ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Unique : ปฏิบัติการลับ นักเรียนพลังยูนิค

    ลำดับตอนที่ #37 : Chapters 2 : ค่ายอาสา (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 83
      9
      28 ธ.ค. 61

    S
    N
    A
    P

    THE UNIQUE
    Episode 8 l Chapters 2 : ค่ายอาสา (2)
    ------------------------------------------------------

     

    ซ่า!!!

    น้ำที่ส่งกลิ่นเหมือนกับน้ำคลองที่ไม่รับการระบายถูกสาดเข้าไปที่ใบหน้าสวยได้รูปของเด็กสาวตระกูลบัวบูชาชาติจนเปลือกตาของเธอถึงกับหรี่ลงเล็กน้อย ม่านตาพยายามปรับให้รับกับแสงไฟของหลอดกลมที่แกว่งอยู่เหนือหัวของหล่อน รอบ ๆ ที่เธอเห็นตอนนี้เหมือนกับโกดังเศษเหล็กเก่า ๆ ที่ไม่มีการใช้งาน สังเกตจากฝุ่นที่เกาะตามเหล็กและคานด้านบน วิสัยทัศน์ต่อมาที่เธอเห็นคือร่างของเด็กสาวอีกคนที่เธอจำได้ว่าใคร สภาพของหล่อนไม่ได้ต่างไปจากเธอสักเท่าไรนัก มือและขาทั้งสองถูกมัดติดกับเก้าอี้ ต่างกันตรงที่เด็กสาวอีกคนถูกปิดตาเอาไว้ด้วยผ้าสีดำสนิท

    เธอและกาเหว่าถูกจับมาด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ยังไม่เข้าใจ

    “ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจนชามาหันไปตามต้นเสียงนั้น

    ชายหนุ่มร่างสูงสามสี่คนกับผู้หญิงที่ตัวเท่าพวกเธออีกสองคนยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กสาวทั้งสอง แต่ละคนมีอาวุธครบมือ เสื้อผ้าของพวกมันเป็นเสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินเหมือนกับที่เธอเห็นที่หมู่บ้านเพลิงสงครามไม่มีผิด ไม่แน่บางทีคนพวกนี้อาจจะเป็นชาวบ้านของเพลิงสงครามก็ได้

    “จับพวกเรามาที่นี่ทำไมกันคะ?” เธอพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะคิดว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ

    “ฉันรู้ว่าพวกเธอเป็นตัวอะไร และฉันก็รู้ว่าพวกเธอทำอะไรได้บ้าง แค่นี้เธอน่าจะเข้าใจได้แล้วนะว่าทำไมฉันถึงจับพวกเธอมาที่นี่” หญิงสาวผมซอยสั้นพูดขึ้น

    “หมายความว่ายังไงพวกสวะ!?” กาเหว่าที่เหมือนจะเริ่มได้สติแล้วเป็นคนถามขึ้นมาบ้าง

    “พวกเราสังเกตพฤติกรรมพวกเธอมาตั้งแต่ที่เข้ามาในหมู่บ้านเพลิงสงครามแล้ว และพวกเราก็คิดว่าปีนี้ควรจะกำจัดตัวประหลาดแบบพวกเธอเสียที” ชายร่างกำยำอีกคนหนึ่งพูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะ

    เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย คนพวกนี้มาจากหมู่บ้านเพลิงสงคราม ชามาคิดก่อนจะลอบมองใบหน้าของพวกมันทีละคน ๆ แต่ดูยังไงก็ไม่เคยเห็นเลยว่าพวกนี้ปรากฏตัวในหมู่บ้าน หรือเพราะว่าพวกเธอมัวแต่ง่วนอยู่กับการทำค่ายอาสาจนไม่ได้สนใจพวกนี้เลย

    “พวกตัวประหลาดแบบพวกเธอน่ะก็คงจะเหมือนกันหมด ถ้าไม่มีพวกเธอ ป่านนี้หมู่บ้านของเราคงจะมีความสุขกว่านี้ ป่านนี้ตะวันก็คง....” หญิงสาวอีกคนที่ไว้ผมยาวปะบ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจนชายร่างใหญ่คนนั้นถึงกับบีบมือของเธอเอาไว้

    “พวกชุมชนใต้ดินจะต้องเสียใจที่มาทำร้ายคนของเพลิงสงคราม .... แต่พวกเรายังไม่จัดการเธอตอนนี้หรอก ให้ตายเร็วไปคงจะไม่สนุก เพราะพวกเธอยังไม่ได้ลิ้มรสถึงความเจ็บปวดที่ครอบครัวชุติโชติ ต้องเจอเลยด้วยซ้ำ ...”

    ชามาพยายามประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินมาเมื่อครู่แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่ลงล็อคได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องของชุมชนใต้ดิน ครอบครัวชุติโชติ ความแค้นคนมีความพิเศษ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

    “ชุมชนใต้ดิน? พวกแกพูดเรื่องอะไรไม่ทราบ!!!

    เพี๊ยะ!

    มือเล็กของผู้หญิงผมปะบ่าตบฉาดเข้าที่แก้มของกาเหว่าจนหน้าหัน ของเหลวสีแดงเข้มไหลออกมาจากมุมปากจนชามาถึงกับตกใจในเหตุการณ์เมื่อครู่

    “อย่าเพลิงเล่นงานมันตอนนี้เลยมยุรา เก็บไว้ให้พวกมันค่อย ๆ ทรมานดีกว่า เชื่ออารีย์สิ” ผู้หญิงผมสั้นที่แทนตัวเองว่าอารีย์พยายามเรียกสติของมยุรากลับคืนมา

    “พี่เหม ไปเอาของที่เตรียมไว้มาหน่อยสิ” อารีย์ออกคำสั่งกับเหม ชายร่างกำยำที่เดินออกไปจากโกดังพร้อมกับผู้ชายอีกสามคนเพื่อไปหยิบของที่อารีย์ต้องการ

    “กาเหว่า...โอเคหรือเปล่า?” ชามากระซิบถามในระหว่างที่พวกนั้นกำลังคุยกัน

    “อยากรู้ว่าโอเคไหมก็ลองโดนตบดูเองไหมล่ะ!” อีกฝ่ายกระแทกเสียงก่อนจะซี๊ดปากเพราะเจ็บแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่

    ไม่นานนักเหมและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาในโกดังพร้อมกับน้ำคนละสองถัง มยุราแอบหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “รู้ไหมว่าเนินเขาหลังหมู่บ้านเพลิงสงครามน่ะ ตอนกลางคืนแบบนี้อากาศจะหนาวมากเหมือนอยู่บนดอยเลยนะ ถ้าไม่เชื่อน่ะ ลองดูสิ!” สิ้นเสียงของมยุรา ถังน้ำเย็น ๆ ถูกสาดเข้าที่ร่างของทั้งสองสาว ความเย็นแล่นเข้าไปยังขั้วหัวใจจนความหนาวเริ่มเข้ามาเยือน อากาศรอบ ๆ นั้นเย็นอย่างที่มยุราพูดจริง ๆ ไม่นานนักพวกเธอทั้งสองก็ตัวสั่นหงึกๆราวกับผีเข้า

    “เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงจะเอาน้ำเข้ามาเติมใหม่ ถ้าพวกเธออยู่ถึงตอนนั้นน่ะนะ” อารีย์ยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะชอบใจที่ได้ทรมานตัวประหลาดแบบพวกชามา ทั้งสองสาวนั่งตัวสั่นอยู่ภายในโกดังที่เปิดโล่งเพื่อให้ลมพัดผ่านเข้ามาในทุกทิศทาง

    การทรมานได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ....

     

    เด็กสาวพยายามใช้แรงดึงดูดพาตัวเองกลับมายังงานโดยอาศัยความมืดจากเงาของต้นไม้ใหญ่ที่ทอดยาวในป่า ความคิดในหัวแล่นเข้ามาตลอดระยะเวลาที่เธอหนีการจับกุมของพวกโจรด้วยการช่วยเหลือของชามาทำให้ตอนนี้เพื่อนสนิทของตัวเออยู่ในอันตรายและกาเหว่าที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรก็โดนจับไปด้วย เธอพยายามใช้ความสามารถของตัวเองจนกระทั่งมาโผล่ที่งานอาหารได้สำเร็จ ตรงนั้นเธอเห็นกวิน มังกร และรุ่นพี่ปีสองบางคนยืนอยู่ตรงจุดที่จันทร์แรมโดนขโมยกระเป๋าสตางค์ไป

