ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 5 .: อาถรรพ์หมู่บ้านน้ำค้าง :. [จบเกม!]

    ลำดับตอนที่ #69 : Day 1 .:: เด็กสาวผู้มองเห็นวิญญาณ ::.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 302
      0
      1 พ.ย. 53

    THe REALITy 5


    [WEEK 4 :: DAYS 6]


     

    พระอาทิตย์ดวงโตโผล่ขึ้นท้องฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่ว่าแสงสว่างจากดวงอาทิตย์กลับไม่โผล่ลอดเข้ามายังป่าทึบแห่งนี้เลย หมู่บ้านน้ำค้างยังคงไร้ซึ้งแสงแดดแต่ต้นไม้นานาพรรณกลับเจริญเติบโตอย่างน่าแปลกประหลาด

     

    ติ๊ด ... ติ๊ด ...

     

    เสียงมือเรียวยาวที่นั่งกดปุ่มเลื่อนดูภาพดังอยู่ภายในห้อง เด็กสาวโบฮีเมี่ยนผู้มองเห็นวิญญาณนั่งกดดูรูปภาพ ฝีมือการถ่ายที่ลวก ๆ ของรันเวย์ที่เพิ่งจบชีวิตลงไปเมื่อวันเสาร์ เธอเป็นคนที่ฝากฝังกล้อง DSLR ไว้ที่เธอ เผื่อว่าอุปกรณ์ของเธอจะพอเป็นประโยชน์ในการทำภารกิจได้

     

    ขณะที่เธอกำลังเลื่อนดูภาพหนึ่งนั้น สายตาของเธอไปสะดุดกับภาพประหลาดภาพสุดท้ายของกล้อง

     

    การถ่ายภาพรวมหมู่ 8 คนสุดท้ายของรายการเรียลลิตี้สุดสยองขวัญนี้ ..

     

    “ฮึกกกกก!” เด็กสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่

     

    ถึงแม้ว่าเธอจะเคยมองเห็นวิญญาณมานักต่อนักแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยมานั่งดูภาพถ่ายวิญญาณแบบจริงจัง ๆ ขนาดนี้

     

    ภาพของเพื่อน ๆ ที่ถ่ายรูปร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เด็กสาวที่ฉีกยิ้มหวานในภาพจะต้องจีวิตลงบนแท่นบูชายัญด้วยไม้ปลายแหลม ... ภาพการตายของเธอยังคงติดตรึงตราอยู่ในหัว หนำซ้ำภาพนี้

     

    หัวของรันเวย์กลับหายไปด้วยซ้ำ!

     

    “ภาพถ่ายบอกลางร้ายหรือเนี่ย ....” เหงื่อเริ่มผุดออกมาบนใบหน้าของหญิงสาว เธอรีบปิดกล้องและวางไว้บนเตียงเก่าของพิม ตอนนี้รอบ ๆ ตัวเธอเริ่มสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่คอยจ้องมองเธอจากทุกทิศ จากทุกที่ที่เธอก้าวเดิน

     

    กึก .. กึก .. กึก

     

    เสียงฝีเท้าประหลาดค่อย ๆ ก้าวเดินขึ้นบันใดมาอย่างช้า ๆ เสียงนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เธอมองตามเสียงนั้นตลอดการก้าวเท้าของบุคคลลึกลับ

     

    และแล้ว เสียงนั้นก็หยุดลง ...

     

    ที่หน้าประตูห้องของเธอ!!

     

    สายตาของเธอจับจ้องไปยังลูกบิดประตูที่อยู่ตรงหน้าเธอ ... ถ้าเป็นได้ เธอไม่อยากจะติดต่อสื่อสารกับวิญญาณเลยแม้แต่น้อย ความสามารถที่น่ากลัวแบบนี้ เธอไม่อยากได้มันเลยแม้แต่น้อย

     

    แก๊ก .... เอี๊ยดดดดด!

     

    ลูกบิดประตูและเสียงประตูเปิดเกิดขึ้นพร้อมกัน เด็กสาวจ้องมองผู้มาเยือนเจ้าของฝีเท้าน่ากลัวนั้น ....

     

    “ตาล ... กินข้าวได้แล้ว” เสียงบุคคลลึกลับที่เธอจ้องมองมานาน เริ่มส่งเสียงทักทาย พลันทำสีหน้าประหลาดใจที่เด็กสาวจ้องมองมาแปลกๆ

     

    “อ ... โอเค ๆ เดี๋ยวตาลจะลงไปนะดัฟ” ตาลถอนหายใจ พลันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาตามผิวหนัง

     

    ดัฟเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากรีบเดินลงไปข้างล่างอย่างเร็ว ....

