คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #71 : Wednesday : ความลับของอัครา
REALITY SEASON 7
ตอน : ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร
“WEEK 3”
หลังอาหารมื้อเย็นนั้นผ่านพ้นไปด้วยฝีมือการทำอาหารที่กึ่งสุกกึ่งดิบของยะหยา พวกเขาจึงแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองโดยที่ไม่มีใครได้เข้ามาเกาะกลุ่มกันหรือออกไปนอกปราสาทเลย วันนี้สายลมค่อนข้างโบกสะบัดออกมาอย่างน่ากลัว ใบไม้และต้นไม้ด้านนอกพัดปลิวไสวและส่งเสียงเสียดสีกับเสียงของลมจนเกิดเสียงแหลมคล้ายเสียงกรีดร้องของคนมากมายที่แสนจะทรมาน
เด็กสาวแยกตัวมาที่ห้องดนตรีของปราสาทปักษาธร เสียงเพลงจากแผ่นเสียงดังคลอเบา ๆ ทำให้เด็กสาวรู้สึกสบายและสามารถใช้ความคิดได้มากมายในหัวสมองที่แล่นอยู่ เธอหยิบกระดาษที่แสกนเป็นรูปปกซีดีออกมาจากอัลบั้มของนักดนตรีชื่อดังคนหนึ่งก่อนที่จะกางหน้าว่างออก มือขวาคว้าปากกาที่เหน็บกางเกงไว้อย่างชำนาญก่อนที่จะเริ่มร่ายแผนที่ที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้ ....
คืนนี้เวลาสี่ทุ่มเป็นคืนที่กลุ่มผู้กล้าหลายกลุ่มจะออกมาแหกกฎปละพิสูจน์เรื่องราวของกติกาต้องห้าม พวกเขาเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีที่มาที่ไปเป็นแน่
“มันน่าสงสัยจริง ๆ” อลิซพ่นลมหายใจออกมาก่อนที่จะนั่งอยู่กับที่ เพื่อคิดถึงอะไรมากมายที่เธออาจคิดว่าจะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
ทางด้านของมิ้วเอง เธอตกลงกับอิซะไว้ว่าในวันนี้เธอและเขาจะออกมาพิสูจน์เรื่องราวนี้กันสองคน เธอจำเป็นต้องหาข้อมูลมากมายเพื่อใช้เป็นข้อมูลเก็บไว้ในสมองที่แสนจะอัจฉริยะนั้น เธอปลีกตัวมาหลังจากที่ทานมื้อเย็น เดินวนเวียนใช้ความคิดอยู่บนห้องนอน หากสายตาของเธอกลับเหลือเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่นอกสนามหญ้า
อัครากำลังโทรศัพท์หาใครบางคนอยู่!
“อัครา ...” นั่นคือตัวช่วยที่จะเก็บข้อมูลได้ดี เธอรีบวิ่งออกมาเพื่อตรงไปหาอัคราที่กำลังจะเดินไปอีกทางของปราสาทเพื่อตรวจความเรียบร้อยที่เกิดขึ้น
“อัครา!” ชายหนุ่มหยุดก้าวเท้า เขาหันมามองยังต้นเสียงที่เรียกเมื่อครู่ มิ้ววิ่งมายืนอยู่ข้าง ๆ
“จะไปไหนหรือคะ ...”
“ผมจะออกตรวจตรารอบๆ เสียหน่อย ... จะไปด้วยกันไหม?” อัครายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ริยยิ้มที่ออกมาจากมุมปากเริ่มปรากฏขึ้นเล็ก ๆ เธอตกลงตามเขาไปเพื่อหาคำตอบที่เธอและคนอื่น ๆ ก็สงสัยอยู่
ขณะนี้เป็นเวลาสองทุ่มสิบห้านาที อีกไม่กี่ชั่วโมง กฎเหล็กของปราสาทกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนี้ เธอจึงพยายามที่จะจำเป็นจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลจากอัคราให้ได้มากที่สุด
“ทำไมวีคนี้ถึงไม่มีภารกิจให้พวกเราทำล่ะคะ ....” อัครารู้สึกตกใจเมื่อเด็กสาวถามขึ้นท่ามกลางสายลมที่เริ่มจะเย็นสบายขึ้น เขาขยับแว่นก่อนที่จะหันมามองหน้า
“ผมเห็นว่าคุณเป็นหัวหน้าราชวงศ์ในวีคนี้ ... ผมว่าคุณควรจะรู้ ...” เขามองหน้าของเด็กสาวที่ต้องการจะเค้นเอาคำตอบจากปากของชายหนุ่มด้วยวิธีที่แยบยลและแนบเนียนจนเขาไม่ทันได้สังเกตว่าเด็กสาวกำลังจะพยายามเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอาไว้
อัคราตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังและให้เธอรับปากกับเขาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร
“ชนาธิป ... ผู้ช่วยผู้กำกับภาพมือหนึ่งของรายการเรา ... หากตัวไปจากรถ OB เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ....” นั่นคือประโยคสั้น ๆ ที่หลุดลอยออกมาจากปากของเขา
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในค่ำคืนของวันอาทิตย์ หลังจากที่อัคราและทีมงานคนอื่นกำลังง่วนอยู่กับการคิดถึงภารกิจในสัปดาห์ที่สามนี้ ช่างภาพและฝ่ายอื่น ๆ ถูกเรียกประชุมใหญ่ที่สำนักงานของรายการทีวีเรียลลิตี้ เขาจึงปล่อยให้ชนาธิปอยู่คนเดียวเพื่อให้ควบคุมดูภาพและดูแลเรื่องความปลอดภัยต่าง ๆ ในขณะที่พวกเขาไม่อยู่ที่นี่
เพียงสามชั่วโมงเท่านั้นทุกอย่างก็เกิดเรื่อง ....
