ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 5 .: อาถรรพ์หมู่บ้านน้ำค้าง :. [จบเกม!]

    ลำดับตอนที่ #72 : Day 4 .:: อาหารมื้อค่ำ ::.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 292
      1
      4 พ.ย. 53

    THe REALITy 5


    [WEEK 4 :: DAYS 4]


     

    “ตาลหายไป!” ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของฌอร์น ทุกคนได้แต่ยืนนิ่ง แม้แต่เก๋เก๋กับนกยูงที่กำลังเริงร่าอยู่เมื่อครู่ถึงกับหน้าเสีย

     

    พลันความคิดบ้า ๆ ก็หลุดออกมาจากห้วงแห่งความคิด ....ความคิดที่พวกเขาไม่อยากจะนึกถึงมัน

     

    คำที่ไคกิเคยบอกเอาไว้ก่อนเข้ามาในป่าต้องสาปแห่งนี้

     

    ประวัติที่ไคกิเคยเล่าว่าใครก็ตามที่เข้ามาในป่าต้องสาปแห่งนี้ มักจะไม่ได้กลับออกไปจากป่ามรณะ .. เวลายามวิกาลแบบนี้ทำให้ขนแขนของบางคนเริ่มลุกชันขึ้นด้วยความกลัว

     

    “ร .. เราต้องออกตามหาเธอนะ!” เกมส์เสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหลออกมาด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด ตอนนี้สมองของเธอกำลังจะกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว

     

    ฌอร์นและอาร์มพยายามส่องไฟไปตามข้างทางเพื่อตามหาร่องรอยการหายตัวไปของเด็กสาว หนึ่งในกลุ่มของผู้เข้าแข่งขัน นกยูงและเก่เก๋บีบมือกันแน่น ราวกับว่าพวกเขากำลังเข้ามา

     

    ลองของหรือลบหลู่บางอย่างที่มองไม่เห็น!!

     

    พวกเขาพยายามหาร่องรอยของเด็กสาวผู้มองเห็นวิญญาณ แต่หาดท่าไรก็ไม่เจอรอยเท้าของเด็กสาวที่ก้าวไปทางไหนเลย

     

    “มีแค่ตะเกียงที่ตกอยู่ ....” อาร์มพูดพรางก้มลงเก็บตะเกียงที่ตกอยู่ที่พื้น

     

    ความเงียบเริ่มเข้ามาในบรรยากาศที่วังเวงเช่นนี้ ความกดดันเริ่มผสมผสานมากับสายลมที่พัดเอื่อย ๆ ไปมาอย่างน่ากลัวสร้างแรงกดดันให้กับพวกเขาอย่างทวีคูณ

     

    “เอางี้ไหม?” ฌอร์นพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

     

    “พวกเราจะแบ่งออกเป็นสองทีม พวกที่ยังไม่ได้ทำภารกิจก็เดินทางไปต่อ ส่วนพวกที่ทำภารกิจแล้วก็ออกตามหาตาลให้เจอ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งหมด ดีมั้ยครับ? ” เขาพยายามเสนอหนทางที่พอจะเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

     

    “หมายความฉัน เกมส์ และเก๋เก๋ต้องออกไปตามหายัยเด็กเห็นผีนั่นสามคนเองเหรอ!” ดัฟชี้เข้าที่อกของตัวเองอย่างไม่เชื่อหูของเขาว่าพวกเขาจะต้องออกตามหาเพื่อน

     

    “แต่เด็กเห็นผีที่ว่าก็คือเพื่อนพวกเรานะ เก๋เก๋ว่าเอางั้นก็ได้ .... ไม่ใช่ว่าเพราะเก่เก๋จิตใจดีหรอกนะ แต่ถ้าเก๋เก๋เป็นตาล เก๋เก๋คงต้องรอให้เพื่อน ๆ มาช่วยอยู่เหมือนกัน ....” คราวนี้เก๋เก๋ออกปากพูดออกได้อย่างมีสาระและตรงประเด็นที่สุด

     

    “คนอื่นล่ะว่าไง?” ฌอร์นถามคำถามของเพื่อน ๆ ที่เหลืออีกห้าคน พวกเขาตกลงและเห็นตามนี้

     

    การเดินทางถูกแบ่งแยกออกเป็นสองทีมในจำนวนที่ไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด พวกที่ยังไม่ได้ทำภารกิจจะต้องไปกับฌอร์นเพื่อทำภารกิจที่เหลือให้เสร็จสิ้น และในระหว่างนั้น เกมส์ ดัฟและเก๋เก๋ต้องออกตามหาตาล พวกฌอร์นเดินมุ่งหน้าผ่านหลุมไป พวกเขาทั้งสามมองพวกเขาถือตะเกียงไฟจนความมืดกลืนพวกเขาไปจนหมด

     

    “เราจะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ” เกมส์มองเพื่อน ๆ อีกสองพลันหันตะเกียงไปตามทาง มีทางที่ถูกถากเล็ก ๆ อยู่ด้านหลังของดัฟ ตะเกียงทั้งสามถูกส่องไปในทางเดียวกันเผยให้เห็นทางที่ถูกถากออกอย่างที่เกมส์พูด พวกเขาทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าและเดินไปตามทางนั้นอย่างหวั่น ๆ

     

    เด็กสาวเดินมาตามทางเรื่อย ๆ ในตาที่เหม่อลอยเริ่มปิดลงก่อนที่เข่าทั้งสองจะทรุดลงกับพื้นอย่างไม่มีสาเหตุ นัยน์ตาที่เหม่อลอยเริ่มกลับมาได้สติอีกครั้ง เธอเริ่มมองไปรอบ ๆ ตัวที่มืดมิด

     

    มีเพียงความมืดมิดที่ไร้แสงตะเกียง!!

