ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 5 .: อาถรรพ์หมู่บ้านน้ำค้าง :. [จบเกม!]

    ลำดับตอนที่ #91 : Day 3 .:: โรคจิต ::.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 236
      0
      17 พ.ย. 53

    THe REALITy 5


    [WEEK 6 :: DAYS 3]

     


    ดัฟและเก๋เก๋ช่วยกันนำชิ้นส่วนของอวัยวะที่ได้มาหลายสัปดาห์ที่แล้วมาประกอบกับร่างของมนุษย์ที่ไม่มีชีวิตนี้ สองสาวและหนึ่งหนุ่มกำลังมองดูภาพที่น่าสยดสยองตรงหน้า ซึ่งมีแต่ซากวัวและซากแกะที่ถูกเอาเครื่องในออกมากองไว้ที่พื้น เลือดสีแดงเข้มกระจัดกระจายไปทั่วทั้งลานสถานีรอรถไฟ ซึ่งพวกเขากำลังสงสัยอยู่ว่า นี่คือ ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของภารกิจ

     

    หรือว่าเป็นฝีมือของใครบางคนที่แอบเข้ามาในสถานที่การแข่งขันนี้ ....

     

    “เหลือแค่ลูกตาสินะ” ดัฟพูดก่อนที่จะนำลูกตาทั้งสองข้างที่อยู่ในกล่องโฟมแช่น้ำแข็งประกอบเข้ากับร่างของมนุษย์ที่เคยเป้นมีลมหายใจอยู่

     

    ในตอนนั้นเองที่มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างนั้น จู่ ๆ ร่างของมันกลับสั่นอย่างไม่มีสาเหตุ ดัฟและเก๋เก๋ผงะถอยกลังออกมาจนแทบจะพร้อมๆ กันเลยก็ว่าได้

     

    หัวของมันหมุนไปมาราวกับว่ากำลังเล่นกลให้พวกเขาทั้งห้าดู แขนและขาเริ่มหมุ่นไปมาอย่างรุนแรงจนมีบางสิ่งไหลเยิ้มออกมาจากร่างกายของมัน

     

    “อะไรน่ะ!” นกยูงปิดปากเมื่อเห็นว่ามีของเหลวไหลผ่านตามซอกแขนและขาที่ประกอบไม่สนิท

     

    กลิ่นแบบนี้ ... ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นอะไร

     

    ของเหลวสีดำเริ่มไหลออกมา หากแต่ว่ามันไม่ได้ไหลซะจนทะลักเปรอะพื้น  ลูกตาเริ่มขยับไปมาราวกับเจ้าสิ่งนั้นกำลังจะออกมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง

     

    “น้ำมันเครื่อง ..... สงสัยว่าจะเริ่มทำงานแล้วล่ะ” ฌอร์นพยายามสูดดมกลิ่นกำมะถันนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ไหลออกมาคือน้ำมันเครื่อง

     

    พื้นลานที่พวกเขายืนอยู่เริ่มสั่นไหวไปมาเอาซะดื้อ ๆ จนพวกเขาเดินมาเกาะกลุ่มกันไว้ เสียงประหลาดเริ่มดังมาจากปลายทางสุดของป่า พวกเขาแอบสังเกตเห็นควันประหลาดที่ลอยเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อย ๆ

     

    “คราวนี้จะเจออะไรอีกเนี่ย!” ตาลพูดก่อนที่จะจับลูกประคำเอาไว้ให้กระชับมือมากที่สุด ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ อย่างน้อย ๆ เธอก็ยังพอมีสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวทางใจและช่วยให้ปลอดภัยได้อยู่บ้าง

     

    พวกเขาได้แต่ยืนมองหน้ากัน พยายามจ้องมองควันที่พวยพุ่งออกมาจากอะไรสักอย่างที่กำลังตรงมาทางนี้เรื่อย ๆ

     

    หนุ่มสาวสองคนที่ยืนอยู่ใกล้กันได้แต่จับมือกันแน่น พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยสักนิดว่าสิ่งที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้คืออะไร

     

    เหงื่อเริ่มตกทีละคน ๆ จนในที่สุด สิ่งที่ว่าก็มาเฉลยต่อหน้าพวกเขาในที่สุด

     

    ยานพาหนะที่ค่อย ๆ ขับเคลื่อนมาจอดตรงหน้าพวกเขาตามที่พวกเขาได้ใส่กลไกไว้ในตัวของมนึษย์ปีศาจเมื่อครู่

     

    รถไฟไอน้ำที่มีทั้งหมดสี่โบกี้ด้วยกัน ...!!

