ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE DISASTER มหันตภัย...น้ำกลืนมนุษย์

    ลำดับตอนที่ #11 : [Learn#5]-Disturbance

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 187
      0
      11 ธ.ค. 54

    THE DISASTER

    มหันตภัย....น้ำกลืนมนุษย์

    (Learn#5)-Disturbance

    ทางด้านของพิมเอง เธอมองซ้ายมองขวาอย่างหมดหวังโดยไม่รู้ว่าจะจับต้นชนปลายจากทางไหนดี เมื่อความหวังเริ่มเลือนร่าง จู่ ๆ กลับมีมือที่แสนจะอบอุ่นมาจับที่ข้อแขนของเธอ หล่อนสะบัดไปตามสัมผัสนั้นอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะพบร่างของใครคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า

     

    “ไปกับผม!” สิ้นเสียงของโจ เขาได้กำแขนของเธอเอาไว้แน่นก่อนที่จะรีบพาทั้งพิมและเด็กน้อยวัยแปดขวบขึ้นไปทางชั้นจอดรถด้วยบันใดที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้

     

    “จะพาพวกเราไปไหน!” พิมพยายามตั้งสติและถามกลับไปทั้งที่ในหัวของหล่อนนั้นเต้มไปด้วยความหวาดกลัวและความสงสัย

     

    ทั้งชีวิตเธอไม่เคยมาเจอประสบการณ์หรือภาพเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่จากภัยธรรมชาติเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ จริงอยู่ที่เธอเคยเจอกับเรื่องเลวร้ายมามากมายตั้งแต่ที่พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน นั่นคือจุดเปลี่ยนอนาคตของเธอไปตลอดกาล ตั้งแต่ที่ครอบครัวนั้นจากไป เธอจำต้องหาเลี้ยงปากท้องได้ด้วยตัวเอง ดีที่ป้ายังมารับเลี้ยงและส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรีในคณะศิลปกรรมศาสตร์ ถึงกระนั้นเธอยังต้องรับจ้างทำงานพิเศษมากมายในช่วงปิดเทอมเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในยามที่จำเป็น ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอเห็นอะไรมามากมายแล้ว แต่นี่มันหนักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าคือภาพความโกลาหลของผู้คนที่หนีตายจากมหันตภัยของลูกเห็บก้อนมหึมาที่ตกลงมาจากท้องฟ้าสีดำโดยถูกมรสุมลูกใหญ่อย่างพายุฝนพัดพามายัง Crystal Dome และกวาดทุกอย่างที่ขวางหน้า รถยนต์ที่จอดอยู่หลายต่อหลายครั้งพลิกคว่ำตกลงมาจากฐานด้านบนร่วงลงมายังพื้นและเกิดการระเบิดขึ้นมากมาย ผู้คนหลายคนต่างโดนซากรถทับ ไฟคลอกตาย และอะไหล่ชิ้นส่วนกระเด็นผ่าร่างให้ออกเป็นเสี่ยง ๆ ภาพตรงหน้ามันมากเกินไป ภาพหายนะนี้มันมากเกินไป

     

    มากเกินกว่าเธอนั้นจะรับมันได้ ...!

     

    ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรนอกจากมองหญิงสาวกลับไป แววตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นจนทำให้เธอเชื่อว่าถ้าไปกับเขา เธอและเด็กน้อยจะต้องปลอดภัยจากวิกฤตการณ์ที่กำลังรอเล่นงานอยู่ตรงนี้แน่นอน

     

    ผู้คนมากมายวิ่งให้วุ่นวายและพยายามหนีเอาตัวรอดอย่างโกลาหล หลายคนพยายามจะออกไปทางประตูทางเข้าของ Crystal Dome หลายคนพยายามหาที่ซ่อนที่พอจะทำให้รอดพ้นจากอันตรายชั่วคราว และหลายคนถึงกับทะเลาะกันเพราะต้องการซ่อนที่เดียวกัน สถานการณ์ตรึงเครียดนี้เกิดขึ้นภายในสถานที่ที่เคยเป็นสวรรค์ของผู้รอดชีวิตทั้งหมด ตอนนี้หนทางนั้นเริ่มริบหรี่ลงทุกที มือคู่นั้นยังวิ่งฝ่าอันตรายจากผู้คนนับสิบไปยังจุดนัดพบของเขาและชัยที่เคยบอกไว้ว่ามาเจอกันที่ประตูทางออกฉุกเฉินชั้นบนสุด

     

    “เราจะไปที่ไหนกันคะ!” พิมตัดสินใจถามอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสามวิ่งขึ้นมายังชั้นที่สี่ของศูนย์พักพิงแห่งนี้

     

    “ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่น่ะสิ” เขาตอบ หากแต่สายตากลับมองไปยังทางเดินด้านหน้า ฝีเท้าของเขานั่นเร่งให้เร็วขึ้น เสียงกรีดร้องมากมายดังไปทั่งบริเวณ และในตอนนั้นเองที่ปรากฏธรรมชาตินั้นได้เล่นตลกกับพวกเขาอีกครั้ง

     

    ครืนนนนน!!

