
“แบบนี้ช่วยมึงได้แน่ๆ...” รู้สึกตัวอีกที... ก็เหมือนมีอะไรมาแตะที่ริมฝีปากของฉัน ใช่... ริมฝีปากของเขากับฉันประกบกันแล้ว ริมฝีปากของเราสัมผัสกันเนิ่นนานจนรับรู้รสชาติได้ว่า ‘จูบ’ มันเป็นยังไง
’จูบ’ฉันที่ไม่เคยรู้เลย และอยากรู้มานาน... ฉันก็ได้รู้ซักที แต่.. ฉันไม่รู้ว่ามันต้องทำยังไง เท่าที่นึกตามนิยายที่อ่านมา มันก็ไม่รู้ว่าต้องทำแบบไหน... ทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งตกใจ ความรู้สึกสับสนวุ่นวายวิ่งเล่นในหัวฉันเต็มไปหมด ฉันได้แต่เกาะแขนเขาเอาไว้ เขาเบิกตามองฉันทั้งๆที่เรายังไม่ผละออกจากกัน เขาเหมือนรีบเอามือมาปิดตาของฉันเอาไว้ และฉันเองก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ โลกหมุนไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่มืดสนิท รู้สึกเพียงแต่ว่า... มันเคลิบเคลิ้ม และไม่อยากผละออกจากกันไปไหน
จนในที่สุด.. เขาก็ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ
“ปากเย็นเฉียบเลยแฮะ...”
ฉันค่อยๆลืมตามองคนตรงหน้าช้าๆ พร้อมทั้งพยายามเรียกสติคืนมาให้ได้ เห้ย... คนตรงหน้ามันพี่เนี้ยบ มันไม่ใช่แฟนของฉัน นี่มันยามหมู่บ้าน เห้ย หนังเรื่องผู้หญิง 5 บาป ลอยมากระแทกดังปึง !
“พะ พี่ พี่ ขะ ขโมย เฟิร์สคิส เรา เอ่อ O_O/////” ที่แย่กว่านั้น ฉันรู้สึกโคตรจะหายใจไม่ทัน เหมือนหอบจะขึ้น ขอยาพ่นด่วนๆ ได้มั้ยโว้ย T_T
พี่เนี้ยบไม่ได้สบตาฉัน เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่างแทน ก่อนจะพูดอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับที่ฉันพูดไปตะกี้เลย
“ฝนหยุดตกพอดี...”
“อะ อ๋อ.. เออ เราควรกลับบ้าน.. สินะ” ฉันเกาหัวแกรกๆ ยังดูงงๆ เบลอๆ สติยังกลับมาไม่หมด T_T
“กูไปส่ง” เขาลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือมาให้ฉันเป็นเชิงให้จับแล้วลุกขึ้นยืน ฉันมองฝ่ามือหน้านั้นนิ่งๆ ก่อนจะคิดทบทวนสิ่งที่ผ่านมา
ฉันสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถึงฉันจะบ้าอ่านนิยายติดเรทขนาดไหน หื่นกาม บ้าดาราผู้ชายถอดเสื้อ แต่ฉันจะไม่มีวันทำตามนิยายหรือสิ่งหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด จะไม่ใจง่าย จะยอมจูบกับคนที่เรารักแค่คนเดียว จะยอมเป็นของเขาในวันที่แต่งงานแล้วเท่านั้น มันจะดูปัญญาอ่อน ความคิดโง่ๆ เด็กๆ แอ๊บแบ๊วนะ แต่มันก็ดีไม่ใช่หรอ การที่คนเรามีอะไรกันทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงาน คุณแน่ใจแล้วหรอ... ว่าเขาจะฟันแล้วไม่ทิ้ง ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันทั้งนั้น นี่มันโลกแห่งความจริงนะ โหดร้ายกว่านิยายเยอะ...
ละ แล้ว... เมื่อกี๊ ฉันทำอะไรลงไป
ฉันไม่ได้รักพี่เนี้ยบซักหน่อย แต่.. ฉันยอมรับว่า ฉันชอบเขาไปแล้วว่ะ ชอบตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้...
“เอ่อ... ระ เรา...” ฉันลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ได้จับมือพี่เนี้ยบ พี่เนี้ยบกรอกตาไปมาก่อนจะหยิบเสื้อมาใส่แทน
“พี่เนี้ยบ... อย่าทำแบบเมื่อกี๊อีกนะ ระ ระ เราไม่ใช่แฟนพี่ซักกะหน่อย... ทำไม่ได้...” ฉันพูดไปหันหน้าพลางหันหน้าไปทางอื่น
รู้สึกเจ็บจี๊ดนิดๆ เหมือนเป็นผู้หญิงใจง่าย จูบกับใครก็ได้ซะงั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่เนี้ยบชอบใคร... เราก็ไม่ใช่แฟนเขา...
