ตอนที่ 1 : บทที่ 1 เกิดใหม่ใต้ภาวะคับขัน
บทที่ 1
เกิดใหม่ใต้ภาวะคับขัน
“เจ้าบอกว่าชอบข้าไม่ใช่เหรอ เช่นนั้นก็ตายเพื่อข้าเสียเถิด!”
ถ้อยคำนี้สะท้อนก้องในสมอง หลิงเซียวร้องตะโกนผุดลุกขึ้นนั่ง เหงื่อเย็นซึมสะท้านกาย
ภาพเบื้องหน้าสายตาคือห้องที่มีคราบเลือดสีแดงเข้มสาดกระจายบนพื้นและผนังห้อง มีดโค้งสำหรับตัดอวัยวะพิเศษแขวนอยู่รายรอบ ทั้งยังมีเชือกไว้สำหรับมัดไม่ให้ขยับตัวและเตียงแบบพิเศษ
ห้องนี้ดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็น...ห้องชำระกาย[1]!
หลิงเซียวมองดูหว่างขาตนเองตามสัญชาตญาณ ร่างกายยังไม่สึกหรอ เจ้าสิ่งนั้นยังคงนอนสงบนิ่งอยู่ที่หว่างขาอย่างเด่นชัด
เขาถอนหายใจโล่งอก ค่อยยังชั่ว ยังอยู่ดี...
ทว่ามือและเท้าของเขากลับถูกมัดไว้ ภายในห้องไม่มีคนอยู่ แต่มีเสียงโหวกเหวกมาจากปากประตู
หลิงเซียวดีใจที่ร่างกายตั้งแต่ศีรษะถึงช่วงเอวยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จึงก้มตัวลงไปกัดเชือกที่ผูกข้อมือ แกะเชือกที่มัดข้อเท้าแล้วลงจากเตียง และเมื่อคำนึงถึงร่างกายเปลือยเปล่าของตนจึงหยิบชุดขันทีที่อยู่ด้านข้างมาสวมใส่ แล้วขยับไปใกล้ๆ ประตู มองลอดช่องออกไปด้านนอก
ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังเอะอะโวยวายปรากฏเงาร่างของหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
หญิงสาวรูปโฉมงดงามเหนือผู้ใดกำลังหมอบบนพื้นด้วยท่าทางคล้ายล้มลง น้ำตาที่คลอหน่วยในดวงตาของนางดูแล้วชวนให้สงสารยิ่งนัก
โม่ฉีนี่! หลิงเซียวเบิกตากว้าง นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ไม่สิ ต้องถามว่าพวกเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เขาจำได้ว่าครู่ก่อนเขาและโม่ฉียังดื่มสุราชมจันทร์ในวังหลวงนี้อยู่เลย
เพียงแต่ว่าสุราจอกนั้นเป็นสุราพิษปลิดชีพ!
หลิงเซียวจับดูอุณหภูมิร่างกายของตนเองแล้วขมวดคิ้ว ในเมื่อเป็นสุราพิษแล้วไฉนตัวเขายังอุ่นอยู่
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่เขากำลังสับสนอยู่ ทันใดนั้นก็เห็นขันทีหลายคนกำลังตรงมายังห้องที่เขาอยู่
พาให้หลิงเซียวตื่นตระหนก เขารู้ดีว่าการถูกมัดล่อนจ้อนอยู่ในห้องชำระกายนั้นหมายถึงอะไร ใช่ว่าเขาไม่เคยผ่านมันมาก่อน
เมื่อเขาตระหนักถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาก็ได้แต่ปล่อยวางความสงสัยไปก่อน สายตากวาดมองรอบๆ ห้อง สุดท้ายจับจ้องไปยังหน้าต่างบานที่เปิดกว้าง
เมื่อเขาฉุกคิดขึ้นมาได้จึงรีบหลบหนีกระโดดข้ามหน้าต่างไป
ระหว่างทางเขายังแว่วเสียงอุทานโวยวายของขันทีด้านหลัง
