ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality Season 6 :: สยองขวัญเกาะเงาผีเสื้อ ::

    ลำดับตอนที่ #67 : Day 4 .:: ชนเผ่าผีเสื้อสีแดง ::.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 293
      0
      14 เม.ย. 54

    REALITY SEASONS 6

    สยองขวัญเกาะเงาผีเสื้อ

    WEEK 2,Days 4

     

    ทีมของผู้เข้าแข่งขันถูกแยกออกเป็นสองทีม ทีมแรกที่ประกอบไปด้วยยูริน ซัน จูเนียร์ และลัคกี้จะเป็นทีมที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือแอมเวย์และธัญญ์ออกมาจากชนเผ่าผีเสื้อสีแดงที่ต้องการร่างของพวกเขาทั้งคู่ไปทำพิธีในการบูชายันต์เทพเจ้าผีเสื้อสีแดงเพื่อ และอีกทีมหนึ่งคือทีมของเบียร์ ลักยิ้ม ม่าน จินนา และขิมที่ทำหน้าที่รอพวกเขาอยู่ที่นี่ ตอนนี้เวลาเริ่มจะหมดลงทุกทีเพราะดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าที่ถูกฉาบด้วยความมืดกำลังจะส่องสว่างอย่างเต็มที่ ....

     

    “อีกไม่นานแล้วสินะ ...” ชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนหัวหน้าเผ่าพูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ กองไฟเริ่มลุกโชนขึ้นแข่งกับดวงจันทร์ที่กำลังส่องสว่างอยู่ บรรดาลูกเผ่าต่างส่งเสียงร้องบรรเลงกันอย่างสนุกสนานราวกับว่าเป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ ต้อนรับเหยื่อที่กำลังจะถูกสังเวยในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

     

    “อืออออ ...” เสียงครางหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของชายคนหนึ่ง แขนของเขาถูกมัดกับเสาสูง ทำให้ร่างของเขาห้อยต่องแต่งอยู่เหนือพื้นดิน

     

    “ฟื้นแล้วเหรอธัญญ์ ...” เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกนั้น ... ร่างของเด็กสาวอีกคนนั่งอยู่ในกรงไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกพันธนาการด้วยเถาวัลย์หนาที่ยากจะแกะออก

     

    “ทำไมเหรอถึงมาอยู่ที่นี่ ... แล้ว ... พวกนั้น?” ความไม่สามารถประมวลภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ได้เลย ความคิดของเขาตีกันไปหมด เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้น

     

    ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้คือ ชายที่อยู่ตรงหน้านั้นตรงเข้ามาหาเขาก่อนทั่งอะไรบางอย่างลงบนต้นคอของเขา นั่นคือภาพสุดท้ายที่เขามองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวของเขาก่อนที่จะมารู้สึกตัวอีกทีก้มาห้อยอยู่บนเสาไม้นี่แล้ว

     

    “พวกนั้นน่าจะเป็นเผ่าผีเสื้อสีแดง .... คิดว่าอย่างนั้นนะ เพราะสังเกตจากรอยสักเต็มตัวไปหมด” แอมเวย์พยายามวิเคราะห์สถานการณ์ตามที่เธอเห็น

     

    “พวกมันทำยังงี้ทำไม?”

     

    “ก็เพราะแกหลงเข้ามาเองน่ะสิ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า หากแต่ว่าเสียงนั้นไม่ใช่ของเด็กสาว แต่กลับเป็นของหัวหน้าเผ่าผีเสื้อสีแดงมันจ้องหน้าของเขาอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ

     

    “อีกไม่นานพระจันทร์จะเริ่มเต็มดวง ใกล้จะถึงพิธีกรีดเลือดแล้วสินะ .... ”

     

    “พิธีกรีดเลือดยังงั้นเหรอ?” คราวนี้แอมเวย์ตาโตอย่างตกใจ

     

    “ก็นำร่างของผู้บริสุทธิ์มาบูชายันต์ด้วยการนำกระบอกแหลมมากรีดเข้าที่แขน ขาและคอหอยเพื่อให้เลือดไหลออกมาจากช่องทั้งห้า เป็นการบูชาร่างให้แก่เทพเจ้าผีเสื้อ เพื่อความอุดมสมบูรณ์และความรุ่งเรืองของหมู่บ้าน”

