ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 7 .:: ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร ::. *Start*

    ลำดับตอนที่ #98 : Wednesday : แยก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 243
      0
      14 ก.ย. 54

    REALITY SEASON 7

    ตอน : ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร

    WEEK 6

    เขาพยายามประมวลภาพที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขากำลังจะเอาภารกิจมาให้กับห้าคนที่ยังเหลืออยู่ในปราสาทปักษาธร ตอนนั้นฝนยังคงตกมากเหมือนเช่นตอนนี้ เขากางร่มมาตามทาง ...จนกระทั่ง

     

    จนกระทั่ง ...

     

    “ผมนึกออกแล้ว!

     

    “เกิดอะไรขึ้นกับนาย .... ” เจ้านายพยายามคะยั้นคะยอหาคำตอบที่เขาและคนอื่น ๆ เองก็อยากรู้

     

    “มีคนเข้ามาในปราสาท .... ทำร้ายผม! ผมจำได้แค่นั้น” นั่นคือประโยคที่ทำให้ทั้งหมดมองหน้ากัน มิ้วและวะชรพยายามประติดประต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันอีกครั้ง

     

    มีคนนอกบุกรุกเข้ามา!

     

    “คิดแล้วไม่มีผิด!” อลิซเปรยขึ้นก่อนที่จะมองไปรอบๆอย่างระวังตัว

     

    มิ้วและวัชรมองหน้ากัน พวกเขากำลังคิดประติดประต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ระหว่างที่พวกเขากำลังทะเลาะกันอยู่อย่างหัวเสีย อัคราคงจะเดินมาเพื่อนำภารกิจมาให้พวกเขาหากแต่ว่ากลับโดนใครบางคนเล่นงานเสียก่อนและยังทำให้ไฟในปราสาทนั้นใช้งานไม่ได้อีกตั้งหาก

     

    “รออยู่ที่นี่นะ!” อลิซพูดก่อนที่จะเดินไปยังด้านหลังของโถงใหญ่เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของปราสาทเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอและคนอื่น ๆ

     

    วัชรไม่ได้พูดอะไรนอกจากถอนหายออกมาและวิ่งตามอลิซไปติด ๆ เขาเองก็เป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบเรื่องแบบนี้ คนนอกเข้ามาทั้งทีต้องมีเรื่องอะไรสนุกตามมาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิดแน่นอน คนที่บุกรุกเข้ามาในนี้คงจะโง่เต้มที ไม่รู้อะไรซะแล้ว

     

    ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกกระจอกอย่างมันจะเข้ามายุ่มย่ามและมีชีวิตกลับรอดออกไป!

     

    อลิซปล่อยให้ชายหนุ่มถือหุ่นกระบอกเดินตามหลังไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ว่าวัชรต้องไม่สร้างความวุ่นวายและความเป็นภาระแก่เธอย่างแน่นอน สองหนุ่มสาวเดินมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่หน้าประตูที่อยู่ด้านหลังสุดของปราสาทปักษาธร ความจริงเริ่มปรากฏผ่านดวงตาทั้งสองของพวกเขา

     

    เป็นไปอย่างที่อลิซนั้นคิดเอาไว้ตามคาด ฝนนั้นโหมกระหน่ำ ลมกรรโชกนั้นพัดเอาสายฝนกระเซ็นเข้ามารอบบริเวณ ประตูไม้สีโอ๊คนั้นเปิดอ้าซ่าเอาไว้จนฝนกระเซ็นเข้ามาเปียกปอนไปหมด ทั้งที่เมื่อคืนพวกเขานั้นตรวจตราความเรียบร้อยแล้วพบว่าประตูนี้ยังปิดสนิทเอาไว้ หากแต่ตอนนี้มันเปิดออก แสดงว่ามีคนที่ไม่ใช่พวกเขาเข้ามาบุกรุกดินแดนของเขา

     

    “มีคนเข้ามาใช่ไหมครับ?” วัชรถาม

     

    “อื้มแล้วตอนนี้มันก็อยู่ในนี้แหล่ะ ... ในปราสาทที่นี่” อลิซกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ปราสาทอีกครั้งเหมือนกับจะตามหาหลักฐานชิ้นต่อไป

     

    เพียงไม่นานนักทั้งคู่เดินกลับเข้ามารวมกลุ่มกลับพวกของอัคราอีกครั้ง เขามองหน้าของคนทั้งคู่เหมือนกับจะรอฟังคำตอบ

     

    “มีคนเข้ามาที่นี่ด้วยประตูไม้หลังปราสาท .... ” วัชรพูด

     

    “แล้วตอนนี้มันคงอยู่ในนี้สินะ!” มาริสซ่ากระแทกเสียงก่อนที่จะกอดอก ก่อนที่จะพูดต่อ “บอกอะไรให้นะ ที่นี่น่ะไม่มีระบบ Security เอาซะเลย แล้วยังงี้พวกเราก็ตกในอันตรายสิ”

     

    “คนที่อันตรายไม่ใช่พวกเราหรอกค่ะ” มิ้วหันมามองหน้าของหญิงสาว

     

    “แล้วใครกันที่อันตราย?” คราวนี้เจ้านายถามขึ้นมาบ้าง

     

    “คนที่อันตรายคือคนที่บุกเข้ามาในนี้ไงล่ะ” มิ้วยิ้มก่อนที่จะมองหน้าของอัครา เขาเองเป็นคนเดียวที่ค่อนข้างจะหวาดกลัวในความไม่ปลอดภัยของตัวเอง

     