    “ทุกคน! ดาวเรืองดึงตัวเองลงมาจากต้นไม้และวิ่งกระหืดหระหอบมายังจุดเกิดเหตุ เพราะการที่ใช้ความสามารถมาตลอดทางทำให้เธอเริ่มเหนื่อยล้าเต็มแก่

    “ดาวเรือง เป็นยังไงบ้าง แล้วชามาล่ะ!” เบียร์ถามหารุ่นน้องที่จันทร์แรมบอกว่าเข้าไปพร้อมกับดาวเรือง

    “ชามากับกาเหว่า โดนใครก็ไม่รู้จับตัวไปที่ไหนสักแห่ง มันใส่โม่งสีดำกันทุกคนเลยพี่เบียร์!” ดาวเรืองพยายามอธิบายเรื่องราวสั้น ๆ

    “ถ้าแบบนั้นเราต้องรีบไปหาอาจารย์มิริน เขาจะได้ช่วยเราอีกแรง” แอนที่อยู่ในกลุ่มนั้นพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ร้อนรน เกิดเรื่องแบบนี้เพราะเธอมาทำค่ายอาสานอกโรงเรียน และไม่ใช่ทุกคนที่ชื่นชอบความสามารถที่พวกเขามี

    “ผมว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีนะพี่แอน ถ้าเกิดเราไปหาอาจารย์มิรินตอนนี้กันหมด มีหวังเราอาจจะช่วยสองคนนั้นไม่ทันนะครับ” กวินเสนอความเห็นของตัวเองขึ้นมาบ้าง

    “นายจะบอกว่าเราควรแยกกันงั้นสิ?” ริษาถาคำถามขึ้นมา

    “ใช่ครับ เราควรจะแบ่งกันเป็นสองทีม ทีมแรกไปช่วยพวกชามา และอีกทีมก็ไปที่หมู่บ้าน ไปบอกอาจารย์มิรินกับผู้ใหญ่บ้านว่ามีการลักพาตัวเกิดขึ้น บางทีเขาอาจจะช่วยเราตามหาอีกแรง” กวินอธิบายรายละเอียดในสิ่งที่เขาคิดและพยายามเสนอเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

    “ฉัน นาย ดาวเรือง แล้วก็มังกรจะไปหาสองคนนั้น ส่วนพวกที่เหลือก็พยายามรวบรวมคิงส์คลาสทั้งหมดกลับไปที่หมู่บ้านก่อน ถ้าสองคนนั้นเป็นอะไร รุ่นพี่คิงส์คลาสอย่างฉันก็ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น!” ริษายื่นคำขาดด้วยเสียงที่ดูเกรี้ยวกราด

    “เอารถของฉันไปดีกว่าค่ะ ถ้าไปเส้นที่ดาวเรืองเพิ่งออกมาเมื่อกี้ต้องใช้รถเพราะเส้นทางมืดและค่อนข้างอันตราย แล้วเดี๋ยวฉันจะกลับไปกับรถอีกคันพร้อมพวกน้อง ๆ คนอื่นนะ” เธอพูดพร้อมกับส่งกุญแจรถกระบะสีดำให้กับริษา เธอขับรถได้เลยอาสาที่จะเป็นคนขับรถบุกในครั้งนี้เอง

    เมื่อทุกอย่างตกลงตามนั้น ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปตามหน้าที่ของตัวเอง พวกของเบียร์กับแอนก็วิ่งกลับมาที่รถก่อนจะเจอมิวส์ที่ยืนกินน้ำแข็งใสอยู่ที่ร้านพร้อมกับดารันย์ที่ยืนดูเด็ก ๆ เล่นทรายกันตรงทางเดิน

    “พวกพี่ครับ กินน้ำแข็งใสด้วยกันไหมครับ คุณใบไม้บอกว่าน้ำแข็งใสร้านนี้เป็นสูตรโบราณที่อร่อยมาก และก็นะ ....”

