ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    •• {Fic} The Story I Wrote••

    ลำดับตอนที่ #3 : The Secound Story : [Benzine] Love Is A Sickness

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 55



       

       
    -Love Is A Sickness, Can I get a witness?-


    คุณบอกว่าผม ..เปลี่ยนไป

    คุณบอกว่าคนที่เคยอบอุ่นอย่างผมอยู่ดีๆก็ดูเย็นชาไป ..

    คุณบอกว่าตอนนี้คุณไม่เข้าใจผม คนที่หัวเราะเสมอ ...

    คุณบอกว่า.. สายตา สีหน้า และท่าทางของผม มืดหม่นและดูน่ากลัว

    ผมอยากบอกคุณว่า .. คุณไม่รู้หรือไง? เพราะที่ผมฆ่าตัวเอง ลบออกไปจากใจ เพราะใคร?

    คุณคงฉลาดพอที่จะรู้ว่า ..สาเหตุมาจากใคร ถ้าไม่ใช่... คุณ

     

    แสงแดดสาดส่องลอดหน้าต่างที่เปิดอยู่  มีเพียงผ้าม่านสีอ่อนที่ปิดบังไม่ให้ภายนอกมองเห็นภายในห้องนอนได้ อากาศยามเช้าที่เย็นสบายทำให้คนทั้งสองที่นอนกอดก่ายไร้อาภรณ์ใดๆ อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา อยากจะหลับใหล ไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาจากฝันหวานที่มันเกิดขึ้นจริง ที่เมื่อคืน... ทั้งคู่ได้สร้างร่วมกันเอาไว้

    แต่มีสิ่งกวนใจที่ทำให้ร่างบางต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เธอควานหาเสียงโทรศัพท์ตัวต้นเหตุที่เธอต้องตื่นนอนด้วยความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า เธอพูดเพียงสองสามคำ ก่อนจะวางสายและโยนโทรศัพท์เจ้าปัญหานั่นทิ้งไป เธอกลับไปนอนกอดคนข้างๆที่ยังคงหลับสนิท บนใบหน้าเขายังเปื้อนด้วยรอยยิ้ม ท่าทางคงจะฝันดีน่าดู  เธอใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปบนใบหน้าของเขาเบาๆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา

     

    คุณเป็นคนฉลาดนะ... แต่กับเรื่องนี้คุณโง่ไม่เป็นท่าเลย.. เบนซิน

     

    เธอมองเขาด้วยสายตาสมเพชก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง พาร่างอันเปลือยเปล่าไปหยิบเสื้อผ้าที่เมื่อคืนทั้งเธอและเขาถอดมันทิ้งเรี่ยราดไว้กับพื้น เธอสวมมันอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง เธอชะงักเล็กน้อย เมื่อชายผู้เป็นคนรักของเธอ ไม่สิเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่รักเธอสวมกอดด้านหลังพร้อมกับซุกหน้าลงที่ไหล่ของเธอ ราวกับรั้งไม่ให้เธอไปไหน

     

    คุณจะกลับแล้วหรอ ?  เขากระซิบ เธอปั้นหน้ายิ้มราวกับคนที่มีความรักให้เขาอยู่เต็มเปี่ยม ก่อนจะหันไปตอบเขา

    เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้มีงานค่ะ เบนคนฟังชักสีหน้าบูดบึ้งราวกับเป็นเด็กที่กำลังจะงอแง เธอได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ พลางใช้มือเรียวเล็กทั้งสองประคองใบหน้าเขาไว้

    “-*-”

    “เบน.. เอ้อ ..ช่วงนี้...ฉัน..” ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยจบประโยคด้วยใบหน้าที่ปั้นเอาไว้ว่ากำลังกังวลใจเรื่องอะไรสักอย่าง เขาก็รู้ทันเธอ เขาเดินไปหยิบเงินจำหนวนหนึ่งแล้วยัดใส่มือของเธอ เธอปั้นหน้าทำท่าทีเกรงใจ

    ^^ ช่วงนี้กำไรน้อยนะ อาจจะให้ได้น้อย แหะๆ”

    “ขอบคุณนะเบน คุณน่ารักกับฉันเสมอเลย” แต่แล้วเธอก็เก็บเงินนั่นลงกระเป๋า เธอหยิกแก้มเขาไปมาก่อนจะแกะมือเขาที่โอวเอวเธอไว้อยู่ คนถูกแกะมืออกทำมุ่ยอีกครั้ง

    “-*-”

    เดี๋ยวเย็นนี้ก็กลับมาหา อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เธอจรดริมฝีปากลงบนปากของเขา เพื่อทำให้คนตัวสูงกว่าเลิกทำหน้ายับ เบนซินยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธออีกครั้ง

    ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันต้องไปแล้ว แปปเดียวเดี๋ยวก็กลับ อ้อ .. รีบไปใส่เสื้อผ้าด้วยนะอากาศมันเย็น เธอผละตัวออกจากเบนซินแล้วยิ้มให้กับเขาแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เบนซินยืนมองคนที่เดินออกจากห้องไป เขายเดินกลับไปนอนที่เตียงเหมือนเดิม แม้ว่าจะเสียดาย อยากจะให้เธออยู่ต่อ แต่เขาเข้าใจดีว่าตัวเธองานยุ่งแค่ไหน

     

    จีน่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวที่เขารัก และมอบกายถวายชีวิตให้ ถ้าหากเธอต้องการอะไร ... เพราะเขาเป็นคนที่เธอเลือกแล้ว  เขาไม่มีทำจะทำให้เธอเสียใจเป็นอันขาด  ขัดใจกับเรื่องเล็กๆ ก็ไม่คิดจะทำ

    เธอเป็นความรักเดียวที่เขามีอยู่ และไม่อยากให้เธอหายจากเขาไปไหน...