     

    “เพื่อความอุดมสมบูรณ์และความรุ่งเรืองของหมู่บ้าน!!” เสียงประสานจากลูกเผ่าดังขึ้นก่อนที่จะกองไฟจะเริ่มลุกโชนขึ้นมาเป็นสัญญาณแหงความตายในครั้งนี้

     

    “นี่มันนอกเหนือเกมแล้วนี่นา!!” ธัญญ์พยายามกระซิบกระซาบให้แอมเวย์ได้รู้หลังจากที่พวกมันเดินหายไปยังกองไฟนั้น

     

    “ฉันต่างหากที่เป็นคนผิด พานายมาที่นี่ ....”

     

    “ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่นา”

     

    “ฉันขอโทษนะ” เสียงที่ฟังดูเข้มแข้งเมื่อครู่ลดต่ำลง กลายเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วสั่นเครือ

     

    เธอกำลังร้องไห้ ....

     

    “เธออย่าโทษว่าเป็นความผิดของตัวเธอสิ .... ใครๆก็คงไม่อยากให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น ... ผมว่านะ อีกไม่นานเพื่อน ๆ ต้องเริ่มออกตามหาพวกเราแน่ ๆ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะต้องมา ....”

     

    “ทำไมนายคิดแบบนั้นล่ะ?”

     

    “ถึงเราจะไม่รู้จักกันอะไรมากมาย .. แต่ตอนนี้เราก็ได้เข้ามาเป็นผู้เข้าแข่งขันเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน ... และผมเชื่อว่า เพื่อนกันเขาไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว จริงไหม?” เขาพยายามปลอบใจเพื่อให้เด็กสาวได้คลายกังวลลงได้บ้าง

     

    ท่ามกลางกองไฟนั้น เสียงเพลงจากกลองที่ทำด้วยหนังของหมีป่าเริ่มถูกเคาะเป็นจังหวะ พสกเขารู้ดีว่านี่คือสัญญาณของการเริ่มพิธีกรรมสุดสยองขวัญนี้ .... และมันก็เป็นจริงอย่างที่พวกเขาคิดไว้ ... ลูกเผ่าคนหนึ่งเดินเข้ามาก่อนที่จะกระชากประตูกรงออกและพาร่างของเธอออกมาจากกรงนั้น

     

    “แกจะพาฉันไปไหน!

     

    “บู ... ชา ... ยันต์!!” เสียงลากยาวดังขึ้นช้า ๆ ก่อนที่ท่อนแขนของแอมเวย์จะถูกลากไปยังกลุ่มกองไฟ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือแท่นพิธีสูงเหนือพื้นดิน รอบ ๆ แท่นนั้นเต็มไปด้วยร่างของชนเผ่าที่กำลังเริงระบำอย่างสนุกสนาน

     

    พวกมันจัดการจับร่างของเธอมาวางไว้บนแท่นบูชา อีกสองคนเข้ามาจากด้านข้างและจับแขนของเธอให้แน่น ราวกับว่าเธอถูกมัดแน่น ร่างกายของพวกมันแข็งแรงเกินกว่าเธอจะดิ้นให้หลุดพ้นออกมาจากพิธีกรรมสุดสยองนี้

     

    “ปล่อยฉันออกไปนะ!!” เธอทั้งดิ้นและกรีดร้องออกมาอย่างหวดกลัว นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน พิธีกรรมบูชาผีเสื้อ ... และร่างสังเวย เธอแค่เคยดูในหนัง ... แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ

     

    มันเป็นของจริง!!

     

    บทสวดมนต์และเสียงดนตรีที่ดูน่าขนลุกถูกบรรเลงขึ้นท่ามกลางเกาะเงาผีเสื้อ สัตว์กลางคืนต่างส่งเสียงร้องรับกันเป็นทอดๆอย่างน่าขนลุก ฝูงผีเสื้อสีแดงต่างบินออกมาจากพุ่มไม้ เริงระบำอยู่เหนือร่างของแอมเวย์ในมือของหัวหน่าเผ่ามีกระบอกปากแหลมที่ใช้ในการทำพิธีครั้งนี้

     

    อีกไม่นานเธอกำลังจะถูกชำแหละ!!