    “เอาไว้ก่อนนะมิวส์ ตอนนี้เราต้องกลับไปที่หมู่บ้านก่อนตอนนี้” แอนพยายามหาจังหวะในการแทรกเรื่องอาหารของมิวส์

    “โอ๊ะโอ...ดูเหมือนเสียงหัวใจของพวกพี่กำลังจะบอกว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นสินะครับ” ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันไปมากกว่านี้ แอนก็รีบคว้าแขนของเด็กชายเจ้าคำถามวิ่งไปตามทางเดินจนน้ำแข็งใสหกเลอะมือ

    “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” ดารันย์ถามขึ้นมาบ้าง

    “เอาไว้พวกพี่จะเล่าให้ฟังตอนเดินทางกลับหมู่บ้านนะ” ดารันย์ได้แต่พยักหน้าก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพวกเขาไป

     

    ไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน ในห้องประชุมที่ผู้ใหญ่บ้านสั่นระฆังเพื่อเรียกรวมตัวหลังจากที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในค่ำคืนนี้ ชาวบ้านเกือบทุกคนมารวมตัวกันตามคำสั่งของเขา และนั่นก็รวมไปถึงเด็กคิงส์คลาสที่อยู่ในหมู่บ้านด้วย

    “เกิดเรื่องไมคาดฝันขึ้น เด็กผู้หญิงสองคนที่มาทำค่ายอาสาโดนลักพาตัวไป ผมจะขอให้พวกผู้ชายในหมู่บ้านส่งกำลังไปสำรวจภายในหมู่บ้านทั้งหมด อีกไม่นานตำรวจจะมาถึงที่นี่และตามจับคนร้ายให้ได้” ผู้ใหญ่บ้านยังคงสาธยายและพยายามส่งคนไปตามหาอีกแรง

     “มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงคะคุณเดช?” อาจารย์มิรินพยายามกดเสียงเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุออกมา ทำไมการที่เธอส่งคิงส์คลาสมาทำความดีจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย สิ่งที่เธอเป็นห่วงตอนนี้คือความปลอดภัยของชามาและกาเหว่า เธอเดาไม่ออกเลยว่าเด็กผู้หญิงสองคนนั้นจะต้องเจอกับอะไร เธอไม่ใช่คนคิดแง่บวกเท่าไรนัก เพราะฉะนั้นสิ่งร้ายแรงที่เธอคิดได้ตอนนี้

    คือการจับไปข่มขืนและฆ่า....

    “ผมต้องขอโทษอาจารย์มิรินเรื่องนี้ด้วยที่ทางหมู่บ้านของเราไม่มีมาตราการดูแลความปลอดภัยที่ทั้วถึงเหมือนในเมือง ยังไงซะผมจะต้องเอาตัวคนผิดมารับโทษให้ได้” ท่ามกลางวงสนทนาที่ดูจะครุกรุ่นของพวกผู้ใหญ่  มิวส์ที่อยู่ในกลุ่มนั้นจ้องมองชาวบ้านที่เริ่มซุบซิบกัน เสียงหัวใจของพวกเขาทุกคนส่งเสียงอยู่ในหัวของเขา

    เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น?

    พี่....หนูกลัวจังเลยค่ะ

    ยังไงก็ขอให้แม่หนูสองคนนั้นปลอดภัย อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย

    หวังว่าพวกอารีย์จะจัดการพวกตัวประหลาดได้นะ ยังไงซะพวกใต้ดินต้องรับบทเรียน!

    เสียงหัวใจของใครบางคนแสดงความดำมืดออกมาจนมิวส์เผลอมองไปยังเจ้าของเสียงหัวใจที่แสนน่ากลัวนั้น

    “เดี๋ยวก่อนครับทุกคน ... ผมว่าผมน่าจะพอเดาได้ว่าใครน่าจะรู้เรื่องบางอย่างนะครับ” มิวส์เผลอพูดเสียงดังจนชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นเงียบเสียงลง ยังไงซะเขาก็ต้องช่วยชามา เพราะตัวเธอเองก็เคยช่วยเหลือเขาในการทดสอบคิงส์คลาสมาก่อนหน้านี้แล้ว

    “เพราะเสียงหัวใจของคนเราไม่เคยโกหกความรู้สึกและความนึกคิดของตัวเอง”มิวส์เดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นก่อนจะยืนประจันหน้ากัน

    “พี่จันทร์แรมครับ พี่บอกพวกผมมาเถอะว่าชามาอยู่ที่ไหน ....”