     

    แต่จิตใจของคนอยากที่จะอ่านออก สิ่งที่แสดงออกมาอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในขณะที่เขารักเธอมาก มากพอที่จะเสียสละชีวิตให้ แต่เธอ... ไม่ได้รักเขาอย่างที่เขารักเธอแม้แต่น้อย  เธอแค่มองเห็นช่องทางที่จะทำให้ชีวิตเธอสุขสบายจากผู้ชายแสนดีคนนี้

     

    เพราะเขาเป็นผู้ชายตัวคนเดียว ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีครอบครัว มีเพียงกิจการที่มูลค่ามหาศาล ที่พอจะบำเรอเธอให้มีความสุขไปวันๆ   แค่ใช้รูปร่างหน้าตาที่เธอมี บวกกับมารยาร้อยเล่มเกวียนของเธอ ทำให้ผู้ชายที่ใสซื่อและแสนดีคนหนึ่ง รักเธอหัวปักหัวปำได้ .. แม้เบนซินจะฉลาดแค่ไหน ก็ตกม้าตาย ด้วยมารยาของเธอ

    เขาไม่รู้เลยว่าลับหลังแล้ว เธอเองก็ไปมีสัมพันธ์เช่นแบบเดียวที่เธอมีกับเขากับผู้ชายอีกคน  ชายคนนั้นต่างหากที่จีน่ารักและมอบหัวใจให้  แต่ความเจ็บปวดที่เธอไม่ได้รักเขาคงไม่เท่ากับ... ถ้าหากเบนซินรู้ความจริงแล้วผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนรักของเขาเอง  ไม่รู้ความเจ็บปวดนี้จะทวีคูณขึ้นเป็นเท่าใด

     

    จีน่าเดินลงมากจากตึกแถวในย่านไชน่าทาวน์ ที่เต็มผู้คนพลุกพล่านแออัด  ทุกเช้าที่นี่มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ  เธอรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อต้องเดินฝ่าคนจำนวนมากเพื่อออกไปที่มุมถนน เพื่อโบกแท็กซี่ไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ชาวเอเชียมากมายที่เธอไม่ชอบเท่าไรนัก ถ้าหากไม่ใช่เบนซินที่เป็นคนเอเชียอาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าเขาไม่ใช่ทางที่จะให้เธอได้ประโยชน์ เธอคงไม่มาเหยียบย่านนี้อย่างแน่นอน

    “ไปนอนกับไอ้เบนมาอีกแล้วสินะ”  จีน่าหันไปมองต้นเสียง ชายหนุ่มร่างใหญ่ ผิวขาวดวงตาสีฟ้าตามฉบับคนตะวันตก ยืนพิงอยู่หน้าประตูห้องที่เธอยืนอยู่ข้างหน้า

    อย่าพูดจาแบบนั้นน่า เจสเธอยิ้มก่อนจะโผเข้าก่อนเจสอย่างเคย ปฏิเสธไม่ได้ถ้าเธอจะไม่รู้จักชายตรงหน้า เขาเป็นคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะผู้ชายคนที่ชื่อเจสคนนี้ เป็นทั้งคนที่เธอรักและเพื่อนรักของเบนซิน

    หรือไม่จริง?เขากอดตอบก่อนจะผละตัวเธอออกอย่างรวดเร็ว

    “เมื่อคืนดื่มมากไปหน่อย”

    “ไม่ตรงคำถาม .. แต่ช่างเถอะ ได้มาเท่าไหร่ ?” เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบพลางรอ จีน่าหยิบเงินในกระเป๋ามานับให้เจสดู

    “เบนบอกว่าช่วงนี้ได้กำไรน้อย ก็เลยแบ่งมาให้ฉันแค่นี้” เธอโชว์ธนบัตรจำนวนหนึ่งที่ค่อนเยอะพอควร แต่อาจน้อยสำหรับเธอในคราวนี้ เจสมองอย่างพอใจ เมื่อเห็นเงินจำนวนมากของเพื่อนรักตัวเอง

    “งั้นคืนนี้... คงสนุกได้เต็มที่” เจสยิ้มที่มุมปาก  ทันทีที่ที่เธอไขกุยแจเปิดประตูห้อง เขาก็โอบเอวหญิงสาวเดินเข้าไปด้านภายด้านในห้องที่เขาทั้งคู่ใช้เงินของเบนซินซื้อมันเพื่อมาอยู่ร่วมกัน ...อพาร์ทเม้นท์สุดหรูกลางใจเมืองที่มีราคาแพงยิ่งกว่ามูลค่าห้องที่เจ้าของเงินอยู่ด้วยซ้ำ... แต่เบนซินไม่เคยรู้เลย รู้แต่เพียงว่าจีน่าใช้เงินของเขาซื้อมันอยู่เพียงคนเดียว ส่วนเจสเพื่อนรักอยู่ที่บ้านของเจ้าตัวเอง