หลิงเซียวเสแสร้งทำเป็นขันทีที่ผ่านทางมาแล้วเข้าร่วมการค้นหาจึงสามารถตบตาฝูงชนมาได้ ก่อนใช้ไหวพริบของตนกอปรกับผู้อื่นไม่เฉลียว อาศัยจังหวะเหมาะปลีกตัวออกมาเงียบๆ และมุ่งหน้าไปยังด้านที่ปราศจากผู้คน
เขามองไปยังกลุ่มค้นหาที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ขณะก้าวไปข้างหน้าด้วยความงงงวยก็ชนเข้ากับใครบางคน
ส่งผลให้เขาตกใจรีบสับฝ่ามือออกไป ทว่ากลับถูกหยุดไว้อย่างง่ายดาย
เขาตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่อยู่เบื้องหน้า
คนผู้นี้มีคิ้วหนา ตาหงส์ ริมฝีปากบาง จมูกเป็นสันตรง ผมหวีอย่างพิถีพิถัน แต่งกายในชุดคลุมสีดำขลิบดิ้นไหมทอง สีหน้าเคร่งขรึม
“ฝ่าบาท” หลิงเซียวอุทานอย่างประหลาดใจ บุรุษผู้นั้นเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนปล่อยมือหลิงเซียว
หลิงเซียวพลันได้สติถือโอกาสที่บุรุษผู้นั้นปล่อยมือ รีบเผ่นหนีไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นเอามือไพล่หลัง ขมวดคิ้ว มองตามเงาร่างที่ห้อตะบึงไป
เมื่อไรกันที่วังหลวงมีขันทีหยาบคายไร้มารยาทเช่นนี้
หลิงเซียววิ่งจนเหนื่อยหอบ ก่อนหยุดพิงภูเขาจำลองเพื่อพักหายใจ ทำไมเขาถึงได้ซวยขนาดนี้นะ อุตส่าห์หนีมาได้ยังมาชนกับผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังหลวงเข้าอีก
แต่ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
หลิงเซียวนั่งลงพิงภูเขาจำลอง
เขาชื่อหลิงเซียว มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดพร้อมหญิงสาวอีกคนที่ชื่อว่าโม่ฉี เขาชอบผู้หญิงคนนี้มาสิบปีแล้ว หลังจากประสบอุบัติเหตุพวกเขาก็มายังโลกนี้ คาดไม่ถึงว่าเมื่อโม่ฉีมาถึงโลกนี้กลับเผยความทะเยอทะยาน
เขาปกป้องโม่ฉีมาโดยตลอด จนกระทั่งนางพบใครบางคนที่ชอบ
เขายังช่วยให้นางสมหวังกับคนที่ชอบ...
แต่ว่าหลังจากนั้น...
หลิงเซียวจิตใจเหม่อลอย
“หลิงเซียว! หลิงเซียว!” เสียงเรียกของโม่ฉีที่ดังมาไม่ไกลเรียกให้หลิงเซียวลุกขึ้นยืน
เมื่อโม่ฉีเห็นเขาก็วิ่งมาหาอย่างมีความสุข “ข้ากำลังกลัวว่าเจ้าจะถูกจับไปอยู่เลย เหตุใดเจ้าไม่มาหาข้าล่ะ! ข้ากังวลแทบตาย!”
หลิงเซียวหรี่ตามองโม่ฉีด้วยความเย็นชาทำเอานางกลัวลนลาน ค่อยๆ ถอยหลังไปสองก้าว ถามตะกุกตะกัก “กะ...เกิดอะไรขึ้น หลิงเซียว...”
เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ หลิงเซียวจ้องหญิงสาวตรงหน้าเขม็ง ในใจมีแต่ความเกลียดชัง
เขาช่วยผู้หญิงคนนี้จนนางได้สิ่งที่ต้องการในที่สุด
แต่สุดท้ายนางกลับตอบแทนเขาด้วยสุราพิษคร่าชีวิตจอกหนึ่ง!
เขาเข้าใจแล้ว เขาตายไปแล้ว
สิ้นชีพด้วยสุราพิษภายในงานฉลองที่สตรีผู้นี้จัดให้ หลังจากที่นางได้รับทุกสิ่งสมปรารถนาก็วางยาพิษเขาโดยไม่ลังเล!
นังหญิงแพศยา!
