ตอนที่ 1 : บทที่ 1
นักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลก...ไฟนส์ ถัง (Fiennes Tang) อายุสามสิบเจ็ดปี เสียชีวิตจากอาการโรคหัวใจกำเริบ
...
ถ้าเขาตายไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไรกัน
กลิ่นน้ำยาฉุนแสบจมูก กำแพงสีขาวหม่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาชีวิตนานาชนิด เครื่องช่วยหายใจ...สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับคนที่ป่วยเรื้อรังมาหลายสิบปี แต่เขาควรจะตายไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ สมองรู้สึกสับสนและทรมานเหลือเกิน
ดวงตาปิดลงอย่างช้าๆ ขณะได้ยินเสียงแว่วๆ ของพยาบาลสองสามคน
“น่าสงสารจริงๆ เป็นถึงขนาดนี้ไม่มีใครมาเยี่ยมเลยสักคน”
“ดูเหมือนเมื่อก่อนเขาเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกไอดอลกรุ๊ปที่โด่งดังมากนะ แต่ถึงจะหล่อ ก็ยังไม่ดังเท่าสมาชิกอีกคนที่ตอนนี้กลายเป็นดาราใหญ่ไปแล้ว”
เสียงของพยาบาลเหล่านั้นค่อยๆ เลือนหายไป เขาไม่เข้าใจว่าพวกเธอพูดเรื่องอะไรกัน ตั้งแต่เข้าวงการมาเขาก็แสดงภาพยนตร์อย่างเดียว ไปรวมตัวเป็นไอดอลกรุ๊ปตั้งแต่เมื่อไรกัน
เขาที่สติเลือนรางวูบหลับไปอีกครั้งทั้งที่ยังสงสัยงุนงง หลังจากนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ แต่ระหว่างนั้นเขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหลับหรือตื่นอยู่กันแน่
แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ก็คือ แม้ว่าผู้คนที่นี่ต่างเรียกเขาว่า ‘ถังเฟิง’ แต่เขากล้ายืนยันว่า ‘ถังเฟิง’ ที่คนเหล่านั้นพูดถึงไม่ใช่เขาที่ตัวเองรู้จักอย่างแน่นอน หลังจากเข้าฮอลลีวูด เขาก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อในวงการแทน
เขาที่มีอายุสามสิบเจ็ดปีแถมยังป่วยออดๆ แอดๆ ตลอดเวลา ไอ้คำว่า...วัยรุ่นร่างกายฟื้นตัวเร็ว คงเอามาใช้กับเขาไม่ได้
อีกอย่างเขาเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ ไม่ใช่ตกลงไปในทะเลแล้วความจำเสื่อมสักหน่อย
เขาเลยคิดว่า...เขาอาจจะกลายเป็นใครอีกคนไปแล้ว
การคาดเดาทั้งหมดสิ้นสุดลงในวันที่เขารู้สึกตัวเต็มที่และถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้ว
เขาขอให้พยาบาลช่วยนำกระจกมาให้ เธอมองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดโดยไม่ได้คิดอะไรมากว่า “วางใจเถอะค่ะ ใบหน้าของคุณไม่ได้รับบาดเจ็บ” เขายิ้มตอบกลับไปอย่างจนใจ แต่เธอก็ใจดีหยิบกระจกส่งให้
เขามองตัวเองในกระจก แล้วสิ่งที่คิดไว้ก็กลายเป็นจริง เขากลายเป็นคนอื่นไปแล้วจริงๆ กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามอ่อนวัย ยังดีที่ไม่ได้เป็นผู้หญิง คนที่ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมาตลอดสามสิบกว่าปี ถ้าไม่กลายเป็นคนท้อแท้สิ้นหวังกับชีวิต ก็ต้องกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเหมือนกับตัวเขาในตอนนี้นี่แหละ
ดูสิ การมีนิสัยใจกว้างเป็นเรื่องดีขนาดไหน กระทั่งเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ ยืมศพคืนวิญญาณยังยอมรับได้ง่ายๆ