    สายตาคู่หนึ่งจับจ้องไปที่ชายหญิงที่เดินกอดกันเข้าไปภายในห้อง 403 ในอพาร์ตเม้นท์สุดหรู เด็กสาวมองเห็นมันผ่านกล้องส่องทางไกลที่เธอส่องมันไปตามความชอบ เธอไม่ได้ตั้งใจจะเห็นคนทั้งคู่ แต่เมื่อแผ่นหลังที่เธอคุ้นเคยว่าคล้ายจะเป็นคนรู้จัก ทำให้เธอจับจ้องสิ่งที่เห็น คนทั้งคู่เธอรู้จักเป็นอย่างดี ... และ... สิ่งที่เธอเคยสันนิษฐานมันคงเป็นจริง

     

     

    “ระวังพี่เจสเอาไว้นะ”

    “ระวัง?”

    “ระวังแฟนพี่ด้วย”

    “ทำไม? -*-” เบนซินงุนงงกับคำพูดของคนตรงหน้า ขณะที่เขากำลังยกเก้าอี้ยกโต๊ะเก็บร้านอาหารจีนของตัวเองในย่านไชน่าทาวน์ คนเอ่ยประโยคชวนงง กำลังกินบะหมี่ไปพลางมองเจ้าของร้านไป

    “พี่ไม่รู้อะไรหรือไง เจ๊จีน่าสุดสวยของพี่กะไอ้พี่เจสล่ำบึกน่ะ เป็นชู้กัน” ความไร้เดียงสาของเด็กสาวชาวเอเชียคนนี้พูดไปพลางกินบะหมี่ไป

    “ยัยหมวย เอาอะไรมาพูดน่ะ บ้า -*-  เขาผลักหัวยัยหมวยเล็ก ลูกสาวของแม่ครัวที่ทำงานให้กับร้านของเขามาตั้งแต่สมัยที่พ่อแม่ของเขายังอยู่ ก่อนจะเดินไปเดินมาทำงานของตัวเอง เขาเห็นยัยหมวยเล็กเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ป้าแม่ครัวก็เป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่เขาเหลืออยู่ รักเหมือนแม่เหมือนครอบครัวของเขาเอง

    “ไม่ได้บ้า หมวยพูดจริง อีกอย่าง... อพาร์ทเม้นท์ของเจ๊แก ก็บ้านหมวยนะ เขาอยู่ด้วยกัน !

    “หยุดใส่ร้ายแฟนพี่กับเพื่อนได้แล้วยัยเด็กบ้า” เขาส่ายหัวน้อยๆ

    18 ก็ไม่เด็กแล้ว ไม่เชื่อก็ตามใจ อย่ามาร้องไห้ให้น้องปลอบนะ แบร่ๆ” เจ้าตัวเล็กรีบยกชามบะหมี่วิ่งหนีเบนซินเข้าไปหาแม่ของตัวเองในครัวทันที ก่อนที่เบนซินจะปาผ้าขี้ริ้วใส่เจ้าตัวเล็ก

     

    ดูเหมือนเขาจะไม่คิดอะไร กับคำพูดไร้เดียงสาของยัยหมวยเล็ก แต่เขาเองก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี เพราะหมวยเล็กไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้ เพื่อนเขาหรือคนรู้จักก็เอ่ยแบบนี้เหมือนกัน แต่เพราะความเชื่อใจที่เขามีต่อเธอและเพื่อนรักของเขา ทำให้เขาเลิกคิดประเด็นไร้สาระนี้ออกไปจากสมอง

     

    ท้องฟ้ายามราตรีมืดสนิท แสงไฟตลอดทางทั้งสองฝั่งทั่วทั้งตรอกไชน่าทาวน์ต่างเริ่มดับลง สายตาของเบนซินยังคงจับจ้องมองนาฬิกาไปสลับกับมองที่ประตูห้อง ยังคงไม่มีวี่แววของคนจะมาหา  เบอร์โทรศัพท์ของเธอเขาไม่สามารถติดต่อได้เลย เขาเดินไปเดินมา พลันคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย คำพูดของยัยหมวยเล็กเมื่อ 3 วันก่อน พลันแวบเข้ามาในหัว แต่ก็เขาก็สลัดมันทิ้งไป

    คืนนี้ ..เป็นวันเกิดของจีน่า เธอสัญญาว่าเธอทำงานเสร็จเธอจะรีบมาหาเขา แต่เวลาก็ล่วงเลยไปอีกวันแล้ว เข็มสั้นชี้เลขสามบ่งบอกว่าเป็นเวลาตี 3แล้ว  เธอก็ยังไม่มา อันที่จริงเขาไม่เจอเธอมาหลายวันแล้ว และไม่สามารถติดต่อได้เลย ทั้งโทรหา ไปหาที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งอพาร์ทเม้นกลับไม่เจอแม้แต่เงาของแฟนของตน  แต่คนมองโลกในแง่ดีเช่นเขา ก็ทำได้แค่.. เลิกคิด เท่านั้นเอง

    เขานั่งลงบนที่เตียงนอน พลางมองกล่องแหวนใบจิ๋วที่เขาตั้งใจจะมอบให้เธอวันนี้ อายุของเขาก็ไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่เยอะจนเกินไป แต่เขาอยากจะมั่นใจและอยากจะแต่งงานมีครอบครัว มีชีวิตที่ขาดหายไปเช่นกัน เขาตั้งใจจะมอบแหวนวงนี้เป็นของขวัญวันเกิดกับหญิงสาวที่เขารัก และหวังว่าเธอจะตอบรับเขาเช่นกัน

     

    .. แต่งงานกับผมนะ ...