     

    “ข้าขอมอบเลือดของผู้บริสุทธิ์แด่ทวยเทพแห่งผีเสื้อสีแดง ดื่มด่ำกับดลหิตเพื่อหล่อเลี้ยงหมู่บ้านและชนเผ่าให้เจริญรุ่งเรือง .... ถึงเวลาพระจันทร์เต็มดวง ข้าของมอบร่างกายที่อยู่ตรงหน้าข้านี้ให้แก่ท่าน ....” หัวหน้าเผ่ากล่าวขึ้นก่อนที่จะง้างกระบอกปากแหลมขึ้นเนือความมืดมิดนั้น

     

    เสียงกลองเริ่มถูกบรรเลงขึ้นตามเสียงเต้นของหัวใจแอมเวย์ นี่เธอจะต้องตายจริง ๆ งั้นเหรอ ...

     

    “ฉันยังไม่อยากตาย ...”

     

    ........

     

    ........

     

    “รังแกผู้หญิงแบบนี้จะดีเหรอครับ?” เสียงหนึ่งดังออกมาจากที่ไหนสักแห่งของความมืดมิดนั้น เมื่อเกิดเสียงรบกวนทำให้พิธีกรรมการบูชายันต์หยุดชะงักลง บรรดาชนเผ่าทั้งหลายต่างจ้อมองหาที่มาของเสียงปริศนานั้น

     

    จู่ ๆ ก้อนหินก้อนหนึ่งได้พุ่งออกมาจากมุมมืดด้วยความเร็วสูงปะทะเข้าที่เบ้าตาของหนึ่งในนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น เสียงหวีดร้องของบรรดาชนเผ่าดังขึ้นก่อนที่จะชายคนหนึ่งจะเดินออกมาจากมุมมืด ในมือของเขาถือคบเพลิงไฟมาด้วย

     

    “ซัน!!” ราวกับว่าเขาคือฮีโร่ของเธอ น้ำตาแห่งความดีใจเริ่มไหลอาบสองข้างแก้ม

     

    “ผมไม่ได้มาคนเดียวนะ” สิ้นเสียงของซัน จูเนียร์พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ก่อนที่จะโยนก้อนหินขึ้นไปและใช้ไม้เทนนิสที่ติดตัวมาหวดก้อนหินไปเต็มแรงและแน่นอนว่าก้อนหินนั้นพุ่งตรงไปยังหัวของอีกคนอย่างแม่นยำ

     

    “จัดการมัน!!” สิ้นเสียงของหัวหน้าเผ่า ลูกเผ่าที่เหลืออีกไม่กี่คนต่างวิ่งกรูเข้ามาหาคนทั้งสอง ในตอนนั้นเองที่ผู้ชายอีกคนพุ่งออกมาจากข้างต้นไม้และฟาดไม้หน้าสามไปเต็มแรง

     

    “ออกโรงโดยไม่มีผมได้ยังไงกัน!” ยูรินกำไม้หน้าสามแน่นก่อนที่จะเริ่มจัดการกับพวกชนเผ่ากิ๊กก๊อกนี่

     

    เมื่อเห็นท่าไม่ดี พิธีกรรมจะต้องล่มแน่ ๆ ชายร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยสักรูปผีเสื้อตรงเข้ามาบีบคอของหล่อนพร้อมกับง้างกระบอกปากแหลมเพื่อเตรียมทำพิธีกรรมต่อ

     

    หากแต่ว่ากับมีอะไรบางอย่างแล่นผ่านสายลมลงมาจากใต้ต้นไม้ก่อนที่สิ่งนั้นจะเฉือนแผ่นหลังของมันจนล้มลง ชายหนุ่มที่เพิ่งกระโดดลงมาจากต้นไม้สะบัดดาบที่เปื้อนเลือดก่อนที่จะตรงเข้ามาประคองแอมเวย์

     