ใช้งานเขาจนหมดประโยชน์แล้วก็โยนทิ้ง
หลิงเซียวจ้องโม่ฉีอย่างเย็นชาด้วยสายตาราวกับจะบดขยี้กระดูก โม่ฉีรู้สึกเหมือนตกอยู่ในอันตรายจึงถอยกรูดสุดกำลัง โดยมีหลิงเซียวก้าวตามประชิด
โม่ฉีพยายามพูดกับหลิงเซียว “หลิงเซียว เจ้ายังไม่หายโกรธอีกเหรอ โกรธที่หลานเว่ยวางยาพาเจ้าเข้ามาในวังหลวงใช่หรือไม่
“เจ้าอย่าถือโทษโกรธเคืองเขาเลยนะ เขาแค่ทำเพื่อข้า เพราะข้าไม่อยากห่างจากเจ้า ต้องการให้เจ้ามากับข้า
“ข้ารู้ว่าวังหลวงห้ามผู้ชายอยู่ เลยต้องลำบากเจ้าแกล้งปลอมเป็นขันทีสักหน่อย
“หลานเว่ยจัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว! ตำแหน่งที่จัดสรรไว้ให้เจ้าก็อยู่ในตำหนักฉู่ซิ่วของข้า แค่รอให้หลินมามา[2]พาเราเข้าไปก็เรียบร้อยแล้ว
“หลิงเซียว เจ้าฟังอยู่หรือไม่ เจ้าเป็นอะไรกันแน่ เจ้าเป็นแบบนี้ช่างน่ากลัวนัก” น้ำเสียงโม่ฉีสั่นเครือ นางงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อมองดวงตาไร้เดียงสาและท่าทีตื่นกลัวในยามนี้ล้วนกระตุ้นความรู้สึกอยากปกป้องของบุรุษทุกคนขึ้นมา ไม่มีชายใดปรารถนาจะเห็นนางโศกเศร้า
ทว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้านางไม่ใช่บุรุษจำพวกที่พ่ายแพ้ต่อน้ำตา หากแต่เป็นหลิงเซียวที่เคยถูกนางวางยาพิษเอาชีวิตจนสิ้นลมมาแล้วต่างหาก
หลิงเซียวสาวเท้าเข้าใกล้นางมากขึ้นๆ ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีให้สตรีนางนี้ดับดิ้นด้วยความทุกข์ทรมานที่สุด การแก้แค้นอย่างไรที่สาสมกับความจริงใจ ลุ่มหลง และโง่เขลาของตนในอดีต
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากทางด้านหลังภูเขาจำลอง
“พวกเจ้าสองคนมาอยู่กันที่นี่เอง รีบตามข้ามาเร็วเข้า เรามีเวลาแค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น”
คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังภูเขาจำลอง เป็นสตรีวัยกลางคนที่ยังคงเปี่ยมเสน่ห์
โม่ฉีมองเห็นนางก็ประหนึ่งได้พบผู้ช่วยชีวิต รีบไปหลบด้านหลังนางอย่างรวดเร็ว “หลินมามา หลิงเซียวทำตัวแปลกๆ เจ้าค่ะ”
หลินมามาขยับถอยห่างโม่ฉีเล็กน้อยอย่างแนบเนียน “แปลกก็ดีไม่แปลกก็ดี พวกเจ้าจะไปตำหนักฉู่ซิ่วหรือไม่”
โม่ฉีลนลานพยักหน้า “ไปเจ้าค่ะ”
หลินมามามองไปทางหลิงเซียว
หลิงเซียวเม้มริมฝีปาก เรื่องราวเหล่านี้บรรยากาศพวกนี้ช่างคุ้นเคยนัก
[1] ห้องที่ใช้สำหรับทำการตอนขันที
[2] มามาเป็นคำเรียกนางกำนัลอาวุโสหรือนางกำนัลที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ทำหน้าที่รับใช้เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเช่น ไทเฮา ฮองเฮา พระสนม หรือเป็นแม่นมให้กับองค์ชายองค์หญิง และมีหน้าที่ควบคุมสั่งสอนบรรดานางกำนัล
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โม่ฉีก็ดูเป็นคนดีนะ นางจะร้ายตอนไหน รึร้ายตั้งแต่เอาหลิงเซียวมาตอนนี่แล้ว
nightynine99 นะแต่โดนซื้อลิขสิทธิ์เลยอดอ่านต่ออะรอเรื่องนี้ยุนุคะ