     

    “รถไฟนี่เอง ...” ตาลและเก่เก๋ถอนหายใจจนแทบจะพร้อม ๆ กันเลยก็ว่าได้

     

    รถไฟไอน้ำรุ่นโบราณมาจอดเทียบชานชลาอย่างช้า ๆ สนิมเริ่มเกาะตามตัวของผนังรถไฟแสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่และอายุการใช้งานที่มีมานานตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านนี้ใหม่ ๆ

     

    “และนี่คือรถไฟไอน้ำแห่งหมู่บ้านน้ำค้างที่มีหน้าที่สำรวจเหมืองที่ยาวไปด้านใน รถไฟมีระยะเวลาในการใช้งานคือวันละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากว่ามันถูกใช้งานมาอย่างยาวนานแล้ว การใช้รถไฟวันละหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะเพียงพอสำหรับการทำภารกิจนี้ .... มันจะพาพวกคุณทั้งหมดเข้าสู่เหมืองเพื่อชมธรรมชาติและอัญมณีล้ำค่าที่นักธรณีวิทยาไม่สามารถนำไปได้ และอีกอย่างรถไฟไอน้ำจะไม่หยุดวิ่งถ้าไม่ครบหนึ่งชั่วโมง”

     

    “เจ๋งแฮะ!” ดัฟอุทานเบา ๆ ก่อนที่จะรีบขึ้นไปสำรวจตัวรถไฟที่จอดอย่างสนิทด้านหน้าของพวกเขา

     

    “งั้นผมขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับพี่ไคกิ...” อยู่ดีดีฌอร์นก็โพร่งขึ้นมาซะดื้อ ๆ จนเพื่อนตกใจไปตาม ๆ กัน

     

    “มีอะไรหรือครับ?”

     

    “ทำไมถึงมีซากของสัตว์พวกนี้มาตายอยู่แถวนี้ล่ะครับ ... ”

     

    “อันนี้ผมขอบอกเลยนะว่าผมไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงมีพวกแกะหรือวัวมานอนตายกันเกลื่อน ผมว่านะ พวกมันน่าจะฆ่ากันเองมากกว่า ....หรือไม่ ... บางที .... ซ่า!!!” เสียงสัญญาณกลับดับไปอย่างดื้อ ๆ มีแต่เสียงซ่าที่ตามมาทางปลายสาย

     

    “เป็นอะไรไปแฮะ!” เก๋เก๋พยายามชะโงกเพื่อมองไปยังเสากระจายเสียง

     

    ส่วนฌอร์นนั้นนั่งอยู่ข้าง ๆ เจ้าวัวตัวนั้นที่นอนตายอย่างน่าเวทนา เขาพยายามมองผ่านไปยังช่วงที่มันโดยล้วงไส้ออกมากองที่พื้น

     

    “มันไม่ได้กัดกันเองจนตายแน่ ๆ ...” เขาพึมพำ

     

    “แล้วมันเกิดจากอะไร ...” ตาลสนใจกับคำพูดของฌอร์น นกยูงเองได้แต่ยืนมองดูร่างนั้นโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้

     

    “ดูจากรอยที่พวกมันถูกควักไส้ออกมาสิ .. นี่มันไม่ใช่รอยเขี้ยวของสัตว์ แต่มันเป้นรอยผ่าของมีดแพทย์ชั้นดีซะด้วย” เขาคิด ....

     

    “พี่ไคกิโกหกงั้นเหรอ ....” เก๋เก๋เลิกคิ้ว

     

    “เขาโกหก หรือเขาไม่รู้กันแน่นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คราวงนี้นกยูงพูดขึ้นบ้าง

     

    “จะไปได้หรือยังอ่า ...!!!” ดัฟเปิดหน้าต่างออกมาถามเพื่อน ๆ พวกเขาที่เหลือต่างมองหน้ากันก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนรถไฟไอน้ำแห่งนั้น

     

    ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาบนรถไฟ จู่ ๆ ประตูรถไฟก็ปิดเอาซะดื้อ ๆ จนพวกเขาสะดุ้งโหยง  ในตอนนั้นเองที่ขบวนรถด่วนค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกไปจากชานชลาอย่างอัตโนมัติ พวกเขาเองได้แต่มองหน้ากันงงว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ .....

     

    “พวกนายว่าภารกิจนี้มันแปลก ๆ หรือเปล่า .....” เก๋เก๋พูดขึ้นขณะที่นั่งลงบนที่นั่งสีเหลืองเก่า ๆ

     

    “ผมว่ามันแปลก ๆ เหมือนกัน .. ทำไมถึงมีซากของวัวและแกะที่มาตายตรงนี้ ไหนจะคำพูดโกหกของไคกิอีก ... นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ”

     

    “ฌอร์นกะเก๋เก๋ นี่พวกนายคิดมากไปเปล่า .. บางทีพวกพี่เขาอยากจะให้พวกเรามาคลายเครียดโดยการนั่งรถไฟชมเหมืองบ้างก็ได้นา ... อย่าไปซีเรียสสิ” ดัฟเองตบบ่าคนทั้งสองเบา ๆ เขาพยายามไม่คิดอะไรมากทั้งที่ในใจก็แอบสงสัยบ้างเล็กน้อย

     

    “จริงอย่างที่ดัฟพูดนะ ... ฉันว่าพวกเราลองดูไปซักพักดีกว่าเนอะ” นกยูงพูดก่อนที่จะเดินสำรวจไปรอบ ๆ โดยตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โบกี้ที่สามของขบวนรถไฟ เธอก้าวเท้าเข้าไปในโบกี้ที่สองเพื่อเช็คสภาพความเรียบร้อยของรถไฟ ทันทีที่เธอเดินก้าวเข้ามา .... นาฬิกาหลังประตูระหว่างโบกี้ที่สองและสามได้ขึ้นตัวเลข

     

    จากเลข 2 กลายเป็นเลข 1!

