ตอนที่ 5 : บทที่ 5
ลู่เทียนเฉินและชาลส์หาเรื่องมาคุยกันได้เรื่อยๆ เขาสองคนพูดคุยกันหลายเรื่องตั้งแต่สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไปจนถึงการลงทุนครั้งล่าสุดในธุรกิจบันเทิง ถังเฟิงรู้กาลเทศะดีจึงไม่ได้พูดแทรกใดๆ เวลาแบบนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือนั่งฟังอยู่เฉยๆ บทสนทนาของคนคนหนึ่งสามารถทำให้เราเรียนรู้ได้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร
เท่าที่เห็นตรงหน้า ลู่เทียนเฉินและชาลส์ต่างก็เป็นคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดกันทั้งคู่
จู่ๆ ถังเฟิงก็นึกอยากเห็นหน้าคนที่ลู่เทียนเฉินหลงรักหัวปักหัวปำอย่างเกอเฉิน เขาสามารถทำให้ชายหนุ่มที่ทั้งหล่อเหลา ร่ำรวย ฉลาด และเป็นผู้ใหญ่หลงใหลคลั่งไคล้ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนคนนั้นจะเป็นดาราชื่อดังในปัจจุบัน
“ถัง นายคิดว่ายังไง” ชาลส์ไม่อยากให้ถังเฟิงกลายเป็นบุคคลไร้ตัวตน จึงโยนคำถามมาให้ชายหนุ่มช่วยตัดสินใจ ลู่เทียนเฉินเองก็หันมามองเขาด้วย
เมื่อครู่นี้ถังเฟิงมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกัน จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าชาลส์พูดถึงภาพยนตร์เรื่องใหม่และการฝึกอบรมนักแสดงหน้าใหม่ หากจะแสร้งทำเป็นรู้เรื่องดีคงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเท่าไร
ถังเฟิงวางแก้วน้ำลง ยิ้มอย่างรู้สึกผิดแล้วมองชาลส์ด้วยสายตาวิงวอน เขารู้ว่าผู้ชายที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมักหลงกลลูกไม้ตื้นๆ ทำนองนี้ เมื่อก่อนเขาเคยรู้จักนักลงทุนและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์หลายคน อย่าคิดว่าคนพวกนั้นจะดูท่าทางน่ากลัวเหมือนอยากผลักไสผู้คนออกห่างนับพันลี้ ความจริงแล้วแค่คุณยอมอ่อนน้อมถ่อมตัวสักนิด พวกเขาก็ยินดีที่จะแสดงความใจกว้างต่อคุณ
สิ่งสำคัญคือเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ประสบความสำเร็จซึ่งหยิ่งยโสและชอบยึดถือตัวเองเป็นใหญ่เหล่านี้ ไม่ควรแสร้งทำเป็นรู้ดีทั้งที่ไม่รู้ หรือทำตัวฉลาดกว่าพวกเขา
“เอ่อ...เมื่อกี้ผมใจลอยไปหน่อย ถ้าคุณไม่ถือสาอะไร รบกวนช่วยพูดอีกทีได้ไหมครับ” ถังเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ยอมรับสารภาพแต่โดยดีด้วยท่าทีเก้อเขิน ซึ่งจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกที่ดีด้วย
ชาลส์ไม่ได้ถือสาหาความตามคาด เนื่องจากที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะ ถึงหมาป่าจอมบ้ากามตัวนี้คิดอยากจะทำอะไรก็คงแสดงออกมากไม่ได้ เขาเพียงยื่นมือมาจับมือของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่งรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนมาให้พร้อมบอกว่า “ถังสุดที่รักของฉัน ท่าทางเหม่อลอยของนายทำให้ฉันใจสั่น”
ถังเฟิงส่งยิ้มบางๆ ให้เขา
“เทียนเฉิน ในเมื่อนายไม่ต้องการถังเฟิงแล้ว ถ้าอย่างนั้นยกให้ฉันก็แล้วกัน” ชาลส์หันไปมองลู่เทียนเฉินที่เปรียบเสมือนก้างขวางคอชิ้นเบ้อเริ่มด้านข้าง ฝ่ายหลังที่แสดงท่าทีเย็นชามาตลอดกลับยิ้มนิดๆ เมื่อได้ยินคำพูดของชาลส์