     

     

    “เจ๊สุดสวยหายไปสินะ ฮ่าๆ”

    “หืม?” เขาหันไปมองหมวยเล็กที่ยืนเช็ดกระจกอยู่หน้าร้าน เวลาเดิมเกือบ 6 โมงเย็นของทุกวัน ยัยหมวยเล็กกลับมาจากโรงเรียน ก็ต้องมาช่วยแม่ของเธอปิดร้านกับเบนซิน เขามองพลางหงุดหงิดนิดหน่อยที่เด็กน้อยหัวเราะกับการหายไปของแฟนสาวของเขา

    “พี่เบนเท็นของหมวยเล็ก ซึมกระทือมาหลายวันแล้ว นี่พี่เบน พี่เบนไม่สงสัยหรือว่า พี่จีน่าน่ะหายไปไหน พี่เจสก็ไม่มาหาพี่เลย..” คนช่างพูดก็พูดต่อไปพลางเช็ดกระจกไปด้วยความใสซื่อและเป็นห่วงพี่ชายของตัวเอง  เธอไม่เคยบอกเขาว่าเธอเคยเห็นจีน่ากับเจส เข้าไปในห้องด้วยกันกับตา หรือบอกว่า เธอเคยเห็นจีน่ากับเจสไปไหนมาไหนต่อไหนด้วยกันบ้าง เพราะรู้ว่าบางทีให้พี่ชายของเธอรู้เอง อาจจะดีกว่า ถ้ามีวันนั้น เพราะใครพูดอะไรไปเบนซินก็ไม่เชื่อ เบนซินรักจีน่ามาก เธอรู้ดี

    “........”

    .”เชื่อหมวยเล็กเถอะ เขาเป็นชู้...”

    “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก !” เบนซินตวาดใส่หมวยเล็กด้วยความหงุดหงิดอย่างที่เขาเองไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกหงุดหงิดกับการที่ไม่ได้เจอหน้าคนรัก อีกทั้งคำพูดของเด็กน้อยช่างจ้อ หรือแม้กระทั่งคำพูดของคนอื่นๆที่เคยพูดทำนองนี้ ต่างผุดขึ้นมาภายในหัว เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าที่คนอื่นพูดมันจะเป็นเรื่องจริง

    หมวยเล็กชะงักไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มร่าอีกครั้ง

    “พี่เบน เขาขอโทษที่ทำให้หงุดหงิด แต่น้องสาวพี่ไม่เคยโกหก คนอื่นก็คงไม่โกหก แต่คนที่โกหก..” เขายกมือเชิงปรามไม่ให้หมวยเล็กพูดต่อ เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าน้องสาวเขาจะพูดอะไร  เขาฉุกคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะฝืนยิ้มให้กับหมวยเล็ก แล้วปัดความคิดทั้งหมดออกไป

     .. การเชื่อใจเป็นสิ่งที่สำคัญ ...

    “ไม่หรอกน่า.. เดี๋ยวพี่กับจีน่าก็แต่งงานกันแล้ว ^^” เขาชูกล่องแหวนใบจิ๋ว

    “เอ่อ..”

    “งั้น... เดี๋ยวพี่ไปก่อนดีกว่า ฝากปิดร้านด้วยนะ กุญแจพี่เอาไปแล้ว ส่วนปั๊มฝากโทรบอกไอ้ตี๋ดูให้ด้วยนะ วันนี้ไม่เข้าปั๊ม บ๊ายยย ยัยลิง”

     

    เขายังคงคิดในแง่ดี

    เขายังคงเชื่อใจเธอเสมอ

    เรื่องง่ายๆที่คนรักกันต้องทำคือเชื่อใจ

    เรื่องง่ายๆที่คนรักกันต้องทำคือนึกถึงวันดีๆที่มีร่วมกัน

    แค่นี้... ข้อกังขาใดๆ ก็หายไปแล้วไม่ใช่หรือ ?

     

    เขาเดินออกจากตรอกไชน่าทาวน์ไปยังมุมตึกที่มีรถเก๋งเฟอร์รารี่ F430 สีขาวคันงามจอดอยู่  เขาขับมันออกไปเรื่อยๆ พลางคิดถึงเรื่องราวในวันดีๆ ที่เธอและเขามี

    ถ้าแต่งงานกัน ข้อครหาจากคนอื่นนั้นก็คงหมดไป

    เขามองกล่องแหวนใบจิ๋วไปพลางขับรถไป  ฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี เขาตั้งใจจะไปหาเธอเองที่อพาร์ทเม้นท์ เขามั่นใจว่ายังไงวันนี้เธอต้องอยู่อย่างแน่นอน  เขาไม่ลืมแวะซื้อช่อดอกไม้ช่อใหญ่เตรียมไว้ให้เธอด้วย 

    บรรยากาศยามราตรีในเมืองใหญ่ ในสหรัฐอเมริกา เต็มไปด้วยคนพลุกพล่าน รถราอุ่นหนาฝาคั่งเหลือเกิน  สายตาของเบนซินยังคงจับจ้องที่ดอกไม้ช่อโตกับกล่องแหวนใบจิ๋วคู่กัน  แม้อาจเป็นวิธีที่ธรรมดาๆ จากผู้ชายคนหนึ่ง

