ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 5 .: อาถรรพ์หมู่บ้านน้ำค้าง :. [จบเกม!]

    ลำดับตอนที่ #90 : Day 2 .:: คนนอก ::.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 265
      1
      16 พ.ย. 53

    THe REALITy 5


    [WEEK 6 :: DAYS 2]


     

    ภารกิจในการแข่งขันในสัปดาห์ที่หกคือการนำอวัยวะซึ่งประกอบไปด้วยลูกตาสองดวง แขนซ้าย แขนขวา ขาซ้ายและขาขวา เพื่อนำเอาชิ้นส่วนนั้นไปประกอบเข้ากับร่างของมนุษย์ที่ประจำที่อยู่ด้านข้างของป่าสน เพื่อให้ไฟฟ้าของรถไฟใต้ดินกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

     

    “เพิ่งรู้แฮะว่าที่นี่มีรถไฟใต้ดินกับเขาเหมือนกัน” ดัฟพูดห้วน ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ม้วนแผนที่เพื่อส่งคืนให้กับฌอร์น

     

    ตอนนี้พวกเขาทั้งห้าคนกำลังเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อจะไปยังสถานที่ในการแข่งขันภารกิจ วันนี้ท้องฟ้ากลับดูสดใสและปลอดโปร่งมากในสายตาของพวกเขาทั้งห้าคน ถึงแม้ว่าแสงแดดจะส่องเข้าไม่ถึงเท่าที่ควรก็ตามทีเถอะ

     

    “คงจะดีกว่ารถไฟใต้ดินแถวสยามล่ะมั้งเนอะ!” เก๋เก๋พูดเชิงประชดประชันก่อนที่จะแสบลิ้นชอบใจตามแบบฉบับคนที่ร่าเริงและสนุกสนาน

     

    “ฉันเตรียมอาหารไว้ให้ทุกคนและ ปิคนิคเที่ยวนี้สนุกแน่” นกยูงพูดก่อนที่จะส่งแซนด์วิชให้เพื่อน ๆ อย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำ ทุกคนรับมันมาก่อนที่จะยิ้มให้ แต่คนที่ยิ้มและดูมีความสุขเป็นพิเศษมากกว่าใคร ๆ คงไม่พ้นฌอร์น

     

    ชั่วโมงนี้เป็นชั้วโมงแห่งความรัก ทั้งสองคนได้แต่มองตากันก่อนที่จะหลบหน้าไปทางอื่นด้วยความเขินอาย ตาลเดินมาสะกิดเพื่อนสาวเบา ๆ

     

    “หวานกันจริงเลยน้า คนพวกนี้นี่ อิจฉา ๆ ๆ ” เธอกระแซะเอวของนกยูง เธอรีบปัดหน้าออกไปทางอื่นด้วยความเขิยอาย ไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเลย

     

    “ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเล้ยยยย” ดัฟชูสองนิ้วก่อนที่จะเปล่งพลัง เขาคงตื่นเต้นมากกับภารกิจที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

     

    พวกเขาทั้งหมดหันมามองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ ตอนนี้พวกเขากำลังจะออกเดินทางไปยังเหมืองใต้ดินของภารกิจในสัปดาห์นี้กันแล้ว

     

    สายลมเริ่มพัดเอื่อย ๆ อย่างสบายใจ ประกอบกับเสียงนกที่ร้องทักทายผู้มาเยือนทั้งห้าคน น้ำในลำธารยังคงไหลไปเรื่อย ๆ ตามวิถีของธรรมชาติที่สร้างขึ้น กล้องวงจรปิดหลาย ๆ ตัวต่างก็พยายามจับภาพและสังเกตุพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของบรรดาผู้เล่นเกมที่เหลือรอดอยู่ทั้งห้าคน

     

    ดัฟและเก๋เก๋เดินคุยกันถึงเรื่องภารกิจต่าง ๆ ที่ผ่านมาในรอบหลายสัปดาห์ ส่วนตาลนั้นก็เดินไล่หลังสองหนุ่มมาติด ๆ อีกมือก็ถือลูกประคำก่อนที่จะมองไปรอบ ๆ เพื่อดูความผิดปกติของพลังงานลึกลับนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูไร้สาระไปบ้าง แต่อย่างน้อยพลังงานเหล่านั้นก็ยังมีประโยชน์กับเธอและเพื่อน ๆ บ้าง อีกสองหนุ่มสาวที่เหลือก็เดินรั้งท้ายกลุ่มมา โดยที่มือซ้ายของฌอร์นถือกล่องโฟมแช่แข็งอวัยวะมา อีกมือหนึ่งก็จับที่แขนของแฟนสาวเบา ๆ นกยูงได้แต่มองหน้าของฌอร์นก่อนที่แก้มจะกลายเป็นสีแดงระเรื่อ

     

    “ภารกิจในสัปดาห์นี้ดูท่าจะสบายกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย ... ” นกยูงเริ่มการสนทนาเปิดประเด็นเป็นคนแรก

     

    “ผมว่าไม่หรอก ...”

