คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทเรียนที่ 5 ขอเพียงแค่ศรัทธา
BATTLE ROYALE THAILAND
เกมหฤโหด
บทเรียนที่ 5 ขอเพียงแค่ศรัทธา
---------------------------------------------------
ขณะเป็นเวลาตีสามพอดี ยังไม่มีการประกาศโซนอันตรายเกิดขึ้น ชายหนุ่มนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ห่างไปจากที่เดิมพอสมควร ข้าง ๆ ตัวมีเด็กสาวอีกคน เธอนอนพิงโขดหินอย่างเหนื่อยล้าในขณะที่มือยังคงถือ Claymore เอาไว้ เจ้าของดาบนั้นคงกำลังฝันอยู่ล่ะสิถึงนอนยิ้มอยู่แบบนั้น
เหตุการณ์เมื่อครู่ทำเอาธันย์ถึงกับตกใจ เสียงเรียกบวกกับ Claymore อันแสนน่ากลัวในมือทำให้เขาคิดว่าจะต้องตายแน่แล้ว หากแต่เจ้าของมันกลับเป็นรินทร์นั่นเอง เขาจึงพอจะโล่งใจอยู่บ้าง ทั้งเขาและรินทร์เองไม่อยากจะต่อสู้กับใคร เขาและเธอไม่อยากลงมือฆ่าใครด้วยซ้ำ ตอนนี้รินทร์ได้พลัดหลงกับพวกของสมายล์ตั้งแต่เริ่มเกม เธอพยายามตามหาใครสักคนที่พอจะไว้ใจได้และช่วยกันหาทางรวบรวมพรรคพวกเพื่อยุติเกมนี้และหาทางออกไปด้วยกัน แต่ในเมื่อป๊อปซึ่งเป็นเด็กเรียนยังลงมือฆ่าคนตายไปแล้วเลย คนอื่น ๆ เองก็คงจะเริ่มเกมนี้แล้วเหมือนกัน เพื่อน ๆ ของธันย์จะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ เขาเองก็ยังตามหาตัวเพื่อนของเขาไม่เจอเลยสักคนตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียน จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ เขาทำได้เพียงภาวนาในใจขอให้เรื่องทุกอย่างจบสิ้นลงสักที เขาเองก็ไม่อยากรับมือกับปัญหาพวกนี้เหมือนกัน
เด็กสาวเริ่มขยับตัวช้า ๆ พร้อมกับปรือตาขึ้น เจ้าของ Claymore หันมามองหน้าของเด็กหนุ่มพร้อมส่งยิ้มให้ “ฉันหลับไปนานเท่าไรเนี่ย”
“ประมาณ 15 นาทีได้” เขาบอกในขณะที่ตัวเองเริ่มกางแผนที่ออกมา
“เขาเริ่มประกาศพื้นที่อันตรายแล้วเหรอ?” หล่อนแปลกใจเมื่อเห็นว่าธันย์เริ่มกางแผนที่ออกมา
“ป่าวหรอก ฉันจะลองดูว่าเราพอมีที่ที่จะไปได้บ้างไหม คิดว่าสมายล์กับพวกโยจิจะหลบที่ไหนได้บ้าง” เขาเริ่มสันนิษฐาน
ในแผนที่ปรากฏรูปร่างและสัญลักษณ์มากมาย มีทั้งร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ประภาคาร รวมไปถึงหมู่บ้านด้วย นี่เป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของแผนที่เท่านั้น ความน่าจะเป็นมันกระจัดกระจายไปทั่วทุกสถานที่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทุกสถานที่สามารถใช้เป็นที่ซ่อนตัวได้ทั้งนั้น เหมือนกับตอนนี้พวกเขางมเข็มในมหาสมุทร เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
“เธอคิดว่าพวกนั้นจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนได้บ้าง” ธันย์เริ่มหาตัวช่วย
“ไม่รู้สิ จนถึงตอนนี้ฉันไม่รู้หรอก ทั้งสมายล์ โยจิ หรือพวกทับทิมเอง ป่านนี้อาจจะเกาะกลุ่มกันแล้ว ตอนนี้เราเองก็ต้องหาทางหยุดเรื่องนี้เหมือนกันนะธันย์”
“ยังไงล่ะ?”
“มีหลายคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับโครงการนรกนี้ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือการรวมกลุ่มเพื่อน ๆ ให้ต่อสู้และหนีออกไปจากเกาะด้วยกัน นี่คือแผนของฉัน” รินทร์เสนอ
“ขนาดป๊อปยังคิดจะฆ่าคนเลย นับประสาอะไรกับคนอื่น บางทีคนพวกนั้นอาจจะกำลังรอเล่นงานพวกเราอยู่ก็ได้” ธันย์ไม่เห็นด้วยกับความคิดไร้สาระของเด็กสาวตรงหน้า เขาเห็นอยู่แล้วว่ายังไงพวกเราคงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ความกลัวและสัญชาติญาณได้เปลี่ยนพวกเขาให้เหมือนนักล่าที่พร้อมจะฆ่าคนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แม้แต่เพื่อนของตัวเองก็ตามที
“เราต้องมีความศรัทธา ไว้ใจกัน พวกเราถึงจะรอดออกไป” รินทร์ยังคงยืนกราน
“ศรัทธาเหรอ .....”