ลู่เทียนเฉินมองถังเฟิงแวบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ก็นับว่าเป็นเกียรติของเขาแล้ว”
ถังเฟิงรู้ว่าลู่เทียนเฉินไม่ชอบเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะรังเกียจกันขนาดนี้ ยกเขาให้คนอื่นแล้วยังบอกอีกว่านี่นับว่าเป็นเกียรติของเขางั้นหรือ เขาไม่ถือสาเรื่องมีคู่นอนสักคน แต่ต้องไม่ใช่ความสัมพันธ์ในแบบที่ต้องอยู่ใต้อาณัติใครอย่างนี้ พวกเขาเล่นคุยกันว่าจะเขาควรเป็นของใครต่อหน้าต่อตาแบบนี้ออกจะทำร้ายจิตใจกันเกินไปหน่อยแล้ว
หวังว่าลู่เทียนเฉินและชาลส์จะเข้าใจ ว่าถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้เซ็นสัญญาขายตัวให้ใคร
“มีเจ้านายดีๆ อย่างประธานลู่ต่างหากที่นับเป็นเกียรติของผม” ถังเฟิงยิ้มและย้อนกลับไปเรียบๆ
ลู่เทียนเฉินมองมาทางเขาด้วยสายตาที่แฝงการดูถูกเหยียดหยาม แค่นยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรกับถังเฟิงอีก หลังมื้ออาหารชาลส์ทำราวกับมองไม่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า เอ่ยชวนทุกคนไปเล่นสนุกเกอร์ด้วยกันในช่วงบ่าย
“ตกลง” ลู่เทียนเฉินตอบรับด้วยความยินดี
ถังเฟิงแอบแค่นยิ้ม คอยดูเถอะ ถ้าลู่เทียนเฉินกล้าประลองฝีมือกับเขากลางโต๊ะสนุกเกอร์ เขาต้องทำให้เจ้าคนสารเลวที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอย่างหมอนี่มาสยบแทบเท้าให้จงได้
เช่นเดียวกันกับห้องอาหารที่กินพื้นที่สองชั้นในอาคารเทียนเฉินกรุ๊ป ที่นี่ยังมีโซนสำหรับพักผ่อนและความบันเทิงซึ่งจัดไว้ให้พนักงานโดยเฉพาะ สิ่งที่ขาดไม่ได้และเป็นที่โปรดปรานสำหรับชายหนุ่มผู้มีรสนิยมก็คือสนุกเกอร์นั่นเอง
แม้ว่าถังเฟิงอยากจะสั่งสอนลู่เทียนเฉินมากแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่เกมแรกลู่เทียนเฉินแข่งกับชาลส์ และเป็นไปอย่างที่คิด ดาราตกอับที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรก็ทำได้เพียงยืนดูอยู่ข้างๆ ถ้าจะพูดกันตามตรงทั้งชาลส์และลู่เทียนเฉินต่างก็มีฝีมือไม่เลวทีเดียว แต่ชาลส์ที่เติบโตในต่างประเทศดูจะคล่องมือกว่าลู่เทียนเฉินเล็กน้อย
ถังเฟิงยืนดูอยู่สักพักก็รู้สึกคอแห้ง เมื่อเห็นประธานใหญ่ทั้งสองคนตั้งอกตั้งใจเล่นกันมากจึงออกไปหาเครื่องดื่มคนเดียว ด้านนอกห้องสนุกเกอร์มีเครื่องชงกาแฟ เขาหยิบถ้วยวางไว้ใต้เครื่อง และรอให้กาแฟชงเสร็จ จังหวะเดียวกันนั้นก็มีคนยื่นมือมาหยิบถ้วยอีกใบหนึ่งพอดี ถังเฟิงจึงหันไปยิ้มและผงกหัวให้คนที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังเล็กน้อยตามมารยาทอันเคยชิน
“นายเอง?” ชายคนนั้นมองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน มีทั้งความรังเกียจที่อธิบายไม่ถูกและความเห็นใจแฝงอยู่บางเบา
ถังเฟิงรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องได้เจอกับคนรู้จักของเจ้าของร่างเดิมไม่หยุดหย่อน เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบคำหนึ่งแล้วรู้สึกขมๆ จึงเติมนมถ้วยเล็กลงไป จากนั้นก็หมุนตัวไปหาชายคนนั้นแล้วยิ้มบางๆ พร้อมเอ่ยว่า “ขอโทษครับ สมองผมได้รับการกระทบกระเทือน จำเรื่องราวหลายอย่างและคนรู้จักไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน ครั้งนี้เรามาทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้งก็น่าจะได้ใช่ไหมครับ”
เขาประเมินผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเล็กน้อย แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่มีฐานะและได้รับการอบรมมาดี ไม่ได้หล่อเหลามากมายแต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว แม้ว่าชาลส์เองก็เป็นสุภาพบุรุษ แต่ภายใต้เปลือกนอกของสุภาพบุรุษ เจ้าหมอนั่นกลับเหมือนอันธพาลมากกว่า
“นายความจำเสื่อม?” ชายหนุ่มแสดงอาการตกใจพลางจ้องมองถังเฟิงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบ่นพึมพำพร้อมรอยยิ้ม “มิน่าล่ะ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนนายดู...ไม่เหมือนเดิม”
“ถังเฟิงครับ” เขาแนะนำตัวพลางยื่นมือออกมา ไม่สนใจว่าจะคบเป็นเพื่อนได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ลดศัตรูลงไปได้คนหนึ่ง
“ซูฉี่เฉิง” ชายหนุ่มจับมือตอบ “ร่างกายแข็งแรงดีแล้วหรือยัง”
“หายดีแล้วครับ แต่ว่าสมองดูจะไม่ค่อยโอเคเท่าไร ยังดีที่แค่ความจำเสื่อมไม่ใช่สมองเสื่อม” ถังเฟิงพูดติดตลก แล้วชักมือกลับเตรียมเดินจากไป
ผู้ชายที่ชื่อซูฉี่เฉิงหัวเราะร่วนกับอารมณ์ขันของถังเฟิง แล้วถามอีกว่า “นายมาคนเดียวหรือ”
“เปล่าครับ ลู่เทียนเฉินกับชาลส์กำลังเล่นสนุกเกอร์อยู่ด้านใน”
“อ้อ” ซูฉี่เฉิงพยักหน้าให้ถังเฟิง “บังเอิญจริงๆ ฉันก็มาเล่นสนุกเกอร์เป็นเพื่อนใครบางคนเหมือนกัน”
อีกฝ่ายมากับใคร ไม่นานถังเฟิงก็ได้รู้คำตอบ เมื่อชายหนุ่มสวมชุดสีขาวทั้งชุดออกจากห้องน้ำแล้วเดินตรงเข้ามาหา แวบแรกที่มองเห็นถังเฟิงกับซูฉี่เฉิงกำลังคุยกัน สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มดึงดูดใจเช่นเดิม
“ฉี่เฉิง”
ถังเฟิงมองชายหนุ่มในชุดขาว นับว่าเป็นหนุ่มอ่อนวัยที่มีหน้าตาดีมากคนหนึ่ง เพียงแต่รูปร่างค่อนข้างผอมบางไปนิด เมื่อสวมชุดสีขาวตัวโคร่งยิ่งทำให้ดูบอบบางจนเหมือนจะต้านลมไม่อยู่ ในความคิดของถังเฟิงเขาชอบผู้ชายตัวสูงแข็งแรงมากกว่า แต่ก็มีบางคนที่ชอบคนรูปร่างบอบบางดูน่าสงสารชวนให้รู้สึกอยากปกป้อง
“เกอเฉิน” ชื่อที่ซูฉี่เฉิงเปล่งออกมาทำให้ถังเฟิงค่อนข้างเซอร์ไพรส์
นึกไม่ถึงว่าที่แท้ภูเขาน้ำแข็งอย่างลู่เทียนเฉินจะชอบหนุ่มน้อยผู้อ่อนแอบอบบาง เขายังเคยคิดว่าคนอย่างลู่เทียนเฉินน่าจะชอบคนประเภทที่ทำให้รู้สึกอยากเอาชนะเสียอีก
ไม่ใช่ว่าอิจฉาหรืออะไร ถังเฟิงแค่รู้สึกผิดหวังกับรสนิยมความงามของลู่เทียนเฉินก็เท่านั้น
“เทียนเฉินกับชาลส์ก็อยู่ด้านใน พวกเราเข้าไปร่วมวงด้วยดีไหม” ซูฉี่เฉิงเอ่ยกับเกอเฉินด้วยแววตาเป็นประกายและก้าวยาวๆ เข้าไปโอบเอวชายหนุ่มไว้
ถังเฟิงยืนจิบกาแฟแบบสบายๆ ไม่รีบร้อน ดูเหมือนซูฉี่เฉิงจะเป็นประธานบริษัทธุรกิจบันเทิงที่เป็นคู่แข่งของลู่เทียนเฉิน แต่ถึงแม้จะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ทว่าฟังจากคำพูดแล้วดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

223 ความคิดเห็น
-
#123 52hz_sweet (จากตอนที่ 5)วันที่ 28 กันยายน 2560 / 09:59อยากรู้นายเอกได้คู่กับใคร 55555#1232
-
#85 tinkerbell.n12 (จากตอนที่ 5)วันที่ 13 สิงหาคม 2560 / 22:03สนุกดีค่ะ#850
-
#33 เมย์ (จากตอนที่ 5)วันที่ 6 สิงหาคม 2560 / 17:55ชอบเรื่องนี้จัง อ่านไม่เบื่อ#330