ในระหว่างการประชุมที่แสนวุ่นวายของคนในรายการ ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียด จะมีเพียงก็แต่ชนาธิปคนเดียวที่เฝ้าอยู่ที่ปักษาธรอย่างสบายอารมณ์ เขาซดมาม่าคัพอย่างเอร็ดอร่อยก่อนที่จะคว้าไฟฉายออกไปตรวจตราภายในปราสาทของปักาธรเพียงลำพัง
เขาเดินฟังเครื่องเล่นเอ็มพีสามอย่างมีความสุข ในมือก็ยังคงถือแก้วน้ำที่เขากินค้างไว้มาด้วย จนกระทั่งเวลาห้าทุ่มแล้ว พวกของอัครากลับมาพอดีปรากฏว่าที่รถ OB ที่มีไว้ดูภาพผ่านกล้องวงจรปิดนั้นเปิดอ้าถึงไว้
ไม่มีใครอยู่บนรถสีขาวคันนั้น
“ไอ้ธิปมันหายหัวไปไหนวะ!” พิชัย ผู้กำกับภาพวัยกลางคนเดินกลับเข้ามาในรถพบว่าชนาธิป ผู้ช่วยฝีมือดีของเขาไม่เอยู่บนรถ มีเพียงมาม่าคัพที่ยังคงกินเหลือไว้ เขาคิดในใจว่าจะต้องต่อว่าลูกน้องของเขาเสียหน่อยที่ไปไหนมาไหนตามใจชอบและไม่ยอมล็อครถเอาไว้ ทรัพย์สินของรายการที่มีค่ามากมายยังอยู่ครบ ถ้าหายไปล่ะก็ เขาซวยแน่ ๆ
เวลาผ่านจนเกือบจะตีหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววการปรากฏตัวของผู้ช่วยช่างภาพคนนั้นเลย เขาเริ่มเป็นห่วงจึงบอกกับทางทีมงานและช่วยกันออกตามหา อัคราเองก็ช่วยอีกแรงถึงแม้ว่าเขาจะไม่เกี่ยวข้องก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครเห็นหรือได้เจอชนาธิปเลย คนในทีมงานจึงบอกกับพิชัยให้ลองตรวจสอบการหายตัวไปของชนาธิป ...
ผ่านกล้องวงจรปิดที่อยู่ในปราสาท
พิชัยและอัคราตรงไปยังรถ OB ก่อนที่จะเริ่มเปิดบันทึกในช่วงที่เขาไม่ได้อยู่และปล่อยให้ชนาธิปอยู่เพียงคนเดียว ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฉายผ่านทีวีทางด้านขวาบนปรากฏร่างของชนาธิปที่เดินถือไฟฉายพร้อมแก้วน้ำหนึ่งใบ เขาเดินสำรวจปราสาทของปักษาธรจนไปถึงที่ทางเดินชั้นสอง ระหว่างทางเดินของห้องนอนชายและหญิง ภาพนั้นทำให้อัคราและพิชัยมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ภาพนั้นปรากฏร่างของชนาธิปที่เดินเข้าไปในมุมมืดของทางเดินนั้น เวลาผ่านไปราวสามสิบนาที เขาก็ยังไม่เดินกลับออกมาจากมุมมืดที่อับแสงนั้น
เขาโดนความมืดกลืนกินหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ทั้งสองไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันไม่มีเรื่องราวที่สามารถอธิบายได้เลยสักอย่างกับเรื่องที่เหนือธรรมชาติแบบนี้ พิชัยเพิ่งเคยเห็นเหตุการณ์ลึกลับนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาเกิดมาห้าสิบปี อัคราเองก็เช่นกัน สายตาของเขาเหลือบไปมองเวลาที่ปรากฏอยู่ที่มุมขวาของหน้าจอ
22:02:43 น.
“ตอนเช้าผมรีบไปที่ทางเดินนั้นก่อนที่พวกคุณจะตื่น”
“แล้วเจออะไรไหม?” มิ้วถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร ... นอกจากกำแพงที่ขวางทางเอาไว้เท่านั้น” เขาเสียงสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว มิ้วเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าจะมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบนี้เกิดขึ้นบนโลกด้วย อัคราเองก้มมองนาฬิกาข้อมือ เข็มชี้ไปที่เวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว เป็นเวลาที่มิ้วจะต้องเข้าห้องนอนก่อนเวลา
“ฉันเข้าใจ ... ฉันไปแล้วนะคะ” เธอพูดอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในปราสาทแห่งปักษาธรอย่างเงียบ ๆ รอยยิ้มเริ่มผุดออกมาทันทีที่เธอคลาดกับอัครา สายตาแหงนมองดวงจันทร์ที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้านั้น
พระจันทร์เริ่มค่อย ๆ เป็นสีเทาเหลือบดำเพราะเมฆเริ่มมากขึ้น เธอมองไปยังโถงที่ไร้ผู้คนก่อนที่จะเปรยออกมาคนเดียว
“หายไปจากกำแพง ....เรื่องแบบนี้มีอยู่สิ่งเดียวที่ทำได้สินะ ...” สายตามองจ้องไปยังรูปภาพที่แขวนอยู่บนผนังโบราณ
“ฝีมือของพวกคุณสินะ ...”
ภาพของนภางค์ โจเซฟ และรัมภา รูปครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นแต่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดก่อนที่หมดลมหายใจ เธอประสานสายตาเข้ากับรัมภาที่อยู่ในกรอบรูปเลี่ยมทองนั้น
ราวกับว่ารัมภากำลังจ้องมองเธอกลับมาด้วยแววตาที่แสนจะน่ากลัว
ความคิดเห็น