    เมื่อรู้ว่าทุกอย่างเริ่มจะไม่ชอบมาพากลในบ้านหลังนี้ และมีคนเพิ่มเข้ามาอีกในจำนวนของพวกเขาหกคนที่มีอยู่ตอนนี้ มิ้วจึงขึ้นไปด้านบนเพื่อหยิบกระบอกไฟฉายที่เธอซุกไว้ใต้เตียง เวลาแบบนี้ต้องใช้ไฟฉายเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับปราสาทที่นี่

     

    “เราควรจะแยกกัน ... เอางี้นะ เดี๋ยวฉัน วัชร แล้วก็อลิซจะไปตามหาพวกมัน ส่วนเธอ กับมิ้วไปหาอุปกรณ์เร่งแสงสว่างมา พวกไฟฉาย เทียนไขอะไรก็ว่าไป ตกลงไหม?” เจ้านายอธิบายแผนการของเขาให้มาริสซ่าได้ฟัง ซึ้งมาริสซ่าเองก้เห็นด้วย อย่างน้อยวัชร อลิซ แล้วก็เจ้านายยังพอจัดการเจ้านั่นได้ถ้าเจอตัว ส่วนเธอกับมิ้วจะออกตามหาไฟฉายและเทียนไขเพื่อให้ที่นี่สว่างไสวได้ชั่วคราว ระหว่างนี้เธอสองคนจะคอยดูแลอัคราอีกแรง เพราะอัคราเองคงไม่มีทักษะในการต่อสู้เหมือนกับพวกเธอ

     

    “ได้ออกความเห็นซะทีนะคะ คุณหัวหน้าราชวงศ์ ....” มิ้วพึมพำในลำคอก่อนที่จะเดินเข้ามาสมทบกับมาริสซ่าก่อนที่จะส่งไฟฉายให้อลิซ

     

    “ระวังตัวด้วยนะคะ .... ส่วนฉันกับมาริสซ่าจะช่วยหาเทียนไขกับไฟฉายอีกแรง” เธอกวาดยิ้มให้ อลิซยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะรับมันไว้และเดินนำหน้าไปทางห้องอาหารและห้องเก็บวัตถุดิบเพื่อตรวจสอบหาบุคคลลึกลับที่เข้ามา

     

    มันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ที่เข้ามาในยุ่มย่ามที่นี่

     

    “มันต้องการอะไรกันแน่นะถึงได้เข้ามาในนี่ ” มิ้วหันมามองหน้าของมาริสซ่าก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาสีแดงข้างอัครา เขาเองไม่ได้พูดอะไรนอกจากนิ่งเงียบตลอดที่เขาฟื้นขึ้นมา

     

    “ในนี้ไม่ได้มีอะไรน่าขโมยสักนี่ มันคงเลือกที่ผิดแล้วล่ะ” เธอเบ้ปากก่อนที่จะยืนขึ้น

     

    “จะไปไหนล่ะ?”

     

    “จะลองไปหาเทียนไขในห้องดนตรีซะหน่อย เผื่อว่าจะมีเชิงเทียนเก๋ ๆ อยู่ไง” มาริสซ่าพูดก่อนที่จะพยายามปรับวิสัยทัศน์ให้เข้ากับกับสภาพความมืดของปราสาท

     

    มาริสซ่าเลือกที่จะเดินไปยังห้องดนตรี ภายในห้องนั้นจะเป็นห้องที่เก็บชิ้นส่วนของเครื่องดนตรีมากมายในปราสาทแห่งนี้ตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้ง มีทั้งเครื่องดนตรีไทยของนภางค์และเครื่องดนตรีสากลของโจเซฟ ทั้งเปียโน ขิม จะเข้ และไวโอลิน หากถ้าพวกเขายังคงอยู่ ป่านนี้ เสียงเครื่องดนตรีคงขับขานดังอยู่ในปราสาทที่แสนจะอบอุ่นนี้

     

    หากแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ...

     

    นอกจากเรื่องเล่าลือที่ชาวบ้านในละแวกนั้นพูดไปต่าง ๆ นานา ว่าตอนกลางคืนในปราสาทปักษาธรที่ไร้วี่แววของสิ่งไม่ชีวิต กลับมีเสียงดนตรีผสานออกมาตามเสียงแว่วของสายลมจนน่าขนลุก เรื่องราวลี้ลับแบบนี้ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นไม่กล้าที่จะอยู่ ทำให้สถานที่รอบ ๆ มีแต่สิ่งรกร้างที่เอาไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

     

    หญิงสาวพยายามคลำทางตามทางผนังจนกระทั่งมาเจอประตูที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นห้องดนตรี รอยยิ้มเริ่มคลี่ออกมาก่อนที่จะค่อย ๆ แง้มประตูเข้าไป ภายในห้องนั้นยังคงเป็นความมืดมิดอยู่ดี ไม่มีแสงจากที่ใดส่องผ่านเข้ามาเลยนากจากเสียงฝนที่อยู่ด้านนอก

     

    Candle ... Who ‘re you? ” เธอส่งเสียงราวกับว่าจะฮัมเพลง มือลูบผนังไปตามทางเพื่อหาเชงเทียนที่คิดว่าน่าจะปักอยู่ตามผนังห้องมุมใดมุมหนึ่ง

     

    ในระหว่างที่กำลังร้องเพลงอย่างสบายใจเพื่อให้เสียงตัวเองอยู่เป็นเพื่อนนั้น บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น

     

    ตึ่ง!!

     

    เสียงคล้ายกับอะไรบางอย่างดังอยู่ภายในห้องดนตรีแห่งนี้ .....

     

    NEYNE: BLOMMA
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×