     แต่เขาหวังจะเสมอว่าเธอจะยินดีร่วมใช้ชีวิตไปกับเขา .. ตลอดไป

     

    ประตูห้องชุดสุดหรูบนอพาร์ตเม้นท์ใจกลางเมืองถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหญิงที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเข้ามาภายในห้อง เซไปเซมาราวกับต้องการที่พึ่งพิง ข้าวของหล่นกระจัดกระจาย แต่สองคนนั้นหาได้สนใจไม่ จูบอันเร่าร้อนของคนตัวโตเร่งเร้าอารมณ์ของอีกคนให้คล้อยตามไปได้อย่างดี มือของคนทั้งคู่เริ่มซุกซน สำรวจทุกซอกทุกมุมของร่างกาย แม้ว่าจะสัมผัสบ่อยครั้งแต่ยังไงมันก็น่าตื่นเต้นเร้าใจทุกครั้งเสมอ เสื้อผ้าต่างหลุดร่วงไปตามทางจากห้องหนึ่งไปยังอีกหนึ่ง ชิ้นแล้วชิ้นเล่า จนท้ายที่สุดแล้วเมื่อถึงเตียงนอน ร่างของทั้งสองก็ตกอยู่สภาพเปลือยเปล่า

     “เมื่อไหร่เธอจะเลิกกับมัน ?” เขาดันตัวเธอลงนอนบนเตียงด้วยความรวดเร็ว หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนจะตอบคำถาม

    “เมื่อฉันได้เงินก้อนโตอีกซักก้อน”

    “หืม?”

    “เบนซินน่ะเก่งทุกเรื่อง... แต่โง่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว .. ไม่นานหรอกเจส”  ชายหนุ่มยิ้มพอใจที่ได้ยินอย่างนั้น เขาเองก็รอเวลานั้น อยากจะให้มาถึงโดยไว วันที่หญิงสาวคนนี้กับเพื่อนรักของเขาเลิกรากัน  เขากับเธอจะหนีไปในที่ที่แสนไกล เสวยสุขกับทรัพย์สินที่มารยาของนางมารที่ชื่อจีน่าหลอกเพื่อนรักแสนซื่ออย่างเบนซินมาได้ แม้เขาจะไม่ได้รักจีน่ามากมาย แต่.. อย่างน้อยจีน่าก็บำบัดความใคร่และยอมทำอะไรหลายๆอย่างให้เจสได้

    “อย่าไปสนใจเลย ... ฉันว่า.. เรามาต่อเรื่องของเราดีกว่า” สาวเจ้ามารยาพลิกตัวเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมเสียเอง  แล้วพรมจูบชายหนุ่ม และเร่งเร้าอารมณ์เขาเรื่อยๆ จากจังหวะที่ขาดไประหว่างบทสนทนา

     

    ฉากรักร้อนแรงที่เห็นอยู่ตรงหน้า บุคคลที่สามที่อยู่ภายในห้องถึงกับต้องทรุดตัวลง เขาแค่บังเอิญที่มาที่นี่ มาถูกที่ผิดเวลา หรืออาจจะถูก เขาแค่สงสัยว่าทำไมประตูห้องถึงเปิดออกไว้ในเวลาดึกอย่างนี้ เขานึกกลัวว่าจะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นกับคนรักของเขา แต่เปล่าเลย ... ภาพที่เห็นตรงหน้ามัน ไม่ใช่ซักนิด ภาพที่เห็นมันเหมือนมีดที่มากรีดกลางหัวใจ แทงจากข้างหลังทะลุไปถึงอก ทั้งเจ็บ ทั้งจุก และความรู้สึกมากมายที่บรรยายไม่ได้

    เแม้เขาจะเป็นผู้ชายเข้มแข็งเพียงใด ที่บางทีก็อยากจะรับได้กับภาพตรงหน้า ช่อดอกไม้ช่อโตกับกล่องแหวนใบจิ๋วหลุดจากมือเขาร่วงลงสู่พื้น  เบนซินยืนมองสองคนที่เขารักเล่นบทละครรักในมุมห้องที่ แม้เวลานี้ สองคนนั้นคงไม่สนใจหรือเห็นเขาได้แน่นอน บทสนทนาที่เขาได้ยิน บวกกับสิ่งที่เขาได้เห็น มันเกินกว่าจะใช้คำว่าเสียใจที่จะบรรยาย

    เขากำหมัดแน่น เล็บที่ไม่ได้ผ่านการตัดมานานพอสมควร เพราะเขามัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการทำงานจนไม่มีเวลาดูแล บัดนี้มันจิกให้ไปในหนัง เลือดซิบ ตัวสั่นด้วยหลายอารมณ์ความรู้สึกที่เจ้าตัวเองก็เริ่มไม่เข้าใจ

     

    นึกเสียใจก็เสียใจ ... นึกจะแค้นก็แสนจะแค้นเคือง

    คนหนึ่งก็ผู้หญิงที่เขารักและต้องการจะแต่งงานกับเธอ...

    อีกคนคือเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเนิ่นนาน...

    เขาทั้งสองคนทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

    หญิงก็ร้าย ...  ชายก็เลว ...

