ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 5 .: อาถรรพ์หมู่บ้านน้ำค้าง :. [จบเกม!]

    ลำดับตอนที่ #102 : Day 4 .:: เรื่องของแป้ง ::.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 288
      1
      25 พ.ย. 53

    THe REALITy 5


    [WEEK 7 :: DAYS 4]


     

    เอ็มมองหน้าของทั้งสามอีกครั้งก่อนที่จะหัวเราะชอบใจในความฉลาดของตัวเอง

     

    “นังเด็กสาวคนนั้น!!” แจ็คอาสาตอบคำถามที่แบงค์เพิ่งจะเข้าใจ

     

    “แล้วเราจะทำยังไง!” แป้งถามชายหนุ่มเจ้าของความคิด

     

    “ให้ไอ้หมอนั่นมันเจ็บปวดทรมาณ เวลาที่ของรักของมันกำลังจะถูกเชือดต่อหน้าต่อตา ... ฮ่าๆๆๆๆ อยากเห้นหน้าที่ใหล้ตายของไอ้หมอนั่นซะแล้วสิ! ” เอ็มหัวเราะก่อนที่จะเรียกเพื่อนมาประชุมพลเพื่อคิดแผนการที่พวกเขาจะต้องจัดการในอีกไม่นานนี้

     

    และเป้าหมายของความชั่วนั้นกลับไปตกอยู่ที่หญิงสาวที่ไม่รู้ตัว .... นกยูงคือเหยื่อ และฌอร์นคือเป้าหมายที่มันต้องกำจัด!

     

    หลังจากที่เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างฌอร์นและเอ็มซึ่งเป็นหัวโจกของกลุ่มคนขี้คุกเกิดขึ้น ทำให้การรับประทานอาหารต้อนรับเหล่าบรรดานักโทษต้องเซ็งไปตาม ๆ กัน ตอนนี้พวกที่เข้ามาเล่นเกมที่เหลือทั้ง 4 คนต่างกระจัดกระจายไปอยู่คนละทิศทาง แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากร่วมโต๊ะอาหารกับทั้งสี่คนนี้แน่ ๆ

     

    หลังจากที่พวกเขาแยกตัวกัน ฌอร์นและนกยูงก็ตรงมายังลำธารใสหลังหมู่บ้าน พวกเขาทั้งสองเลือกที่จะมานั่งและชมวิวธรรมชาติของหมู่บ้านตรงนี้ทุกครั้งเวลาที่พวกเขามีปัญหา วันนี้เองก็เช่นกัน

     

    “นายไม่น่าไปทำรุนแรงกับคนพวกนั้นเลยนะฌอร์น ...” นกยูงหันมามองหน้าของแฟนหนุ่มช้า ๆ ขาทั้งสองยังคงกวัดแกว่งอยู่ในน้ำใส ๆ

     

    “พวกนั้นมาดูถูกคุณ ผมยอมไม่ได้หรอก .. ยังไงซะ ผมก็ต้องทำหน้าแฟนของผมให้ดีที่สุด ” ฌอร์นเองก็หันกลับมาหาเธอเช่นกัน

     

    ตาทั้งสองดวงส่งประกายแสดงถึงความห่วงใยกันและกัน มือขวาของฌอร์นกุมที่มือทั้งสองของนกยูงแน่น แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้แล่ะ จะปกป้องดุแลหญิงสาวตรงหน้านี้เอง

     

    “ยังไงวันนี้ก็ขอบใจนายมากนะ ... ถ้าไม่ได้นายช่วย ป่านนี้หน้าของฉันคงโดนหมอนั้นตบสลบไปแล้ว .. ขอบใจนะ” นกยูงพูดก่อนที่จะหลบสายตา เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าที่จะพูดกับเขาตรง ๆ โดยที่ไม่อ้อมค้อม เขาแอบยิ้มเล็ก ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ปล่อยมือของนกยูง

     

    “ผมจำได้ว่าในป่าสน .. มีดอกไม้สีม่วงที่เพิ่งออกดอกมาในหน้าหนาว ผมว่ามันน่าจะเหมาะกับคุณนะ ... เดี๋ยวผมลองแวะไปหาดูซะหน่อย!” ฌอร์นพูดก่อนที่จะลุกขึ้นยืน แต่มือของหญิงสาวกลับรั้งเอาไว้

     

    “ป่าสนหน้าหนาวอันตรายนะ .... นายจะเข้าไปทำไม?” นกยูงเลิกคิ้ว แสดงความเป็นห่วง

     