“นั่นสินะ .. ลืมไป”
“เห้อ ใช่ไง พี่แม่งนิสัยไม่ดีว่ะ” ฉันไม่รู้จะทำยังไงต่อก็เลยต้องเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองมาสะพายไว้ เตรียมจะเดินออกจากป้อมยาม เพื่อกลับบ้าน
“อย่าแพ้กูแล้วกัน...”
ฉันเงยหน้าเขาพร้อมกับกลื่นน้ำลายเอื้อกๆ ทำยังไงจะไม่ให้เขารู้ว่าเราแพ้เขาแล้ว ฉันแพ้แล้ว...
ตอนนี้โคตรหวั่นไหว และโคตรชอบพี่เลย... ไอ้พี่ยาม
“มะ ไม่แพ้หรอก” ฉันนิ่งไปครู่ “อะ เอ้อ ละ แล้ว ถ้าเราแพ้ขึ้นมาจริงๆ เราต้องทำอะไรนะ” นั่นสิ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเราพนันกันไว้ว่ายังไง จำได้แค่ว่าถ้าใครชอบใครก่อนน่ะแพ้ แต่ไม่รู้ต้องทำอะไร
“กลับบ้านไปได้แล้วไป”
“ตอบมาก่อนดิ... ว่าเราต้องทำอะไร” ฉันจ้องหน้าเขาเขม็ง
“กูบอกให้กลับบ้านไง” เขาก็จ้องฉันกลับ
ไม่ตรงคำถามมาสองข้อแล้วนะ อะไร ได้ความต้องการของตัวเองแล้วก็ผลักไสไล่ส่งหรือไง -_-^ ฉันเหมือนกระหรี่แถวหัวลำโพงหรือเปล่าเนี่ยฮะ โมโหว่ะ
“กลับบ้านไป !”
“ไม่ใช่แฟนก็อย่ามาสั่ง!” ฉันเดินเข้าไปผลักหน้าอกพี่เนี้ยบ จนพี่เนี้ยบเซได้ เขาจ้องมองมาที่ฉัน และฉันก็จ้องมองไปที่เขาแบบตาไม่กระพริบ
“พี่แม่งโคตรนิสัยไม่ดี โคตรเลวเลยเหอะ !!!” จู่ๆ บ่อน้ำตาก็ทำงานมาซะงั้น ไหลร่วงเป็นทางตามที่รู้สึกได้ เขาทำลายความตั้งใจฉัน เขามาจูบฉันทำไม T_T+ สายตาก็ดูไม่ได้จะหวั่นไหวอะไรกับฉันเลยนะเฮ้ย
“บอกว่าอย่ามาแกล้ง ทำเหมือนชอบเรา ทำให้เราแพ้พนันดิวะ”
พี่เนี้ยบยังมองฉันและไม่พูดอะไร
“แม่ง.. ผู้ชายก็เหมือนกันหมดแหละวะ นี่ขนาดเราโคตรจะไม่สวยแล้วนะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย !!” ฉันสบถทิ้งท้ายก่อนจะรีบปิดประตูออกจากป้อม อยู่ดีๆ ก็อยากจะร้องไห้ออกมาให้มันเหมือนฝนที่ตกมาตะกี๊ ถึงจะไม่ได้เสียตัวอะไรมากมายร้ายแรง แต่ว่าไม่อ่ะ... แค่จูบก็ไม่ได้นะ
“โถ่เว้ย!” ฉันได้ยินเสียงสบถและเสียงฝีเท้าของคนที่เหมือนกำลังรีบเดิน ฉันเหลือบไปมองด้านหลัง แล้วก็มันก็จริงมีคนเดินตามฉัน พี่เนี้ยบรีบเดินตามฉันมา ฉันก็รีบเดินหนีให้เร็วขึ้น พอแล้ว จะไม่มายุ่งอะไรกับป้อมยามนี้อีกแล้ว ไอ้เชี่ย เอ้ย !! แพ้ แพ้ แพ้จริงๆวุ้ย
“ตามมาทำไม ไม่ต้องเลยนะ เรากลับเองได้ ไปหาหยงไป๊ ไม่ต้องมาเล่นสนุกอะไรกับเราแล้ว เราไม่สนุกแล้ว พนันบ้าบออะไร เกือบแล้วมั้ยล่ะ..”
“เออ กูยอมแล้ว กูแพ้ มึงชนะ - -…” ฝีเท้าของฉันหยุดทำงานลงทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น พร้อมทั้งรีบหมุนตัวกลับมามองร่างสูงที่ยืนมองฉันอยู่
“ฮะ?”
“ถ้ามึงยังไม่มีใคร....ลองมาคบกันดูมั้ย?”
