ตอนที่ 13 : บทที่ 12 น้ำผึ้งก่อน้ำตาล(บวกเพิ่มอีกหนึ่ง)
บทที่ 12
น้ำผึ้งก่อน้ำตาล(บวกเพิ่มอีกหนึ่ง)
ราตรีนี้ฮ่องเต้ได้พาพระสนมไปชื่นชมอุทยานหลวงอีกครั้ง
หนนี้เป็นเสียนเฟย[1]
เสียนเฟยผู้นี้เป็นผู้นำของวังหลัง แม้นางไม่มีภูมิหลังทางครอบครัว แต่มีรูปโฉมงดงามเป็นเลิศ เพียบพร้อมด้วยศีลธรรมจรรยา ยามแรกเข้าวังหลวงฮ่องเต้ก็ได้แต่งตั้งให้เป็นถึงพระสนมเอก และหลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งปีก็ได้รับมอบหน้าที่ให้ดูแลวังหลัง
จวบจนบัดนี้นางยังคงมีน้ำหนักในใจฮ่องเต้ไม่เสื่อมคลาย
การชมทิวทัศน์ร่วมกันในค่ำคืนนี้ชวนให้หลิงเซียวคิดว่าคราวนี้ฮ่องเต้ย่อมต้องได้กินเนื้อ[2]แน่นอน เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ฮ่องเต้ไม่แตะต้องสตรีนางใด ซึ่งมันผิดปกติเกินไปแล้ว
ที่สำคัญก็คือหลิงเซียวคิดว่าหากฮ่องเต้สามารถโปรดปรานสตรีนางใดเป็นพิเศษได้ ก็จะไม่หวนนึกถึงผู้ที่ถูกพลิกป้ายแต่ไม่ได้รับการอวยยศอย่างโม่ฉี ขอเพียงไม่นึกถึงนาง นางก็ไม่มีโอกาสปีนป่ายขึ้นมาได้ ดังนั้นหลิงเซียวจึงกระตือรือร้นที่จะสร้างบรรยากาศให้แก่ฮ่องเต้และเหล่าพระสนมเป็นอย่างยิ่ง
คืนนี้เสียนเฟยสวมชุดสีม่วงอ่อน ผัดหน้าทาแป้งบางเบา ดูสง่างามสูงศักดิ์
ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่าง บรรยากาศเป็นใจ ฮ่องเต้และเสียนเฟยมาหยุดอยู่ที่ริมทะเลสาบ
หลิงเซียวเห็นดังนั้นจึงถอยไปซ่อนตัวในพงหญ้าริมทะเลสาบเงียบๆ ล้วงถุงผ้าที่เตรียมไว้ออกมาจากอกเสื้อ ปากถุงถูกมัดไว้หลวมๆ ด้านในโป่งพองไม่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่
หลิงเซียวคลี่ยิ้มน้อยๆ มองไปยังคนทั้งสองที่ยืนใกล้ชิดกันอยู่ริมทะเลสาบ
เขาก้มหน้าแล้วแง้มถุงผ้าในมือ ขณะที่เขาก้มลงไปนั้นเองฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบได้มองมาทางเขา ริมฝีปากเหยียดโค้งขึ้นเล็กน้อย สายตาสาดประกายสว่างวาบกลางแสงจันทร์
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ”
เสียนเฟยมองดูฮ่องเต้ด้วยความสงสัย ฮ่องเต้ได้สติและหันมองเสียนเฟย พร้อมกับที่รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปแปรเปลี่ยนเป็นท่าทีเคร่งขรึม
“มีอะไร”
ฮ่องเต้ถาม เสียนเฟยเม้มปาก ก่อนคลี่ยิ้มบาง ท่วงท่างามสง่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันเพิ่งทูลว่าศาลากลางทะเลสาบมีทิวทัศน์งดงาม กลางศาลามีโต๊ะและเก้าอี้สามารถชมจันทร์ได้ ไม่ลองเสด็จไปชมดูหน่อยหรือเพคะ”
ฮ่องเต้ชำเลืองมองไปยังตำแหน่งของกอหญ้า “เราว่าที่นี่ดีมากแล้ว”
เสียนเฟยพลันแปลกใจ หลุบตาลง คลี่ยิ้มน้อยๆ และไม่เอ่ยวาจาใดอีกด้วยทีท่าเชื่อฟัง