ครอบครัวของธันย์เชื่อเรื่องโชคลางและพรมลิขิต พ่อของเขาเคยบอกเขาเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่ธันย์อายุได้ 8 ขวบ ในมือของเด็กน้อยมีลูกน้อยปีกหักที่ธันย์ไปเจอใต้ต้นไม้ นกน้อยคงจะหัดบินและร่วงตุบลงมาแน่ ๆ เท่าที่จำได้ เขาเอาแต่ร้องไห้กลัวลูกนกจะตายเสียก่อน พ่อลูบหัวของเขาและได้แต่บอกกับลูกชายขี้แยของตนให้มีศรัทธา ถ้าเรามีศรัทธา เราจะมีความหวัง เมื่อเรามีความหวัง ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะสำเร็จ นี่คือคำพูดของผู้เป็นพ่อที่เขาจำได้ไม่มีวันลืม แต่ตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างมันกำลังจะเปลี่ยนไป คำว่าศรัทธาจะยังสามารถปลุกจิตใจของเพื่อน ๆ ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งได้ไหม
“เรามาลองดูกันนะธันย์ พวกเราต้องรอดออกไปได้แน่” รินทร์จ้องมองหน้าของธันย์เพื่อขอความร่วมมือจากเด็กชายตรงหน้า เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากสบตากับเพื่อนผู้หญิงนาน ๆ
“ไม่รับปากนะว่าจะได้หรือเปล่า แต่ก็ลองดู...คงไม่เสียหาย” เขาตอบกลับไปในขณะที่มองไปทางอื่น
“เชื่อคนง่ายเหมือนกันเนอะธันย์เนี่ย” เด็กสาวไม่วายแซวเพื่อนกลับไป เขาเองไม่ได้พูดอะไรนอกจากเกาหัวแก้เขินเท่านั้น
“มึงตาย!!!!”
ยังไม่ทันที่เขาและเธอจะได้เริ่มแผนการอะไร เสียงบางอย่างกลับดังขึ้นมาเสียก่อนจนทั้งคู่ตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกระทันของเพื่อนคนหนึ่งในห้อง เขาวิ่งมาพร้อมกับง้างมีดอีโต้ในมือหมายจะฟันหัวของธันย์ ทั้งเขาและรินทร์เองต่างถอยหลบจนอีโต้เล่มนั้นสับติดอยู่กับต้นไม้
“ใจเย็น ๆ นะบูม!” รินทร์พยายามบอกให้ผู้มาเยือนคนใหม่ใจเย็นลง
“ใจเย็นเหรอ!!ใจเย็นคงไม่ช่วยให้กูรอดตายขึ้นมาหรอก!!”
เด็กขี้โรคตะโกนลั่น น้ำตาและน้ำมูกไหลออกมาเป็นทาง ตอนนี้เขาเองก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว ความหวาดกลัวทำให้เขาตามหมายหัวทุกคนที่ขวางหน้า และตอนนี้ธันย์กับรินทร์คือเหยื่อแรกของเขา เด็กชายหัวเกรียนพยายามดึงอีโต้ออกมาจากต้นไม้ด้วยแรงที่เอามาจากไหนไม่ทราบ ไม่นานนักอีโต้กลับหลุดติดมือบูมมาอย่างง่ายดาย
“เรามาคุยกันแบบสันติวิธีดีกว่านะ” ธันย์พยายามให้เพื่อนตรงหน้าสงบสติอารมณ์เสียก่อน
“มึงกลัวกูเหรอไอธันย์ พวกมึงเองก็เคยรวมหัวกันแกล้งกูไม่ใช่เหรอ....กูมันก็เด็กขี้โรคอ่อนแอคนหนึ่งที่ไม่มีเพื่อนจะคอยอยู่เคียงข้าง พวกมึงทุกคนก็คอยจะแกล้งกูสารพัดไม่ใช่เหรอ!!!”