     

    จู่ ๆ เสียงปริศนานั้นดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายของมวลมนุษย์ที่กำลังหนีตายอย่างสุดความสามารถ เสียงนั้นมากับแรงสั่นสะเทือนอย่างแรง ผู้คนที่วิ่งวุ่นวายต่างเซถลาตกลงไปตามชั้นต่าง ๆ ไปที่พื้นนับร้อยคน ทั้งคู่โอบตัวของเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้ฟูมหายให้อยู่ในอ้อมกอดที่เสมือนเกราะกำบังเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย แรงสั่นสะเทือนนั้นทำให้รอยร้าวของ Crystal Dome เริ่มปริออก บางจุดนั้นไม่สามารถรับแรงดันของน้ำและแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาดย่อม แน่นอนว่ากระจกนั้นเริ่มแยกออกจากกันและทำให้มันแตกออก

     

    มวลน้ำมากมายรีบตีเข้ามาทันทีที่มีช่องว่าง พวกมันทะลักเข้ามายังชั้นหนึ่งของ Crystal Dome อย่างรวดเร็วจนชั้นหนึ่งนั้นเริ่มจมหายไป เหล่ามวลมนุษย์มากมายค่อย ๆ ถูกกลืนกินด้วยน้ำจำนวนมหาศาลอย่างไม่ทันตั้งตัว จากชั้นหนึ่ง มันเริ่มมายังชั้นสองเรื่อย ๆ 

     

    “รีบไปกันเถอะ!” ทันทีที่แผ่นดินไหวนั้นหยุดการสั่นสะเทือนลง โจรีบพาทั้งสองออกไปยังทางออกของชั้นที่สี่ เมื่อมาถึงนั้น เขากลับพบว่าเส้นทางการหนีตายตามแผนของเขาเป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อบริเวณบันใดทางขึ้นของชั้นสี่นั้นถูกซากเศษของปูนจากทางเดินของชั้นบนนั้นร่วงลงมาปิดตายเส้นทางนี้เอาไว้จนไม่มีช่องทางให้ปีนขึ้นไปได้เลย

     

    “จะทำยังไงกันดี ...” พิมเริ่มขวัญเสีย เปลี่ยนมาเกาะแขนของชายหนุ่มและบีบมันเอาไว้แน่นอย่างลืมตัว เสียงนั้นสั่นเครือจนโจเริ่มใจคอไม่ดี

     

    “มันต้องมีทางสิ ” เขายังไม่หมดหวังง่าย ๆ

     

    โชคชะตาต้องไม่เล่นตลกกับพวกเขาแบบนี้อย่างแน่นอน พ่อและแม่ของเขาเคยสอนเสมอว่าหนทางข้างหน้าไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหน มันต้องมีทางออกที่รอคอยปัญหานั่นอยู่เสมอ แต่มันติดที่ว่าคนคนนั้นจะสามารถเจอหนทางและออกไปได้หรือเปล่า ความมืดรอบด้านนั้นย่อมมีแสงสว่างรำไรรอเราอย่างมีหวังเป็นแน่

     

    คำสอนของครอบครัวสอนให้เขาเป็นคนเข้มแข็งและพยายามมองโลกในแง่บวกนั้นเสมอ เขามองซ้ายขวาเพื่อใช้สติและแก้ปัญหานั้นต่อไป รอบ ๆ นั้นเป็นทางเดินที่มีห้องต่างๆเรียงรายไปเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อรักษาชีวิตของเขาและเธอให้รอดพ้นจากมวลน้ำนี้ให้ได้

     

    “น้ำมันเริ่มมาแล้ว ... บิงโก!” เด็กน้อยร้องไห้กอดลูกหมาน้อยเอาไว้แน่น สายตานั้นยังคงจ้องมองไปยังปีศาจไร้รูปร่างที่กำลังจะเอ่อขึ้นมาจนถึงชั้นสามแล้ว

     

    เขาตัดสินใจปีนขึ้นจากชั้นสี่ขึ้นมายังชั้นห้าด้วยซากปูนนั้น การปืนขึ้นมาอย่างทุลักทุเลทำให้เขาสามารถขึ้นมาได้อย่างสำเร็จ มือของเขายื่นมาให้หญิงสาวที่รออยู่ด้านล่าง เธอยิ้มก่อนที่จะรีบคว้าตัวของเด็กชายเอาไว้และตัวเธอเองนั้นจะขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายจนเพียงไม่นานนักพวกเขาทั้งสามคนสามารถขึ้นมายังชั้นห้าได้ปลอดภัย