“ร่างนี้เป็นโรคหัวใจหรือเปล่า ผมหมายถึง...ร่างกายผมแข็งแรงดีหรือเปล่า” เขาถามออกมาอย่างอดไม่ได้
นางพยาบาลมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจแล้วตอบว่า “คุณโชคดีมากค่ะ ถึงแม้จะตกลงไปในทะเลแล้วหมดสติไปครึ่งเดือนกว่า แต่ตอนนี้ร่างกายฟื้นตัวแล้ว สุขภาพของคุณดีมาก ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ และไม่ได้เป็นโรคอะไรเลยค่ะ” เมื่อกล่าวจบเธอก็รีบร้อนเดินออกไป เขาคิดว่าเธอน่าจะคิดว่าเขาสมองเสื่อม
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ เขาต้องขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เขาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรงเช่นนี้
ระหว่างพักฟื้นที่โรงพยาบาลถังเฟิงไม่เห็นใครมาเยี่ยมเลยแม้แต่คนเดียว ยังดีที่ในกระเป๋าข้างตัวมีข้าวของติดตัวอยู่หลายชิ้นทำให้ถังเฟิงพอจะเข้าใจสถานภาพของตัวเองในตอนนี้ขึ้นมาบ้าง ชื่อเดิมของร่างนี้ไม่ได้ชื่อถังเฟิง สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้ก็เพราะบริษัทต้นสังกัดรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของถังเฟิงมีส่วนคล้ายกับชายหนุ่มยุคโบราณของจีน แต่เมื่อดูจากบันทึกประจำวันในไอแพด ความจริงแล้วถังเฟิงคนนั้นไม่ได้ชอบชื่อนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ขอแค่ถังเฟิงคนปัจจุบันชอบก็พอแล้ว
นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วถังเฟิงยังค้นพบความลับอีกเรื่องหนึ่งจากบันทึกประจำวันด้วย
ถังเฟิงคนก่อนดูเหมือนจะหลงใหลคลั่งไคล้ผู้ชายที่ชื่อ ‘ลู่เทียนเฉิน’ อย่างหนัก ถังเฟิงเดาว่าคนที่ชื่อลู่เทียนเฉินคนนั้นน่าจะเป็นประธานบริษัทที่ตัวถังเฟิงสังกัดอยู่ ส่วนถังเฟิงที่เป็นเจ้าของเดิมของร่างนี้น่าจะแอบหลงรักเขาฝ่ายเดียว และเรื่องที่ทำให้รู้สึกเหลือเชื่อมากที่สุดก็คือในบันทึกประจำวันเมื่อไม่นานมานี้ของเจ้าของร่างนี้เขียนไว้ว่า เขาฉวยโอกาสตอนลู่เทียนเฉินดื่มเหล้าเมาแล้วล่อลวงอีกฝ่ายจนมีความสัมพันธ์กัน ขณะที่ลู่เทียนเฉินน่าจะมีคนที่ชอบอยู่อีกคนชื่อ...เกอเฉิน
นี่มันช่างเป็นความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนจริงๆ ‘ถังเฟิง’ ชอบลู่เทียนเฉิน แต่คนที่ลู่เทียนเฉินชอบกลับเป็นเกอเฉิน ดาราในสังกัดของบริษัทคู่แข่ง แล้วเกอเฉินเองก็ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับผู้บริหารในบริษัทของตัวเองอยู่ด้วย
เอาเถอะ ถึงยังไงวงการบันเทิงก็เป็นเหมือนอ่างย้อมผ้าขนาดใหญ่อันสับสนวุ่นวายอยู่แล้ว
หลังจากถังเฟิงอ่านบันทึกประจำวันของเจ้าของร่างคนเดิมจบแล้วก็พอจะเข้าใจสถานะของตัวเองได้ประมาณหนึ่ง พ่อแม่หย่าร้างกัน แม่เป็นดาราหญิงที่เสียชีวิตไปแล้ว เข้าวงการตั้งแต่เด็กโดยเป็นสมาชิกไอดอลกรุ๊ปที่โด่งดังอยู่ช่วงหนึ่ง หลังจากแยกตัวออกมาฉายเดี่ยวก็เริ่มตกอับ หลงรักประธานบริษัท หลังจากแม่เสียชีวิตก็ขาดที่พึ่ง ผลาญสมบัติอย่างไม่บันยะบันยัง แถมประธานบริษัทก็ไม่เหลียวแล
สรุปแล้วก็คือเป็นลูกดาราตกอับ ไม่มีความทะเยอทะยานและไร้อำนาจต่อรอง