    “ไม่เป็นไรแล้วนะ ....” ลัคกี้พูดก่อนที่จะพาเธอลงมาจากแท่นพิธี

     

    “ธัญญ์ ... ช่วยธัญญ์ด้วย” เขาพยักหน้าก่อนที่จะรีบอ้อมไปทางด้านหลังกองไฟและจัดการแก้เชือกที่มัดร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้

     

    “ฉันรู้ว่าพวกนายต้องมาแน่ๆ” เขาดีใจเหมือนถูกหวย

     

    แต่นี่ไม่ใช่เวลามาแสดงความขอบคุณหรือมาพูดอะไรตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดต้องกลับไปที่เกาะเงาผีเสื้อเล็กก่อน เพราะเขาไม่สามารถจัดการกับพวกชนเผ่าร่างใหญ่นี่ได้ พวกเขาทำได้แค่ให้มันสลบไปเท่านั้น หลังจากที่พวกเขารวบรวมเพื่อนได้ครบแล้ว ยูรินเองก็อาสานำทางเพื่อน  กลับมายังที่พัก

     

    “พวกนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ?” เด็กสาวมารยาทดีพูดขึ้นก่อนที่จะเดินไปมารอบต้นไม้อย่างไม่เป็นสุข

     

    “ให้ตายเถอะขิม เธอพูดประโยคนี้มารอบที่สิบได้แล้วมั้ง!” ลักยิ้มนั่งดูพฤติกรรมของเพื่อนที่เดินไปมาจนเธอเริ่มจะเวียนหัว

     

    สาว ๆ ที่เหลือและรวมไปถึงเบียร์ต่างรอคอยการกลับมาของเพื่อน ๆ พวกเขาได้แต่หวังว่าเพื่อน ๆ จะปลอดภัย ....

     

    อีกไม่นานพวกเขาจะเดินทางมาถึง .... การรอคอยของพวกเขานั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่าได้มีสิ่งแปลกปลอมหลุดลอดเข้ามายังที่พักของพวกเขา ปีกบางนั้นสะบัดไปมาตามทาง จนละอองเกสรสีขาวละเอียดปลิวว่อนไปมาตามแรงลมที่พัดอยู่เป็นวงกลม

     

    หวังว่าขออย่าให้ใครได้สูดดมละอองนี้เข้าไปเลย

     

    “ม่านขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ....” หญิงสาวที่อายุเยอะที่สุดกล่าวขึ้นก่อนที่จะเดินยังห้องน้ำที่อยู่มุมเกาะ สายลมเอื่อย ๆ เริ่มพัดเข้ามาปะทะที่เลือนผมของเธอ

     

    สายลมนั้นได้พัดพาละอองเกสรเข้ามาด้วย ..... ตอนที่เธอกำลังหายใจ!!

     

    หลังจากที่เธอทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องน้ำนั้น พลันสายตาเริ่มพล่ามัวเหมือนกับว่าเธอจะเป็นลม เธอรู้ดีว่านี่คืออาการหน้ามืด เธอจึงหาที่พักเหมาะ ๆ นั่งเพื่อให้อาการดีขึ้น นั่นคือเต๊นท์ของลักยิ้มที่อยู่ใกล้กับจุดที่เธอเริ่มเกิดอาการมากที่สุด

     

    เธอพยายามสะบัดหัวให้อาการนั้นหายไป หากแต่ว่าเธอยังคงไม่ดีขึ้น ในตอนนั้นเองที่เธอเริ่มหายใจติดขัดและมองเห็นภาพตรงหน้าเลือนราง สายตาจ้องมองเข้าไปในเต็นท์ของเพื่อนสาวก่อนที่จะเจอกับวัตถุอันตรายบางอย่าง

     

    มีดพกเอนกประสงค์ที่ลักยิ้มเอาติดตัวมา ....

     

    รอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเริ่มปรากฏขึ้น มือเรียวยาวคว้ามีดพกเอนกประสงค์ มาไว้ในมือก่อนที่จะเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ

     

    นี่แหล่ะคือพิษที่ร้ายที่แท้จริงของฝูงผีเสื้อละอองเรณู!!

     

    TO BE  CONTINUE ......

     nu eng

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×