     

    เธอรีบควานหาปืนพลุจากกระเป๋ามาไว้ในมือ ตัวเริ่มสั่นเทา แต่ไม่ใช่เพราะความหนาว หากแต่เป็นความกลัวที่ไร้เวียนอยู่รอบตัวของเธอ

     

    พวกกูอยู่ตรงนี้!!!

     

    เสียงน่าขนลุกดังขึ้นอยู่ด้านหลังของเด็กสาว

     

    ปลุ!!

     

    ปืนพลุถูกยิงออกจากปากกระบอก แสงสีแดงพุ่งไปตามทางก่อนที่จะดับไป หากแต่ว่าก็ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ตรงนั้นเลย น้ำตาของเด็กสาวเริ่มไหลออกมา แหมแต่ตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเธอเองอยู่ส่วนไหนของป่า เธอเอาปืนมาแนบอกของเอาไว้ จ้องมองไปยังความมืดที่เป็นเพื่อนเธอได้ดีในเวลานี้

     

    ช่วยพวกกูด้วย!!!

     

    “แกอยู่ไหน ... แกมาแต่เสียงแบบนี้แล้วฉันจะช่วยพวกแกได้ยังไงกัน!” เธอเอามืออุดหูเอาไว้ พลันสายลมก็พัดให้ต้นใหญ่ไหลเอนไปตามทิศทางของลม ลายสักของมันหากสังเกตดูดีดี

     

    นั่นมันรูปหน้าคนนี่นา!!!

     

    ฝั่งของฌอร์น พวกเขาเดินห่างออกมาจากจุดเดิมได้สักพักจนมาถึงทางแยกที่ถูกป้ายเขียนเอาไว้ว่า

     

    “ภารกิจที่สอง R12 , R2 , ทางซ้าย ภารกิจที่สาม R1 , R15 ทางขวา .... ” อาร์มอ่านป้ายที่ติดอยู่ระหว่างทางแยก

     

    “ฉันต้องไปคนเดียวเหรอ!” หญิงสาวที่เดินอยู่ในกลุ่มเพียงคนเดียวเสียงสั่น ตรงไปอ่านข้อความจากป้ายไม้ทางซ้ายให้แน่ใจอีกครั้ง ทุกข้อความที่อาร์มอ่านนั้นถูกต้องแล้ว

     

    เธอจะต้องก้าวไปที่ทางแยกนั้นเพียงคนเดียว!

     

    “ถ้ามีอะไรจุดปืนพลุบอกนะ พวกเราจะรีบมา” ฌอร์นมองดูสีหน้าของหญิงสาวที่หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

     

    “ อ ... อื้ม” เธอเผลอร้องไห้ออกมาก่อนที่จะวิ่งไปตามทางด้านซ้ายเพื่อทำภารกิจของเธอ โดยที่เธอไม่ได้กล่าวคำล่ำลากับเด็กหนุ่มทั้งสอง ถ้าตาลอยู่ เธอคงไม่ต้องวิ่งไปคนเดียวแบบนี้

     

    ตาล .. เธออยู่ที่ไหนกัน?

     

    เด็กสาวเดินมาตามทางเรื่อย ๆ จนมาเจอทางที่จุดประกายด้วยไฟเหมือนที่เก๋เก๋ได้เจอ ไฟสีฟ้าปนเขียวถูกติดอยู่รอบต้นไม้เต็มหมด ด้านหน้ามาโต๊ะอาหารที่ตั้งขึ้นกลางป่า ฝาครอบอาหารถูกวางอย่างเป็นระเบียบเพื่อกันบรรดาแมลงที่อาจจะมาวุ่นวายกับอาหารมื้อนี้ เก้าอี้ถูกวางเรียงสองโต๊ะ หากแต่ว่าในมื้อนี้ นกยูงต้องเป็นคนทางอาหารเพียงคนเดียว

     

    “มื้อดึกในป่าต้องสาปเหรอ? จะอร่อยไหมเนี่ย” เธอพูดพรางปาดน้ำตาละพยายามพูดเพื่อให้เสียงดังเข้าไหว มือที่ถือปืนพกปละตะเกียงเริ่มสั่น เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปวางตะเกียงและปืนเอาไว้บนโต๊ะ สายตาในตอนนั้นเองเหลือบไปเห็นซองจดหมายสีขาววางอยู่บนจานอาหาร เธอรีบหยิบและแกะออกในทันที