จู่ๆ ก็มีแสงสีเขียวเรืองรองจำนวนมากบินออกมาจากกอหญ้าด้านข้าง กะพริบแสงวับวามส่องสว่างไปกว่าครึ่งบริเวณ ดวงตาของเสียนเฟยเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ฮ่องเต้เองก็เงยหน้ามอง แววตาแฝงความนัยลึกล้ำ
“หิ่งห้อยนี่นา” เสียนเฟยเอื้อมมือแตะหิ่งห้อยที่กะพริบแสง ใบหน้ายังคงคลี่ยิ้มบางอย่างสง่างาม แต่หากสังเกตให้ดีแล้วจะเห็นความประหลาดใจในดวงตาของนาง
นางหันกลับมามองฮ่องเต้ สายตาแฝงความรักและซาบซึ้งใจ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาหม่อมฉันเช่นนี้”
ฮ่องเต้หันมาเผชิญหน้ากับเสียนเฟย แต่สายตากลับมองข้ามนางไปตกยังหลิงเซียวที่แอบออกมาจากกอหญ้าแล้วกลับมาอยู่ด้านหลังเงียบๆ
เสียนเฟยกะพริบตาอย่างสงสัย มองตามสายตาฮ่องเต้ไปทางด้านหลัง ทันใดนั้นฮ่องเต้พลันคว้ามือนางเอาไว้ นางตกตะลึงหันกลับมาทันควัน ไม่ใส่ใจมองให้ชัดเจนอีกต่อไปว่าฮ่องเต้มองไปยังที่ใด
ฮ่องเต้เหลือบดูเสียนเฟย เห็นนางมีสีหน้าไม่สบายใจแกมหวาดหวั่นคล้ายกำลังผิดหวังจึงปล่อยมือนาง
เสียงทุ้มต่ำกล่าวว่า “คืนนี้ดึกมากแล้ว เสียนเฟยรีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
เสียนเฟยตะลึงงัน มุ่นหัวคิ้วด้วยความคับข้องใจบางอย่าง แต่การแสดงออกนั้นก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นยอบตัวคำนับอย่างเชื่อฟังและนำนางกำนัลจากไป
หลิงเซียวมองตามเงาร่างเสียนเฟยไปอย่างตกตะลึงแกมสงสัย
บรรยากาศสุดเป็นใจ แสงจันทร์ก็ช่างงดงาม แต่เสียนเฟยกลับจากไปเช่นนี้?!
ไม่สมเหตุสมผลเลย!
“หลิงเซียว” ขณะที่กำลังจับจ้องอยู่กับเงาร่างของเสียนเฟยหลิงเซียวก็ได้ยินฮ่องเต้เรียกหา
เขารีบก้าวขึ้นหน้ามาโค้งตัวลง “ฝ่าบาท”
แววตาลึกล้ำของฮ่องเต้เพ่งพิศหลิงเซียวราวกับต้องการมองเขาให้ทะลุปรุโปร่ง พาให้หลิงเซียวรู้สึกตงิดใจ เรื่อง ‘ชวนฝัน’ที่ทำทั้งหมดนี้ฮ่องเต้ไม่ได้พยักหน้าเห็นชอบ แต่ก็มิได้คัดค้าน และหลิงเซียวก็ได้กระทำลงไปแล้ว ยามนี้เมื่อฮ่องเต้เรียกชื่อเขาจึงออกจะกังวลใจอยู่บ้าง
ฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างหน้าหลิงเซียว นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา ใจของหลิงเซียวยิ่งว้าวุ่นมากขึ้น สุดท้ายก็อดถามไม่ได้
“ฝ่าบาททรงโปรดสิ่งที่กระหม่อมทำเหล่านี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ได้ฟังก็เลิกคิ้ว เงยหน้ามองหิ่งห้อยเต็มท้องฟ้า ไพล่มือไว้ด้านหลัง “ครั้งต่อไปเมื่อเจ้าเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้เราจะเป็นการดีกว่านี้ถ้าไม่มีใครมากับเราด้วย”
หลิงเซียวเบิ่งตาโต ถ้อยคำของฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไร
ที่บอกว่ามีครั้งหน้าหมายความว่าชอบใจ?