     

    สติของเขาแทบคุมไม่อยู่ นึกอยากจะเดินไปหยิบปืนในรถมายิงคนทั้งคู่ให้ตายเสียตรงหน้า แต่... จิตสำนึกของเขาไม่ได้ต้องการให้เขาทำแบบนั้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขายังมีอยู่ และคนจิตใจดีเช่นเขา จะต้องทำอย่างไรกัน ..   ความสามารถในการมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว น้ำตามันเอ่อล้น นานเท่าไหร่แล้วที่เข้าไม่ร้องไห้ ชีวิตที่ผ่านมาเขาพบพานแต่ความสุข

     

    แต่.. ความสุขที่ผ่านมาเป็นแค่ภาพลวงตางั้นสิ ?

     

    เขาเดินออกจากห้องไป ทิ้งกล่องแหวนและช่อดอกไม้เอาไว้แค่ที่ตรงนั้น กลับลงมาที่รถยนต์ของตัวเอง ก่อนจะขับมันออกไปด้วยความเร็วปานกับจะแข่งกับความเร็วของจรวด เขาขับมันแล่นไปตามถนนหนทางที่เงียบสงบ เสียงก่นด่าของคนที่เดินอยู่ริมทาง หรือชาวบ้านแถวนั้น ไม่ได้ทำให้สติสตังค์ของเขากลับมา เรื่องราวสับสนภายในใจผุดขึ้นมาในหัวมากมาย  คำพูดคำเตือนของหมวยเล็กก็ทำให้เขายิ่งสับสน ภาพติดตาเมื่อครู่ก็เช่นกัน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาเกือบขับรถชนคน แต่เขาหักหลบได้ สุดท้าย เขาเลือกที่จะขับไปที่ชายทะเล จอดรถสงบสติอารมณ์อยู่ที่นั่น เงียบๆคนเดียว ...

     

    พระอาทิตย์กำลังขึ้นผ่านพ้นน้ำ ถ้าได้มานั่งดูภาพนี้กับคนรักคงจะดูโรแมนติกไม่น้อย แต่สำหรับเบนซินแล้ว ... ตอนนี้ กับสิ่งที่เขาเพิ่งได้เห็น  ความรู้สึกว่างเปล่า.. มันเข้ามาแทนที่  

     

    เขากลายเป็นคนโง่ในสายตาของ สองคนนั้น..

    ทั้งๆที่เขารักและเชื่อใจ และไม่คิดร้าย ไม่สนใจคำพูดใดๆของคนอื่น

    ไม่เคยเชื่อ แถมต่อว่าคนเหล่านั้นด้วยซ้ำ

    เขาโง่ใช่มั้ย ?

     

    “อ้าวพี่เบนเท็นไม่ได้กลับมานอนนี่หรอกหรอ มิน่าไปเคาะเรียกกับแม่ ไม่มีเสียงตอบรับ-*-” หมวยเล็กเอ่ยถามเขาทันทีที่เขาเปิดประตูร้านเข้ามา เขาไม่ตอบกหมวยเล็กว่าเขาเป็นอะไร บอกเพียงแต่ว่าฝากดูร้านให้ด้วย วันนี้เขาอยากพักผ่อนรู้สึกไม่สบาย แล้วเขาก็เดินขึ้นห้องชั้นสามไป  เด็กสาวขี้สงสัยรู้สึกหงุดหงิดที่พี่ชายของตัวมีอาการน่าสงสัยและไม่พูด สายตาและสีหน้าดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในเวลาข้ามคืน

     

    เมื่อวานยังอารมณ์ดีมากๆอยู่เลยนี่นา หรือว่า ... แต่.. เด็กอย่างเราจะไปช่วยอะไรได้นะ !

     

    เบนซินนอนก่ายหน้าผาก กลอกตามองเพดานห้องไปมา  เรื่องเดิมๆ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่ไปไหน ยังคงครุ่นคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

     

    เมื่อความเชื่อใจที่มีไม่ได้ทำให้เขาสามารถประคับประคองความรักที่มีได้ ..

    นั่นก็แปลว่า.. ความเชื่อใจไม่ช่วยอะไร

    เมื่อมองโลกในแง่ดีเกินไป ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น งั้น.. ก็ไม่สมควรมองให้มันดีต่อไป

    ความรัก ความเชื่อใจ ที่ให้ กลับถูกทำลายด้วยการ หักหลัง จากคนรักและเพื่อนรัก

    คงเป็นเหตุผลมากพอที่เขาจะไม่สนใจใยดี เป็นเหตุผลมากพอที่มากพอ.. ที่จะเลว

     

    เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาพลันลุกขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะตะโกนเสียงดังดังบอกว่าอย่ารบกวน เสียงเบื้องหลังประตูนั้นตอบกลับมา ยิ่งทำให้เขากลับโมโห

    “เบนคะ นี่จีน่าเอง เบนไม่สบายหรอคะ”  เหมือนมีดกรีดแผลซ้ำอีกครั้ง แผลยิ่งอักเสบมากขึ้น ยิ่งทำให้เขา.. เริ่มหาเหตุผลให้กับตัวเองได้

    เขาไม่ตอบ เขานั่งเงียบๆพลางมองเพียงประตูห้องที่ถูกเคาะ เป็นเวลาอยู่นานที่เสียงเคาะยังคงดัง เสียงของหญิงร้ายก็ยังคงเรียกเขาไม่หยุดปาก

    เธอตั้งใจเล่นละครเป็นห่วงฉันขนาดนี้เชียว ?