     

    “ซ่า!!!” มีสัญญาณบางอย่างดังผ่านลำโพงที่อยู่มุมโบกี้ที่สามจนพวกเขาตกใจ

     

    “เสียงอะไรอีกล่ะ ....” ตาลพูดก่อนที่จะเดินเข้ามาในโบกี้ที่สองเพื่อมาสำรวจตามนกยูง นาฬิกาดิจิทัลตอนนี้แสดงเป็นเลข 0 อย่างสมบูรณ์แบบ

     

    “พวกคุณ!!!” เสียงของไคกิดังลั่นจนลำโพงแทบจะเสียงแตก

     

    “มีอะไรครับพี่ไคกิ เรียกซะเสียงดังเลย!” ดัฟมองไปยังลำโพงติดผนังด้วยความสงสัย

     

    “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ....”

     

    “มีอะไรคะพี่!” คราวนี้ตาลตะโกนกลับไป

     

    “ลงมาจากรถไฟ เดี๋ยวนี้!!!

     

    “หมายความว่าไงครับพี่ ไหนบอกว่าจะให้พวกเรา ....” ยังไม่ทันทีที่ดัฟจะได้พูดอะไร เสียงของไคกิก็ดังแทรกเข้ามา

     

    “เมื่อกี้นี้ ... ทางทีมงานแจ้งพี่มาว่า มีคนนอกบุกเข้ามา ตอนนี้พวกเขาอยู่ .... ที่ ....”

     

    “อยู่ที่ไหนคะพี่!” เก๋เก๋รู้สึกใจคอไม่ดี พวกเขาเริ่มหายใจได้ออกมาไม่ทั่วท้อง พลันนึกถึงเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่ผ่านเข้ามา

     

    “อยู่บนรถไฟไอน้ำของหมู่บ้านน้ำค้าง พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา พวกมันเป้นคนบ้าที่หนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้”

     

    ทันทีที่คำพูดของไคกิหลุดออกมา ฌอร์นสามารถเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสามารถประติดประต่อเรื่องราวได้ทั้งหมดแล้ว ....

     

    ร่างของสัตว์น้อยใหญ่ที่ล้มตายและถูกควักอวัยวะออกไปอย่างน่าสงสาร แท้จริงแล้วคือการฆาตกรรมสัตว์โดยที่พวกมันใช้เครื่องมือแพทย์ที่ขโมยมาในการสังหารมันอย่างเลือดเย็น และตอนนี้ คนที่เป็นเหยื่อของพวกมันก็คือ ห้า ชีวิตที่อยู่บนรถด่วนขบวนนี้

     

    ท่ามกลางความสับสนและงุนงงระหว่างพวกเขาทั้งห้าคน จู่ ๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อประตูทางเชื่อมระหว่างโบกี้ที่สองและโบกี้ที่สามเกิดปิดลงอย่างจัง นกยูงและตาลที่ติดอยู่ในโบกี้ที่สองต่างพยายามเปิดประตูออก ฌอร์นและเก๋เก๋เองรีบมาช่วยเปิดอีกแรง หากแต่ว่าประตูกลับไม่ขยับเลย!!

     

    พวกเขาถูกแยกออกเป็นสองฝั่งคนละโบกี้ ฌอร์นพยายามทุบกระจกเพื่อจะเข้าไปช่วยคนรักที่ติดอยู่ในนั้น และแล้วไฟในโบกี้ที่สองก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ อย่างน่าขนลุก ตาลมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดกลัว

     

    ปึกกก!!

     

    รอยต่อระหว่างโบกี้ที่และสามเกิดหลุดแยกออกจากกันอย่างไม่มีสาเหตุ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้โบกี้หนึ่งและสองมุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อเข้าสู่เหมืองใหญ่ด้านใน ส่วนโบกี้อีกสองโบกี้หลังเกิดแยกออกมาอีกรางที่แล่นเข้าสู่ส่วนของการสร้างเหมือง

     

    ตอนนี้รถด่วนขบวนมรณะแยกออกจากกันซะแล้ว!!!

     

    “ฌอร์น!!!” นกยูงตะโกนเรียกฌอร์นเสียงดังลั่น ถึงรู้ว่าเขาไม่สามารถได้ยินเสียงนั้นได้เพราะรถไฟของเขาเคลื่อนที่ไปอีกทาง ตอนนี้พวกเธอเหลืออยู่กันสองคน ต้องเผชิญหน้าต่อว่าบนรถด่วนสายมรณะนี้ ... คนโรคจิตจะออกมาเล่นงานพวกเธอตอนไหน!

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×