บูมได้ฉายาว่าเป็นตัวเชื้อโรคประจำห้อง เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะอ่อนแอและไม่สบายง่ายมาก เมื่อโดนอากาศเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศในห้องเรียนก็ทำให้เป็นหวัดได้ ทุกวันที่เขามาเรียนเขาจะเป็นหวัดทุกครั้ง บางทีนั่งเรียนอยู่ก็มีน้ำมูกไหลเยิ้มออกมาจนเพื่อน ๆ ไม่อยากเข้าใกล้และพากันรังแกเด็กหนุ่มโดยเฉพาะพวกผู้ชาย บ้างก็เอาน้ำมาราดตอนที่เขายืนฉี่อยู่ บ้างก็จับเขาถอดกางเกงจนเหลือแต่บ๊อกเซอแล้วเอากางเกงมาเช็ดน้ำมูกที่แห้งกรังนั้น บางคนก็สงสารและสมเพช แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเขา
ไม่มีเลยสักคน....
“พวกเราไม่เคยทำร้ายกันเองนะบูม ตอนนี้ฉันกับธันย์กำลังจะรวบรวมคนอื่น ๆ มาอยู่ข้างเดียวกับเรา เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะหาทางออกไปด้วยกัน” รินทร์เองไม่ยอมแพ้ เธอกำลังใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“พอเถอะบูม พวกเราร่วมมือกันนะ” ธันย์หว่านล้อมพร้อมกับเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่มือไม้สั่น เขาเองก็กลัวเช่นเดียวกับเจ้าของมีดอีโต้เล่มนั้น ไม่นานนักเขาจึงเข้าถึงตัวของบูมก่อนที่จะจับมือของเขาเพื่อให้ลดอาวุธลง
“นายไม่กลัวติดเชื้อโรคจากฉันเหรอ!?” เด็กหนุ่มเริ่มร้องไห้ออกมาจนน้ำมูกไหลออกมาอีก
“ไม่เลยเพื่อน...ตอนนี้เราต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วยกันนะ พวกเราจะต้องทำได้แน่นอน” เขาตบบ่าของเพื่อน จากเด็กหนุ่มที่เคยโมโหรุนแรงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเด็กชายขี้โรคเช่นเดิม เขาร้องไห้ไม่หยุดพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย ทั้งคู่มองหน้ากัน ถือว่าการรวบรวมพรรคพวกตามความคิดของรินทร์ไม่ได้แย่เท่าไรนัก
“งั้นเราไปกันเถอะ ฉันจำได้ว่าป๊อปกับเอกไปทางเหนือ ถัดจากตรงนี้น่าจะเป็นร้านอาหาร ลองไปหว่านล้อมพวกนั้นดู เขาน่าจะเอาด้วย” ธันย์เริ่มมีความหวังอีกครั้ง เขาบอกกับเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะก้มลงไปเก็บกระเป๋าของตน
บูมยังคงร้องไห้ นับจากนี้เขาเองก็จะไม่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางความโหดร้ายนี้อีกแล้ว เหมือนกับมีแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดที่รายล้อมเขาเอาไว้ จากนี้ไปเพื่อนใหม่ของเขาจะช่วยเขาหลุดออกไปจากฝันร้ายนี้เสียที เด็กหนุ่มขี้โรคปาดน้ำตาก่อนจะจ้องมองร่างของธันย์ที่กำลังเก็บของ
ด้านหลังของธันย์มีกรรไกรตัดหญ้าเหน็บเอาไว้....
กรรไกรตัดหญ้าเหรอ นั่นคงจะเป็นอาวุธของธันย์ แล้วทำไมมันต้องเหน็บเอาไว้ข้างหลัง รินทร์เองก็ถือดาบยาวนั่นไว้ในมือไม่ยอมปล่อย ในขณะที่เรามีมีดอีโต้แค่เพียงคนเดียวแล้วพวกมันมีอาวุธที่ร้ายแรงทั้งนั้น
หรือว่า ....
หรือมันจะหลอกเราไปกันฆ่า!