     

    รถกระบะสีดำขนาดไม่ใหญ่มากพุ่งทะยานไปตามถนนที่มืดมิดตามเส้นทางที่จันทร์แรมบอกเอาไว้ว่าเส้นหลังงานอาหารนี้จะเป็นถนนรุงรังที่ไม่ค่อยมีผู้คนใช้มากนัก คนที่มีความระมัดระวังอย่างริษาลอบมองกระจกหลังและกระจกด้านข้างตลอดเวลา เธอต้องเตรียมตัวตลอดเวลาเพราะไม่รู้ว่าในความมืดมิดนั้นจะมีอะไรที่รอเล่นงานพวกเธออยู่หรือเปล่า มังกรที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็ช่วยเธอสอดส่องผ่านความมืดอีกแรง ในตอนนี้เป็นเวลาประมาณเกือบสี่ทุ่มแล้ว ลมหนาวที่อยู่ตามชานเมืองพัดโชยมาจนต้นไม้ส่งเสียงเสียดสีไปตามแรงลม อย่างกับหนังสยองขวัญที่เขาเคยดูยังไงยังงั้น

    “พวกชามาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ความเงียบถูกทำลายด้วยคำถามจากปากของดาวเรือง เธอดูจะเป็นคนเดียวที่จะนั่งไม่ติดเบาะ จินตนาการของเธอฟุ้งซ่านไปเรื่อยว่าตอนนี้เพื่อนสนิทของเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง

    “พวกนั้นจะต้องปลอดภัย สองคนนั้นต้องเอาตัวรอดได้แน่ ๆ” กวินบีบไหล่ของดาวเรืองเพื่อให้เธอคลายความกังวลลง

    “นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอว่าสองคนนั้นจะรับมือกับเรื่องแบบนั้นได้น่ะ?” ริษาลอบมองกวินผ่านกระจกหลัง

    ไม่เลย เขาไม่ได้คิดแบบที่พูดออกไปหรอก สิ่งที่เขาพอจะทำได้คือช่วยให้เพื่อนได้คลายความกังวลลงไปให้ได้มากที่สุดทั้งที่ในหัวของเขาเองไม่ได้คิดตามที่พูดเลยสักนิด เขากลัวไปหมดว่าเด็กผู้หญิงสองคนนั้นจะต้องเจออะไรที่น่ากลัว ยิ่งการที่ต้องอยู่ในชุมชนที่ไม่รู้จัก สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนในโรงเรียนหรือบ้านที่เคยอยู่มา เธอจะรับมือกับคนพวกนั้นอย่างไร

    “พี่ริษา นั่นอะไรน่ะครับ?” เหมือนมังกรมองเห็นอะไรบางอย่างจากด้านหลัง

    เหมือนกับแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์สองสามคันกำลังขับตามหลังของพวกเขามา เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานราวกับว่าเห็นของเล่นชิ้นใหม่ดังอยู่ในเส้นทางที่มืดมิดนั้น ดาวเรืองพยายามมองลอดกระจกออกไปจนมองเห็นบางอย่างเข้า

    “พี่ริษา พวกนั้นมีมีด!” บางอย่างที่สะท้อนผ่านแสงของดวงจันทร์ทำให้เธอแน่ใจว่าสิ่งนั้นคือมีดเล่มยาว และแน่นอว่าพวกมันทุกคนที่ขับมอเตอร์ไซค์ไล่หลังมามีกันหมดทุกคน

    พวกของริษากำลังโดนดักทำร้าย!

     

    -----------------------------------------------------------------
    Episode 8 l Chapters 2 : ค่ายอาสา (2)


    Monday 7th January 2019
    Next Episode 9 l Chapters 1 : ครอบครัวชุติโชติ

    -----------------------------------------------------------------

    ** การอัพเดรตจะเริ่มอีกครั้งในวันที่ 7 เนื่องจากเป็นเทศกาลปีใหม่ และพี่มีธุระทั้งของวันที่ 31 กับ 4 เลย เลยขออัพอีกครั้งในวันที่ 7 มกราคม 2562 นะครับ ขอบคุณที่ติดตามกันอยู่นะ อย่าเพิ่งหายไปไหนล่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×