     

    บนโต๊ะอาหาร เก๋เก๋และเกมส์กำลังนั่งจัดสำรับอาหารสำหรับเพื่อน ๆ มื้อเช้าในวันนี้คือผัดผักรวมมิตรและต้มจืด เสบียงที่ได้มาในอาทิตย์เพียงพอที่จะทำอาหารได้หลาย ๆ มื้อ เรียกได้ว่าอยู่ได้ตลอดการแข่งขันเลยก็ว่าได้

     

    “เป็นไรไปดัฟ เห็นผีเหรอ?” อาร์มหันมาไปมองดัฟที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งจนแทบจะกระโดดลงมาจากบันใดมาถึงโต๊ะอาหารเลย

     

    “ยิ่งกว่าผีอีก ....” ดัฟพูดพรางปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก

     

    “ยิ่งกว่าผี ... แล้วมันอะไรอ่ะ” คราวนี้นกยูงหันไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นบ้าง

     

    ดัฟกลืนน้ำลายจนได้ยินเสียงอย่างชัดเจน เขาหันมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะพูดอย่างช้า ๆ และเบาที่สุด

     

    “ฉัน ... ฉันว่าตาล ... ทำตัวแปลก ๆ” เขาบอกเพื่อน ๆ ก่อนที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่เขาเจอเมื่อครู่ให้ฟัง

     

    “ตาลเนี่ยนะทำหน้าตาพิลึก ... แกก็รู้นี่ว่าตาลเขาเป็นพวกมองเห็นวิญญาณ บางที .... เธออาจจะนึกว่าแกเป็นวิญญาณก็ได้นะ” อาร์มพูดติดตลก พวกสาว ๆ ต่างเออ ออรับคำของเขา

     

    “อาจจะจริงอย่างที่อาร์มพูดก็ได้นะ แต่ถ้าเธอมีความผิดปกติทางสมองจริง ๆ ผมว่าเราควรจะคอย ๆสังเกตพฤติกรรมของเธอนะ ผมบอกตรงๆ บางทีผมก็แอบหวั่น ๆ ก็พลังพิเศษของเธอเหมือนกัน” ฌอร์นพูดก่อนที่จะตักข้าวเข้าปาก

     

    ตั้งแต่เขากลับมาจากภารกิจล่องเรืออารมณ์กับพวกหนุ่ม ๆ ทำให้เขาเปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียว จากคนที่แข็งกร้าวก็เริ่มอ่อนข้อลง แต่ใครจะรู้ว่าอารมณ์ที่แท้จริงของเขาจะเริ่มออกอาละวาดอีกเมื่อไร

     

    “นี่หนุ่ม ๆ พูดถึงยัยนั่นเหมือนกับเธอเป็นพวก x-men ยังงั้นแน่ะ บ้ากันไปใหญ่แล้ว ยังไงเค้าก็เป็นเพื่อนพวกเรานะ” เก๋เก๋แย้งเพื่อลบอคติของเพื่อน ๆ

     

    “ไม่แปลกหรอกที่คนอื่นจะมองตาลเป็นตัวประหลาด ...” เสียงที่ดังอยู่ด้านหลังของดัฟทำให้เขาสะดุ้งและกระโดดเกาะอาร์มในบัดดล

     

    ตาลมองหน้าของเพื่อน ๆ พลันส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ ... โดยพูดถึงแบบนี้คงเสียความรู้สึกเหมือนกันนะ!

     

    “ตาล ... กินข้าวกัน เกมส์ทำกับข้าวอร่อย ๆ ไว้เต็มเลย” เกมส์พูดก่อนที่จะรีบดึงมือตาลไปที่เก้าอี้ แต่จู่ ๆ ตาลกลับยืนนิ่ง

     

    “ไม่กินข้าวเหรอตาล” นกยูงรีบทัก

     

    “ฉันนั่งเก้าอี้ตัวนี้ไม่ได้น่ะ ... คือ ...” ตาลมองหน้านกยูงสลับกับเก๋เก๋

     

    “มีอะไรเหรอ?” อาร์มเลิกคิ้ว

     

    “เวย์นั่งอยู่!

     

    สิ้นประโยคของเพื่อนสาว เก๋เก๋และดัฟที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะที่ว่างเปล่านั้นถึงกับสะดุ้งตัวโก่ง เก๋เก๋หันไปเกาะแขนของนกยูงแน่น ส่วนดัฟน่ะเหรอ

     

    มุดใต้โต๊ะเรียบร้อยแล้ว ....