อะไรนะ อะไรนะ?!!!! เขาพูดอะไรนะ หูฉันแว่ว หรือฉันมโนไปเองหรือเปล่า บ้าหรอ ไหนชอบหยงไง อะไร อะไร กูงงค่ะ งง
เพลียะ ! … เพลียะ !
ฉันงงจนต้องเอาฝ่ามือที่ชอบใช้ตบตีน้องหรือคนอื่นลองมาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ เพื่อให้รู้สึกว่าไม่ได้มโนไปเอง ไม่ได้ฝันเอง
เพลียะ ! … เพลียะ !
และเพื่อความเท่าเทียมกัน ฉันต้องยืดตัวไปตบหน้าพี่เนี้ยบอีกซักสองที
เพลียะ !!!!
เหี้ย ! ผู้ชายอะไรตบหน้าผู้หญิงกลับ คนดีสินะเนี่ย T_T+
“โอ๊ย เจ็บนะ” ฉันเอามือลูบแก้มตัวเองก่อนจะมองหน้าเขาอีกรอบ
“บอกแล้วว่าอย่ามาล้อเราเล่นไงพี่เนี้ยบ”
“กูจะพูดครั้งสุดท้ายแล้วนะ - -+++”
“ก็พูดมาดิ” ฉันยักคิ้วให้เขาอย่างกวนๆ
“เปลี่ยนใจละ มึงพูดมาดีกว่า”
“พะ พะ พูดอะไร ก็ ก็ พี่ พะ พะ พูดว่า พี่แพ้ เราชนะ ชนะ ไง” อีอ่างอิสแบ็ค -_-
“ก็บอกว่าเปลี่ยนใจแล้วไง ถอนคำพูด -_-+”
“อ้อ... เรากลับบ้านจริงๆแล้วนะ ขอให้สุขสมกับหยง” ฉันหมุนตัวกลับทันทีที่คำพูดประชดประชันได้หลุดจากปากออกไป ฉันค่อยก้าวเดินช้าๆ และรู้สึกไม่เข้าใจยังไงก็ไม่รู้ สรุป นี่กูกำลังเล่นตัวหรือยังไง หรืออะไร กูโง่นะ -_-a
“เอ๊ะ ถ้ารอบนี้กูเล่นตัวเหมือนตอนมอสอง กูก็จะชวดเหมือนตอนนั้นใช่มั้ยวะ” ฉันพึมพำเบาๆ
ฉันเหลือบมองเห้นพี่เนี้ยบกำลังอมยิ้มอยู่ เหี้ย ได้ยินอะไรที่บ่นป้ะวะ
“ยิ้มอะไร - -+”
“เปล่าหนิ ^_______^”
“เรา เรา เราไม่ใช่ตัวคั่นเวลา หรือตัวแทนใครนะพี่ ที่อยู่ดีๆ พี่จะมาพูด มาของ่ายๆแบบนี้...”
“^_____________^”
“เพราะ เพราะ..... โว้ย โอเค ตกลง =[]=+++ เราไม่ได้มีใคร เราโคตรพ่อโคตรแม่โสดเลย ไอ้สัสเอ๊ย T[]T” ฉันอยากจะฆ่าตัวเองให้ตาย ณ ตรงนี้เป็นผีเฝ้าหมู่บ้าน ความใจแข็งของตัวเองอยู่ที่ไหนกัน กลัวชวดเหมือนตอนมอสองที่เล่นตัวกะใครซักคนไปนิดเดียว ก็เลยอดได้แฟน กลัวคานหรือไง๊ เอ่อ .. นี่ยามหมู่บ้านนะ พ่อยังบอกเลยว่า จะเอาแค่ยามหรอ เอ่อ ฮือออออ ปากนะปาก ขอตบให้มันฉีกหน่อยเห๊อะ
“ก็แค่นั้น...”
พี่เนี้ยบยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะทำหน้าเหวอเหมือนเห็นอะไรซักอย่าง เอ้า ฉากโรแมนติกกูไม่มีหรอฟะ - -a
“เห้ย =[]=! มะ ..ม..”
“ฮะ ฮะ เหี้ยอะไรพี่ =[]=!!!” พี่เนี้ยบชี้ไปที่ข้างหลังฉัน ฉันก็ไม่ได้แหกตาดูอะไรหรอก รีบกระโจนเข้าไปหลบหลังพี่เนี้ยบทันที มันมีเหี้ยอาร๊ายยยยย T[]T
“=_=… ว้า ผิดแผนว่ะ” ฉันชะเง้อมองทางตรงหน้า ก็พบว่าไม่มีอะไร ก่อนจะเงยหน้ามองพี่เนี้ยบอีกครั้ง พูดอะไรนะ ผิดแผน ผิดแผนห่าไรอีก -_-a
“อะไรผิดแผน?”