นึกไม่ถึงว่าการเกิดใหม่ของเขาจะได้เป็นดาราอีกครั้ง ถึงแม้จะเป็นแค่ดาราเล็กๆ ที่เคยโด่งดังก็เถอะ
แล้ววันที่ถังเฟิงออกจากโรงพยาบาลก็ได้เจอกับผู้จัดการส่วนตัว เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างอ้วน ถังเฟิงคนก่อนไม่ชอบผู้จัดการคนนี้ ถังเฟิงคนปัจจุบันก็ไม่ชอบเช่นกัน ชายวัยกลางคนดูเป็นคนเจ้าเล่ห์ สำหรับดาราเล็กๆ ที่เคยโด่งดังและถูกประธานบริษัทละเลยแต่ยังมีสัญญาเหลืออีกสองสามปี อนาคตดูเลือนรางมาก ชายวัยกลางคนจัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่ารำคาญไม่น้อย
เขาหิ้วกระเป๋าแล้วเดินตามผู้จัดการไปขึ้นรถ
“ได้ยินหมอบอกว่านายความจำเสื่อม จำเรื่องราวหลายอย่างไม่ได้งั้นหรือ” ผู้จัดการส่วนตัวขับรถพลางถามด้วยความเย็นชา
“อืม จำได้แค่รางๆ น่ะ” ถังเฟิงพิงหน้าต่างด้านข้างชมวิวข้างทาง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผู้จัดการส่วนตัวก็เอ่ยคำพูดที่ดูมีนัยแฝงว่า “จำไม่ได้ก็ดี”
ถังเฟิงไม่คิดอะไรมาก ดูจากพฤติกรรมของถังเฟิงคนก่อนคงจะทำให้คนรอบข้างอิดหนาระอาใจพอดู แต่ถ้าพิจารณาให้ละเอียดถังเฟิงคนก่อนเป็นเด็กที่ขาดความรัก และคงหวังว่าพฤติกรรมที่ออกนอกลู่นอกทางจะสามารถเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นได้ แต่ผลลัพธ์กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม ถังเฟิงหวังว่าชาติหน้าเด็กคนนั้นจะได้ไปเกิดในครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขและอบอวลไปด้วยความรัก
ประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลังผู้จัดการส่วนตัวก็ขับรถเข้าไปในหมู่บ้านของชนชั้นสูงแห่งหนึ่ง ถังเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ลูกดาราตกอับคนหนึ่งไม่น่าจะอยู่ในคฤหาสน์ที่มีมูลค่าหลายสิบล้านได้นะ
“เมื่อหลายวันก่อนบ้านของนายถูกธนาคารยึดไปแล้ว ประธานลู่จะจัดหาหอพักของบริษัทให้นายอีกที สองสามวันนี้นายก็อยู่ที่นี่ไปก่อน” ผู้จัดการส่วนตัวลงจากรถแล้วมองถังเฟิงที่ถือกระเป๋าอยู่ด้วยสายตาซับซ้อน “ตามฉันมา”
“ที่นี่เป็นบ้านของใคร ผมอยู่ที่นี่มันจะดูไม่เหมาะสมหรือเปล่า” ถังเฟิงหิ้วกระเป๋าเดินตามหลังผู้จัดการส่วนตัวไป เขารู้สึกว่าคฤหาสน์หรูหราแบบนี้ไม่ใช่ที่ที่ลูกดาราตกอับอย่างเขาควรอยู่ แต่เรื่องราวที่เขารับรู้จากบันทึกประจำวันก็มีจำกัด จึงเดาไม่ออกว่าถังเฟิงคนก่อนมีเพื่อนฐานะร่ำรวยบ้างหรือเปล่า หรือความจริงแล้วมารดาผู้ถึงแก่กรรมไปแล้วของ ‘ถังเฟิง’ ที่ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ไม่น้อยก็อาจจะมีเพื่อนเก่าอยู่บ้างก็ได้
“นายยังถือว่าโชคดี ที่มีคนยินดีรับเลี้ยงดู” ผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยโดยไม่หันหน้ามา น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเสียดสีและดูแคลน
ต่อให้ถังเฟิงคนก่อนจะเคยทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้ แต่อย่างน้อยนายก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขานะ ท่าทางเย็นชาและการพูดจาเสียดสีแบบที่ทำอยู่ตอนนี้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีจรรยาบรรณต่ออาชีพของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว เขาตัดสินใจทันทีว่าเรื่องแรกที่เขาจะทำหลังจากเกิดใหม่ครั้งนี้ก็คือหาวิธีเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวให้จงได้