    “ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ในป่านั่นไม่มีอะไรที่ผมจะไม่สามารถจัดการได้ .. รอสักครู่นะ เดี๋ยวผมขอตัวไปดูดอกไม้สีม่วงนั่นก่อน” เขายิ้มหวานให้หญิงสาวเพื่อให้เธอคลายกังวลลงบ้าง เขาค่อย ๆ ปล่อยมือออกก่อนที่จะเดินลุยน้ำเพื่อเป็นเส้นทางตัดไปยังป่าสนเร็วที่สุด

     

    แต่ใครจะรู้ว่าระหว่างการสนทนาของคู่รักคู่นี้ กลับมีสายตาหนึ่งที่คอยดูเธออยู่ ตอนนี้แหล่ะเป็นโอกาสเหมาะที่มันจะเข้ามาจู่โจมหญิงสาว

     

    เพราะว่าตอนนี้เธออยู่คนเดียว!

     

    ร่างนั้นค่อย ๆ เดินแหวกพุ่มไม้ออกมาจากหลังโรงครัว มันค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้เด็กสาวเรื่อย ๆ มันมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัวหรือไหวตัวทัน

     

    เด็กสาวเอาแต่นั่งจ้องมองขาของหล่อนที่จุ่มลงไปในน้ำโดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีภัยมาถึงตัวของเธอในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว ร่างนั้นยังคงกวัดแกว่งสายน้ำเล่นอย่างสบายใจ

     

    และในตอนนั้นเองที่มีมือมือหนึ่งจับเข้าที่หัวไหล่ของหญิงสาว มือเย็น ๆ ที่ทำเอาเธอเกือบสะดุ้งโหยง!

     

    จังหวะนั้นแหล่ะที่เธอหันมาอย่างตกใจสุดขีด

     

    และภาพที่เธอพบก็คือ ....

     

    “แป้งเองเหรอ?” นกยูงพยายามสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ อย่างโล่งอก เธอลุ้นอยู่ว่าใครกันที่มาจับหัวไหล่เธอ ทีแรกที่เธอคิดถึงไม่ใช่คนหรอก หากแต่เป็น

     

    พวกตาลที่คอยดูเธออยู่ห่าง ๆ !

     

    “มีธุระอะไรเหรอ?” นกยูงถามกลับไปอย่างมีมารยาท

     

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก ....” เด็กสาวผู้มาใหม่พูดก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ “ขอนั่งตรงนี้ด้วยคนได้ไหม?”

     

    “เชิญจ่ะ ...” นกยูงเชื้อเชิญเด็กสาวตรงหน้าก่อนที่จะเขยิบพื้นที่ให้แป้งได้นั่งลง

     

    “เธอเป็นบัดดี้ของฉัน ยังไงฉันต้องขอโทษ .... แทนไอ้พวกนั้นด้วยนะ นิสัยผู้ชายขี้คุกก็ห่ามแบบนี้ทุกคนแหล่ะ อย่าไปถือสาเลย ...” แป้งหันมามองหน้าของหญิงสาว นัยน์ตาบ่งบอกถึงความสำนึกผิดจริง ๆ

     

    “พวกนั้นมันฝากเธอมาขอโทษฉันงั้นเหรอ?” นกยูงถามกลับไปอีกเป็นคำถามที่สอง

     

    “อื้ม ....” เธอตอบสั้น ๆ ก่อนที่เปลี่ยนทิศทางการมองไปยังผืนน้ำลำธารที่ใสสะอาดนั้น

     

    “ยังไงก็ขอบใจเธอมากนะ ที่ยังมีสามัญสำนึกพอที่จะมาขอโทษฉัน .... ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนพวกนั้นจะห่าม ผู้ชายสามคนที่เข้ามาในเกม มีแต่นายคนนั้นแหล่ะที่ทำตัววางอำนาจใหญ่โตจนฉันเห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้” นกยูงพูดก่อนที่จะกอดอกของหล่อน

     

    “ในคุกน่ะ ... ต้องมีหนึ่งคนที่ทำตัวเป็นหัวโจกในหมู่ของคนคุกด้วยกัน เพื่อให้อีกหลาย ๆ คนที่เหลือเกรงขามและไม่กล้าตอแยด้วย ไม่ใช่แค่ว่านักโทษชายหรอกนะ ... นักโทษหญิงเองก็เหมือนกัน คนที่เข้ามาใหม่ ไม่มีใครรอดหัวโจกของคุกไปได้หรอก ... รวมถึงฉันเอง” เสียงของแป้งดูต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าสังเกตดีดีจะเห้นว่ามีหยดน้ำไหลออกมาจากดวงตากลมโตทั้งสองข้างของเธอ

     

    “เธอหมายความว่าไง?”