    เขาเริ่มรำคาณจนต้องเดินออกไปเปิดมันออกมา ร่างของหญิงสาวโผเข้ากอดฉันด้วยความดีใจ  เขาไม่ได้กอดตอบเหมือนทุกครั้งพลางหันหน้าหนีเธอพร้อม เขาไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ...

    “เป็นอะไรไปคะ ? ไหนดูซิตัวร้อนหรือเปล่า.. ก็ไม่มีนี่นา ^-^” เธอประคองหน้าเขาให้หันหน้ามามองเธอ เขาเบือนหน้าหนี ปัดมือเธอที่จะพยายามมาแตะหน้าผาก  และเดินหนีเธอไปที่เตียง

    คุณโกรธฉันหรอ.. ขอโทษที่ผิดนัด งานของฉันเยอะจริงๆ เสร็จงานก็รีบมาเลยนะ

    ….

    “เบนซิน...” เธอกอดเขาจากด้านหลัง พลันซุกหน้าแนบแผ่นหลังของเขาออดอ้อนให้คนที่เมินกลับมาคุยกับเธอ แม้เธอจะรู้สึกอารมณ์เสียที่ต้องทำแบบนี้ แต่เพื่อเงิน ละครก็คงต้องดำเนินต่อไป

    “อย่าเอามือสกปรกของเธอมาแตะต้องตัวฉัน”

    “หืม? ว่ายังไงนะคะเบน?” เขาหันหน้ามามองเธอด้วยสายตาเย็นชา ความจงเกลียดจงชังถาโถมเข้ามาในใจ หญิงสาวไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่ยังคงปั้นหน้ายิ้มไร้เดียงสา

    “อย่าเฉยชากับฉันอย่างนี้สิ...คะ” เธอโอบเขาก่อนจะมองด้วยสายตายั่วยวนอย่างที่เคยทำ

    “........”

    “ทำไมทำหน้าแบบนั้น.. เหมือนไม่ใช่เบนเลยน้า” เขาแกะมือเธอออกอีก

    “ไปซะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” เขาบอกเธอด้วยเสียงเรียบเฉย อย่างที่เขาเองไม่เคยเป็นมาก่อน

    “ทำไมล่ะคะ? เบน ...”

    “บอกเจสด้วย ว่างานที่ปั๊มน้ำมันไม่ต้องมาช่วยแล้ว... ไปซะ ไปให้พ้น เธอทั้งคู่!” หญิงสาวพอจะเข้าใจแล้วว่าเขาต้องการสื่ออะไร เมื่อสิ่งที่ตั้งใจจะมาออดอ้อนวันนี้ดูไม่เป็นผล งั้นก็คงไม่ต้องเล่นละครอีกแล้วล่ะมั้ง...

    “เบน!!! คุณจะมากไปแล้วนะ”

    “มากหรอ .. ที่ฉันทำมันยังน้อยไปกับสิ่งที่เธอกับไอ้เจสหลอกฉันตลอดมา !!!” เขาผลักเธอจนล้มไปกองที่พื้น เขามองคนที่ล้มลงด้วยสายตาเหยียดหยาม หญิงสกปรกที่ทำให้เขาทั้งเจ็บปวดและแค้นเคือง เธอลุกขึ้นง้างมือจะตบหน้าเขา แต่เขารวบมือเธอไว้ได้ก่อน เขาฉุดกระชากลากเธอลงมาที่ข้างล่าง ลูกค้าเต็มร้าน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ สายตานับสิบคู่หันไปจับจ้อง ก็ไม่มีผลที่จะให้เขา ไม่ผลักเธอออกไปนอกร้าน

    “กอบโกยมากพอก็ไปให้พ้น คนอย่างเธอมันก็แค่อีตัวที่นอนกับผู้ชายหวังเงินไปบำเรอตัว!!!

    “แล้วไง? แกมันก็เป็นแค่คนเอเชียหน้าโง่ หลงเชื่อในความรักจนโงหัวไม่ขึ้น !

    ประโยคบาดลึกจากปากคนตรงหน้าทำให้เขาไม่เหลือแล้วซึ่งสติที่จะหักห้ามไม่ให้ทำร้ายเธอไปมากกว่านี้  มือหนาจับใบหน้านั้นเชยคางขึ้น ก่อนจะออกแรงแบบแก้มทั้งสองข้างให้เธอรู้สึกเจ็บปวด สีหน้าของนมาเธอเริ่มไม่สู้ดี แต่สายตาก็มองเบนซินด้วยความเกลียดชัง

    “ไปซะ !! ก่อนที่ฉันจะเอาปืนมายิงเธอและ .. มัน” เขาหันไปมองบุคคลที่สามที่กำลังเดินเข้ามา ชายหนุ่มชาวตะวันตกที่คุ้นดี  เบนซินผลักจีน่าไปให้กับเจส ก่อนจะมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชา

    “ไปซะสิ !!!