     

    “บางทีพวกพี่พี่อาจจะใจดีให้เรารีแล็คบ้างก็ได้ ... นายอ่าคิดมากไปหรือเปล่า?” นกยูงมองหน้าของแฟนหนุ่มอีกครั้งก่อนที่จะเสยผมของเขาที่ลงมาปรกหน้า

     

    “ในเกมนี้ .. ไม่มีอะไรผ่อนคลายสำหรับพวกเราสองคนและก็คนอื่น ๆ หรอก ...”

     

    “นายกำลังจะหมายความว่า ....” เธอเลิกคิ้ว

     

    “เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่แสนจะยากเย็นรอคอยเราอยู่ที่ปลายทางนี่แน่ ๆ” เขาพูดก่อนที่จะหยุดเดิน มองดูเส้นทางที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่กิโลเมตรข้างหน้านี้

     

    “คิดมากน่า นกยูงว่าไม่มีอะไรหรอก รีบเดินกันดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันเพื่อน ๆ!” เธอรีบลากแขนของชายหนุ่มก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเพื่อไปสมทบกับเพื่อน ๆ ที่กำลังจะถึงที่หมายแล้ว

     

    เวลานี้เริ่มเข้ามาเป็นเวลาเที่ยงแล้ว พวกเขายังเหลืออีกไม่มากนักก็จะถึงที่หมายที่พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอเอาไว้

     

    “เหนื่อย พักก่อนได้ไหม” ดัฟพูดก่อนที่จะนั่งลงใต้ต้นไม้ ไม่ได้ฟังเสียงของเพื่อนเลย

     

    พวกเขามองหน้ากันก่อนที่จะตัดสินใจพักกลางทางเพื่อทานอาหารกลางวัน ไม่มีอาร์มแล้วดูเหงา ๆ ยังไงชอบกล

     

    เหมือนกลับว่าไม่มีผู้นำที่คอยสั่งพวกเขาให้ทำตามอย่างเป็นระบบเหมือนแต่ก่อนเลย!!

     

    “แซนด์วิชที่รอคอย” ดัฟพูดก่อนที่จะหยิบของว่างออกมาจากกระเป๋าเป้ใบเล็ก เขาโซ้ยขนมปังอย่างไม่รีรอพร้อมกับนมกล่องที่ติดกระเป๋ามาพร้อมกับขนมปัง

     

    แสงแดดเริ่มสาดแรงขึ้นบนท้องฟ้า หากแต่ที่พื้นดินรอบ ๆ บริเวณของหมู่บ้านน้ำค้างกลับเย็นยะเยือกเหมือนพวกเขาทั้งหมดอยู่คนละที่กับความเป็นจริงที่ปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้

     

    “หิวยัง?” ฌอร์นหันมาถามเด็กสาวที่นั่งปาดเหงื่อที่ตกอยู่บนใบหน้า เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเงื่อที่ชุ่มไปเต็มหน้าของแฟนสาว

     

    “ไม่เท่าไรหรอก” เธอพูดก่อนที่จะเก็บแซนด์วิชไว้ในกระเป๋า

     

    ตาลกับเก๋เก๋มองดูคู่นี้ก็อดอิจฉาไม่ได้ พวกเขาทั้งสองพยายามนั่งนึกอะไรเล่น ๆ .. ตรงที่ว่าทุกซีซั่นต้องมีคนที่เป็นคู่รักกันมาตลอด พวกเขาลองนั่งนับดูว่าซีซั่นหลาย ๆ ซีซั่นที่ผ่านมา มีคู่ไหนที่สมหวังบ้าง

     

    “พี่สากับพี่ไคกิ” ตาลเริ่มก่อน

     

    “กุญแจซอลกับกฤต”

     

    “มีใครอีกน้า?” ตาลพยายามนึกถึงชื่อคู่รักที่กำลังมาแรงในแต่ละซีซั่น

     

    สายตอของเธอมองขึ้นฟ้าบ้าง ลงพื้นบ้างเพื่อใช้ความคิด ในตอนนั้นเองที่เธอเห็นอะไรบางอย่างที่พื้นไม่ไกลจากที่พวกเขาทั้งหมดใช้เป็นที่พักชั่วคราว

     

    “.............”

     

    “คิดไม่ออกล่ะสิยัยตาล ...”