     

    “พวกเธอเข้ามาใหม่อย่างฉัน จะโดนกดขี่ข่มเหงสารพัด บางครั้งก็ให้ฉันไปนั่งเล็มหญ้าให้พวกมันดู มันหัวเราะชอบใจมากที่เห็นฉันอดทนยอมมัน บ้างก็ให้ล้างก้นให้มันตอนมันไปเข้าห้องน้ำ ฉันต้องทน ฉันต้องอดทนให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในนรกบนดินนี้ได้เลย ...” เธอเอามือกุมหน้าของตัวเองเพื่อไม่ให้นกยูงเห็นน้ำตาของลูกผู้หญิงด้วยกัน

     

    “ฉ .. ฉันเข้าใจนะ .... ว่าโลกในนั้นมันโหดร้ายแค่ไหนกัน แต่ถ้าเธอทำความดี เธอคงไม่ต้องเข้าไปนอนกินข้าวแดงในนั้นหรอกใช่ไหม ถือซะว่าเราเข้าไปชดใช้กรรมแล้วกันนะ ....”

     

    “ชดใช้กรรมที่แป้งไม่ได้เป็นคนทำเหรอ ... มันไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหม?” แป้งหันหน้ามามองหญิงสาว นกยูงรู้สึกฉงนใจกับร่างที่อยู่ตรงหน้า ทั้งทั้งที่เธอไม่ได้ทำผิดแล้วทำไมเธอถึงได้เข้ามานอนในคุก

     

    “อยากจะรู้เรื่องของแป้งใช่ไหม .... แป้งจะเล่าให้ฟัง ”เธอสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนที่จะมองหน้าของนกยูงอีกครั้ง

     

    “ในวันที่ฝนตกหนักเมื่อเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา ... วันนั้นแป้งต้องไปทำงานพิเศษคือการขายของตามถนนคนเดินในตอนดึก ๆ เพื่อขายของให้พวกฝรั่งที่ชอบเดินเที่ยวในตอนกลางคืน แป้งขออาสาติดรถเพื่อนของแป้งไป มันชื่อว่าเจี๊ยบ ... แป้งก็ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปกับมันเพราะเห็นว่ามันเป็นทางผ่าน ...” เธอวรรคคำไปนิด

     

    “แล้วเกิดอะไรขึ้น?” นกยูงรีบถามด้วยความสนใจ

     

    “ก่อนจะขึ้นรถ มันฝากกระเป๋าสะพายไว้ที่แป้ง มันบอกว่าให้แป้งน่ะถือมันไว้ให้หน่อย มันต้องขับรถเดี๋ยวจะไม่สะดวก แป้งเห็นว่ามันเป็นเพื่อนหรอกนะเลยจำต้องถือให้อย่างไม่มีทางเลือก ...” เธอพูดกับนกยูงในขณะที่ภาพในหัวของเธอเริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ

     

    วันนั้นเป็นวันฝนตกหนักมาก .... เด็กสาวทั้งสองคนสวมเสื้อกันฝนตัวหนาไป คนขับพยายามขับฝ่าสายฝนที่โหมหระหน่ำลงอย่างไม่ขาดสายเพื่อให้ไปถึงที่หมายโดยเร็ว ส่วนอีกคนนั้นก็นั่งซ้อนหลังไปอย่างเงียบ ๆ ในใจนึกอยากจะให้ไปถึงร้านขายของเพราะตอนนี้ฝนดูท่าจะตกลงมาไม่หยุดเลย ในมือของเธอยังคงถือกระเป๋าสะพายของคนขับเอาไว้แน่นไม่ให้มันร่วงลงไปที่พื้น

     

    “แก .. อีกนานไหมวะเจี๊ยบกว่าจะถึงรถไฟฟ้า ฉันหนาวไปหมดแล้วนะ!” คนซ้อนหลังตะโกนฝ่าสายฝนที่กำลังโหมลงมาอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    “จะบ่นทำไมวะแป้ง อีกแปปเดียวก็ถึงแล้ว! ” เจี๊ยบซึ่งเป็นคนขับตะโกนข้ามหลังมาในขณะที่สายตาก็มองไปยังทางด้านหน้า