     

    “ตาล ... รันเวย์นั่งอยู่จริง ๆ เหรอ” อาร์มมองหน้าของสาวน้อยโบฮีเมี่ยนเลิกลั่ก พลันมองไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่าตัวนั้นด้วย

     

    “ตาลไม่ได้อยากจะทำให้พวกเธอกลัวนะ แต่ตาลเห็นจริง ๆ ....” เธอเสียงสั่นก่อนที่จะมองหน้าของเพื่อน ๆ

     

    “ไม่ทันแล้วล่ะ เธอทำให้พวกเรากลัวไปเรียบร้อยแล้วย่ะ” นกยูงกอดเก๋เก๋ไว้แน่น

     

    แต่ยังไม่ทันที่ตาลจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ... คราวนี้เสียงที่พวกเขาไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้นมาอีกจนได้

     

    “สวัสดี สวีดัดครับทุกท่าน อาหารมื้อเช้าอร่อยไหมเอ่ย ...” คกิทักทายเจ็ดผู้เข้าแข่งขันิย่างอารมณ์ดี

     

    “ยังไม่ได้กินข้าวเลยค่ะสุดหล่อ” ทันทีที่ได้ยินเสียงผู้ชาย เก๋เก๋ลืมความกลัวเมื่อครู่ไปเสียสนิท ชีดีดตัวออกมาจากอ้อมกอดของเพื่อนสาวพลันส่งสายตาวิ้ง ๆ ให้กับกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตรงมุมของหลังคาบ้าน

     

    “สวมวิญญาณเก้งต่อค่ะ เยอะนะหล่อน” เกมส์กระชากเสียงอย่างชอบใจพลันหัวเราะชอบใจกับนกยูง

     

    “วันนี้ไคกิจะให้เวลาน้อง ๆ ที่น่ารักทุกคนทานอาหารมื้อเช้าให้อร่อยเลยนะครับ แต่ก่อนจะทานอาหาร ไคกิขอแจงรายละเอียดของภารกิจหน่อยนะครับ เตรียมกางแผนที่ออกมาก่อน” ทันทีที่พูดเรื่องแผนที่ ฌอร์นที่มีหน้าที่เก็บแผนที่เอาไว้เริ่มหยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อและกางมันออก จุดสีแดงที่เขาขีดค่าทิ้งในแผ่นคือจุดที่พสกเขาทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว

     

    “วันนี้พวกคุณจะต้องเดินทางไปฝั่งขวาของแผนที่ซึ่งแสดงจุดสีน้ำเงินเอาไว้ ตรงนั้นจะเป็นจุดที่ชาวบ้านในหมู่บ้านน้ำค้างเรียกมันว่า ป่าแห่งคำสาป...”

     

    “ป่าแห่งคำสาป .. หมายความว่าไงคะ?” นกยูงยกมือถาม

     

    “ป่าแห่งคำสาป เป็นป่าที่ไม่มีชาวบ้านคนไหนย่างกรายเข้าไปนักหรอก เพราะน้อยคนนักที่ได้เข้าไปในป่าต้องสาปนี้แล้ว .....”  เขาวรรคเสียงเอาไว้เพื่อดูปฏิกิริยาของผู้เข้าแข่งขันก่อนที่จะพูดต่อ

     

    “จะไมได้กลับออกมาอีก ...”

     

    “แล้วยังงี้จะให้พวกเราเข้าไปในป่านั้นทำไมกันครับ” ฌอร์นทำสีหน้างง ในเมื่อมันอันตรายขนาดนั้น ทำไมพวกเขาจึงกล้าปล่อยผู้เข้าแข่งขันเข้าไปทำภารกิจในสถานที่ที่อันตรายแบบนั้น

     

    “มันเป็นคำสั่งของทางรายการมาอีกที .. ไคกิแค่มีหน้าที่แจงรายละเอียดเท่านั้นเองแหล่ะครับ” น้ำเสียงของเขาก็ยังคงอารมณ์ดีและสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา

     

    “อ้อ .. แล้วเรื่องการ์ดผ่านประตูที่ได้มาทั้งแปดใบ ให้คุณรูดประตูเหล็กทางเข้าป่าไว้นะครับและเก็บเอาไว้กับตัวด้วยล่ะ ของมันแพง ....”

     

    “แล้วในสัปดาห์นี้เราต้องตามหาอะไรล่ะครับ?” คราวนี้ดัฟเริ่มออกมาจากใต้โต๊ะและตะโกนถามบ้าง กลัวจะไม่มีบท

     

    “ออกจะน่ากลัวสักหน่อย ไม่รู้ว่าพวกคุณจะกล้ารับภารกิจหรือเปล่า?” เสียงของไคกิเหมือนจะเริ่มดูถูกพวกเขาแล้ว

     

    “ไม่ว่าจะมีภารกิจบุกน้ำลุยไฟ ... เก๋เก๋คนนี้สู้ตายฮ่ะ” เก๋ก๋พูดก่อนที่จะชูสองนิ้ว

     

    “งั้นก็ตามหาอวัยวะมนุษย์กลับมาให้ได้นะครับ!!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×