     

    เมื่อตั้งหลักได้ ทั้งสามนั้นออกวิ่งอีกครั้งจนมาถึงหน้าทางออกฉุกเฉินของชั้นห้า สถานที่นัดหมายการหนีในครั้งนี้ บริเวณนั้น เขาได้เจอกับชายแก่คนนั้น ชายหนุ่มที่ชอบเล่นคอมพิวเตอร์และหญิงสาวที่ฟังเพลงอย่างไม่แยแสต่อสิ่งใด และนอนว่าตอนนี้เธอก็ยังฟังมันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมถอด

     

    “นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว!” ชัยตบบ่าของเขา

     

    “ทีนี้เอาไงต่อ” ชายหนุ่มถามขึ้นก่อนที่จะกอดโน๊ตบุ๊คเอาไว้แน่น

     

    “ขึ้นไปชั้นบน....หารถเหมาะ ๆ สักคันและหนีออกไปจากที่นี่ไปอีกฝั่งของกรุงเทพและตรงไปยังจุดเหนือสุดของประเทศไทย ผมเชื่อว่าที่นั่นจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเราในตอนนี้” โจอธิบายแผนการ

     

    “แล้วถ้ามันไม่ปลอดภัย” ชายหนุ่มแย้ง

     

    “หรืออยากจะตายอยู่ที่นี่ล่ะ...” คราวนี้หญิงสาวเริ่มปริปากออกมา เสียงเรียบเฉยนั้นทำให้เขาเริ่มจะเสียสติ เขาเองไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน เขาจะต้องไม่ตายอยู่ในที่ระยำแห่งนี้แน่นอน

     

    โจมองหน้าทั้งหมดอีกครั้งก่อนที่จะนำหน้าเปิดประตูทางออกฉุกเฉิน ปรากฏว่ามันไม่สามารถเปิดอ้าออกไปได้ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างขัดอยู่หลังประตูบานนี้ ทั้งโจและชายหนุ่มอีกคนพยายามออกแรงผลักมันออกไปให้พ้นทาง แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

     

    “สงสัยพวกเศษหินลงมาทับแน่ ๆ” หญิงสาวมองหน้าของพิมก่อนที่จะมองไปยังเบื้องล่างที่ตอนนี้มวลน้ำกำลังจะไหลทะลักท่วมชั้นสุดท้ายนี้แล้ว

     

    บรรยากาศเริ่มกดดันเข้าไปทุกที มวลน้ำเริ่มเข้ามาใกล้บรรดาผู้รอดชีวิตเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้เป็นแน่ เด็กน้อยกอดสุนัขตัวโปรดเอาไว้แน่นก่อนที่จะปล่อยโฮอย่างหวาดกลัว พิมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ปลอบใจในขณะที่ตัวเองก็เสียขวัญอยู่มากพอสมควร โจนั้นเหงื่อแตกออกมาเต็มไปหน้า เป็นเพราะเขาเองไม่ได้คิดแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า

     

    ทุกอย่างมันดูผิดแผนไปเสียหมด!

     

    “ทำอะไรสักอย่างสิ ... ฉันไม่ตายอยู่ที่นี่หรอกนะ!” ชายหนุ่มเริ่มจะเสียสติ ตะโกนโวยวาย มือขวาของเขาเองสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เขากำโน๊ตบุ๊คเอาไว้แน่น

     

    “ส่งมือมา!” ท่ามกลางความหวาดกลัวและความตกใจของบรรดาผู้รอดชีวิต ความหวังของพวกเขาเริ่มจะริบรี่ลงเรื่อย ๆ กลับปรากฏเสียงของใครบางคนดังอยู่เหนือหัวของพวกเขา ผ่านซากพื้นหินที่อยู่ข้างบน เสียงนั้นดังมาอย่างเข้มแข็งพร้อมกับมืออันแข็งแรงที่ยื่นมาเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เขา

     

    ใครกัน .....

     

    TO BE CONTINUED….

    (Talk With Reader)

    จบไปอีกหนึ่งตอนกับการหนีตายของผู้รอดชีวิตที่แสนจะทุลักทุเล
    ตอนหน้าจะมีการปรากฏตัวของสองตัวละครที่เหลือ ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วมั้งว่าใคร
    อดใจรอตอนหน้าจ้า ....

    Ps.ขอร้องเถอะ เม้นกันหน่อยนะ Plssssss.

     THE'KITTA.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×