แต่ที่ว่าจะดีกว่าถ้าไม่มีใครมาด้วยหมายความว่าอย่างไร หรือฮ่องเต้ต้องการอยู่ตามลำพัง
ถ้าอย่างนั้นเขาทำเรื่องพวกนี้ไปจะมีความหมายอะไร
ที่เขาเตรียมเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เพื่อให้คืนวสันต์ของฮ่องเต้มีสีสันหรอกหรือ
ขณะที่หลิงเซียวกำลังสับสน ฮ่องเต้ก็หัวเราะออกมา “แน่นอนว่าเราอนุญาตให้เจ้าอยู่ด้วย”
นั่นมิกลายเป็น ‘เรื่องชวนฝัน’ระหว่างบุรุษสองคนหรอกหรือ
ไม่ ไม่ถูกต้อง
ตอนนี้เขาเป็นขันที เพราะฉะนั้นก็จะกลายเป็น ‘เรื่องชวนฝัน’ระหว่างหนึ่งบุรุษและหนึ่งขันที
คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง หลิงเซียวส่ายศีรษะ และโค้งกายลงหน้าฮ่องเต้ ทว่ากลับไม่กล้าต่อบทสนทนา “กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา”
ฮ่องเต้ชำเลืองมองหลิงเซียวคราหนึ่งประหนึ่งจะสำรวจเขาอย่างถี่ถ้วน ทำเอาหลิงเซียวตัวแข็งทื่อ ใจเต้นรัวไม่หยุด
ยังดีที่สายตาของฮ่องเต้ตกบนใบหน้าของเขาเพียงชั่วครู่แล้วเคลื่อนออกไป หลิงเซียวถอนหายใจ ได้ยินเสียงใจเต้นตุบๆๆ ดังก้องในหู
ฮ่องเต้ไม่ได้บอกให้ไป หลิงเซียวเองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ได้แต่ติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้เงียบๆ ตามไปยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มหิ่งห้อยที่เขาปล่อยออกมา ยืนอยู่เช่นนั้นครึ่งค่อนคืน
วันรุ่งขึ้น หลิงเซียวจับไข้อย่างเต็มภาคภูมิ
ลำคอเขาแห้งผากและเจ็บมากจนไอไม่หยุด ศีรษะปวดจนอยากยกมือขึ้นทุบสักสองทีแต่ไม่มีแรง
วันนี้เขาไม่ได้ไปรับใช้ข้างกายฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าผู้ดูแลสวีจะพูดให้ร้ายอะไรเขาบ้าง
ผู้ดูแลสวีเป็นคนไร้เมตตา สิ่งของที่ฮ่องเต้มอบให้เขา ฝ่ายนั้นล้วนนำไปหมดสิ้น ทว่าเมื่อมีโอกาสได้ขัดแข้งขัดขาเขาให้ล้มได้ก็ไม่มีทางยอมปรานี
หลิงเซียวก็ต้องยอมผู้ดูแลสวีคนนี้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นกังวลว่าจะถูกตนแย่งตำแหน่ง แต่ก็ยังห้ามใจไม่ให้ละโมบในของรางวัลที่หลิงเซียวจะได้รับในอนาคตไม่ได้
เมื่อเทียบตำแหน่งกับของรางวัลแล้ว แน่นอนว่าตำแหน่งนั้นสำคัญกว่า
ดังนั้นในตอนที่เขาเป็นไข้หวัดอย่างนี้ ผู้ดูแลสวีย่อมไม่สนใจไยดีเขา ซ้ำยังปรารถนาให้เขาตกตายไปเช่นนี้ อีกทั้งในวังหลวงนี้เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อรับใช้ฮ่องเต้ จึงไม่มีเพื่อนขันทีคนอื่นเลย เงินก็ไม่มีติดตัว เมื่อต้องการหาคนมาดูแลช่วยจัดหาหยูกยาให้จึงยากเย็นยิ่งนัก
หลิงเซียวขมวดคิ้ว ทอดถอนใจให้ความผิดพลาดของตนเอง ก่อนพยุงตัวจากเตียงไปยังโต๊ะเพื่อที่จะเทน้ำดื่ม ทว่าภายในกาน้ำกลับว่างเปล่า
หลิงเซียวโยนกาน้ำทิ้งไปด้วยความหงุดหงิด แล้วส่งเสียงเรียกแผ่วเบาไปยังด้านนอกสองครั้ง
เมื่อไม่มีใครตอบหลิงเซียวจึงกลับไปเอนตัวลงนอนบนเตียง ขณะนอนมึนๆ งงๆ อยู่นั้นก็ผล็อยหลับไป
[1]เฟยคือลำดับพระสนมขั้นหนึ่ง
[2]เปรียบถึงพฤติกรรมที่มุ่งเน้นด้านกิเลสและกามารมณ์ ซึ่งตรงข้ามกับคำว่ากินเจหรือกินผักที่หมายถึงการละเว้นโลกียวิสัย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ในอีกไม่นานคิดว่าต้องมีคนมาหาหลิงเซียวแน่นอนเชื่อปะ ในใจก็รู้สึกสงสารนะ หลิงเซียวเพื่อนไม่คบอะ 555
นายเอกเราไม่มีเพื่อนเลย
รอคอยยยย
นี่จะลงถึงตอนไหนอ่ะคะ
._.