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้น ..” เธอเสียงสั่นกระตุกแขนเสื้อของเก๋เก๋เพื่อให้เขาได้รับรู้ว่าเธอเห็นอะไร

     

    “อย่าบอกนะว่าแกเห็นผีอีกแล้ว” คราวนี้เก๋เก๋เขยิบมาใกล้เพื่อนสาวให้มากขึ้น

     

    “มากกว่าผีอีก” เธอพูดก่อนที่จะชี้ไปที่พื้น

     

    พื้นโดยรอบเป็นเหมือนกับสนามหญ้าที่เต็มไปด้วยหญ้าที่เขียวขจีและน่าพักผ่อนเป็นไหน ๆ หากแต่ว่าตอนนี้ พวกเขาทั้งสองกลับเห็นอะไรบางอย่างที่แซมมากับสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้านั้น

     

    “กรี๊ดดดดดดดด!!!” เก๋เก๋ร้องเสียงหลง กระโดดเกาะตาลเอาไว้แน่น

     

    “เสียงยัยเก๋เก้ง ...” นกยูงหันมามองหน้าแฟนหนุ่มก่อนที่จะรีบลุกขึ้นตามเสียงร้องที่ไม่ไกลนักไปเท่าไร

     

    “เกิดอะไรน่ะ” ดัฟที่มาที่นี่เป็นคนแรกจ้องหน้าของทั้งสองเป้นการใหญ่

     

    “ดูที่พื้นสิ!” ตาลชี้ไปให้ดูบางอย่างที่อยู่ที่พื้น

     

    ท่ามกลางสีเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าแล้ว นอกจากนั้นยังมีสีขุ่น ๆ เข้ม ๆ ของอะไรบางอย่างที่ตัดกับเฉกของสีเขียวได้เป็นอย่างดี ฌอร์นที่เป็นนักศึกษาแพทย์ก้มลงที่พื้นก่อนที่จะเอานิ้วชี้ของเขาแตะลงบนรอยนั้น

     

    สีนั้นเปื้อนมือของเขามา เขาค่อย ๆ สูดเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห้นนั้นจะใช่ที่พวกเขาทั้งหมดคิดไว้หรือเปล่า

     

    “เลือด ....” คำตอบสั้น ๆ หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มจนผู้พูดเองก็เกือบจะเป้นลมเหมือนกัน เพราเขาเองก็ไม่ค่อยสันทัดกับกลิ่นเลือดซักเท่าไร

     

    นกยูงรีบหยิบยาดมออกมาจากกระเป๋าก่อนที่จะส่งให้เขา เขารีบรับมาสูดดมเพื่อกลบกลิ่นคาวเลือดที่แตะจมูกไปทั่ว

     

    “เลือดของใครกันนะ!” ตาลไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

     

    “ดูท่าว่ามันเพิ่งเกิดรอยนี้ได้ไม่นาน เพราะกลิ่นของมันยังสด ๆ เหมือนเพิ่งถูกกรีดมาเมื่อกี้นี่เอง ...” เขาพูดในขณะที่มือเขายังสูดดมกลิ่นของพิมเสนนั้น

     

    “แล้วใครทำล่ะนั่น” ดัฟพูดก่อนที่จะเริ่มมองรอยเลือดที่ทอดยาวไปตามทางข้างหน้า ...

     

    “ถ้างั้นเราไปต่อเถอะ จะได้รู้สุกทีว่าสิ่งที่ว่านั้นคืออะไร ...” นกยูงพูดอย่างมั่นใจก่อนที่จะเดินตรงไปตามรอยเลือดพร้อมกับเพื่อน ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นมันคืออะไรกันแน่

     

    เสียงเท้าย่ำกับพื้นหญ้าและใบไม้แห้งจนดังเสียดสีกันจนน่าขนลุก ไม่นานนักสิ่งที่พวกเขาค้นหสก็ถูกค้นพบ

     

    ลานที่เต็มไปด้วยร่างของมนุษย์ที่ถูกสตาฟไว้ราวกับว่าเป็นหุ่นบังคับเครื่องยนต์ ด้านหน้าของพวกเขาปรากฏสิ่งที่พวกเขารอคำตอบมานานแสนนาน

     

    “หยี!” เก๋เก๋หลับตาปี๋ ไม่อยากมองดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

     

    รอยเลือดมากมายปรากฏอยู่ที่ลานใส่อวัยวะ รอยเลือดที่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ซากแกะและซากวัวนอนแน่นิ่งกันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ นี่คงเป็นที่มาของรอยเลือดที่พวกเขาตามหาอยู่ ดัฟและตาลสูดลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวก่อนที่จะค่อย ๆ ยกลังมาและต่ออวัยวะที่หุ่นตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างรางรถไฟ

     

    “ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กันนะ” นกยูงมองอย่างหวาด ๆ

     

    “หรือว่า ...” เก๋เก๋อ้าปากค้าง

     

    “หรือว่าไรอ่ะ” ดัฟรีบพูดเพื่อขอคำตอบจากปากของเขา

     

    “นอกจากพวกเราที่เป็นผู้แข่งขันแล้ว ... ยังมีคนนอกคนอื่นที่แอบเข้ามาที่นี่ .....” คำพูดของเก๋เก๋ทำให้ทุกคนมองหน้ากัน

     

    หรือบางทีมันอาจจะจริงอย่างที่เขาพูดก็ได้ ...

     

    อาจจะมีคนนอกที่แอบแฝงเข้ามาในรายการเพื่อต้องการอะไรบางอย่างแน่ ๆ!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×