     

    และแล้วสายตาของเจี๊ยบก็มองเห็นอะไรบางอย่างไหว ๆ อยู่กลางฝนนั้น สีแดงของอะไรบางอย่างที่หมุนไปมา เธอมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร

     

    ซวยแล้ว!” เจี๊ยบอุทานเสียงหลง จะเลี้ยงรถกลับก็ได้ คำพูดของเจี๊ยบทำให้เด็กสาวที่ซ้อนมากับเธอถึงกับมองหน้าของเพื่อนเล็กน้อย

     

    “ซวยเรื่องไรของแกวะ แค่ด่านตรวจเอง .. รีบ ๆ ตรวจเหอะ จะได้รีบ ๆ ไป ...” แป้งพยายามให้เพื่อนผ่านด่านตรวจให้เร็ว เพราะว่าเธอเริ่มจะไปทำงานสายแล้ว

     

    “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าจะไปไหนกัน” ตำรวจนายหนึ่งถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่ามีเพียงสาวสวยสองคนที่ต้องมาตากฝน

     

    “ฉันรีบไปทำงานค่ะ เลยให้เพื่อนมาส่ง” แป้งรีบตัดบท ในขณะที่เจี๊ยบเองก็เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบเหงื่อและฝนปนกัน

     

    “เดี๋ยวนี้ยาบ้ามันเยอะมาก ...ยังไงผมขอตัวกระเป๋าของพวกคุณหน่อยนะครับ” ตำรวจต้องทำตามหน้าที่ ถึงแม้ว่ามันจะสายมากก็ตามสำหรับแป้ง แต่เอาเถอะ รีบ ๆ ทำให้เสร็จ จะได้รีบ ๆ ไปซะที

     

    ทันทีที่นายตำรวจหนุ่มเปิดซิบกระเป๋า สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นทั้งตัวเขาเองและแป้งที่มองผ่านสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋า .... ยาเสพติดเม็ดสีส้มที่วางอยู่ในห่อหลายห่ออย่างเป็นระเบียบ เธอรู้สึกใจหายและรู้สึกโกรธเพื่อนในใจที่ให้เธอต้องมาถือของขยะพวกนี้

     

    “ยังไงเชิญคุณลงจากรถและไปให้ปากคำที่โรงพัก ...” เสียงของเขาดังขึ้น แต่ยังไม่ทันที่แป้งจะโวยวายหรือแก้ตัวอะไร เจี๊ยบก็พูดขึ้นมาซะก่อน “ของของแก .. แกไปเคลียร์กับตำรวจเองแล้วกัน!” เจี๊ยบหลบสายตาของแป้งก่อนที่จะขับรถออกไป ปล่อยให้แป้งกลายเป็นแพะรับบาปไปในทันที

     

    “ทำไมเธอไม่บอกตำรวจว่าของพวกนั้นไม่ใช่ของของเธอ!” นกยูงมองหน้าของแป้งอย่างสงสารจับใจ

     

    “ตำรวจบอกกับฉันว่า ของที่มันอยู่กับฉัน ยังไงมันก็ต้องเป็นของของฉัน ... ฉันเลยกลายมาเป็นคนคุกแทนเพื่อนสารเลวนั่น และอีกไม่นาน ฉันก็จะต้องโดนประหารชีวิตแทนมันอีก ... ฉันไม่ยอมตายฟรีหรอก!” เด็กสาวพูดอย่างกล้ำกลืนก่อนที่จะลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในป่าสน พรางปาดน้ำตาที่ผุดออกมาจากดวงตาของเธอ

     

    “แป้ง!!” นกยูงตะโกนก่อนที่จะวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง เธอพยายามวิ่งไปตามแป้งเรื่อย ๆ จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกที .. เธอเข้ามาอยู่ในป่าที่ลึกเกินไปซะแล้ว ....

     

    “แป้ง!!” เธอตะโกนเรียกแป้งอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่แป้ง

     

    “แป้งไม่อยู่หรอก อยู่แต่พวกเราเอง!” เสียงของคนที่เธอเกลียดขี้หน้าดังขึ้นด้านหลัง เธอรีบหันไปตามเสียงนั้นก่อนที่จะเจอกับร่างชายสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ .... พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูน่าขนลุก .... พวกมันทั้งสามจ้องมองเรือนร่างของเด็กสาวอย่างกลัดมัน ...

     

    พวกนั้นคิดจะทำอะไรกับเธอ!!

     

     

     

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×