“ไปกันเถอะ....” ธันย์จัดการเก็บกระเป๋าเสร็จพร้อมกับร่างของบูมที่วิ่งเข้ามาง้างอีโต้แหวกอากาศเพื่อเริ่มการโจมตีอีกครั้ง โชคดีที่เขายังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง เด็กหนุ่มรีบบกกระเป๋าขึ้นเป็นเกราะกำบังจากวิถีของมีดคมนั้น แน่นอนว่าคอมมีดฟันทะลุกระเป๋าใบนั้นและติดแหงกอีกเช่นเดิม บูมพยายามเหวี่ยงอีโต้ที่ติดอะไรบางอย่างในกระเป๋า ธันย์ตัดสินใจยกขาขวา รวบรวมกำลังที่มีและถีบเด็กขี้โรคจอมบ้าคลั่งอย่างสุดแรงจนร่างของเขากับกระเป๋าของธันย์กลิ้งไปด้วย
“ไปเร็วรินทร์” เด็กหนุ่มคว้าแขนรินทร์ที่กำลังตื่นตกใจกลัว นี่คือโอกาสเดียวของพวกเขาที่พอจะมีช่องทางการหนีจากเด็กขี้โรคคนนี้ ไม่รู้ว่าอะไรทำให้สติของเพื่อนขาดช่วงไปอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองออกวิ่งมาตามเส้นทางซึ่งเป็นชายป่า เขาไม่มีเวลามากพอที่จะมาดูแผนที่ว่าเขาวิ่งอยู่จุดไหน ตอนนี้ทั้งกระเป๋า อาหาร รวมไปถึงแผนที่อยู่กับบูมทั้งหมด เขาต้องพาเด็กสาวมุ่งหน้าต่อไปตามทางเรื่อย ๆ แม้เขาจะเหนื่อยมากก็ตาม
พวกเขาทั้งสองวิ่งหนีการไล่ล่าของบูมมาตลอดเส้นทางจนกระทั่งออกสู่ถนนหลักของเกาะ ข้างหน้าของพวกเขามีเพียงน้ำทะเลที่สาดกระทบกับโขดหินในความมืดมิดของทะเล รอบ ๆ มีเสาไฟฟ้าที่เรียงรายกันตลอดซ้ายและขวา มีสองทางให้พวกเขาเลือกว่าจะไปทางไหน
เอาไงดี .... ตอนนี้เขาต้องคิด
ดูจากทิศทางของการตั้งเกาะ ถ้าไปทางซ้ายอาจจะเจอร้านอาหารอยู่ จนถึงตอนนั้นเราค่อยไปขอความช่วยเหลือจากป๊อปและเอกอีกทีหนึ่ง ....แต่สองคนนั้นเองก็ไล่ตามเขาอยู่เหมือนกันนี่นา เขาเองก็ลืมคิดไปเสียสนิท ในตอนนั้นเองที่มีบางอย่างปรากฏขึ้นจากมุมมืดของถนน
“นายหนีฉันไม่รอดแล้วธันย์” เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ชายหนุ่มเดินย่างสามขุมออกมาจากมุมมืดพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนสยดสยอง นัยน์ตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นหน้าเตอะทำให้เขาคาดเดาอารมณ์ของคนตรงหน้าไม่ออก
“ระ...รหัส” นี่คือชื่อของเด็กแว่นตรงหน้า
รหัสคือเด็กที่เรียนไม่เก่งมากนัก ดูไปจะคล้าย ๆ เป็นเด็กที่มีอาการออทิสติกเล็กน้อย วัน ๆ เขาไม่ทำอะไรนอกจากการอ่านการ์ตูน และเล่นเกม PSP ที่พ่อซื้อให้ในวันเกิด แต่การเรียนเองกลับคงที่ ไม่ได้แย่ลงไปมากกว่านั้น เพื่อน ๆ ในห้องเคยเล่าให้ฟังว่ารหัสเวลาอยู่บ้านมักถูกกดขี่ใช้งานจากแม่เลี้ยงสารพัดจนเขากลายเป็นเด็กเก็บกด มีอะไรก็จะไประบายกับเกมเงียบ ๆ คนเดียว
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมถึงมีคนจ้องจะเล่นงานธันย์มากมายขนาดนี้ทั้งที่พวกเขาไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน รหัสเดินผ่านพ้นเงามืดทั้งน้ำตาออกมา ในมือของเขาถือปืนประสิทธิภาพเยี่ยมอย่าง M16 นี่คืออาวุธปืนแรกที่ธันย์ได้เห็นมันในศึกเลือดสาดครั้งนี้ ถัดไปจากแนวป่าที่เขาเพิ่งวิ่งออกมา บูมเองก็เดินลัดเลาะออกมาจากป่าพร้อมกับอีโต้ในมือ ถ้าจะให้หนีไปคงยาก เมื่อข้างหลังมีเด็กขี้โรคพร้อมอีโต้คมกริบและข้างหน้าก็มีเด็กเอ๋อเจ้าของ M16 ที่แสนอันตราย
ตอนนี้เขาต้องหาทางทำอะไรบางอย่างก่อนที่ตัวเขาเองและรินทร์จะเป็นอันตราย......
TO BE CONTINUED
จบไปอีกตอนหนึ่งแล้ว ตอนนี้พระนางของเราโดนล้อมเอาไว้ด้วยอาวุธที่อันตรายทั้งคู่
ใครเชียร์คู่นี้ก็ช่วยลุ้นกันด้วยเนอะ ตอนหน้าจะเป็นการปรากฏตัวของสองพี่น้องฝาแฝดที่มีรีดเดอร์คนหนึ่งรออยู่
นางจะรอดหรือนางจะร่วง ไว้ติดตามในตอนหน้าเนอะ สำหรับตอนนี้ คอมเม้นให้กำลังใจผมด้วยน๊าค๊าบ ^/\^
ความคิดเห็น