“ช่างเหอะ แบบนี้แทนก็ได้..” ยังไม่ทันจะพูดจบอะไร ฉันที่กำลังตั้งใจฟังก็ปรากฏว่า พี่เนี้ยบได้ก้มลงมาหอมแก้มฉันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮะ ฮะ =[]=…
“=[]=//// ทำบ้าอะไรพี่เนี้ยบ!” ฉันพยายามจะง้างมือขึ้นไปตบพี่เนี้ยบด้วยความตกใจ และเริ่มหมั่นไส้ที่เขาฉวยโอกาส แต่คนตัวใหญ่ยังไงก็ได้เปรียบกว่าเห็นๆ เขา เขาไม่ได้ทำอะไรฉันอีกแต่แค่...
“กูไปทำงานล่ะ บ๊ายยยย”
วิ่งหนีออกไป อย่างที่มนุษย์ชะนีขาสั้นอย่างฉันสิ่งตามไม่ทันอย่างแน่นอน ฉันยืนอึ้ง ค้าง งง โง่ เป็นบัฟฟาโล่โมดิฟาย บอกกูทีว่าไข้กูขึ้นก็เลยเพ้อเจ้อเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดเอง
ฉันเดินตบหน้าตัวเองไปจนถึงซอย 21 ซอยบ้านของฉันเอง จนถึงหน้าบ้านก็ยังรู้สึกตัวลอยๆ งงๆ ตกลงมีแฟนเป็นยามหรอ? ได้จูบคนด้วย ร้องไห้อีก ทั้งหนาวทั้งร้อนในเวลาเดียว โอ้... นี่มันวันวิปโยคอะไร อ้อใช่วันนี้ครอบรอบวันแต่งงานของพ่อกับแม่ด้วยนี่หว่า เอ้า !!!! ไม่มีคนอยู่บ้าน O[]O
ฉันอ่านโน้ตที่แม่แปะหลังตู้เย็นเอาไว้ ก่อนจะหงุดหงิดอย่างมากที่สุดในโลกา พลางกระซวกน้ำเป๊ปซี่อึกๆ ในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง
“แกกลับมาช้า ทุกคนไม่รอแกแล้ว ไปตากฝนแถวไหน พ่อกับแม่จะไปฉลองครบรอบแต่งงานที่หัวหินสองคืน ฝากเฝ้าบ้านด้วยนะ ไว้ปีหน้าค่อยไป ไม่ต้องตามมา แม่อยากมีลูกแค่คนเดียว”
ฉันขยำกระดาษโน้ตปาทิ้งลงถังขยะพร้อมกับขวดเป็ปซี่ -______-^^^ กูไม่น่าแวะหลบฝนเลย ไม่งั้นได้ไปเที่ยวแล้วนะ แต่เอ๊ะ... แต่วันนี้กูได้แฟนหน้าตาเหมือนนิชคุณมานี่หว่า ^__________^ ถึงจะเป็นยามก็เหอะ -_- วันนี้มันวันวิปโยคดวกหอกอะไรเนี่ยวะ แต่เอาเถอะ... ตอนนี้กระจกก็สะท้อนเงาฉันว่ากำลังยืนยิ้มเป็นผีบ้าอยู่เนี่ย
ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น... ละครไทยมักสร้างจากเรื่องจริง หรือเรื่องจิรง คือมันลอกมาจากละครกันแน่
ฉันแค่ แค่... หลบฝนที่มันตกหนักในป้อมยามกับพี่เนี้ยบ
ฉันก็แค่ไม่อยากตากฝนที่โหมกระหน่ำ .. เพราะตัวฉันเปียกมามากพอแล้ว
แล้ว แล้ว ทำไม...
ทำไมอยู่ดีๆ ฉันก็ถูกพี่เนี้ยบจูบ และขอคบซะอย่างนั้น...
สรุปว่าละครไทย พระเอกนางเอกจะลงเอยอะไรยังไงกัน ต้องพึ่งฝนตกทุกเรื่องป่ะ ?
และชีวิตฉันก็เป็นอย่างนิยาย อย่างละครหรอ ... เออ แต่ไม่ขอเรทแบบนั้นนะ T_T ฮือออออ
ชีวิตคนเรา โลกแห่งความจริง... อาจจะเป็นเหมือนละคร คงลอกละครมา ไม่ละครก็ลอกชีวิตจริงมา
แต่ช่างเหอะ... ตอนนี้ ฉันมีความสุขดี ตัวลอยๆ เป็นบ้า... >_< แอร๊ยยยย
.
.
.
ว่าแต่... ตกลงเกมนี้... ใครชนะวะ? -________-a
ความคิดเห็น