    “เฮ้ๆ เบนเพื่อนรักทะเลาะกับจีน่าจนลงไม้ลงมือเลยหรอ เห้ย ใจเย็นๆ”

    “ใจเย็นจนเพื่อนรักมาแอบเอาไปรับประทานน่ะหรอ .. หึ... เอาไปกินต่อให้สบายเถอะ เนื้ออีนี่มันเหนียวเคี้ยวยาก  ต้องคายทิ้ง ฉัน.. คายให้แกต่อแล้วกัน” เขาหมุนตัวหลับเตรียมจะเดินเข้าร้าน แต่ก็ทำไม่ได้ มือหนาจากคนตัวโตที่ขึ้นชื่อว่า(เคย)เป็นเพื่อนรักของเขา ดึงเขากลับมาก่อนจะชกเขาไปที่หน้าเต็มแรง

    “มึงคิดว่ากูเป็นคนชอบกินของเหลือเดนหรอ !!!

    “หรือไม่จริง?” เขาเอาแขนเสื้อเช็ดเลือดที่มุมปาก

    “ที่มึงทำมันไม่ใช่ ? แต่เอาเถอะ  อาหารขยะจานนั้น..”เบนซินเอานิ้วชี้หน้าจีน่า แต่สายตายังคงจดจ้องเจสด้วยอารมณ์โกรธ เกลียด และเจ็บปวดมารวมกัน

    “อาหารที่ไม่อร่อยแล้ว ก็ยินดีที่จะคายทิ้งให้แกกินต่อ เอาไปสิ อีตัวตัวนี้อ่ะ! เขาจะเดินกลับเขาร้านอีกครั้งแต่เจสก็ยังฉุดมือเขาไว้ เบนซินชักปืนออกจากภายใต้เสื้อคลุมตัวหนา  จ่อหน้าเจส

    “กูบอกแล้วไงว่าให้ไปซะ !

    “มึงไม่กล้ายิง” คำท้าทายของอดีตเพื่อนรักทำให้เขายิ่งขาดสติ เขาลั่นไกปืนยิงไปที่หัวไหล่ของเจสอย่างจัง เสียงกรีดร้องของจีน่าทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต้องออกมาดู จีน่าเข้ามาประคองเจสโดยเร็ว ภาพๆนั้นยิ่งทำให้เขาคิดได้ว่า

    ความรักของเธอและเขา อาจไม่ได้ก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่แรก อาจเป็นเพียงควาหลงและความโง่งมของตัวเขาเอง

    “พอแล้ว ฉันจะไป อย่ายิงเขา” วินาทีนี้นางมารร้องไห้ขอให้เขาไว้ชีวิต   ช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชเหลือเกิน เขามองเธอด้วยสีหน้าทีเจ็บปวด ก่อนจะเก็บปืนลง

    “งั้นก็ไปซะ นังขยะสกปรก” เขาถ่มน้ำลายรดคนทั้งคู่ที่นั่งกองอยู่กับพื้น ก่อนจะเดินเขาร้านอาหารจีนของตัวเองไป หมวยเล็กทำท่าจะเอ่ยปากถามเขาด้วยสีหน้ากล้าๆกลัวๆ เบนซินหันไปมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะชูมือเป็นเชิงปรามว่าอย่าถามอะไร ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องของตัว

    ไม่นานเสียงรถตำรวจก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งตรอกไชน่าทาวน์ ตำรวจขอคุมตัวเขาไปสอบปากคำ กับกรณีทำร้ายกายพลเมืองอเมริกันที่ชื่อ เจสเขายอมไปแต่โดยดี และไม่มีท่าทีจะหนีแต่อย่างใด  เขามั่นใจว่าสิ่งที่ทำลงไปมันขาดสติ แต่มันก็สาแก่ใจกับความเจ็บปวดที่เขาได้รับ


    ใจจริงอยากจะยิงให้ตาย...ไปซะทั้งคู่

    แต่เพราะ.. หากคุณลองนึกถึงภาพวันดีๆ  วันที่ความรักหล่อเลี้ยงชีวิตคุณเอาไว้

    แม้ว่ามันจะเป็นภาพลวงตา ... แต่อย่างน้อยคุณก็เคยมีความสุขไม่ใช่หรือ ?

     

    คดีทำร้ายกายเป็นคดีที่สามารถยอมความกันได้ ทำให้เบนซินคนนี้ไม่โดนข้อหาอะไร เขาแค่ยัดเงินให้แก่หญิงสกปรกผู้เคยเป็นคนรักของเขาไป  ก่อนจะภาวนาและหวังว่าอย่าได้เจอกันอีก

     

    สิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องราวทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทำให้ เบนซิน ลบภาพตัวเองทิ้งไป

    คนเดิมๆ ที่เคยแสนดี คนนั้น ได้ตายจากไปแล้ว

    เหลือแต่เพียงความเย็นชา ... ไม่สบอารมณ์กับเรื่องได้

    คนที่ยิ้มง่ายและหัวเราะง่าย มองโลกแง่ดี ...

    คงไม่มีอีกแล้วในตัวผู้ชายคนนี้

    ความดีที่เคยทำ สามารถแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นการทำความเลวได้

    เขาเลือกที่เบนเส้นทางชีวิตมให้กลับเปลี่ยนไปในอีกด้าน ..

    คนเราสามารถเปลี่ยนได้แค่ชั่วข้ามคืน

    เพราะมีเหตุผลในการกระทำ ...

     

     

    คุณจะถามทำไมว่าทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้...

    ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไป

    ทำไมเขาถึงเลว จากหน้ามือเป็นหลังมือ

    ถ้าคุณไม่ลองย้อนกลับดูตัวเอง...

    บางที.. คุณ อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนๆหนึ่ง เลว .. ก็ได้

     





    cinna mon

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×