ผู้จัดการส่วนตัวกดกริ่งหน้าประตู ไม่นานก็มีคนเปิดประตูออกมาจากด้านใน คนที่มาเปิดประตูเป็นหญิงรับใช้ พวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วผู้จัดการก็เข้าไปด้านใน ถังเฟิงจึงเดินตามเข้าไป ภายในคฤหาสน์ตกแต่งอย่างหรูหรามีระดับ แสดงให้เห็นถึงรสนิยมอันเลอเลิศของเจ้าของคฤหาสน์
“คุณชาลส์เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของประธานลู่ ห้องของนายอยู่ตรงนี้ ปกติคุณชาลส์งานยุ่งมาก คงต้องรอถึงตอนเย็นนายถึงจะได้พบกับเขา” ผู้จัดการพาถังเฟิงขึ้นไปยังชั้นสองของตัวคฤหาสน์ เขาผลักเปิดประตูห้องที่อยู่สุดทางเดิน ภายในห้องมีทั้งห้องน้ำส่วนตัว โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ตู้เสื้อผ้า...ถังเฟิงรู้สึกพอใจมาก
“จำเอาไว้ อย่าสร้างความเดือดร้อนให้คุณชาลส์ นี่ไม่ใช่คำแนะนำ แต่เป็นคำเตือน” ผู้จัดการพูดทิ้งท้ายอย่างดุๆ ก่อนจากไป
ถังเฟิงรู้สึกเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าเขากับชาลส์มีความสัมพันธ์อะไรกัน หรือว่ารู้จักกันไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ตัวถังเฟิงเองรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่นิสัยดีมากหรืออย่างน้อยก็ค่อนข้างดี เขาหวังว่าคุณชาลส์ผู้ใจดีที่รับเลี้ยงดูเขาไว้จะไม่มีอคติกับ ‘ถังเฟิง’ มากนัก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

223 ความคิดเห็น
-
#181 sinnavong (จากตอนที่ 1)วันที่ 23 เมษายน 2561 / 12:41โฮ่~~ทำไมเราเพิ่งมาเห็นเรื่องนี้#1810
-
#128 xxbossxx (จากตอนที่ 1)วันที่ 2 ตุลาคม 2560 / 02:43แปลทื่อไปหน่อยนึง แต่ก็โอเคค่ะ เารอมานานมาก อยากรู้ตอนจบ#1280
-
#104 Chëetαн´ (จากตอนที่ 1)วันที่ 27 สิงหาคม 2560 / 17:06นึกถึงสำนวนแปลคนก่อนเลย..แบบลื่นไหนมาก อันนี้เป็นทางการไปหน่อย แต่ก็สนุกดีค่ะ จะเก็บตังเปย์นะคะ#1040
-
#76 paezaaa59 (จากตอนที่ 1)วันที่ 11 สิงหาคม 2560 / 01:34เคยอ่านที่มีคนเอาเรื่องนี้มาแปล ซึ่งสำนวนของเค้ารู้สึกอ่านสนุกกว่านี้อ่ะ อันนี้ให้ความรู้สึกแบบเบื่อๆไปเลยอ่ะ แต่เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ#762
-
#29 นามข้านั้นสำคัญ (จากตอนที่ 1)วันที่ 6 สิงหาคม 2560 / 15:35น้ำตาไหล เหมือนโดนชุบชีวิตอีกครั้ง ดีใจกับการกลับมาในครั้งนี้มากค่ะ#290
-
#16 Sweet Time (จากตอนที่ 1)วันที่ 6 สิงหาคม 2560 / 00:25ในที่สุด ก็จะออกเล่มแล้วววววววว หลังจากรอมานาน#160
-
#4 ปิ่นนะคุคุ (จากตอนที่ 1)วันที่ 5 สิงหาคม 2560 / 17:54'จำได้รางๆ' หรือ 'จำได้ลางๆ' คะ อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่อ่านแล้วตงิดๆ#41
-
#4-1 ฮ่อยจ๊อ(จากตอนที่ 1)18 สิงหาคม 2560 / 20:59น่าจะรางๆนะคะ มาจากคำว่าเลือนราง#4-1
-
-
#2 riva0 (จากตอนที่ 1)วันที่ 5 สิงหาคม 2560 / 16:39อืม อึมครืม#20