     

    “ยินดีต้อนรับสู่อาหารรอบดึกนะครับ น้องนกยูงและน้องตาล หวังว่าพวกคุณคงทานอาหารมื้อนี้ให้อร่อย เปิดเจออะไรก็ทาน แต่ถ้าเปิดเจอลูกตาทั้งสองข้างก็หยิบมันเก็บมาก็จะจบภารกิจแล้วล่ะครับ”

     

    “แค่กินอาหารเนี่ยนะ... ฉันทำคนเดียวก็ได้” รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาของเด็กสาว

     

    เธอตรงไปยังฝาครอบอาหารพลันเปิดออก เมนูอาหารที่เธอเห็นทำให้เธอผงะไปจนชนกับเก้าอี้ ....

     

    แกงจืดแมลงสาป!!

     

    “หยี!!!!” เธออุทานเสียงแหลมก่อนที่จะนั่งลงบนโต๊ะ เพื่อรับประทานอาหารคาวที่แสนจะน่าสะอิดสะเอียนนั่น

     

    ทางด้านของสองหนุ่มที่แยกมาจากนกยูง พวกเขาแหวกดงหญ้าที่ดูจะรกและสูงระดับเข่าจนมาถึงลานกว้างสำหรับทำภารกิจที่สามของพวกเขาทั้งสองคน

     

    “ทางรายการเขาคิดยังไงนะ ถึงจับคู่ชายกับชายหญิงกับหญิง” ฌอร์นพูดลอย ๆ ในขณะที่เขาเดินเข้าลานกว้าง

     

    “ปล่อยให้ผู้หญิงไปแบบนั้นคงอันตรายน่าดูเลยเนอะ” อาร์มหันมาพูดกับชายหนุ่มในขณะที่เท้ายังคงก้าวเดินไปเรื่อย ๆ

     

    พวกเขาทั้งสองคนเดินทางมาถึงลานกว้าง สถานที่สำหรับทำภารกิจที่สาม กระจกบานใหญ่ที่ถูกทำให้เป็นปลายแหลมราวกระจกฟันปลาถูกเรียงตามทาง ด้านล่างนั้นมีรางที่เชื่อมระหว่างกระจกและรางไฮดรอลิกสำหรับให้มันเคลื่อนที่ กลางลานนั้นมีท่อนขาเรียวสวยสองข้างวางอยู่แน่นิ่ง เศษกระจกฟันปลาถูกวางเป้นวงกลมและถูกซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น แต่ละชั้นจะมีช่องว่างพอที่จะสามารถข้ามไปยังด้านในได้

     

    “กระจกนี้ต้องหมุนได้ ... อันตรายใช่ย่อยเลยนะเนี่ย” ฌอร์นพูดก่อนที่จะเช็คสภาพรางที่ดูน่ากลัวนั้น

     

    ยังไม่ทันที่ฌอร์นจะได้พูดจบ รางกระจกเปื้อนเลือดก็หมุนได้ราวกับเล่นกล หมอกเริ่มปรากฏขึ้นรอบ ๆ บริเวณเพื่อทำให้ทัศนวิสัยของหนุ่ม ๆ เริ่มลดต่ำลง

     

    บานกระจกเริ่มหมุนไปมาอย่างน่ากลัว หากแต่ว่ามันช้าบ้างเร็วบ้างสลับกันไป ฌอร์นพยายามจ้องมองการหมุนของกระจก

     

    “กระจกมันหมุนเป็นจังหวะ!” ฌอร์นมองหน้าของอาร์ม เมื่ออาร์มรู้การทำงานของกระจกเลื่อนแล้ว พวกเขาพยายามมองจังหวะที่จะต้องก้าวเข้าไป เพราะถ้าจับจังหวะผิดแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาบาดเจ็บสาหัสแน่!

     

    ทางด้านของตาล เธอกำลังยืนจ้องต้นไม้ใหญ่ มือเรียวยาวแตะเข้าที่ต้นไม้นั้นเหมือนกับว่ามันกำลังจะพูดกับตาล

     

    ช่วยพวกกูด้วย พวกกูติดอยู่ในนี้ ..... มึงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพวกกูให้เป็นอิสระ

     

    เธอจ้องมองการสนทนาของต้นไม้ปีศาจนี้ ... ต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่ใต้โคนต้นไม้ แต่ด้วยความที่เธอไม่มีตะเกียงไฟติดมือมา ทำให้ยากแก่การมองเห็น

     

    “ฉันไม่มีแสงสว่าง ฉ .. ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก!” ตาลบอก

     

    จู่ ๆ ลมเกิดพัดกรรโชกอย่างแรงจนปอยผมของเด็กสาวบัดไปมาตามแรงลม ในตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกเหมือนกับอะไรบางอย่างกระชากเข้าที่หัวไหล่ของเธอ

     

    มือเหี่ยว ๆ ของใครบางที่กระชากเธอจากโคนต้นไม้แห่งความตายนั้น!

     




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×